เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 549 หมาป่าสีคราม (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 549 หมาป่าสีคราม (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนบินไปอีกสามวันแต่ยังไม่สามารถเข้าใกล้วังหลวงของแดนศักดิ์สิทธิ์
เขาคิด ‘ดูเหมือนข้าจะถูกส่งมาค่อนข้างไกล มิฉะนั้นด้วยความเร็วของข้า ข้าควรถึงวังหลวงภายในสามวัน’
ระหว่างทาง ฟางหยวนพบผู้ใช้วิญญาณและมนุษย์มากมาย
หลังจากเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ คนเผ่าไห่พยายามไปรวมตัวกันที่วังหลวง แต่บางกลุ่มก็เริ่มหาสถานที่ตั้งค่ายพักแรมของตน
แดนศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยวิญญาณและสัตว์อสูร
เมื่อกองทัพเผ่าไห่เข้ามาและแย่งอาณาเขตของพวกมัน การต่อสู้จึงปะทุขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรสภาพแวดล้อมในแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ดีกว่าโลกภายนอกอยู่มากนัก
ฟางหยวนเห็นฉากการต่อสู้รวมถึงซากศพมนุษย์และสัตว์อสูรตลอดทาง
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีรากฐานที่ยิ่งใหญ่กว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบ อากาศไม่เคยเปลี่ยนแปลงในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู แต่ที่นี่กลับมีการเปลี่ยนแปลง
มันมีทั้งเวลาเช้าและกลางคืน แม้คนทั่วไปอาจไม่รู้สึกถึงความพิเศษ แต่ฟางหยวนเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของเรื่องนี้เป็นอย่างดี
มันหาได้ยากนักที่สภาพอากาศในแดนศักดิ์สิทธิ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีกระทั่งเวลากลางวันกลางคืน นี่บ่งบอกว่ากฎแห่งกาลเวลาของที่นี่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
แดนศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปไม่มีรากฐานที่ลึกซึ้งระดับนี้ กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์หยางหยาก็ยังไม่มี
เวลาผ่านไปจนถึงยามค่ำคืน
ฟางหยวนมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นมืดมิดด้วยความสนใจ
เวลากลางวันในแดนศักดิ์สิทธิ์จะสว่างไสวไปด้วยลำแสงสีทองขณะที่กลางคืนแสงดาวจะส่องสว่างอยู่เต็มท้องฟ้า
การบินอยู่กลางอากาศทำให้ฟางหยวนเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างชัดเจน
ฟางหยวนมองลงไปด้านล่างและพบเนินเขาเล็กๆที่อยู่ไม่ไกล ด้วยประสบการณ์ เขารู้ว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะสมต่อการตั้งค่ายพักแรม
หลังจากยืนยันความปลอดภัย เขาร่อนลงจอดบนเนินเขา
ปีกอินทรีย์สีดำอันตรธานหายไปก่อนที่ฟางหยวนจะกระตุ้นใช้งานวิญญาณบ้านกิ้งก่ายักษ์
ลำแสงลึกลับพุ่งออกมาจากทะเลวิญญาณของฟางหยวนและเปลี่ยนเป็นบ้านกิ้งก่าขนาดใหญ่
กิ้งก่ายักษ์เปิดปากและเผยให้เห็นประตูทางเข้า
ลิ้นของมันเหมือนบันไดสีแดง เมื่อฟางหยวนเหยียบลงไป ประตูบ้านจึงเปิดออกด้วยตัวของมันเอง
แม้ฟางหยวนจะแข็งแกร่งแต่เขาก็ยังเป็นมนุษย์ที่ต้องพักผ่อนเพื่อกู้คืนสภาพร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้า
“ซี่ ซี่ ซี่ ซี่...”
หลังจากเข้าไปในบ้านกิ้งก่ายักษ์ ฟางหยวนกลับได้ยินเสียงดังมากจากด้านนอก
เขาพึมพำ “ดังคาด มันเป็นฝูงค้างคาวหิมะ”
ฟางหยวนรู้ว่าในเวลากลางคืนค้างคาวหิมะจะบินออกมาหาอาหาร
ค้างคาวหิมะมีร่างกายสีขาวที่ทำให้พวกมันดูน่ารักมากกว่าน่าเกลียด
มันเป็นฝูงค้างคาวขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกนับแสน ท่ามกลางพวกมันมีราชันสัตว์อสูรและกระทั่งจักรพรรดิสัตว์อสูร
แม้ฟางหยวนจะมีทะเลวิญญาณที่สองและมีท่าไม้ตายเจ้าวายุสี่กร แต่เขาก็ยังไม่สามารถรับมือพวกมัน
อย่างไรก็ตามค้างคาวหิมะจะกินสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยหรือวิญญาณที่บินอยู่กลางอากาศเท่านั้น ด้วยเหตุนี้บ้ากิ้งก่าจึงไม่ตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน แต่ด้วยความระวังตัวของฟางหยวน เขาจึงสั่งให้กิ้งก่ายักษ์หลบไปอยู่ด้านหลังเนินเขาและขดตัวเหมือนหินก้อนหนึ่ง
ฟางหยวนนอนอยู่บนเตียงแต่ไม่สามารถข่มตาหลับ
ทันใดนั้นเสียงค้างคาวกลายเป็นสับสนวุ่นวายขณะที่เสียงหมาป่าจำนวนมากดังขึ้น
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่หน้าต่าง
สิ่งที่เขาเห็นคือสัตว์อสูรสองฝูงกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ฝูงสีขาวคือค้างคาวหิมะ ขณะที่ฝูงสีฟ้าเขียวคือหมาป่าสีครามจำนวนหนึ่ง แม้ฝูงหมาป่าจะมีน้อยกว่า แต่พวกมันยังสามารถต่อสู้กับฝูงค้างคาว
ฟางหยวนตกใจเล็กน้อย
หมาป่าสีครามดูเหมือนจะมีสายเลือดของสัตว์อสูรเดียวดาย ดังนั้นพวกมันจึงสามารถวิ่งอยู่กลางอากาศ
หมาป่าสีครามเป็นสัตว์อสูรชั้นสูง กระทั่งหมาป่าสีครามระดับต่ำยังมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชันร้อยอสูร
ค้างคาวหิมะร่วงลงบนพื้นขณะที่หมาป่าสีครามตามลงมากัดกินซากศพของพวกมัน
เมื่อบรรลุจึงจุดนี้ค้างคาวหิมะที่เหลือรอดจึงบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น “หลังจากเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ ฝูงหมาป่าของข้าก็กระจัดกระจายกันออกไป ข้าไม่สามารถรวบรวมพวกมันได้ในระยะเวลาสั้นๆ หมาป่าสีครามเหล่านี้มาในจังหวะเวลาที่ดีจริงๆ พวกมันสามารถปกป้องข้ากลางอากาศ ในอนาคตข้าจะสามารถรับมือฝูงค้างคาวหิมะ”
ในเวลาเดียวกันฝูงหมาป่าสีครามก็ได้ค้นพบบ้านกิ้งก่ายักษ์ของฟางหยวนและเข้ามาล้อมกรอบเอาไว้ทั้งหมด
ฟางหยวนออกมาจากบ้านกิ้งก่ายักษ์ก่อนจะเก็บมันเข้าไปในทะเลวิญญาณและพุ่งเข้าโจมตีฝูงหมาป่า
ฝูงหมาป่าสีครามตกใจกับการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของฟางหยวน
พวกมันพึ่งกินอาหารมื้อใหญ่ดังนั้นการเคลื่อนไหวของพวกมันจึงกลายเป็นล่าช้าลง นี่เป็นโอกาสที่ดีที่ฟางหยวนจะจัดการราชันหมื่นอสูร
ด้วยความเชี่ยวชาญในการบิน ฝูงหมาป่าสีครามจึงไม่สามารถไล่ตามฟางหยวน
ราชันหมื่นอสูรที่กำลังไล่ล่าฟางหยวนแตกต่างจากราชันหมื่นอสูรอีกสองตัวเพราะมันได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ก่อนหน้าและสูญเสียวิญญาณไปหลายดวง ขณะเดียวกันฟางหยวนก็รู้ว่ามันมีวิญญาณชนิดใดบ้างในการครอบครอง
เผชิญหน้ากับราชันหมื่นอสูร ฟางหยวนไม่ลังเลที่จะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายเจ้าวายุสี่กร
ราชันหมื่นอสูรที่โชคร้ายถูกฟางหยวนเหวี่ยงลงสู่พื้นขณะที่เขาเร่งกระตุ้นใช้วิญญาณทาสหมาป่าระดับห้า
เมื่อมันตกเป็นทาสของฟางหยวน ฝูงหมาป่าหนึ่งในสามส่วนจึงเปลี่ยนฝ่ายอย่างกะทันหัน
ฟางหยวนหัวเราะเสียงดังเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป
ภายใต้การควบคุมของเขา ฝูงหมาป่าพุ่งเข้าล้อมกรอบราชันหมื่นอสูรตัวที่สองเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ฝูงหมาป่าโจมตีอย่างดุเดือดขณะที่อีกกลุ่มจัดแนวป้องกันอยู่รอบตัวฟางหยวน
หลังจากสิบห้านาที ฟางหยวนจึงได้รับราชันหมื่นอสูรตัวที่สอง
ชัยชนะกลายเป็นเรื่องที่แน่นอน
เมื่อราชันหมื่นอสูรตัวสุดท้ายเห็นเหตุการณ์นี้มันจึงตัดสินใจหลบหนีทันที
ฟางหยวนหยุดและสำรวจอาการบาดเจ็บของตน หลังจากเก็บกวาดสนามรบ เขาจึงกลับเข้าไปในบ้านกิ้งก่ายักษ์และย้ายตำแหน่งที่พัก
บริเวณนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด มันจะดึงดูดสัตว์ร้ายเข้ามาอย่างไม่รู้จบสิ้น
ห่างออกไปสิบกิโลเมตร ฟางหยวนพักแรมอยู่เป็นเวลาสี่ชั่วโมงก่อนจะออกเดินทางอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเวลานี้แตกต่างจากก่อนหน้าเพราะมีราชันหมื่นอสูรหมาป่าสีครามสองตัวบินอยู่ข้างกายเขา นอกจากนั้นยังมีราชันพันอสูรสามสิบแปดตัวและราชันร้อยอสูรอีกสองร้อยห้าสิบหกตัว พวกมันเป็นกองทัพขนาดใหญ่
ในพริบตาฟางหยวนก็เดินทางมาถึงหกวัน
ระหว่างนี้เขาได้รับมรดกอีกสามครั้ง อย่างไรก็ตามพวกมันล้วนเป็นมรดกเล็กๆและไม่มีสิ่งใดพิเศษในสายตาของฟางหยวน
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือฝูงหมาป่าที่ขยายตัวขึ้น
ฟางหยวนได้รับราชันหมื่นอสูรหมาป่าสีครามอีกหนึ่งตัวรวมเป็นสามตัว
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถือเป็นดินแดนแห่งโชคลาภที่แท้จริง มันเต็มไปด้วยสมบัติและสัตว์อสูรที่หาได้ยาก
นอกจากหมาป่าสีคราม ฟางหยวนยังมีฝูงหมาป่าราตรี หมาป่าวายุ หมาป่าหลังโหนก และหมาป่าเพลิงโลหิต
หมาป่าเหล่านี้เป็นหมาป่าของเขาที่กระจัดกระจายกันออกไป แต่นี่ยังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทั้งหมดเท่านั้น