บทที่ 176 - ทุกๆคนคือผู้พิทักษ์ (2) (11-07-2019)
บทที่ 176 - ทุกๆคนคือผู้พิทักษ์ (2)
แม้ว่าจะผ่านไปหนึ่งปีแล้วนับตั้งแต่ที่ยูอิลฮานจากไปเขาก็ยังไม่ได้กลับมา
โชคดีที่ว่าเขาได้ทำอุปกรณ์ตุนไว้ให้แวนการ์ดกับน้ำตาน้าฟาไว้มากพอใช้ไปอีกหลายปี แต่ยังไงก็ตามพ่อแม่ของยูอิลฮาน และคนที่เขาใกล้ชิดด้วยต่างก็เป็นกังวล
และในวันหนึ่งคังมิเรย์ก็ได้รับการติดต่อมา จากใครกันล่ะ? จากคนที่เธอกลัวมากที่สุดในโลกตอนนี้ แม่ของยูอิลฮาน คิมเยซอล คังมิเรย์ได้มุ่งหน้าไปหาแม่ของคังมิเรย์พร้อมกับนายูนาและยูมิลที่ตามมาด้วย
แต่ว่าหญิงสาวที่งดงามที่ดูแล้วอายุน้อยกว่า 30 เสียอีกกลับเป็นคนมาต้อนรับพวกเธอ
"หนูเป็นพี่สาวของยูมิลหรอจ่ะ"
"โอ้ หนูดูเป็นแบบนั้นหรอ?"
"มะ ไม่ใช่หรอ!? ขอโทษนะจ่ะ!"
คังมิเรย์ได้รับคะแนนตั้งแต่เริ่มเลย
"งั้นคือยูอิลฮานไม่ได้ติดต่อหาหนูเลยสินะ"
"ใช่แล้วค่ะ จะมีก็แต่สัญญาณเป็นระยะ..."
คังมิเรย์คิดว่าครอบครัวของยูอิลฮานน่าจะรู้อะไรเรื่องเขาบ้าง แต่ว่าคิมเยซอลก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเธอ นอกไปจากนี้ที่เธอติดต่อหาคังมิเรย์ก็เพราะว่าเธอคิดว่าเธอจะได้อะไรจากคังมิเรย์บ้างเช่นกัน
"ที่รัก ลูกไม่ได้ติดต่อหาคุณเลยใช่ไหม?"
"คุณพูดอะไรน่ะ ในตอนที่ลูกผู้ชายกำลังทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่..."
"จ้า จ้า ช่างมันเถอะ"
คิมเยซอลได้มองไปทางยูยงฮานที่กลับมาจากทำงานที่แวนการ์ด ด้วยสายตาที่คิดว่าเขาน่าจะรู้ แต่ว่าคำตอบที่ได้กลับน่าผิดหวัง ในที่สุดแล้วคังมิเรย์ก็สังเกตเห็นยูยงฮานแล้วตกใจออกมา
"โอ้ว คุณลุงก็อยู่ด้วย หนูขอโทษนะคะ...!"
"แค่กๆ ไม่ต้องกังวลหรอก ในบางครั้งตัวตนของฉันก็เล็กจ้อยน่ะ"
คังมิเรย์ได้รู้สึกว่าเลือดจับตัวแข็งขึ้นมา แต่จากนั้นเธอก็ยังคิดขึ้นได้ว่ายูอิลฮานเป็นลูกชายของยูยงฮานและส่ายหัวออกมา คิมเยซอลได้มองมาที่คังมิเรย์ด้วยสายตาที่ดูพึงพอใจแปลกๆและตบไหล่ของเธอด้วยรอยยิ้ม
"ไม่ต้องห่วงหรอกจ่ะ ถ้าเป็นอิลฮานต้องไม่เป็นไรหรอกน่า หนูก็ยุ่งอยู่ไม่ใช่หรอจ่ะ? แม่เห็นหนูอยู่บนทีวีอยู่ตลอดเลยนี่ หนูทำงานอยู่ในแนวหน้านี่นา"
"มะ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ทั้งหมดนี่ก็เพราะยูอิลฮาน สำหรับหนูแล้วแทบไม่ได้ทำอะไร..."
คิมเยซอลได้ยิ้มออกมามากขึ้นและยิ่งกว้างขึ้นมาอีกเมื่อได้เห็นนายูนาที่กอดยูมิลอยู่ข้างๆคังมิเรย์
ลูกชายคนนี้ของเรามีพรสวรรค์จริงๆเลยนะ! เมื่อคิดดูแล้วถึงเขาจะมีเลือดของยูยงฮานไหลอยู่ภายในตัว แต่ครึ่งหนึ่งก็เป็นสายเลือดเธอนี่นา!
"โอ้จริงด้วย หนูจะอยู่กินข้าวด้วยกันไหม?"
"ไม่หรอกนะ จริงๆแล้วหนูจะต้องไปจัดการกับประตูมิติค่ะ... ขอโทษนะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอกจ่ะ ถ้าอย่างนั้น"
"?"
ในตอนคังมิเรย์กำลังสงสัย คิมเยซอลก็ได้ถามออกมาเบาๆ
"จากที่แม่เห็นหนูในทีวี หนูเป็นคนใช้สายฟ้าได้สุดยอดเลยนี่ คุณชำนาญในเรื่องเวทมนตร์เป็นอย่างดีเลยใช่ไหม?"
"หนูก็มั่นใจในระดับหนึ่งค่ะ..."
"มีพรสวรรค์จังเลยนะจ่ะ เวทมนตร์นี่มันเรียนได้ยากมากเลยนะ"
"นั่น... หนูเทียบไม่ได้กับอิลฮานหรอกค่ะ"
คังมิเรย์กำลังจะดูถูกในพลังของเธอ แต่ว่าเมื่อคิดดูแล้วมันก็ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปเทียบกับคนอื่น
"ถ้างั้นขอเวลาสักเดี๋ยวหนึ่งได้ไหมจ่ะ? แม่มีอะไรจะให้หนูดู ด้วยสายตาของแม่ตีความมันไม่ออกเลย ดังนั้นแม่อยากจะขอความเห็นจากคนอื่นดูน่ะ"
"ว่าไงนะคะ?... คุณแม่ใช้เวทย์ได้ด้วยเหมือนกันหรอคะ?"
คิมเยซอลได้หยักหน้าราวกับดอกไม้บานขึ้นมา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าที่เธอยิ้มเพราะการที่คังมิเรย์เรียกเธอว่าแม่หรือภูมิใจเรื่องความสามารถกันแน่นอกจากเธอ
"ถ้างั้นก็เข้าไปข้างในกันเถอะนะ"
"ค่ะ"
ทำไมต้องเปลื่ยนที่กันนะ? คังมิเรย์ได้เดินตามคิมเยซอลไปอย่างสับสน แน่นอนว่านายูนากับยูมิลก็ตามทั้งคู่เข้าไปข้างในด้วย
ที่ที่พวกเธอมุ่งหน้าไปก็คือห้องนอน ถึงแม้ว่าห้องดูจะเป็นเหมือนห้องนอนตามปกติตามบ้านทั่วๆ แต่ว่าในทันทีที่คิมเยซอลได้ปิดประตูและม่านลงก็ได้เริ่มมีมานาแปลกๆไหลเวียนอยู่ คังมิเรย์รู้สึกสังหรณ์ใจได้ถึงบาเรียชนิดหนึ่งในทันที
"คุณแม่คะ...?"
"มันอันตรายเกินไปที่จะทำแบบนี้ข้างนอก ไม่ว่าแม่จะดูยังไงก็ตามมันดูเหมือนจะมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่เกี่ยวข้องด้วย แต่ว่าอย่างน้อยภายในนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าข้อมูลจะรั่วไหลออกไป
ในทันทีที่คังมิเรย์ได้ยินแบบนี้ เธอก็รู้สึกตัวสั่นขึ้นมา บาเรีย? บาเรียที่หลบหลีกจากการเฝ้ามองจากสิ่งมีชีวิตชั้นสูง?
แม้แต่เธอยังไม่มั่นใจเลยว่าจะสร้างบาเรียแบบนี้ได้ ไม่ยิ่ง ไม่ใช่แค่นั้น นับตั้งแต่ที่เธอเรียนเวทย์มาเธอไม่เคยเจอจอมเวทย์คนไหนที่สร้างบาเรียที่มีความสามารถแบบนี้ได้
แน่นอนว่าเธอจะต้องใช้อาร์ติแฟคในการช่วย...เดี๋ยวนะ อาร์ติแฟค? เธอคนนี้มีอาร์ติแฟคที่มีความสามารถในการสร้างบาเรียระดับสูงแบบนี้งั้นหรอ? ยูอิลฮานเป็นคนทำงั้นหรอ? แต่ว่าเขาไม่เห็นเคยพูดถึงความสามารถของคิมเยซอลเลยนี่...
ระหว่างคังมิเรย์กำลังตกอยู่ในความสับสนจากเศษเสี้ยวความสามารถของคิมเยซอล คิมเยซอลก็ได้หยิบเอาคทาออกมาเหวี่ยงเบาๆแล้ว และแบบนั้นรอยแยกจากอาการก็ได้แตกร้าวขึ้นมา นี่คือมิติเก็บของ
มิติเก็บของ!?
"คุณแม่คะ!?"
"แม่เก็บมันไว้ในนี้แหละ"
คังมิเรย์ได้ล้มเลิกความคิดที่จะตัดสินอะไรแล้ว จนถึงตอนนี้คังมิเรย์คิดว่ายูอิลฮานเป็นพวกกลายพันธ์ แต่ว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น นี่มันคือการถ่ายทอดทาง DNA ต่างหากล่ะ
"ค่ะ หนูขอดูหน่อย"
"ฟุฟุ ไม่ต้องกังวลไปหรอกจ่ะ ของสิ่งนี้มันได้สูญเสียพลังของมันในฐานะวงเวทย์ไปนานแล้ว"
"วง...เวทย์...?"
คังมิเรย์ได้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ว่าคิมเยซอลก็ไม่ได้ใส่ใจเลย เธอได้สะบัดคทาของเธอ เพราะแบบนี้ทำให้มีบางสิ่งสีแดงหนาค่อยๆออกมาจากรอยแยกบนอากาศอยางช้าๆ
สิ่งนี้รูปร่างแต่เดิมทีมันไม่ได้บุบสลายไปเลย มันเป็นวงเวทย์ที่สูญเสียแกนกลางพลังไปแล้วและในตอนนี้มันก็ถูกเวทย์ที่แข็งแกร่งผนึกเอาไว้โดยสมบูรณ์อีกด้วย
"นี่มัน..."
"หนูเข้าใจมันด้วย?"
คิมเยซอลได้ยิ้มออกมาอย่างลำบาก
"แม้ว่ามันจะน่าอายสำหรับแม่ที่จะพูดแบบนี้ แต่ว่าเจ้าสิ่งนี้มันแข็งแกร่งมากๆลยล่ะ ถึงแม่จะใช้เวทย์ได้ดี แต่ในด้านทฤษฏีมันไม่ใช่ด้านความเชี่ยวชาญของแม่น่ะ หนูเข้าใจมันใช่ไหม?"
คังมิเรย์ได้กำลังจะตอบไปว่าเธอก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับไอเทมที่น่ากลัวนี่เลย แต่ว่าเธอก็พอจะเข้าใจในบางส่วนของตัวอักษรที่สลักอยู่บนวงเวทย์ได้
และนี่มันคือสิ่งที่เธอได้เคยเห็นมาจากสิ่งประดิษฐ์ที่หาได้ยากมากๆของยูอิลฮาน
"ใช่ค่ะ หนูคิดว่าหนูพอจะเข้าใจ"
คังมิเรย์ได้กัดฟันตอบกลับไป
"ดูเหมือนว่าคุณแม่... จะได้ไปเจอเข้ากับแผนการของเทวดาตกสวรรค์"
คังมิเรย์ได้เข้าใจถึงตัวอักษรบางส่วนได้สำเร็จจากการเทียบกับตัวอักษรที่สลักอยู่บนปีกของยูอิลฮาน เสียงเพรียกแห่งการล่มสลาย
เมื่อคังมิเรย์ได้ถามถึงเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายเมื่อก่อน ยูอิลฮานก็ได้ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่าเขาได้รับแรงบรรดาลใจนี่มาจากภาษาเวทย์ที่พวกสิ่งมีชีวิตชั้นสูงใช้กัน นี่มันก็หมายความว่ามันจะต้องมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับกองทัพจรัสแสงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทูตสวรรค์แน่
จากการที่กองทัพจรัสแสงได้ร่วมมือกันกับกองทัพปีศาจแห่งการทำลายก่อนหน้านี้ พวกนั้นก็น่าจะมีแผนที่จะทำอะไรร่วมกันในเวลานี้ ยังไงก็ตามสิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดเลยก็คือเธอไม่อาจจะรู้ได้ว่าพวกนั้นวางแผนจะทำอะไรจากวงเวทย์นี่
"ถ้างั้นมันเป็นของภายในโลกที่คุณแม่เชื่อมต่ออยู่"
"แล้วมันก็อยู่ในที่ที่ลับตามากๆด้วย อะแฮ่ม มันก็เพราะว่าแม่ใช้เวทย์ได้ดีก็เลยหาได้เจอ แต่ว่าสำหรับคนอื่นๆก็คงยากแน่"
"งั้นแม่กำลังจะบอกว่า..."
"จะเป็นยังไงกันถ้าเกิดมีของแบบนี้ในโลกอื่นๆด้วย? โลกที่แม่อยู่น่ะค่อนข้างจะสงบสุขไร้การแทรกแซงจากสิ่งมีชีวิตชั้นสูง แต่ไม่ว่ายังไงแม่กลับไปเจอเจ้าสิ่งนี้ได้ แม่คิดว่าบางทีในโลกอื่นๆก็อาจจะมีสิ่งนี้เช่นกันด้วย แล้วหากว่ามันเป็นเรื่องจริง วงเวทย์พวกนี้ก็ไม่น่าจะถูกสร้างขึ้นมาอันตรายอะไรกับในแต่ละโลกอื่นๆ กลับกันเลยมันกำลังเล็งเป้ามาที่ผู้คนบนโลกของพวกเรา"
คิมเยซอลเป็นคนๆหนึ่งเลยที่ฉลาดกว่าทูตสวรรค์ไร้ประโยชน์ นี่มันน่าทึ่งมากๆเลยที่เธอได้เจอเข้ากับวงเวทย์และทำให้วงเวทย์ไร้ผลลงไปได้ แต่ว่าเธอกลับได้ข้อสรุปทั้งหมดนั่นจากการเจอเข้ากับแค่วงเวทย์วงเดียว!
"ยังไงก็ตามเพื่อที่จะพิสูจน์ทฤษฏีนี้ แม่จะต้องดูก่อนว่ามีวงเวทย์แบบนี้ในโลกอื่นหรือไม่ นั่นเป็นเหตุผลที่แม่เรียกหนูมาที่นี่ไงล่ะ แม่ไว้ใจหนูจากการที่หนูทำงานร่วมมือกับลูกแม่มาตลอดแล้วก็หนูยังเป็นจอมเวทย์คนหนึ่งอีกด้วย"
"...ขอบคุณค่ะ"
แม้ว่าความจริงแล้วสถานการณ์จะเร่งด่วนเอามกาๆ แต่แก้มของคังมิเรย์ก็แดงขึ้นมา คิมเยซอลได้หัวเราะออกมาเมื่อคิดได้ว่าเธอคนนี้ไม่ได้คิดจะซ่อนเจตนาหรือความคิดอะไรเลย นี่มันยิ่งน่าขำขึ้นไปอีกเมื่อคังมิเรย์ไม่ยอมยอมรับความจริงนี้
ระหว่างที่ผู้ที่เชี่ยวชาญการซ่อนตัวไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ คิมเยซอลก็ได้ใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับการตัดสินในศักยภาพของลูกเขยเธอ ยูมิลกับนายูนาก็ยังมองดูที่วงเวทย์
"ภายในสิ่งนี้มันมีมานาจำนวนมหาศาลอยู่นี่นา นี่เหมือนกับมานาที่พี่สาวทูตสวรรค์ใช้เลย"
"แต่ว่ามันไม่ได้ดูเหมือนจะมีออร่าชั่วร้ายอยู่เลยนะ สิ่งนี้จะไปทำอันตรายต่อโลกเราจากการสร้างวงเวทย์นี้ที่โลกอื่นได้กันไงกันน้า~"
"ก่อนอื่นไปดูกันก่อนดีกว่า ไว้เจอก่อนค่อยสรุปมันก็ยังไม่สาย"
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือพวกเขาไม่รู้ว่าใครที่ไว้ใจได้บ้าง นี่มันชัดเจนแล้วว่ามีคนทรยศในหมู่ของทูตสวรรค์ และพวกเธอก็ไม่ได้มีศักยภาพมากพอที่จะหาทูตสวรรค์มาถกเรื่องนี้ด้วยได้ จะมีทูตสวรรค์ก็แค่สองคนในตอนนี้ที่นับว่าเป็นพันธมิตรนั่นคือเอิลต้ากับเลียร่า แต่ในตอนนี้พวกเธอต่างก็อยู่กับยูอิลฮาน
เรื่องนี้จะถูกแก้ได้ง่ายๆเลยหากว่ายูอิลฮานอยู่ที่นี่ - เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วคังมิเรย์ก็ได้ถอนหายใจออกมาก่อนจะตีแก้มตัวเอง เธอเพิ่งจะตัดสินใจไม่พึ่งพาเขา แต่แล้วสัญชาตญาณของเธอก็กลับมองหาเขา นี่เธออ่อนแอแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
"พวกเราจะไว้ใจสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไม่ได้ พวกเราจะต้องเคลื่อนไหวกันเองแล้ว"
"ใช่แล้ว ถ้ามีมิลมาร่วมด้วย เราทำได้แน่~"
"เฮะๆ"
ยูอิลฮานได้เชี่ยวชาญในการปกปิดตัวตนแล้วเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยการปกปิดตัวตนของเขาที่มีผลรวมถึงปาร์ตี้ด้วยก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกแล้ว
"อ่า คุณแม่ค่ะ เป็นไปได้ไหมที่คุณแม่จะนำเรา..."
"แน่นอนสิว่าฉันจะช่วย ฉันเป็นคนยกเรื่องนี้มาคุย ฉันจะทิ้งงานเอาไว้ได้ยังไงกันล่ะ?"
คังมิเรย์ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินแบบนี้ เมื่อมีพันธมิตรจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งมาช่วยอีกก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องกลัว! เมื่อรวมกับพลังของมิลไปด้วยเธอคิดกระทั่งว่าอาจจะต่อกรกับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้เลยด้วยซ้ำ
ถ้าจะมีคำถามอยู่ก็คงจะเป็นว่าทำไมคนที่แข็งแกร่งแบบนี้ถึงไม่เป็นที่รู้จักมาจนถึงตอนนี้... คิมเยซอลได้เกาแก้มของตัวเองและหัวเราะออกมาราวกับอ่านใจเธอได้
"แม้ว่าแม่จะไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรเลยมาจนถึงตอนนี้ แต่แม่ก็คิดว่าแม่ก็น่าจะทำหน้าที่แทนลูกชายแม่ได้สักนิด"
"อ่า จริงด้วย ถ้าอิลฮานอยู่ที่นี่เรื่องแบบนี้ก็เล็กน้อยมาก..."
คังมิเรย์ได้ทำผิดพลาดอีกครั้งแล้ว
"พวกเราจะไปกันในทันทีที่คุณแม่พร้อม"
"แม่พร้อมเสมอแหละ แต่หนูล่ะ? หนูยังมีอีกหลายเรื่องต้องไปทำไม่ใช่หรอ?"
คิมเยซอลได้ถามออกมา แต่คังมิเรย์ได้สายหัวโดยไม่แม้แต่จะคิด
"หนูรู้สึกว่าถ้าเราปล่อยวงเวทย์นี้เอาไว้อาจจะจบลงด้วยเหตุการณ์ที่ไม่อาจย้อนคืนก็ได้ เรื่องนี้มีความสำคัญที่สุดแล้วในตอนนี้ แม้ว่าเรื่องอื่นๆก็สำคัญอยู่... แต่หนูรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมาก่อน"
"หนูเอ้ย ถ้าเป็นแบบนี้ร่างกายหนูจะพังเอานะถ้าแบกรับทุกอย่างแบบนี้ หญิงสาวที่สวยงามไม่ได้มีชีวิตของตัวเองเลย"
"คุณแม่ หนูน่ะต่างไปจากมิเรย์นะ ตราบใดที่เพื่อนหนูยอดเยี่ยม หนูก็ไม่เป็นไร!"
"นั่นมันเล็กน้อยมากสาวน้อย หืม แม่กำลังอะไรระหว่างหนูสองคนอยู่เลย"
"อ่า"
นายูนาได้ตกใจไป งั้นเหตุผลที่ยูอิลฮานปฏิเสธเธอได้ก็เพราะเขาต้องได้มาจากแม่เขาแน่! เมื่อคิดได้ว่าครอบครัวนี้ช่างมีเสน่ห์มากๆ นายูนาได้เต็มไปด้วยความหลงใหลทำให้คังมิเรย์ต้องมาเขกหัวเธอ
"ในเมื่อแม่บอกว่าพร้อมแล้วงั้นเราก็ไปกันเถอะ"
"เราจะไปกัน 4 คนหรอ? รอบนี้ไม่พาพี่ฮาจินไปหรอ?"
"ใช่แล้ว แค่สี่คนเราก็ร่วมมือกันแข็งแกร่งมากพอแล้ว พี่ชายของฉันยังจำเป็นต้องอยู่ดูแลกลุ่มเทพสายฟ้าในตอนที่ฉันไม่อยู่"
คังฮาจินที่น่าสงสารได้รับภาระโดยที่เขาไม่ต้องการอีกแล้ว คิมเยซอลได้หัวเราะมาเมื่อได้ยินการพูดคุยกันนี้และกอดยูมิล
เหตุผลที่ตัดสินใจเคลื่อนไหวจริงๆแล้วก็เพราะมิลด้วย ยูมิลเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดแล้วที่จะช่วยให้เคลื่อนไหวได้โดยหลีกจากการเฝ้ามองของคนอื่นๆ
ยูมิลที่ได้รับการยกย่องได้มองไปที่คุณย่าของเขาด้วยสายตาหน้ารักและถูแก้มของเขากับเธอ
"มิลของย่า หนูจะต้องปกป้องย่าคนนี้โอเคนะ?"
"ครับผม! ผมจะปกป้องย่าเอง!"
มันจะดูสมเหตุสมผลกว่าหากคิมเยซอลถูกมิลเรียกว่าพี่สาวเพราะคิมเยซอลดูเด็กกว่าอายุมากๆ แต่ว่าคังมิเรย์กับนายูนาก็ตัดสินใจไม่ไปพูดอะไร
กลับกันพวกเธอได้ตัดสินใจที่จะดูแลผิวดีๆในอนาคต มันคงจะน่าเศร้าแน่ๆหากยูอิลฮานบอกว่าพวกเธอดูแก่กว่าแม่ของเขา