บทที่ 84 ความตายของผู้ทรยศ
บทที่ 84 ความตายของผู้ทรยศ
คิดมาถึงตรงนี้ สื่อปินก็พยักหน้า แต่เขาไม่อยากให้เรื่องฉาวโฉ่ของตัวเองแพร่งพรายออกไป ดังนั้นจึงบอกอ้ำๆ อึ้งๆ “ไอ้หมอนั่นทำตัวแล้งน้ำใจเหลือเกิน...”
“หน็อย! เขากล้าลงมือกับพี่น้องฉันจริงๆ ด้วย!” สวี่ไฉตบต้นขาอย่างโอเว่อร์ บอกอย่างแค้นเคือง “นายวางใจ ฉันจะต้องช่วยทวงความยุติธรรมคืนมาให้นายแน่ แต่ว่า” อยู่ๆ น้ำเสียงของสวี่ไฉก็เปลี่ยนไป เขาเอ่ยถามเสียงค่อย “สื่อปิน นายบอกพี่มาตามตรงเถอะว่า พวกนายกลับมาจากถนนโคมแดงจริงเหรอ?”
“ทำไม นายคิดว่าฉันโม้เหรอ? เรากลับมาจากถนนโคมแดงจริงๆ นายเองก็เห็นแล้วว่า ในหมู่พวกเรามีคนป่วยหนึ่งคน แถวๆ นี้ไม่มีโรงพยาบาลใหญ่เลย พวกเรามาเพื่อไปหายาในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย”
ส่วนพวกหลิงม่อสามคนมาทำอะไรที่มหาวิทยาลัยเมือง X สื่อปินไม่แน่ใจ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดออกมา
พอได้ยินสื่อปินพูดแบบนี้ แววตาของสวี่ไฉก็แปรเปลี่ยนเป็นสับสนขึ้นมา แม้เขาจะบอกนักศึกษากลุ่มนั้นว่าว่าอย่าไปเชื่อ แต่ความจริงในใจเขาก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ตอนนี้ได้ยินสื่อปินย้ำให้มั่นใจในความคิดนี้ ในใจเขาก็กังวลขึ้นมานิดๆ
แต่เขาก็โยนความกังวลนั้นทิ้งไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว เพราะถึงอย่างไรก็มีเหยื่อกันกระสุนอีกตั้งมากมายนี่!
“พูดแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาสองสามคนนั้นคงจะแข็งแกร่งมากเลยสิท่า? สื่อปิน พี่อยากช่วยให้นายได้ระบายแค้น แต่นายก็ต้องบอกสถานการณ์ทางด้านพวกนั้นมานะ”
สื่อปินลังเลเล็กน้อยไปทันที แต่เขาเพิ่งจะทำหน้าครุ่นคิด สวี่ไฉก็ถอนใจบอก “น้องชาย ทำไมนายกลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาวไปแล้วล่ะ ทำไมเหรอ มีฉันคอยช่วยนาย นายยังจะกลัวเขาจนกลายเป็นแบบนี้อีกเหรอ?”
“ฉันกลัวเขาที่ไหน?” สวี่ไฉพูดแทงใจดำ สื่อปินบอกอย่างเป็นฟืนเป็นไฟทันที “ฉันน่ะเหรอจะกลัวเขา! ฉันแค่คิดว่า นายสู้ไม่ชนะเขาหรอก! อย่าว่าแต่เขาเลย แค่เด็กสาวสองคนที่อยู่ข้างกายเขานายก็สู้ไม่ชนะ พวกเธอฆ่าซอมบี้เหมือนกับหั่นแตงโม!”
“เป็นไปไม่ได้! ฉันเคยได้รางวัลการแข่งขันต่อสู้แบบผสมผสานของเมืองเชียวนะ! หรือว่าพวกเขามาจากโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ล่ะ? จะร้ายกาจไปกว่านักกีฬามืออาชีพอย่างฉันเหรอ?” สวี่ไฉแอบหัวเราะในใจ สื่อปินคนนี้ใจปลาซิว ถูกกระตุ้นได้ง่ายเหลือเกิน คนกลุ่มนี้พาสื่อปินมาด้วยถือว่าโชคร้ายสุดๆ
แต่คำพูดของสื่อปินก็ยังติดใจสวี่ไฉ แอบคิดว่าที่กระตุ้นเหยื่อกันกระสุนพวกนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ฆ่าซอมบี้เหมือนหั่นแตงโมงั้นเหรอ จะต้องแข็งแกรงสักเพียงไหนกัน?
แม้สื่อปินจะคุยโม้โอ้อวด แต่ก็อธิบายได้ว่าพวกเธอไม่ใช่คนที่จะแหยมได้ง่ายๆ
“เขาเป็นคนที่...” สื่อปินเพิ่งจะหลุดปากออกมา อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าบางอย่างไม่ชอบมาพากล
แม้เขาจะสมองทื่อ แต่ตอนนี้ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ความสัมพันธ์กับสวี่ไฉคนนี้เป็นเพียงคนที่พูดคุยด้วยได้แค่เรื่องทั่วๆ ไป ถ้าหากอีกฝ่ายไม่รู้พลังความสามารถของหลิงม่อก็อาจจะช่วยเขา แต่หลังจากที่เขาพูดออกไปแบบนี้แล้ว อีกฝ่ายยังคงมีท่าทางจะลุยไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ นี่มันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไร
แม้สื่อปินจะมีความริษยาอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่ได้จองหองจนถึงขั้นเห็นว่า สภาพตัวเองในตอนนี้จะมีความเหนือชั้นอะไรที่ทำให้สวี่ไฉยินยอมพร้อมใจจะถวายชีวิตให้
ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงมืดมนลงอย่างรวดเร็ว “สวี่ไฉ นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”
พอเห็นสื่อปินมีปฏิกิริยาตอบกลับเร็วขนาดนี้ สวี่ไฉแอบร้องเสียดายอยู่ในใจพลอยเลิกแสแสร้ง
เขาหัวเราะอย่างชั่วช้า ขยับตัวไปด้านข้างอย่างสงบ ขวางทางสื่อปินไว้ “ถ้างั้นฉันจะพูดตรงๆ นะ ฉันอยากจะช่วยให้นายได้ระบายแค้นจริงๆ และคิดจะฉวยโอกาสตักตวงผลประโยชน์นิดหน่อย นายเคยบอกว่า หลิงม่อนั้นมีอาหารมากมายใช่ไหม? แล้วอาวุธของพวกมันนั้น ก็ทำให้ฉันอิจฉามาก...”
สื่อปินหัวใจเต้นตึกๆ สายตาที่มองสวี่ไฉแปรเปลี่ยนเป็นความไม่อยากเชื่อสุดขีด
เขาไม่เคยเลยสักนิดว่าสวี่ไฉจะกล้าคิดแบบนี้! แม้เขาจะเคยคิดอยากฆ่าหลิงม่อ และกระทั่งเกือบจะลงมือแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะแย่งชิงกระเป๋าของหลิงม่อ
เขาอยากจะฆ่าอีกฝ่ายเพราะความอิจฉาริษยา แต่สวี่ไฉนั้นมีมูลเหตุมาจากความละโมบชัดๆ! สื่อปินจึงผงะไปทันที
สวี่ไฉไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้ขบคิด เขาพูดจาเกลี้ยกล่อมต่อ “นายดูสิว่า นายเองก็ถูกเขารังแก ถึงตอนนั้นเราร่วมมือกัน ขอแค่นายหาโอกาสลอบโจมตีเขา เราก็ชนะแล้ว ฉันว่านายรู้สึกอะไรกับเด็กสาวที่ป่วยกระเสาะกระแสะคนนั้นนิดๆ ด้วยนะ? แบบนี้ ฉันช่วยตัดสินใจให้ จับเธอไปแบบเป็นๆ ถึงตอนนั้นนายจะเสพสุขยังไงก็ได้...”
“สวี่ไฉนายหุบปาก!”
สื่อปินอารมณ์ขึ้นทันที เขาเพิ่งจะรู้สึกหวั่นไหวนิดๆ แต่ตอนนี้พอได้ยินสวี่ไฉคิดจะจัดการหลินล่วนชิว ก็แทบจะหลุดปากออกไปโดยไม่รู้ตัว
ทว่าเมื่อประโยคนี้หลุดออกไป เขาก็พบว่า สายตาของสวี่ไฉเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิตในทันที
สายตาแบบนี้จะปรากฎแค่ตอนที่ได้ฆ่าคนจนได้เลือดแล้วจริงๆ เท่านั้น
สื่อปินถอยหลังไปครึ่งก้าวช้าๆ อยู่ๆ เขาก็นึกเสียใจขึ้นมา เขาเสียใจที่ตัวเองดอดมาเจอสวี่ไฉที่นี่ ในแววตาของสวี่ไฉ เขามองเห็นเจตนาสังหารที่ไม่ปิดบังเลยสักนิด
“สื่อปิน ฉันอยากช่วยนายจริงๆ แล้วนายพูดกับฉันแบบนี้เหรอ?” สวี่ไฉไล่ต้อนมาทีละก้าวๆ ขณะเดียวกันก็เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “นายกับฉันสองคนพอจัดการคนพวกนั้นแล้ว เอาอาหารของพวกมันมา ไม่แน่ว่าอาจจะหนีออกไปได้ และได้มีทางรอดชีวิต นายรู้ไหมว่า ในมหาวิทยาลัยไม่มีอาหารให้เสาะหาแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยโอกาสครั้งนี้ไปเด็ดขาด”
“นายคิดจะให้ฉันทำอะไรกันแน่...” สื่อปินรู้สึกว่าหนังศีรษะชานิดๆ เขามองสวี่ไฉด้วยความตึงเครียดพร้อมถาม
“นี่สิถึงจะเป็นน้องที่แสนดีของฉัน นายก็บอกฉันสิว่า พลังความสามารถของพวกเขาเป็นยังไง”
สื่อปินกัดฟัน เขามองซ้ายมองขวา พบว่าสวี่ไฉขวางทางตนไว้แบบกึ่งๆ จงใจ หากต่อสู้กันตรงๆ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคู่ต่อสู้ของสวี่ไฉได้
“ทำไม นายไม่อยากบอกเหรอ?” สวี่ไฉเดินเข้ามาข้างหน้าอีกนิด ร่างสูงใหญ่ของเขาทำให้สื่อปินรู้สึกกดดันถึงขีดสุด
สื่อปินลังเลอยู่พักหนึ่งสุดท้ายก็เอ่ยปากพูด “ไอ้หลิงม่อนั้นประหลาดนิดๆ เขาเป็นผู้มีความสามารถพิเศษ แต่เหมือนจะสู้ในระยะประชิดไม่ได้ ผู้หญิงอีกสองคนนั้นเป็นยอดฝีมือในการใช้ดาบ ส่วนคนป่วยนั้น...เธอไม่ได้น่ากลัวอะไร นายห้ามแตะเธอ”
สวี่ไฉหัวเราะ “ฮ่าๆ นายเป็นคนโรแมนติกจริงๆ นะน้องชาย แต่ฉันยังอยากให้นายช่วยอีกเรื่อง...”
“คิกๆ…” ยังไม่ทันสิ้นเสียง สื่อปินก็รู้สึกถึงความเจ็บราวกับถูกฉีกที่ส่งผ่านมาจากส่วนท้องทันที เขาเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ มองเพื่อนนักเรียนที่เมื่อครู่ยังเรียกเขาว่าน้อง แต่ลงมือกับเขาอย่างเฉียบขาดในชั่วพริบตา
สีหน้าของสวี่ไฉอำมหิตนัก เขากุมท่อเหล็กเรียวครึ่งหนึ่งที่อีกด้านหนึ่งเสียบเข้าไปอยู่ในท้องของสื่อปิน
เมื่อเห็นสีหน้าสิ้นหวังและหวาดผวาของสื่อปินแล้ว สวี่ไฉก็รู้สึกถึงความอิ่มเอมใจสุดขีด
“นายตาขาวเกินไป ฉันกลัวว่านายจะทำเสียเรื่อง โทษทีนะน้องชาย”
สวี่ไฉฉีกยิ้มชั่วช้าขณะที่กระซิบข้างหูสื่อปิน
สื่อปินเริ่มกระอักเลือดออกจากปากไม่หยุด เขาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด ยกแท่งลับมีดขึ้นมาช้าๆ แต่ในสายตาที่สิ้นหวังสุดขีดของเขา สวี่ไฉกลับชิงแท่งลับมีดไปจากมือเขา “ขอบใจนะ ฉันกำลังขาดอาวุธเหมาะมืออยู่พอดีเลย”
สื่อปินเบิกตากว้างในสภาพที่ตายตาไม่หลับ แต่ร่างกายก็ค่อยๆ อ่อนยวบลง
และสวี่ไฉก็มองศพของอีกฝ่ายล้มลงตรงเท้าตัวเองอย่างเย็นชา แววตาเปลี่ยนเป็นสับสนเล็กน้อย
ผู้มีความสามารถพิเศษ...สถานะนี้ทำให้สวี่ไฉรู้สึกทึ่งอย่างประหลาด เขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับผู้มีความสามารถพิเศษที่ว่านี้ แต่ดีที่จุดอ่อนของหลิงม่อคือการต่อสู้ในระยะประชิด และการต่อสู้ในระยะประชิดนี้ก็คือจุดแข็งที่สวี่ไฉมั่นใจที่สุด ส่วนซย่าน่าและเย่เลี่ยน แม้ว่าพวกเธอจะแข็งแกร่งเพียงใด สุดท้ายก็แค่เด็กผู้หญิงที่มีพละกำลังจำกัด เรี่ยวแรงไม่ได้มากมาย
“แข็งแกร่งแล้วยังไง สองหมัดหรือจะสู้สี่มือ!”
หลังจากที่สวี่ไฉลังเลอยู่ไม่กี่วินาที ก็เผยสีหน้าเหี้ยมโหดออกมาพร้อมกับเอ่ยเสียงแผ่ว
เขาตัดสินใจลงมือทันทีว่าจะจัดการพวกหลิงม่อโดยเร็ว หากปล่อยเวลาให้ยืดไปแล้ว อีกฝ่ายอาจจะพบว่าสื่อปินหายตัวไป และอาจจะเกิดความสงสัย ขณะที่กลุ่มคนบ้าคลั่งนั้นก็จะค่อยๆ สงบสติลง ดังนั้นจึงต้องฉวยโอกาสตอนนี้ที่พวกเขายังคลั่งอยู่กับการฆ่าเพื่อนอย่างซาดิสม์ เป็นโอกาสดีที่จะดึงพวกเขาเป็นเหยื่อกันกระสุน