GE134 สงคราม (2) [ฟรี]
สือหยินกล่าวเตือนช้าไป
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้อาวุโสจื่อโม่กลับไหวตัวทัน มันกระตุ้นข่ายอาคมป้องกัน ปกป้องเรือเหาะหลักได้ทันท่วงที แต่เรืออีก 2 ลำไหวตัวช้า และถูกทำลายไป
การจู่โจมผสานแก่นโลหิต แม้เป็นข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มยังทำลายได้ แต่ข่ายอาคมสะท้อนการจู่โจมกลับยังเพิ่มอานุภาพให้รุนแรงขึ้นอีก 3 ส่วน เมื่อเหล่าศิษย์นิกายจี๋หลิงที่แทบจะหมดปราณต้องเผชิญหน้า จึงกลายเป็นฝันร้ายของพวกมัน
เรือเหาะสองลำถูกทำลาย ศิษย์นิกายที่อยู่บนนั้นร่างสลายโดยไม่มีเวลาให้ร้อง
แต่เรือหลักที่ป้องกันได้ทันก็เสียหายหนักไม่แพ้กัน หลายส่วนของเรือถูกทำลาย
บนเรือ... ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ 13 คนช่วยกันผสานพลังป้องกันการจู่โจม รอด 3 ตายอีก 9 ส่วนผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำยังเหลือรอด แต่ทุกคนล้วนบาดเจ็บสาหัส
เมื่อเรือเหาะเสียการควบคุม เรือก็เริ่มดิ่งลงพื้นแล้วกระแทกอย่างรุนแรง
และนั่น… ทำให้ผู้ที่เหลือรอดจากสะท้อนกลับของพลังบางคนตกตาย ปราณแห่งความตายจำนวนมหาศาลปกคลุมเมืองหนิง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญของนิกายฝ่ายธรรมะและอธรรมที่เฝ้ามองจากไกลๆหวาดกลัว พวกมันไม่เคยคาดคิดว่าจะมีข่ายอาคมที่สะท้อนการจู่โจมได้
ภายในเมืองหนิง… กองทัพทั้งสี่ปั่นป่วนเมื่องครู่กลับคืนสู่ความเงียบสงบ พวกมันเชื่อว่าหนิงฝานมีวิธีรับมือกับการจู่โจม แต่คาดไม่ถึงว่าจะโต้กลับด้วยข่ายอาคมสะท้อนการโจมตี
ทุกคนตกตะลึงกับข่ายอาคมที่สะท้อนการจู่โจมได้
น่าเสียดายที่หนิงฝานไม่กล่าวสิ่งใด เขาเพียงมองข่ายอาคมที่กำลังจางหายไปช้า พลางส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
สือหยินเข้าใจว่าข่ายอาคมสะท้อนการจู่โจมคือข่ายอาคมระดับเซียน แต่โชคร้ายที่ยังไม่ถึงระดับนั้น เพราะด้วยความสามารถของหนิงฝาน เขาทำได้เพียงข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่ม
ข่ายอาคมแบ่งออกเป็น ‘ข่ายอาคมวิญญาณ’ และ ‘ข่ายอาคมไร้ลักษณ์’… ข่ายอาคมวิญญาณแบ่งแยกย่อยเป็น ‘ข่ายอาคมระดับแก่นทองคำ’ ‘ข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่ม’ และ ‘ข่ายอาคมระดับตัดวิญญาณ’… ส่วนข่ายอาคมไร้ลักษณ์ แบ่งแยกย่อยออกเป็น ‘ข่ายอาคมมนุษย์ไร้ลักษณ’ และ ‘ข่ายอาคมเซียนไร้ลักษณ์’... ตัวอย่างของข่ายอาคมมนุษย์ไร้ลักษณ์คือ ‘ข่ายอาคมขุนเขาสายน้ำหวนกลับ’ ที่หนิงฝานเคยใช้ทำลายนิกายไท่ชูไพ่ ข่ายอาคมระดับนี้สามารถทำอันตรายผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกได้ แต่ไม่มากนัก หากผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกแข็งแกร่ง ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวข่ายอาคมระดับนี้
แต่หากเป็นข่ายอาคมเซียนไร้ลักษณ์ อานุภาพของมันจะรุนแรงยิ่งกว่าจนเทบไม่ติด แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แย่งแยกที่ 9 ที่กำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นเซียน ก็ยากที่จะต้านรับอานุภาพของมันได้
ตัวตนระดับเซียนนั้น เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนใฝ่ฝัน…
ข่ายอาคมดาราโคจรของหนิงฝานเป็นข่ายอาคมเซียนไร้ลักษณ์ระดับสูงมาก แม้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ก็ยากจะต้านรับมัน ยามนี้… แม้หนิงฝานจะวางข่ายอาคมไม่สมบูรณ์ แต่มันก็รุนแรงพอจะทำลายผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรเป็นกองทัพ
“ตะวันเปรียบดั่งนักบุญ… จันทราเปรียบดั่งจักรพรรดิ… ดาราเปรียบดั่งเทพ...” หนิงฝานจ้องมองข่ายอาคมที่กำลังสลายไป พลางลูบสัมผัสดวงดาราที่หน้าผากของตน ครุ่นคิด
ดาราเปรียบดั่งเทพ… เทพปีศาจหรือเทพ ล้วนแต่เป็นดารา… เซียนเปรียบดั่งจักรพรรดิ จักรพรรดิทุกคนล้วนได้พลังจากจันทรา… แต่นักบุญ...คือสิ่งใด? ความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ไม่ได้กล่าวถึงสิ่งนี้ บางที จักรพรรดิสวรรค์อาจไม่รู้ หรือบางที จักรพรรดิตะวันที่เป็นอาจารย์ของจักรพรรดิสวรรค์อาจไม่กล้าบอกศิษย์ของตน
ขณะที่หนิงฝานขบคิด สือหยินที่เสียศิษย์นิกายไปมากมายโกรธแค้น มันแผดเสียคำรามด้วยโทสะ ฝั่งเทียนยี่ มันแสยะยิ้มราวกับคาดการไว้เรียบร้อยแล้ว
ฉากที่เต็มไปด้วยโลหิตจากการที่เรือเหาะตกเบื้องหน้า ทำให้จื่อเฮ่อแทบอาเจียน แต่ชู่ซวนเชียนสื่อไม่อาจทนได้
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลต่อหนิงฝาน สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย… เพราะครั้งแรกที่เขาพบหานหยวนจี๋ เขาก็พบเจอกับฉากนองเลือดเช่นนี้
แม้สีหน้าของเขาจะยังเรียบเฉย แต่สัมผัสเทพของเขากลับยังไม่ละออกจากเทียนยี่
ยามนี้ กลิ่นอายของเทียนยี่เพิ่มพูนทรงพลัง จากการดูดซับปราณแห่งความตายของศิษย์นิกายจี๋หลิงที่ตายไป ศพที่อยู่ในโลงข้างหลังของมันก็แผ่กลิ่นอายที่อันตรายยิ่งขึ้น
หนิงฝานขมวดคิ้ว… เทียนยี่ผู้นั้นมีเส้นลมปราณปีศาจโบราณที่หาได้ยาก!
“‘เส้นลมปราณศพอสูร’... เทียนยี่ผู้นั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นศพที่มีชีวิต! ผู้เป็นนายของมันซ่อนตัวอยู่ภายในโลงศพสีดำนั่น… มันแปรเปลี่ยนให้นิกายเต๋าสวรรค์ทั้งหมด ทั้งประมุข และศิษย์ให้เป็นศพ! การที่มันสร้างเทียนยี่ที่บรรลุกึ่งดวงจิตแรกเริ่มให้เป็นศพได้ แสดงว่ามันต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม… ที่มันไม่ยอมปรากฏตัวและอาบชักใยอยู่เบื้องหลังสมควรมีเหตุผลแอบแฝง… หากไม่เพราะมันบาดเจ็บอยู่ อาจจะเป็นเพราะมีนคือศพปีศาจ… ศพที่ยกระดับจนเป็นปีศาจ หากมันก้าวหน้าอีกขั้น มันจะกลายเป็นเซียน มันคงมีความโกรธแค้นที่ยากจะปล่อยวาง จนแปรสภาพมาได้ถึงขนาดนี้… ข้าจะปล่อยให้มันดูดซับปราณแห่งความตายอีกไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงยากจะรับมือ”
สีหน้าหนิงฝานยังคงเรียบเฉย แต่ในใจกลับหวั่นวิตก เพราะเขามั่นใจ 7 ใน 10 ส่วนว่าตนเองเดาถูก
แต่เมื่อกล่าวถึงศพปีศาจแล้ว หนิงฝานกวนนึกถึงศพนางสวรรค์ที่อยู่ในแปวน
ในแดนสวรรค์และพิภพอันกว้างใหญ่นั้น มีผู้สืบทอดของทวยเทพอยู่ดาษดื่น… ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่ซ่อนตัวอยู่ในโลงศพสีดำนั้น ก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่เป็นผู้สืบทอดแล้วยังไง… เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มแล้วยังไง… หากเทียบจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่แล้ว พวกมันเทียบไม่ติด… ขนาดร่างจำแลงของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ หนิงฝานยังสังหารมาแล้ว เหตุใดจะสังหารพวกมันไม่ได้
แววตาหนิงฝานเป็นประกาย พลางออกคำสั่ง
“หนานกง เร่งแจ้งนิกายเพลิงเมฆาและนิกายกุ่ยเชว่ให้เดินทางมาตามเส้นชีพจรพิภพ และแจ้งไปอีกว่า ห้ามผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณมา และยิ่งคนมาน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!”
“นี่… ขอรับ!”
หนานกงประหลาดใจเล็กน้อย แต่มันก็เร่งรับคำทันที เดิมแผนการมีอยู่ว่า นิกายเพลิงเมฆาและนิกายกุ่ยเชว่จะส่งผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมา เพื่อกระนาบจู่โจมนิกายเต๋าสวรรค์และนิกายจี๋หลิง แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนแผนกระทันหัน ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณเข้าร่วมสงคราม
สิ่งที่ทำให้หนานกงนับถือหนิงฝานคือ หนิงฝานสามารถหาเส้นชีพจรพิภพ และทำให้มันเป็นทางผ่านได้ หนิงฝานขุดเส้นทางตามเส้นชีพจรพิภพเป็นระยะทางหลายร้อยลี้ อาศัยปราณธรรมชาติในเส้นชีพจรพิภพ อำพรางกลิ่นอายของผู้คนที่จะเข้าช่วยเมืองหนิง
วิธีนี้ต่อให้เป็นหนานกงก็คิดไม่ถึง แม้ประสบการณ์ของหนานกงจะมากกว่า แต่สติปัญญายังเทียบหนิงฝานไม่ได้
“ประมุขนิกายกุ่ยเชว่ พวกเราต้องเปลี่ยนแผน...” หนานกงกล่าวผ่านสิลาสื่อสารเบาๆ
…
สือหยินโกรธแค้นอย่างที่สุด มันหันมองผู้อาวุโสจื่อโม่ราวกับจะกลืนกิน ศิษย์ของมันต้องตายจากความประมาท
และต้นเหตุคือหนิงฝาน!
“สารเลว… หนิงฝาน เจ้าไม่รอดแน่… ถ่ายทอดคำสั่งข้าไป ให้ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณใช้ทุกวิธีเพื่อทำลายเมืองหนิงให้ได้”
สือหยินคำรามแล้วทะยานเข้าใส่เมืองหนิง เป้าหมายของมันคือหนิงฝาน ส่วนผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆมีหน้าที่ทำลายเมือง
ผู้เชี่ยวชาญของนิกายจี๋หลิงที่เหลือรอดดวงตาแงดฉาน เพราะยามนี้ ศิษย์ชั้นยอดของพวกมันได้ตายไป ไร้ซึ่งผู้สืบทอดแล้ว!
ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ 42 คน ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ 7 คน ทั้งหมดที่เหลือรอดทะยานเข้าใส่เมืองหนิง
ฝั่งด้านนิกายเต๋าสวรรค์ เทียนยี่กำลังจะสั่งเคลื่อนทัพ แต่จู่ๆมันกลับต้องตกตะลึง มันก้มมองพื้นเบื้องล่าง สัมผัสได้ถึงบางสิ่งในเส้นชีพจรพิภพ
“นี่...” เทียนยี่เงยหน้ามองหนิงฝานอย่างตระหนัก มันคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีนี้
ผู้เชี่ยวระดับสูงตกตาย 17 คน ศิษย์นิกายตายเกือบ 3 พัน จากการบกทัพบุกทำลายเมืองหนิง เพื่อหวังให้หนิงฝานเป็นนักปรุงโอสถส่วนตัว… ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดวนเวียนอยู่ภายในหัวสือหยิน ทำให้ความโกรธแค้นพุ่งพร่าน
สือหยินที่นำทัพ ทะยานเข้าหากำแพงเมืองในตำแหน่งที่หนิงฝานยืนอยู่ ยามนี้ เหล่าแม่ทัพทั้ง 4 ข้างกายหนิงฝาน ได้พับแขนเสื้อเพื่อ ปลดปล่อยปราณเพื่อเตรียมรับมือ
สือหยินปะทุพลังเตรียมพร้อม “ตายซะ!” มันคำรามลั่น ปราณจำนวนมหาศาลทะลักออกจากแก่นทองคำ แปรเปลี่ยนให้นิ้วทั้ง 5 กลายเป็นกรงเล็บที่แหบมคม ดูดซับปราณจากรอบข้างเสริมอานุภาพ หมายขย้ำลำคอหนิงฝาน
วิชาระดับดวงจิตแรกเริ่ม ‘กรงเล็บวิญญาณวายุ’ เป็นวิชาที่ใช้ปราณวายุหนุนเสริมกระทั่งแปรเปลี่ยนนิ้วมือให้กลายเป็นกรงเล็บที่แหลมคม ที่สามารถปลิดชีพผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้ง่าย… เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าสังเกตุการณ์ เชื่อว่าหนิงฝานไม่อาจรอดพ้นจากกรงเล็บของสือหยิน เพราะมันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม
สิ่งเดียวที่ทำให้สือหยินเป็นกังวล คือหนิงฝานฉลาดและมีเล่ห์กลมากมาย หากหนิงฝานหนีไปได้ คงได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่จะตามมา
แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นไปตามที่สือหยินคิด เพราะหนิงฝานไม่คิดหนี
ใต้เท้าหนิงฝานปรากฏรุ้งหิมะ แววตาประกาย ดาราบนหน้าผากเปล่งแสง ซัดฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยอัสนี เข้าปะทะกับกรงเล็บจนเสียงดังสนั่น
“อัสนีจักรพรรดิ!”
กรงเล็บที่ทรงพลังสั่นเทา ก่อนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
สือหยินตกตะลึง มันไม่รู้ว่าหนิงฝานใช้วิธีใดถึงได้ทำลายกรงเล็บที่ทรงพลังของมันได้ แต่สิ่งที่มันตกตะลึง คือกรงเล็บของมันที่มาจากวิชาระดับดวงจิตแรกเริ่มกลับถูกทำลายไม่มีชิ้นดี
“ทำลายวิชาระดับดวงจิตแรกเริ่มได้ เด็กนี่บรรลุขอบเขตกระดูกเงินจริงๆ! แย่แล้ว!”
ก่อนหน้านี้สือหยินไม่เชื่อว่าหนิงฝานจะบรรลุขอบเขตกระดูกเงินจริงๆ แต่ตอนนี้มันเชื่อแล้ว
เดิมทีมันคิดว่ามันจะทุบตีหนิงฝานได้ง่าย แต่เมื่อวิชาของมันถูกทำลาย สีหน้ามันจึงแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
ขอบเขตกระดูกเงิน… ไม่ผิดแน่ อานุภาพของฝ่ามือเมื่อครู่น่าสะพรึงกลัวเกินไป สือหยินไม่อาจต้านรับด้วยร่างกายเปล่าได้
สือหยินอ้าปาก คายลูกกลมขนาดเท่าชามใบใหญ่ออกมา จากนั้นนำทรายสีแดง หว่านและปาลูกกลมเข้าใส่หนิงฝานพร้อมกัน
ลูกกลมนั่นคือหมุกหยินของมัน ที่ขัดเกลามานานหลายปีกระทั่งผสานกับแก่นทองคำ กลายเป็นอาวุธที่ทรงพลัง
ระดับของมันเทียบได้กับอาวุธวิญญาณระดับสูงสุด
ทรายสีแดงที่มันหว่านใส่นั้น เป็นทรายที่ไม่ธรรมดา มันส่งผลกับทะเลสติและทำให้ทะเลสติถูกทำลาย แต่นั่นไม่ได้มีผลกับหนิงฝานแม้แต่น้อย
นอกจากร่างกายหนิงฝานจะแข็งแกร่งแล้ว ทะเลของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
สือหยินทุ่มสุดตัวเพื่อสังหารหนิงฝาน แต่ถึงอย่างนั้น ในขณะที่ทรายแดงและมุกหยินจะสัมผัสร่างหนิงฝาน เขากลับเอื้อมมือคว้าจับพวกมันไว้!
*เพล้ง!* แก่นทองคำถูกทำลาย สือหยินเปล่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด พลังของมันลดลงไปยังขอบเขตแก่นทองคำขั้นสุดท้าย และยังลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง!
มันจ้องมองหนิงฝานด้วยความหวาดกลัว ร่างกายของหนิงฝานทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง ราวกับร่างกายในขอบเขตกระดูกเงินนั้น ทรงพลังยิ่งกว่าที่เลื่องลือ
สือหยินไม่รู้ว่า หนิงฝานในอาภรณ์ขาวเบื้องหน้าไร้ซึ่งทะเลสติ ทรายแดงของมันจึงไม่ได้ผล หรือต่อให้เขามีทะเลสติอยู่จริง ทรายแดงเหล่านั้นคงผ่านสัมผัสกระบี่ของเขาไปไม่ได้...
ในนิกายจี๋หลิง จะมีการสร้างมุกหยินตั้งแต่เริ่มฝึกฝนวิชา เมื่อผู้เชี่ยวชาญบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ แก่นทองคำนั้นจะผสานกับมุกหยิน ทำให้ยกระดับพลังขึ้นไปอีก… เดิมทีมุกหยินมีไว้ทำหน้าที่ป้องกันการจู่โจม คนของนิกายจี๋หลิงจะหลีกเลี่ยงการนำมุกหยินมาต่อสู้ เพราะง่ายที่จะถูกทำลาย… หากผู้ใดสามารถยกระดับทุกหยินไปพร้อมกับการทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม คนผู้นั้นจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่ทรงพลังกว่าทั่วไป
แม้หนิงฝานจะตื่นใจกับวิธีการอันลึกลับของนิกายจี๋หลิง แต่เขาก็รู้ว่ามันอาจกลายเป็นข้อผิดพลาดเหมือนสือหยิน
แก่นทองถูกทำลาย สือหยินกระอักโลหิตคำโต ระดับพลังของมันลดลงอย่างต่อเนื่อง
หนี! มันต้องหนี! มันจับกุมหนิงฝานไม่ได้ ยามนี้ระดับพลังของมันเหลือเพียงขอบเขตแก่นทองคำ และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง!
แม้มันอยากจะหนี แต่หนิงฝานไม่ยอม หนิงฝานเหยียบย่างรุ้งหิมะติดตาม พลางนำแส้ยาวเฆี่ยนใส่สือหยินอย่างโหดเหี้ยม... สือหยินบังคบเมฆเซียนหนีเต็มกำลัง แต่เมื่อถูกแส้เฆี่ยนและรั้งดึง แม้จะไม่บาดเจ็บมากนัก แต่ลมปราณของมันกลับปั่นป่วน
“หนิงฝาน! เจ้าอย่าได้ใจไป!” สือหยินคำรามด้วยความโกรธ
“แล้วจะทำไม!” หนิงฝานนำแส้อีกอันออกมา แล้วเฆี่ยนรั้งเมฆเซียนเอาไว้
ดาราบนหน้าผากเปล่งแสง สองเท้าเหยียบย่างรุ่งหิมะ พร้อมกับเตรียมซัดฝ่ามือที่ทรงพลังใส่สือหยิน...
วันแรกที่มันมาเยือนเมืองหนิง มันมาพบปีศาจทมิฬหนิง แม้มันจะเห็นหนิงฝาน แต่มันไม่สนใจ ไม่เห็นหนิงฝานอยู่ในสายตา เพราะยามนั้น หนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณทั่วไป ไม่ควรค่าให้กล่าวถึง
และวันนี้ มันได้สัมผัสกับความน่าสะพรึงกลัวของหนิงฝาน! แรกเริ่ม มันควบกึ่งว่าจะเอาชนะหนิงฝานได้หรือไม่ แต่เมื่อแก่นทองคำของมันถูกทำลาย นอกจากมันจะสู้หนิงฝานไม่ได้แล้ว มันยังไม่อาจรอดพ้นจากความตายได้...
“หนิงฝาน! หากเจ้าไม่ปล่อยข้าไป ข้าจะระเบิดตัวเองและตกตายไปพร้อมกับเจ้า! แต่หากเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะยอมยกนิกายจี๋หลิงให้!” สือหยินหวาดกลัว ความฝันที่อยากจะเป็นหนึ่งในแคว้นเยว่ได้พังทะลาย ยามนี้ มันต้องการแค่มีชีวิตรอดเท่านั้น
แรกเริ่ม หมากของฝั่งสือหยินเป็นฝ่ายได้เปรียบ มันคงทัพมาเพื่อหวังทำลายเมืองหนิงโดยไม่มีผู้ใดกล้าขวาง แต่ยามนี้ ผลลัพธ์ที่ออกมากลับตรงกันข้าม มันเป็นฝ่ายร้องขอความเมตตาจากหนิงฝานเอง
ผู้เชี่ยวชาญของนิกายจี๋หลิงที่กำลังจะเข้าจู่โจมเมืองหนิงชะงักฝีเท้า พวกมันไม่กล้าจู่โจมเมืองหนิง
พวกมันทุกคนเห็นฉากที่หนิงฝานทำลายกรงเล็บ และเห็นฉากที่สือหยิน ผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นๆของแคว้นเยว่ จะร้องขอความเมตตาจากปีศาจหน้าใหม่แห่งนิกายกุ่ยเชว่อย่างหนิงฝาน
นับจากวันนี้ไป ตัวตนของหนิงฝานคงมีระดับที่เหนือกว่าประมุขนิกาย!
แม้สือหยินจะร้องขอความเมตตา แต่หนิงฝานไม่สนใจ
เขาไม่มีทางปล่อยให้มันรอดไปและแข็งแกร่งขึ้น
ในชั่วพริบตานั้นเอง เส้นชีพจรพิภพที่อยู่ใต้ดิน ได้ปะทุเพลิงขึ้นมาบนพื้นดิน พร้อมกับปรากฏเงาร่างของผู้เชี่ยวชาญ ที่แผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
เสียงของคนผู้หนึ่ง ดังสะท้อนก้องไปทั่วนภา “สหายน้อย… ข้าขอกุมชีวิตของมัน!”
“ย่อมได้!” เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย หนิงฝานถอนฝ่ามือ ใครจะเป็นผู้สังหารสือหยินไม่สำคัญ แต่วันนี้มันต้องตาย!
เงาร่างของผู้เชี่ยวชาญที่ปรากฏตัวคือกุ่ยเชว่สื่อและจิงสั่ว สองประมุขแห่งนิกายเพลิงเมฆาและนิกายกุ่ยเชว่ เจ้าของเสียงที่กล่าวเมื่อครู่คือจิงสั่ว และในขณะเดียวกันนั้น กุ่ยเชว่สื่อได้นำผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำอีกหลายคนติดตามมา… แววตาจิงสั่วเผยเจตนาสังหารอันแรงกล้า ราวกับปลดปล่อยเจตนาสังหารที่สั่งสมมาตลอดชีวิต… อัสนีแปรบปราบ แรงกดดันในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มที่น่าสะพรึงกลัวปะทุ จิงสั่วทะยานตรงเข้าหาสืออย่างรวดเร็ว
ฝ่ามืออัสนี! ฝ่ามืออัสนีที่อัดแน่นไปด้วยความคั่งแค้นที่สั่งสมมานับ 100 ปี!
“สือหยิน วันนี้เป็นวันตายของเจ้า…ที่ข้าเฝ้ารอมาเนิ่นนาน!”
ฝ่ามืออัสนีประทับร่างสือหยินอย่างรุนแรงและไร้ความปราณี
สือหยินตกตะลึง ยามนี้มันไม่อาจหยั่งระดับพลังของจิงสั่วได้… หากไม่เพราะมันบาดเจ็บสาหัสจากหนิงฝาน ฝ่ามือของจิงสั่วคงยังสังหารมันไม่ได้ แต่มันก็ไม่ทางสู้จิงสั่วได้เช่นกัน
“นี่เจ้าทะลวงขอบเขต...” สือหยินไม่มีเวลากล่าวถามกับคำถามนับไม่ถ้วนที่ผุดขึ้นมา เพราะร่างกายและจิตวิญญาณของมันถูกทำลายไปเสียก่อน!
เสียงกรีดร้องอันน่าอนาจ เคล้ากับเสียงอัสนีฟาดผ่า ดังกึกก้องไปทั่วท้องนภา
เสียงร้องนั่นราวกับวารีเย็นเฉียบ ที่สาดเข้าใส่หัวใจของผู้เชี่ยวชาญทุกคน พวกมันหวาดกลัวทั้งหนิงฝานและจิงสั่ว
ยามนี้ ผู้เชี่ยวชาญของนิกายเพลิงเมฆา และนิกายกุ่ยเชว่ ได้เข้าล้อมคนของนิกายจี๋หลิงไว้หมด
ปีศาจหยานไป่… อดีตปีศาจไป๋เฟยเถิง ผู้อาวุโสแห่งนิกายเพลิงเมฆาปู้ขวางเฝิน และเหล่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่มีชื่อเสียงในแคว้นอีกหลายคนปรากฏตัว เพียงไม่กี่ลมหายใจ พวกมันทั้งหมดก็ดับลมหายใจผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณของนิกายจี๋หลิงได้หมด
หลังจากจิงสั่วลงมือสังหารสือหยินไปแล้ว ความแค้นที่มียังไม่บรรเทา มันจึงซัดฝ่ามือเพลิงอันร้อนแรง เข้าใส่ผู้เชี่ยวแก่นทองคำของนิกายจี๋หลิงทั้ง 8 คนที่กำลังหลบหนี
จื่อโม่และผู้อาวุโสอีก 4 คนของนิกายจี๋หลิง ยอมใช้วิชาลับเพื่อรักษาชีวิตกระทั่งหนีรอดจากฝ่ามือเพลิงด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ส่วนผู้เชี่ยวชาญอีก 3 คนกลับถูกฝ่ามือเพลิงเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าสังเกตุสงครามสั่นสะท้าน ผู้ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าขอบเขตแก่นทองคำไม่อาจทนกลิ่นอายที่ทรงพลังได้ ส่วนผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำตกตะลึง พวกมันสัมผัสถึงปราณดวงจิตแรกเริ่มจากจิงสั่วได้
แม้จะตกตะลึง แต่พวกมันกลับวางใจอย่างบอกไม่ถูก
สิ่งแรกที่พวกมันตกตะลึง นิกายกุ่ยเชว่และนิกายเพลิงเมฆาแข็งแกร่ง
อย่างที่สอง แม้ทั้งสองนิกายจะเป็นนิกายฝ่ายอธรรม แต่กลับยื่นมือช่วยเมืองหนิง!
และอย่างสุดท้าย จิงสั่ว...ประมุขนิกายเพลิงเมฆาทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้สำเร็จ กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มเต็มตัว!
“คาดไม่ถึงว่าจิงสั่วจะบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มจริงๆ...”
จิงสั่วสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ 3 คนได้ง่าย ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำอีก 5 คนบาดเจ็บสาหัส… แสดงให้เห็นว่าจิงสั่วบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มแล้วจริงๆ
ในที่สุดแคว้นเยว่ก็ได้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม!
ประมุขนิกายเพลิงเมฆาคิดจะผนวกแคว้นเยว่เป็นหนึ่งหรือไม่? มันจะเข้ามาแทนที่นิกายเทียนหลีโม่หรือไม่? จะกลายเป็นนิกายฝ่ายธรรมะอันดับ 1 หรือไม่?
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนขบคิด หากเรื่องนี้ทราบไปถึงหูประมุขนิกายไท่ชูไพ่ มันต้องอยู่ไม่สุขแน่
ยังมีอีกเรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญตกตะลึงไม่แพ้กัน คือหนิงฝานเอาชนะสือหยินได้ในไม่กี่กระบวนท่า...
จิงสั่วไม่ได้ไล่ตามผู้ที่รอดชีวิตไป มันเหยียบย่างนภาตรงไปหาหนิงฝาน และทำสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง...คุกเข่า!
“ข้าไม่รู้จะขอบคุณท่านยังไง… นับจากนี้ไป ชีวิตขอบข้าจิงสั่ว จะเป็นของปีศาจหนิง นับจากวันนี้ไป ผู้ที่รุกรานเมืองหนิงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรม จะเป็นศัตรูที่ข้าต้องกำจัดให้สิ้น!”
ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่ทรงพลัง ผู้สามารถควบรวมแคว้นเยว่ให้เป็นหนึ่ง กลับคุกเข่าให้หนิงฝาน!
ปีศาจหนิงแห่งนิกายกุ่ยเชว่เอาชนะสือหยินได้ ทั้งยังทำให้จิงสั่วคุกเข่าได้… คนผู้นี้อายุน้อยกว่า 20 ปีจริงหรือ?...