ตอนที่ 274 ทำให้เจ้าประหลาดใจ
เหยาซื่อรู้สึกว่าเฟิงหยูเฮงกำลังระลึกถึงช่วงเวลาที่พวกเขาใช้ชีวิตที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ในเวลานั้นพวกเขาจะมีเวลากังวลเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองปีใหม่ได้อย่างไร เพราะพวกเขาไม่เคยมีอาหารดี ๆ กิน เมื่อถึงปีใหม่การได้ทานซาลาเปาก็เป็นเรื่องที่มีความสุขมาก ในเวลานั้นนางรู้สึกว่านางเป็นหนี้บุตรของนาง แต่ไม่มีอะไรที่นางจะทำได้ ตอนนี้พวกเขากลับมาชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว สำหรับการเฉลิมฉลองปีใหม่ครั้งแรกของนาง นางเข้าใจความรู้สึกของเฟิงหยูเฮงที่เป็นแบบนี้
ดังนั้นนางจึงเดินไปหาเฟิงหยูเฮง และกอดบุตรสาวของนางแล้วร้องไห้
เฟิงหยูเฮงรู้ว่ามารดาของนางเข้าใจผิด แต่นางไม่ต้องการอธิบาย ทุกคนไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของนางได้ สองยุคและสถานที่ซึ่งแตกต่างกัน นางไม่มีความสามารถที่จะกลับไปสู่ยุคของนางได้ ความรู้สึกที่ต้องจากบ้านเกิดของนางเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้
ชั่วครู่หนึ่งบรรยากาศในห้องก็เศร้าโศก
โชคดีที่มีบ่าวรับใช้เด็กวิ่งเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าทุกคนในห้องซับน้ำตา นางมองด้วยความตกใจ “ฮูหยิน คุณหนูร้องไห้ทำไมเจ้าคะ ?”
แม้ว่าเฟิงหยูเฮงจะค่อนข้างใจดีต่อบ่าวรับใช้ในคฤหาสน์เฟิง แต่พวกเขาก็ยังคงกลัวนางแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่สำหรับบ่าวรับใช้ของเรือนตงเซิง มันง่ายมากที่จะเข้าใกล้นาง ตราบใดที่บ่าวรับใช้ไม่ได้ทำผิดพลาดเรื่องใหญ่ ๆ นางก็จะไม่ลงโทษพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ระวังในขณะที่ทำงานและทำสิ่งที่มีค่าแตก นางก็จะไม่ลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรงเกินไป นอกจากนี้ยังมีค่าจ้างที่สูงกว่า ทุกคนชอบคุณหนูรองของตระกูลเฟิง
บ่าวรับใช้คนนี้ไปและดึงแขนเสื้อของเฟิงหยูเฮง จากนั้นก็เขย่าพูดว่า “คุณหนูอย่าพึ่งทำเกี๊ยวเลยขอรับ ออกไปที่ลานก่อนเจ้าค่ะ เร็ว ๆ เจ้าค่ะคุณหนู !” เขาก็ดึงเฟิงหยูเฮงออกมา
เมื่อเฟิงหยูเฮงออกจากห้องแล้วทุกคนก็ตามนางไป ไม่มีใครคิดว่าเมื่อพวกเขาก้าวออกจากห้อง พวกเขาจะได้ยินเสียง "บูม" ดอกไม้ไฟสูงตระหง่านบนท้องฟ้า การระเบิดครั้งใหญ่และเต็มไปด้วยสีสันเต็มท้องฟ้า ทำให้แสงสว่างปกคลุมคฤหาสน์องค์หญิงแห่งมณฑลทันที
ตามมาสิ่งนี้อีกอันหนึ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า บูม บูม บูม ทุกคนเหม่อมองดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าที่สวยงาม และทุกคนลืมไปว่าอยู่ที่ไหน
เฟิงหยูเฮงก็ตกใจเช่นกัน ดอกไม้ไฟที่สวยงามทำให้นางรู้สึกว่าต้องย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 21 และนางก็อดไม่ได้ที่จะถามบ่าวรับใช้ด้านข้างของนาง “ใครเป็นคนที่จุดดอกไม้ไฟ ?”
บ่าวรับใช้หัวเราะคิกคัก แต่ไม่ได้ตอบเพียงดึงแขนเสื้อของนาง และวิ่งไปข้างหน้า
ทุกคนเดินตามไป เมื่อไม่นานมานี้พวกเขาสังเกตเห็นว่ามีการวางดอกไม้ไฟในสนามหน้าบ้านซึ่งอยู่ใต้พุ่มดอกไม้ มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นมุ่งหน้าไปทางพวกเขา บุคคลนั้นสวมเสื้อคลุมสีม่วงและใบหน้าของเขาถูกคลุมด้วยหน้ากากทองคำ ภายใต้แสงไฟจากดอกไม้ไฟ ดอกบัวสีม่วงสามารถมองเห็นได้ในรูที่บริเวณหน้าผากและเขาก็มีเสน่ห์อย่างมาก
เฟิงหยูเฮงตัวแข็งและจ้องตรงไปที่บุคคลนั้น คนผู้นั้นมองนางด้วย และทั้งสองก็สบตากัน ภายใต้ดอกไม้ไฟที่สวยงามบนท้องฟ้า ความอ่อนโยนได้เติมเต็มคฤหาสน์
“คุณหนูรีบไปเร็วเจ้าค่ะ !” ใครจะไปรู้ว่าบ่าวรับใช้คนไหนผลักนาง แต่นางก็เดินโซเซไปข้างหน้าแล้วรีบไป บุคคลนั้นเดินไปข้างหน้าเพื่อจับนางนั่งลงบนตัก
เฟิงหยูเฮงมั่นใจในตัวเองว่านางเป็นคนไร้ยางอาย แต่ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงและแม้แต่หูของนางก็ร้อนจัด
“ซวนเทียนหมิง เจ้ามาที่นี่เมื่อไร ?” ดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าดังเกินไป นางจึงตะโกนคำถามนี้ “เจ้ามาที่คฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑลของข้า แต่ทำไมไม่มีใครมารายงานข้า ?”
ซวนเทียนหมิงยิ้มและบีบจมูกนาง “ข้ามาพบชายาของข้าเอง จำเป็นต้องรายงานหรือไม่ นอกจากนี้เจ้าไม่ได้พูดเสมอว่าเจ้าต้องการที่จะประหลาดใจ ? ลองดูสิ นี่นับเป็นความประหลาดใจที่น่ายินดีหรือไม่ ?”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่” ดอกไม้ไฟมีพลัง แม้แต่ในศตวรรษที่ 21 พวกมันก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่โรแมนติก
นางพอใจมากกับตัวเอง นางคิดเกี่ยวกับมัน เมื่อก่อนหน้านี้นางดูซีรีย์ นางรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ เช่นดอกไม้ไฟเป็นสิ่งที่โง่มาก แต่ตอนนี้นางเป็นผู้ได้รับมัน นางพบสถานการณ์แบบนี้แท้จริงแล้วมันโรแมนติกมาก
“ขอบคุณ” นางพูด “ซวนเทียนหมิง ขอบคุณ ตอนแรกข้าคิดถึงบ้านและสถานที่ที่เป็นของข้า แต่ตอนนี้เจ้ามาถึงแล้ว ข้าสบายใจขึ้นมาก” นางบอกเขาเกี่ยวกับความรู้สึกของนางโดยไม่คิดมาก และนางก็ไม่สนใจว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่นางพูดหรือไม่
สำหรับซวนเทียนหมิง เขาคุ้นเคยกับคำพูดแปลก ๆ ของนางและเขาคุ้นเคยกับการกระทำประหลาดของนาง ๆ มากกว่าเดิม ดังนั้นเขาจึงบีบจมูกเล็ก ๆ ของนางเบา ๆ แล้วพูดว่า “สำหรับเจ้า ในปีใหม่ข้าส่งคนไปเตรียมดอกไม้ไฟเหล่านี้เมื่อสองเดือนที่แล้ว สวยหรือไม่ แม้แต่ในพระราชวังก็ยังยากที่จะเห็นดอกไม้ไฟที่สวยงามเช่นนี้”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้าอย่างจริงจังและตั้งใจดู
ตามจริงแล้วนางเห็นว่าระดับฝีมือการจุดดอกไม้ไฟในยุคนี้นั้นแย่กว่าฝีมือการจุดดอกไม้ไฟจากชีวิตก่อนหน้า แต่ความหมายแตกต่างกันมาก ซวนเทียนหมิงมีพรสวรรค์เหล่านี้และพวกมันก็เป็นของนาง สิ่งที่เป็นของนางนั้นดีที่สุด นี่เป็นเกณฑ์ของเฟิงหยูเฮง
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้ จากนั้นนางก็กระโดดขึ้นอย่างมีความสุข “ซวนเทียนหมิง ข้าเตรียมของขวัญปีใหม่ให้เจ้าด้วย” ในขณะที่พูดสิ่งนี้นางดึงถุงเล็ก ๆ ออกมาแล้วมอบมัน “เจ้ามักจะพูดว่า ข้าเก่งแต่การต่อสู้และการฆ่า แต่ดูสิ ข้ายังมีความสามารถในการเย็บผ้า ข้าทำมันเอง”
เฟิงหยูเฮงเคยใช้ด้ายเย็บของมาก่อน แต่สิ่งที่นางเย็บเป็นเนื้อมนุษย์ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเย็บถุงผ้า แต่อย่างที่นางพูดก่อนหน้านี้ ถ้านางสามารถเย็บเนื้อมนุษย์ได้ นางก็สามารถเย็บผ้าได้ดี แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะปักผ้าได้ดี เป็ดแมนดารินคู่หนึ่งกลายเป็นนกชนิดอื่นโดยปราศจากความช่วยเหลือจากบ่าวรับใช้ในคฤหาสน์
แต่ซวนเทียนหมิงยังรู้สึกว่ามันดูดี เขาจึงแขวนมันไว้ที่เอวของเขาทันที เขาพยักหน้าอย่างจริงจังต่อนาง “ชายาที่รัก มันยอดเยี่ยมมาก”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของเฟิงหยูเฮงเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง
เหยาซื่อเชิญชวนซวนเทียนหมิงมาร่วมทำเกี๊ยว แม้แต่บ่าวรับใช้ของเขาก็เข้าร่วมกับบ่าวรับใช้ของเรือนตงเซิง บานซูก็ถูกเรียกมาร่วมโดยเฟิงหยูเฮงด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขากับเป่ยจื่อจึงได้ทานอาหารร่วมกันเพื่อเริ่มปีใหม่
ในขณะที่เรือนตงเซิงมีชีวิตชีวามาก และแม้กระทั่งเฟิงเซียงหรูก็พูดว่า “มื้ออาหารเฉลิมฉลองปีใหม่ที่นี่มีชีวิตชีวามากกว่าในคฤหาสน์เฟิงอีกเจ้าค่ะ”
กลุ่มคนมีชีวิตชีวาตลอด 1 ชั่วยามที่ผ่านมาทำให้พวกเขารู้สึกง่วงเล็กน้อย เมื่อนั้นพวกเขาคิดว่ามันดึกแล้ว และรู้ว่าถึงเวลานอนแล้ว
เฟิงหยูเฮงมาส่งซวนเทียนกลับด้วยตัวเอง และช่วยให้เขาเข้าไปในรถม้าของเขา ก่อนที่รถม้าจะออกเดินทางซวนเทียนหมิงบอกนางว่า “แผนการของเราลุล่วงไปด้วยดี”
หัวใจของเฟิงหยูเฮงเต้นแรงเพราะนางรู้ว่าเขากำลังพูดถึงแผนการที่พวกเขากำกับให้องค์ชายใหญ่ทำตาม อย่างไรก็ตามนางไม่ทราบว่าเขาพูดถึงความสำเร็จแบบใด แต่นางไม่ได้อยากรู้จนมากเกินไป ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาจะต้องเข้าไปในพระราชวังเพื่องานเลี้ยงปีใหม่ นางเชื่อมั่นว่านางจะได้รับคำตอบในวันพรุ่งนี้
ในคืนนั้นเรือนตงเซิงมีชีวิตชีวามาก และยังสามารถมองเห็นดอกไม้ไฟจากด้านข้างของคฤหาสน์เฟิง
เฟิงเฟินไดยืนอยู่ในบ้านของนางแล้วมองดู มือเล็ก ๆ ของนางกำลังจิกเข้าไปในเสาไม้ แต่ละครั้งนางจิกสีออกมา
นางไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าเฟิงหยูเฮงเป็นคนจุดดอกไม้ไฟพวกนั้น นางคิดว่าซวนเทียนหมิงมา
นางไม่เข้าใจเฟิงหยูเฮงมีอะไรที่ซวนเทียนหมิงชอบ หากพวกเขาหมั้นหมายกันตั้งแต่อายุยังน้อย? ด้วยนิสัยของเขา การยกเลิกการหมั้นจะไม่ง่ายอย่างที่บอกใช่หรือไม่ แต่ทำไมเขาถึงชอบเฟิงหยูเฮงมาก ?
หลังจากเป่ยเอ๋อเสียชีวิต นางก็ไม่มีบ่าวรับใช้ที่ไว้ใจได้อีกต่อไป เมื่อสองสามวันก่อนตำหนักลีส่งคนมาส่งของกำนัลปีใหม่ ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เตรียมของกำนัลให้กับคฤหาสน์เฟิงซึ่งเป็นการไว้หน้านางเล็กน้อย ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุขมาก แต่ท่าทีของเฟิงจินหยวนยังไม่ชัดเจน เขาเป็นคนสุภาพมากต่อคนที่มาจากตำหนักลี แต่เขาไม่ได้ดูมีความสุขมาก
นอกเหนือจากการส่งของกำนัล ตำหนักลียังส่งบ่าวรับใช้ให้นางด้วย เด็กผู้หญิงอายุ 16 ปี และชื่อของนางคือลี่หลัว นางเป็นคนอารมณ์ดีมีทักษะในการทำงานและพูดเก่ง และนางก็เป็นที่น่าพอใจมาก เฟิงเฟินไดชอบนางไม่น้อย
ในเวลานี้หลี่หลัวอยู่ข้างเฟิงเฟินได เมื่อเห็นเฟิงเฟินไดจิกเสาไม้ นางอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและให้คำแนะนำ “ข้างนอกมันหนาวมาก คุณหนูเข้าไปข้างในเถิดเจ้าค่ะ?”
จิตใจของเฟิงเฟินไดเต็มไปด้วยความโกรธ ขณะที่นางรีบถามว่า “บอกข้าหน่อยซิว่าทำไมองค์ชายถึงจุดดอกไม้ไฟให้นาง ? ทำไมข้าไม่ได้อะไรเลย ?”
หลี่หลัวกล่าวว่า “หากคุณหนูชอบเพียงแค่บอกองค์ชายห้าเจ้าค่ะ องค์ชายชื่นชอบคุณหนูมาก และคุณหนูจะได้รับมันอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
เฟิงเฟินไดตัวแข็งทื่อและจิตใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวและแกว่งไปมา นางเกือบจะหลุดปากเรียกองค์ชายเก้าออกมา นางอยากจะถามจริง ๆ ว่าทำไมองค์ชายเก้ามอบมันให้กับเฟิงหยูเฮงและไม่ใช่นาง โชคดีที่นางมีความสัมพันธ์กับองค์ชายห้า หลี่หลัวก็คิดเช่นนั้น ทำให้นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ไม่” นางพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในห้องของนาง ในขณะที่เดินนางกล่าวว่า "ข้าจะขอให้องค์ชายทรงจุดดอกไม้ไฟให้ทีหลัง"
อารมณ์ของเฟิงเฟินไดแย่และเฟิงเฉินหยูก็ไม่มีความสุขเช่นกัน ปีนี้เป็นปีใหม่ครั้งแรกนับตั้งแต่เฉินซื่อเสียชีวิต ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเฉินซื่อก็ยังเป็นมารดาของนาง ในช่วงเวลาแห่งความสุขเช่นนี้ นางจะไม่คิดถึงมารดาได้อย่างไร
ตอนนี้เฉินซื่อไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว เฟิงจื่อเฮ่าก็เสียชีวิต ตระกูลเฉินได้รับความทุกข์ทรมานจากการโจมตีมากมาย และยี่หลินก็ไม่ได้อยู่ข้างนางอีกต่อไป เฉินหยูรู้สึกราวกับว่านางอยู่โดดเดี่ยว ในคืนวันสิ้นปีนางไม่ได้คุยกับใคร ก่อนหน้านี้นางเคยเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ตระกูลเฟิงซึ่งได้รับเกียรติอย่างมาก แต่ตอนนี้... นางยกมือของนางเพื่อแตะบาดแผลบนหัวของนาง ตอนนี้นางเป็นผู้หญิงที่เสียโฉม นางควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ?
เซียงเอ๋อที่จุดเทียนเสร็จแล้วจากนั้นก็เดินไปที่ด้านข้างของนาง นางวางเทียนไว้บนเชิงเทียน นางเห็นว่าสีหน้าของเฉินหยูเจ็บปวด นางอดไม่ได้ที่จะปลอบใจ “คุณหนูอย่าคิดมาก จะเป็นอันตรายต่อร่างกายของคุณหนู คุณหนูต้องไม่คิดมากเกินไป ตอนนี้เราต้องรักษาแผลบนหน้าผากของคุณหนูให้ดีที่สุดก่อนเจ้าค่ะ”
เฉินหยูไม่ได้มีความรู้สึกใกล้ชิดกับเซียงเอ๋อมากนัก แม้ว่าเซียงเอ๋อจะทำเพื่อนางมาก แต่เซียงเอ๋อก็ไม่เหมือนยี่หลินที่อยู่กับนางมาหลายปี และนางก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลเฉินเหมือนยี่หลิน ถ้านางต้องการสอบถามเกี่ยวกับตระกูลเฉินในตอนนี้มันจะยากยิ่งกว่าการปีนป่ายขึ้นสวรรค์ เฉินชิงเป็นบุตรชายคนเดียวของท่านลุงใหญ่ ตอนนี้เขาถูกขังอยู่ในคุก โอกาสในการสอบจอหงอนในฤดูใบไม้ผลิก็หายไป สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ตอนนี้คือพวกเขาสามารถรักษาชีวิตเขาไว้ได้หรือไม่
“บอกข้าสิ เฟิงหยูเฮงสมควรตายหรือไม่ ?” เฉินหยูยังต้องการใครซักคนที่จะพูดคุยด้วย นางไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป การแกล้งเป็นคนใจดีและมีคุณธรรมต่อหน้าคนอื่นนั้นยากพอแล้ว ถ้านางต้องแสร้งทำต่อไปเมื่ออยู่ห่างจากคนอื่น มันคงจะดีกว่าถ้านางตายไป
โชคดีที่เซียงเอ๋อเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเฟิงเฉินหยูอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงไม่พบว่ามันแปลกเพราะนางเห็นด้วยกับเฟินเฉินหยู “สมควรเจ้าค่ะ”
คำพูดเหล่านี้ดังขึ้นตรงกับใจของเฟิงเฉินหยู "เจ้าพูดถูก นางขวางทางข้า ดังนั้นข้าจะต้องฆ่านางก่อนที่ข้าจะสามารถดำเนินการตามแผนของข้า มันไม่ใช่แค่นาง นอกจากนี้ยังมีฮันชิ ลูกในท้องของนางต้องไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดมา ! ”
เฟิงเฉินหยูกัดฟันของนางอย่างรุนแรงขณะที่ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว
“คุณหนูอย่าคิดมากเจ้าค่ะ พรุ่งนี้คุณหนูจะต้องเข้าพระราชวัง ตอนนี้คุณหนูต้องเข้านอนแล้วนะเจ้าค่ะ” เซียงเอ๋อช่วยนางนอนลงบนเตียงขณะที่พูดว่า “เมื่อคุณหนูเข้าไปในพระราชวัง คุณหนูจะพบองค์ชายใหญ่ องค์ชายทรงปฏิบัติต่อคุณหนูอย่างดี คุณหนูสามารถบอกพระองค์เกี่ยวกับความคับข้องใจที่คุณหนูมีเจ้าค่ะ!”
เมื่อได้ยินเซียงเอ๋อพูดถึงองค์ชายใหญ่ มุมปากของเฉินหยูก็หยักยิ้มและเกิดความคิดขึ้นมา ...