ตอนที่แล้วบทที่ 82 ให้อาหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 84 ความตายของผู้ทรยศ

บทที่ 83 ลูกศรที่ยิงออกไปแล้วไม่หวนกลับ


บทที่ 83 ลูกศรที่ยิงออกไปแล้วไม่หวนกลับ

 

หลินล่วนชิวดูอกว่าท่าทางของสื่อปินค่อนข้างผิดปกติ แต่เธอก็ยังกดเสียงพูดเบาๆ “ถึงยังไงพวกเราก็จัดอยู่ในกลุ่มคนอ่อนแอ...”

 

“เธอไม่ต้องพูดแล้วได้ไหม? ฉันไม่อยากจะตามมาแต่แรกอยู่แล้ว! ถ้าหากเธอไม่ให้ฉัน...” สื่อปินพูดถึงตรงนี้ ตัวเองก็ค่อนข้างพูดต่อไปไม่ออก

 

ถ้าหลินล่วนชิวไม่พาเขามาด้วย ก็เท่ากับตัดสินโทษประหารเขา เขาคนเดียวช้าเร็วก็ต้องติดแหง็กตายอยู่ที่ถนนโคมแดง อีกอย่างหากไม่มีหลินล่วนชิว เขาก็ไม่มีปัญญาที่จะอยู่ต่อ ไม่ว่าจะเป็นแท่งลับมีด หรือเทคนิคเล็กๆ น้อยในการต่อสู้พวกนั้น ก็ล้วนได้หลินล่วนชิวเป็นคนช่วยสอนให้

 

“โทษที ฉันเหนื่อยมากแล้ว” สื่อปินมองหลินล่วนชิวแวบหนึ่งแบบหลบสายตา แล้วพิงกำแพงพร้อมหลับตาลง

 

หลินล่วนชิวแอบถอนใจ เธอเอนพิงไปด้านหลังเหมือนกันและไม่พูดอะไรอีก เธอรู้สึกรางๆ ว่า หากสื่อปินยังเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะไม่ได้มีจุดจบที่ดี แต่เธอก็ไม่อาจจะไปโน้มน้าวความคิดของหลิงม่อได้ ทั้งไม่อาจจะเกลี้ยกล่อมสื่อปิน...

 

แม้ตลอดทางหลินล่วนชิวจะลงมือน้อยมาก แต่การเดินอย่างต่อเนื่องก็ทำให้เธอรู้สึกอ่อนล้ามาก

 

เห็นหลิงม่อก็หลับตาลงเหมือนกัน หลินล่วนชิงก็ลูบแขนซ้ายของตนโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า จากนั้นก็ออกแรงกดลงไปเบาๆ สีหน้าเจ็บปวดปรากฎขึ้นบนหน้าของเธอทันที เธอยกแขนขึ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย

 

เธอก้มหน้ามองตัวเองปล่อยมือออกช้าๆ แล้วค่อยๆ กำนิ้วห้านิ้วมือซ้ายแน่น ปลายจมูกหลินล่วนชิวผุดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ในดวงตาวาบประกายหมองเศร้า “ถ้าหากไม่เจอพวกหลิงม่อทันเวลา อย่างมากฉันก็คงยืนหยัดอยู่ได้แค่อาทิตย์เดียวแล้วก็คงตายล่ะมั้ง...”

 

เหมือนกับที่สื่อปินพูด เนื่องจากเหนื่อยล้าเกินไป ฟ้าก็เป็นเวลาค่ำแล้ว หลังจากที่หลิงม่อครุ่นคิดแล้วก็ตัดสินใจว่าจะค้างที่นี่

 

แม้จะรู้สึกไม่ค่อยดีกับสวี่ไฉคนนั้น แต่หลิงม่อก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย

 

เขารู้เสียที่ไหนว่า เมื่อครู่กลุ่มนักศึกษาที่ดูเหมือนจะน่าสงสารนั้น กำลังทรมานเพื่อนของพวกเขาเองอยู่ในตอนนี้

 

“ตายแล้วเหรอ? ตายแล้ว!”

 

ขณะที่ผู้ชายคนหนึ่งยังคงโยกตัวสุดชีวิต อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าเด็กสาวใต้ร่างไม่ขยับแล้ว ความคลั่งและแรงกระตุ้นของเขามอดดับไปในทันที หลังจากที่ใช้นิ้วมือตรวจดูลมหายใจของผู้ถูกกระทำแล้ว สีหน้าของเขาก็ซีดขาวสุดขีด ขณะเดียวกันก็เหี่ยวอ่อนไปในเวลาสั้นๆ...

 

แต่ตอนที่เขาเพิ่งจะส่งเสียงร้องออกมาก็กลับถูกสวี่ไฉเตะอย่างแรง “นายจะร้องทำไม! ไม่กลัวแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือไง! พวกแก! ตอนนี้พวกแกก็สุขสมอารมณ์หมายแล้ว คนก็ตายไปแล้ว ยิงธนูออกไปแล้วหัวลูกศรไม่มีทางย้อนกลับเข้าใจไหม?” สายตาที่เหมือนหมาป่าหิวโซของสวี่ไฉกวาดมองสีหน้าคนกลุ่มนี้ที่บ้างก็ตื่นตระหนกหรือไม่ก็มีสีหน้าสับสน สวี่ไฉรู้สึกพอใจมาก

 

คนพวกนี้เดิมก็ไม่ใช่พวกมีประโยชน์อะไร เวลาาที่สวี่ไฉออกไปเสาะหาอาหารทุกครั้งก็จะต้องคัด ‘เครื่องสังเวย’ ออกมาจำนวนหนึ่ง ทุกครั้งคนกลุ่มนี้ก็จะส่งคนที่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ หรือไม่ก็คนที่นิสัยค่อนข้างอ่อนแอไปตาย เพศหญิงที่ไม่มีความสามารถในการปกป้องตัวเอง ย่อมถูกสังเวยก่อนเป็นอันดับแรก

 

เดิมในหมู่พวกเขายังมีเด็กสาวเจ็ดถึงแปดคน และต่างก็ถูกส่งไปเป็นเหยื่อในสถานการ์แบบนี้หมดแล้ว ตอนนี้หญิงสาวสามคนนี้ ความจริงแล้วไม่ช้าก็เร็วพวกเธอก็ไม่ได้มีจุดจบที่ดีอยู่แล้ว

 

แต่คนกลุ่มนี้ไม่เคยคิดจะเอาพวกเธอเป็นที่ระบายมาก่อน เพราะในสายตาของพวกเขา ประโยชน์สูงสุดของเด็กสาวพวกนี้ก็คือเอามาใช้เป็นเหยื่อล่อ

 

บางครั้งความใคร่ ต้องการแค่ชนวนอันเดียวก็ทำให้ระเบิดได้ พวกเขาทำร้ายคนทางอ้อมไปไม่น้อย แต่การที่ลงมือทำให้เพื่อนต้องตายด้วยตัวเองแบบนี้ถือเป็นครั้งแรก

 

“สองคนนี้ยังไม่ตายนะ...” คนหนึ่งในนั้นได้ยินที่สวี่ไฉพูด ก็อดตอบรับขึ้นมาไม่ได้

 

สวี่ไฉมองเด็กสาวสองคนที่นอนแบ็บอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง ในแววตาก็ปรากฎความอำมหิต “ถ้างั้นก็ทำให้ตายสิ!”

 

ฆ่าหนึ่งคนก็คือฆ่า ฆ่าสองคนก็คือการฆ่าเหมือนกัน...

 

ฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว ในโกดังเล็กๆ นอกจากเสียงหายใจยาวๆ แล้ว ก็ไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใดๆ อีก

 

หลิงม่อนอนอยู่ตรงบานหน้าต่าง เอาศีรษะหนุนบนตักเย่เลี่ยน มืออีกข้างกุมมือเนียนๆ ของซย่าน่าไว้ เห็นชัดว่าเขานอนหลับสบายมากๆ

 

ซอมบี้กลายพันธุ์สองตัวนี้พิงอยู่ด้วยกัน ทั้งต่างก็หลับตา แม้ลมหายใจจะแผ่วเบา แต่หน้าอกที่กระเพื่อมเล็กน้อยนั้นก็บ่งบอกว่า พวกเขากำลังอยู่ในสภาวะหลับสนิท

 

ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างเย่เลี่ยนก็คือหลินล่วนชิว เดิมเธอพักอยู่ห่างจากพวกเขาสองเมตรกว่า แต่ลมเย็นพัดเข้ามาทางช่องหน้าต่างไม่หยุด เธอรู้สึกหนาวจัดจึงขยับเข้าไปใกล้แหล่งพลังงานความร้อนโดยไม่รู้ตัว

 

หลินล่วนชิวแทบจะพาร่างตัวเองไปแนบชิดร่างหลิงม่อโดยสัญชาตญาณ เธอเอียงหัวเล็กน้อย พิงไหล่เย่เลี่ยน สองขาแทบจะแนบชิดกับหลิงม่ออย่างไร้ช่องว่าง

 

สื่อปินมองภาพนี้อย่างเย็นชา ตอนที่เขาเห็นหลินล่วนชิวและหลิงม่อใกล้จะแนบชิดกันแล้วนั้น ความเย็นยะเยือกก็แวบวาบขึ้นมาในดวงตาทันทีทันใด เขากำแท่งลับมีดที่วางอยู่ข้างหนึ่งแน่น ดวงตาที่เจือด้วยความอิจฉาและความโกรธแค้นจ้องลำคอหลิงม่อเขม็ง

 

ตอนนี้เขาจะลอบโจมตี จะสังหารหลิงม่อในฉับพลันได้ไหมนะ?

 

แม้จะไม่ได้ฆ่าอีกฝ่ายให้ถึงตาย แต่ก็ทำให้เขาติดเชื้อกลายเป็นซอมบี้ กลายเป็นสัตว์ประหลาดกินคนตัวหนึ่ง...

 

สื่อปินรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นอย่างดุเดือดในทันที กระแสเลือดทั้งร่างเหมือนจะเดือดปุดขึ้นมา กระทั่งยังรู้สึกว่าปากคอแห้งผาก!

 

ลงมือหรือไม่ลงมือดี?

 

หลายสิบวินาทีเต็มๆ หลังจากนั้น สื่อปินจึงได้ผวาตื่นขึ้น

 

แม้ตัวเองจะฆ่าหลิงม่อแล้ว แต่พอซย่าน่าและเย่เลี่ยนตื่นขึ้นมาแล้วจะต้องฆ่าตนอย่างแน่นอน! อีกอย่าง หากไม่อาจไปถึงโรงพยาบาลได้ หลินล่วนชิวก็จะต้องตายแน่!

 

สีหน้าของสื่ปินแปรเปลี่ยนเป็นสับสันขึ้นมาในทันที เขารู้สึกเกลียดชังหลิงม่อคนนี้จริงๆ แต่ถ้าจะให้เขาเสี่ยงชีวิตลอบโจมตีหลิงม่อ ก็เหมือนจะไม่คุ้มเท่าไร...อีกอย่างพอเห็นท่าทางหลินล่วนชิวหลับสนิทแบบนั้น สื่อปินก็อดใจอ่อนขึ้นมาไม่ได้ แม้หลินล่วนชิวตอนนี้จะอยู่เพื่อตัวเอง ทำสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตรงกันข้ามนิดๆ แต่ถึงอย่างไรหลินล่วนชิวก็เคยทำเพื่อเขามามาก อีกทั้งเขายังรู้สึกพิเศษกับเด็กสาวคนนี้ด้วย...

 

แค่ไปถึงโรงพยาบาล จากนั้นก็ต่างคนต่างไปแล้ว ถึงตอนนั้นหลินล่วนชิวก็จะกลับมามีท่าทีแบบแต่ก่อน!

 

“ถือว่านายดวงแข็ง!”

 

ในที่สุดสื่อปินก็วางแท่งลับมีดลง พูดอย่างเหี้ยมเกรียมอยู่ในใจ

 

เขารอเงียบๆ อยู่หลายนาที หลังจากที่มั่นใจว่าคนเหล่านี้หลับสนิทแล้ว ก็ลุกยืนขึ้นอย่างระมัดระวัง และค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมุดออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ พริบตาที่เขาปิดประตู หลิงม่อที่ดูเหมือนหลับสนิทก็ลืมตาโพลง...

 

หลังจากที่สื่อปินออกจากโกดังเล็กไปแล้ว ก็ขยับร่างกายที่แข็งทื่อก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปที่ทางเดินมืดตื๋อ

 

“สวี่ไฉนั่น ให้ฉันมาที่ขั้นบันได มีอะไรจะพูดกับฉันกันแน่...”

 

ความจริงเวลาตอนนี้ห่างจากเวลาที่จะพบกับสวี่ไฉเกือบสองชั่วโมงแล้ว สื่อปินยังลังเลนิดๆ กับเรื่องที่จะมาเจอกันตรงขั้นบันได แต่ตอนนี้พอเห็นทุกคนหลับสนิท เขาที่ถูกหลอกหลอนด้วยความสงสัยใคร่รู้ก็ยังตัดสินใจออกไปดู

 

สื่อปินนึกสงสัยอยู่ในใจ พลางเข้าไปใกล้ขั้นบันไดอย่างระมัดระวัง

 

เขาเพิ่งจะมาถึงหน้าบันไดก็เห็นร่างของสวี่ไฉ

 

สวี่ไฉที่เดิมรอจนมีสีหน้าหมดความอดทน พอเห็นสื่อปินปรากฎตัว ก็เผยสีหน้าตื่นเต้นสุดๆ ออกมาทันที เขาเดินออกมาสองก้าว จับแขนสื่อปินไว้หมับ บีบเสียงเอ่ยเบาๆ “เพื่อนยาก ฉันรู้ว่านายไม่ปล่อยให้ฉันรอเก้อแน่ ตามฉันมาตรงนี้”

 

พูดพลาง เขาก็ลากสื่อปินไปทางชั้นสาม สุดท้ายก็หยุดอยู่ตรงมุมเลี้ยวระหว่างขั้นบันไดชั้นสองกับชั้นสาม

 

สื่อปินสะบัดมือสวี่ไฉออกอย่างหมดความอดทนนิดๆ ก่อนจะถาม “นายเรียกฉันมามีอะไรกันแน่ ถ้าจะเอาอาหาร ฉันไม่มีจริงๆ”

 

“ฉันรู้”​ สวี่ไฉฝืนยิ้มในหน้า เอ่ยถามอย่างลับๆ ล่อๆ “เพื่อนยาก นายรู้นี่ว่าฉันคนนี้เป็นซื่อสัตย์ที่สุดแล้ว แต่ก่อนความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่เลวเลยใช่ไหม? ตอนนี้ผ่านหายนะร้ายแรงขนาดนี้ เราสองคนก็ยังได้มาเจอกันแบบมีชีวิต นั่นก็แสดงว่าต้องเป็นพี่น้องแท้ๆ ถึงจะมีวาสนาแบบนี้ได้! พูดอย่างไม่กลัวนายโกรธเลยนะว่า วันนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่า...นายจะไม่ได้อยู่ดีมีสุขเลย”

 

การล่อลวงของสวี่ไฉ ทำให้สื่อปินเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่สิ่งที่จี้ถูกจุดอ่อนของเขาจิงๆ กลับเป็นประโยคสุดท้าย

 

สีหน้าของสื่อปินเปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็ถอนใจอย่างอับจนหนทาง “ในเมื่อนายดูออก ฉันก็จะไม่ปฏิเสธ ใช่ ฉันไม่ได้อยู่สุขสบาย ความจริงสองวันก่อนหน้านี้ยังดีกว่าตอนนี้อีก”

 

“หึๆ ระหว่างเราพี่น้องจะมีอะไรที่พูดกันไม่ได้อีก นายเล่าเถอะ เป็นเพราะคนแซ่หลิงนั่นทำอะไรนายใช่ไหม? แม้ฉันสวี่ไฉจะตกที่นั่งลำบาก แต่เรื่องที่เกี่ยวกับพี่น้อง ฉันจะไม่ยุ่งไม่ได้!” สวี่ไฉตบอกรับประกัน

 

สื่อปินมองสวี่ไฉอย่างลังเล แม้เขาจะสงสัยว่าคำพูดของสวี่ไฉจริงหรือเท็จ แต่สายตาและน้ำเสียงที่จริงใจของสวี่ไฉ กลับทำให้ในใจของเขาหวั่นไหวขึ้นมานิดๆ

 

ไม่ต้องสนว่าอีกฝ่ายจะโกหกหรือไม่ หากสวี่ไฉอยากจะสร้างปัญหาให้หลิงม่อแล้ว มันก็ตรงกับใจเขาพอดีเลยไม่ใช่หรือ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด