ตอนที่แล้วGE135 สงคราม (3) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE137 สงคราม (5) [ฟรี]

GE136 สงคราม (4) [ฟรี]


ผู้ที่ออกมาจากโลงศพสีดำ แผ่แรงกดดันของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นไปทั่วเมืองหนิง

ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตแก่นทองคำรู้สึกว่าตนเป็นเพียงแค่มดปลวก

แต่เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของมัน จื่อเฮ่อและสตรีคนอื่นๆถึงกับอาเจียนออกมา

มันปรากฏกลางท้องนภา ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ในบาดแผลมีหนอนขาวดำยั้วเยี้ย เบ้าตากลวงโบ๋ ขอบตาทั้งบนและล่างเน่าเปื่อย เมื่อมันอ้าปาก จะเห็นลิ้นเน่าจนเกือบขาดออกจากกัน มีโลหิตสีดำไหลออกจากปากของมันเป็นครั้งคราว โลหิตเหล่านั้นดูราวกับพิษที่หากผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำสัมผัส อาจตายทันที

“นานแล้วที่ข้าไม่ได้ออกจากโลง… ประมาณ 2 พันปีได้… สหายน้อย ข้าจะเก็บเจ้าไว้กินเป็นคนสุดท้าย แต่ก่อนนั้น… ข้าจะกินพวกแก่นทองคำให้หมดก่อน...”

ซากศพเย้ยหยัน มันแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำพุ่งทะยานราวกับข้ามมิติ กระทั่งปรากฏกายไกลออกไปเป็นร้อยลี้ในพริบตา ตรงไปยังที่ที่มีผู้เชี่ยวชาญกระจุกตัวอยู่

เมื่อผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นเห็นศพปรากฏตัว พวกมันเร่งทะยานกลับนิกายของตนอย่างรวดเร็ว

ยังเหลือประมุขนิกายอัสนีม่วง และผู้เชี่ยวชาญอีก 17 คนที่ยังเฝ้าสังเกตุการณ์อยู่

เมื่อศพนั้นใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาเข้าประชิดพวกมัน ทั้ง 17 คนหวาดกลัวและตกตะลึง

แทบจะทันทีที่มันปรากฏตัว มันยื่นมือที่มีกรงเล็บแหลมคมฉีกกระชากผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำคนหนึ่ง อาบโลหิต และกินร่างเข้าไป มันหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะตรงเข้าสังหารผู้เชี่ยวชาญคนที่สอง

“ไม่อร่อย… ไม่ทางเกิดเป็นผลไม้แห่งเต๋าแน่… น่าผิดหวังจริงๆ!”

ปีศาจตนนั้นถอนหายใจ มันฉีกร่างผู้เชี่ยวชาญคนที่ 2 ด้วยมือเปล่า โลหิตสาดกระจายไปทั่วนภา

การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็ว เพียงชั่วอึกใจมันก็สังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้แล้ว

เมื่อผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้นถูกสังหารไป 2 คน คนที่เหลือก็อุทานด้วยความตกใจก่อนจะแยกย้ายหลบหนีไปในทิศทางต่างๆ

“ย่างก้าวพริบตา! ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มไม่ผิดแน่ หนีเร็ว!”

“หนีไปคนละทาง!”

ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำเริ่มอยู่ไม่สุข สมบัติวิญญาณ เมฆเซียน หรือกระทั่งแก่นโลหิต พวกมันทุ่มทุกสิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด

เมื่อผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำเริ่มหลบหนี ปีศาจตนนั้นเผยสีหน้าโหดเหี้ยม มันทะยานติดตามผู้ที่หลบหนี ฉีกกระชากร่างของคนเหล่านั้น จนเสียกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงม

ผู้เชี่ยวชาญภายในเมืองหนิงสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวงแม้จะอยู่ไกลกว่า 100 จ้าง! ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำถูกสังหารอย่างต่อเนื่อง

การที่ได้เห็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่ไม่เกี่ยวถูกสังหารไปต่อหน้า ทำให้หนิงฝานไม่พอใจ

หนิงฝานไม่ได้โกรธแทนผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น เขากังวลว่าปีศาจตนนั้นจะยกระดับไปอีกขั้น

ในเมื่อปีศาจตนนั้นคือศพ ศพย่อมไม่มีปราณ แต่หากศพนั้นมีเส้นลมปราณศพอสูร บวกกับการถูกดัดแปลงด้วยวิชาแปลงศพ มันก็มีปราณได้

ปราณในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น หนิงฝานก็ยากจะรับมือแล้ว หากร่างศพของมันยกระดับ ผสานกับวิชาขัดเกลาร่างกาย หนิงฝานคงไม่อาจสู้ได้ หากยังปล่อยให้มันเข่นฆ่าสังหารและดื่มกินเลือดเนื้อเช่นนั้น มันจะกลายเป็นปีศาจที่แท้จริง และเมื่อนั้น ขอบเขตกระดูกเงินที่ 1 ของหนิงฝานคงไม่อาจต่อกรได้ มีเพียงแต่ต้องบรรลุขอบเขตกระดูกเงินที่ 4 เท่านั้น

“จะให้มันดื่มโลหิตไปมากกว่านี้ไม่ได้! สหายเต๋าจิงสั่ว ชู่ซวนเชียนสื่อ พวกท่านเร่งใช้วิชาย่างก้าวติดตามมันไป แยกกันจู่โจมระยะไกลอย่าให้มันได้สังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้อีก ส่วนข้าจะใช้สัมผัสเทพจู่โจมมันจากระยะไกล”

แววตาจิงสั่วเป็นประกาย มันเร่งทะยานด้วยวิชาย่างก้าวพริบตาไล่ตามไป ส่วนชู่ซวนเชียนสื่อใช้ปีกผีเสื้อของนางไล่ตามไปเช่นกัน

หนิงฝานทะยานขึ้นไปบนท้องนภา สัมผัสกระเป๋า นำประกาศิตสังหารออกมา!

ปีศาจตนนั้นคือร่างจริง เทียนยี่เป็นศพที่มันสร้าง ทำให้กลายเป็นศพที่มีชีวิต… ปีศาจตนนั้นมีปราณและสัมผัสเทพ แต่หากปีศาจตนนั้นยกระดับร่างกายไปอีกขั้น ปราณภายในร่างของมันจะสูญเสีย ดังนั้น เทียนยี่ที่เป็นศพมีชีวิต จึงจะกลายเป็นแหล่งเก็บปราณ โดยที่มีดวงตาที่สามบนหน้าผากของมัน เป็นส่วนเชื่อมต่อกับปีศาจตนนั้น

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ยามนี้เทียนยี่เกือบจะยกระดับร่างกายไปอีกขั้น ทำให้มันกักเก็บปราณได้มากขึ้น

เหตุที่เทียนยี่ต้องการโอสถก่อดวงจิต เพราะมันอยากยกระดับปราณ แม้มันจะมีปีศาจเฒ่าเป็นผู้บงการ และเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แต่ตัวมันยังไม่ใช่… มันต้องยกระดับปราณเพิ่มใช้วิชาของขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้

พวกมันแบ่งหน้าที่กันชัดเจน เทียนยี่ขัดเกลาปราณ ส่วนมันขัดเกลาร่างกาย ทำให้มันทรงพลังหาใดเปรียบ… ยามนี้ ผลจากวิชาลวงตาของมันยังส่งผลกับจิงสั่วและชู่ซวนเชียนสื่อ แต่ยามนี้ ทั้งสองต้องร่วมมือขัดขวางมัน

เมื่อเทียนยี่สังเหตุเห็นหนิงฝานนำประกาศิตสังหารออกมา มันคำรามลั่นและเร่งทะยานเข้าหาหนิงฝานอย่างบ้าคลั่ง เพื่อขัดขวางไม่ให้หนิงฝานใช้ประกาศิตสังหารได้

หนิงฝานได้ประกาศิตสังหารมาจากป่าแห่งภูติพราย เมื่อยามนั้น ผู้อาวุโสเผ่าครามใช้มันหวังสังหารเขา แต่ผลที่ได้กลับกลาย หนิงฝานได้ครอบครองสัมผัสกระบี่ในที่สุด

ด้วยประกาศิตนี้ ผู้เชี่ยวชาญต่ำกว่าดวงจิตแรกเริ่มต้องตาย แม้ในประกาศิตจะหลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของปราณกระบี่สังหารเซียน แต่หนิงฝานยังคงหวาดกลัว

ก่อนจะใช้ประกาศิตนั้น ต้องมีแท่นบูชายัญ จากนั้นรวบรวมปราณของเป้าหมาย ผสานเข้ากับประกาศิต กระตุ้นแท่นบูชายัญเพื่อชักนำปราณพิภพเพื่อจู่โจมและกลิ่นอายของเหล่าจักรพรรดิในแดนสวรรค์ แต่ด้วยหนิงฝานมีกลิ่นอายของจักรพรรดิสวรรค์ จึงไม่จำเป็นต้องใช้แท่นบูชายัญ

หนิงฝานไล่ตามปีศาจเฒ่าไม่ทัน จึงคิดจะใช้ประกาศิตสังหารจู่โจมจากทางไกล

เดิททีหนิงฝานคิดจะเก็บประกาศิตสังหารไว้เพื่อดูดซับปราณกระบี่ให้กับสัมผัสกระบี่ หนิงฝานรู้ว่ายากที่จะยกระดับสัมผัสกระบี่ได้ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น

เทียนยี่ยังคงไล่ตามหนิงฝานไม่ลดละ และจู่โจมหนิงฝานอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่เทียนยี่ไล่ล่านั้น หนิงฝานยังไม่ใช้ประกาศิตสังหาร เขาเพียงต่อสู้ป้องกันตัว เพราะหากไม่ระวัง ดวงตาที่ 3 ของมันจะลอบจู่โจมจนทำให้เขาบาดเจ็บอย่างหนัก

ทำอย่างไรดี?

หนิงฝานร่นถอยพลางมองไปยังกำแพงเมืองหนิง เขาเห็นกุ่ยเชว่สื่อยิ้มอย่างอับอาย

มันอยากช่วยหนิงฝาน แต่ไม่อาจรับมือกับวิชาลวงตาของเทียนยี่ได้

จื่อเฮ่อตระหนก นางหันมองซือซือก่อนที่สีหน้าของนางจะสงบลง

เพราะซือซือปลดปล่อยแรงกดดันครึ่งก้าวดวงจิตแรกเริ่มออกมา เจิดจ้าราวกับแสงตะวันศักดิ์สิทธิ์

“หนิงฝาน ข้าช่วยเจ้าเอง...” นางไม่ได้เรียกหนิงฝานว่านายท่าน!

แต่หนิงฝานไม่มีเวลาให้ขบคิด หากได้นางช่วยอีกแรง นับเป็นเรื่องดี

ซือซือหรือซื่อหวูเสีย ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งของแคว้นเยว่ ด้วยโอสถเมฆาทองคำ ทำให้นางฟื้นฟูพลังจนถึงครึ่งก้าวดวงจิตแรกเริ่ม นางมีวิธีในการจัดการกับวิชาลวงตาของเทียนยี่

เมื่อนางสังเกตุเห็นเส้นสายสีแดงของสัมผัสเทพเทียนยี่ นางสะบัดชายเสื้อ ส่งเส้นแสงสายรุ้งเข้าทำลายวิชาลวงตา… นางร่ายรำด้วยท่วงท่าที่งดงามอ่อนช้อย แต่เส้นแสงรุ้งเหล่านั้นกลับกระหน่ำฟาดฟันเทียนยี่ในร่างยักษ์ จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว กระทั่งบังคับให้มันร่นถอยไป ยื้อเวลาให้หนิงฝานได้ใช้ประกาศิตสังหาร

เหนือกำแพงเมืองหนิง กุ่ยเชว่ยิ้มอย่างขมขื่น มันหวังจะช่วยแต่ทำไม่ได้… ผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้ามองการต่อสู้ภายในเมืองหนิงตกตะลึงกับพลังของซือซือ

จื่อเฮ่อที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็แปลกใจ ว่าเหตุใดซือซือผู้บริสุทธิ์ ถึงได้กลายเป็นดุดันเช่นนั้น!

หนิงฝานมองซือซือและสังเกตุเห็นความผิดปกติ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจ

หนิงฝานขยับมือเป็นท่าทาง ชักนำกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิสวรรค์ในสร้อยหยินยางออกมา เหยียบย่างนภาสูง ปลดปล่อยกลิ่นอายของจักรพรรดิสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ ราวกับเป็นผู้ปกครองทั้งจักรวาล

“ด้วยนามของข้าหนิงฝาน ของใช้ประกาศิตสังหาร!”

แรงกดดันของหนิงฝานแผ่ปกคลุมไปทั่วเมืองหนิง แรงกดันนี้ดูเก่าแก่โบราณ แตกต่างจากแรงกดดันของหนิงฝานโดยสิ้นเชิง… ผู้ที่สัมผัสกับแรงกดดันล้วนหวาดกลัวเว้นแต่เพียงปีศาจเฒ่า แรงกดดันนั้นราวกับพิภพสวรรค์ ราวกับตะวันจันทรา กุ่ยเชว่สื่อและผู้เชี่ยวชาญในเมืองหนิงล้วนแหงนหน้ามองด้วยความหวาดกลัว

ไป๋เฟยเถิงเองก็เช่นกัน มันไม่กล้าละสายตาจากหนิงฝาน

“นี่มันแรงกดดันระดับใดกัน?!” ปู้ขวางเฝินสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ผิดกับยุ่ยฉีที่ยืนกอดหมูยิ้มอย่างภาคภูมิ

“นี่คือแรงกดดันของนายน้อยข้า! ปู้ขวางเฝิน ข้าติดตามนายน้อยและภักดีสุดหัวใจ อีกไม่กี่ปีข้าก็จะก้าวล้ำเจ้าแล้ว!”

ยุ่ยฉีกับปู้ขวางเฝินเป็นศัตรูกัน แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลามาทะเลาะ

เมื่อหนิงฝานใช้งานประกาศิตสังหาร เงาภาพของกระบี่สังหารเซียนขนาดยักษ์ 4 เล่มก็ปรากฏ ผสานกันกลายเป็นกระบี่ขนาดยักษ์ที่ปกคลุมไปทั่วท้องนภา

“ไม่ต้องสังหาร แค่ทำให้มันบาดเจ็บสาหัสก็พอ” แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา

ยามนี้ปีศาจเฒ่ายังไม่รู้ว่าหนิงฝานทำอะไร มันยังคงใช้ก้าวย่างพริบตาเข่นฆ่าสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำอย่างต่อเนื่อง… จนยามนี้ ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่เหลือรอดมีเพียง 3 คนเท่านั้น ผู้ที่รอดคือประมุขนิกายอัสนีม่วง ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลางและขั้นสูงอีก 2 คน

เมื่อปีศาจเฒ่าหันมองประมุขนิกายอัสนีม่วง มันหวาดกลัวแทบสิ้นสติ

“แย่แล้ว ข้าเป็นเป้าหมายต่อไปของมัน!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด