ตอนที่แล้วGE132 แผนการ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE134 สงคราม (2) [ฟรี]

GE133 สงคราม [ฟรี]


ศิษย์บนเรือเหาะของนิกายจี๋หลิงเกือบ 3 พันคนอ้าปาก คายมุกหยินออกมาจากตันเถียน นิกายจี๋หลิงนับเป็นนิกายฝ่ายอธรรมอันดับต้นๆของแคว้นเยว่ ศิษย์ของพวกมันที่ทำสีหน้าไม่พอใจ ยามนี้เก็บอารมณ์เหล่านั้นไป แทนที่ด้วยแววตาที่โหดเหี้ยมดุดัน

มุกหยินออกมาจากปากของศิษย์นิกายในเวลาเดียวกัน ก่อนที่พวกมันจะขว้างใส่ข่ายอาคมของเมืองหนิง… ยามนี้ สงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว

แม้อานุภาพของมุกหยิน 1 เม็ดจะไม่สามารถทำอันตรายผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณได้ แต่เมื่อต้องเผชิญกับมุกหยินจำนวนเกือบ 3 พันเม็ด ต่อให้เป็นข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มก็ยังได้รับความเสียหาย แสงของข่ายอาคมดูจางลง

ก่อนหน้านี้สือหยินกังวลว่ามุกหยินจะไม่สามารถทำลายข่ายอาคมเมืองหนิงได้ แต่เมื่อได้เห็นอานุภาพ มันก็เบาใจขึ้น

มุกหยินจากศิษย์นิกายแต่ละคนระดมเข้าใส่ข่ายอาคมเมืองหนิง ผสานกับการจู่โจมจากพวกมัน

“โจมตีต่อไป!”

เสียงระเบิดจากการจู่โจมข่ายอาคมดังสนั่น

แม้มุกหยินจะไม่สามารถทำลายข่ายอาคมเมืองหนิงได้ แต่ยังมีการจู่โจมอย่างต่อเนื่อง

การจู่โจมที่ระดมเข้ามาอย่างเนื่อง ทำให้ข่ายอาคมป้องกันเมืองเริ่มอ่อนกำลังมากขึ้น ทั้งยังเริ่มปรากฏรอยแตกร้าวที่มองเห็นได้ชัด

แม้เป็นเช่นนั้น แต่สีหน้าหนิงฝานยังคงเรียบเฉย

เพราะเมื่ออีกฝ่ายจู่โจมระรอกสุดท้ายด้วยแสงยานุภาพทั้งหมดที่มี เมื่อนั้นจะเป็นคราวที่ต้องกระตุ้นข่ายอาคมสะท้อนการโจมตี

รูปดาราบนหน้าผากหนิงฝานเปล่งแสง เทียนยี่เดาถูกว่าหนิงฝานบรรลุขอบเขตกระดูกเงินแล้ว นอกจากนี้ เขายังได้ดาราขนาดใหญ่บนหน้าผาก ทำให้ก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย

ดวงดาราที่ปรากฏบนหน้าผากนั้น เรียกว่า ‘ดาราเทพ’... ดาราเทพแต่ละดวงนั้นหมายถึงวิชาลับหนึ่งวิชา หากมีดาราหลายดวง ถ้าไม่มีวิชาลับเพิ่มขึ้น ก็จะเพิ่มพูนอานุภาพให้กับวิชาลับเดิม

ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญที่บรรลุขอบเขตกระดูกเงินนั้น ส่วนใหญ่จะมีดาราเพียง 1 ดวง

ในสมัยโบราณ ทวยเทพที่ได้ครอบครองดาราบนหน้าผาก จะสามารถอัญเชิญสมบัติแห่งเทพหรือสมบัติแห่งปีศาจ เพื่อช่วยยกระดับพลังของตน หรือไม่ก็สามารถอัญเชิญดวงดาวมาหลอมสร้างเป็นอาวุธเทพโบราณขึ้น

หากผู้ที่สังเกตุดีๆนั้น ดาราบนหน้าผากของหนิงฝานจะแฝงไปด้วยอัสนีที่รุนแรง วิชาลับที่เขาได้นั้น มีนามว่า ‘อัสนีจักรพรรดิ’

หากเทียบกันแล้ว ดาราเทพดวงแรกที่ผู้บรรลุขอบเขตกระดูกเงินครอบครอง จะช่วยยกระดับพลังของผู้ครอบครอง แต่ดาราเทพของหนิงฝาน แฝงด้วยอานุภาพของอัสนีที่รุนแรง กระทั่งกลายเป็นอัสนีจักรพรรดิ… ในสมัยโบราณ มีเพียงเทพที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่ได้ครอบครองอัสนีแห่งดาราเทพ แต่หากให้นับในลานสวรรค์โบราณแล้ว มีเทพอัสนีอยู่เพียงไม่กี่คน แต่คนเหล่านั้นทรงพลังมาก… หากเป็นเทพปีศาจ ไม่มีทางที่จะได้ครอบครองอัสนีแห่งดาราเทพ เพราะอัสนีคือทัณฑ์สวรรค์ที่ทวยเทพที่แท้จริงจะครอบครองได้

การที่ตนได้ครอบครองอัสนีแห่งดาราเทพนั้น ทำให้หนิงฝานเชื่อว่าเป็นเพราะเส้นลมปราณหยินหยาง ที่มีทั้งเส้นลมปราณของเทพและปีศาจ

หากเทียบกันแล้ว เส้นลมปราณเทพจะทำให้ผู้ครอบครองทรงพลังยิ่งกว่าเส้นลมปราณปีศาจ เพียงแต่...ผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณปีศาจ จะถูกสังหารตายได้ยากกว่า และยิ่งผู้ใดได้ครอบครองเส้นลมปราณปีศาจที่สูงชั้น คนผู้นั้นจะยิ่งครอบครองพลังที่ลึกลับ… หนิงฝานสัมผัสได้ว่า ผู้ที่สามารถเป็นทั้งเทพและเทพปีศาจ คงมีเพียงผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณเท่านั้น...

บางทีจักรพรรดิสวรรค์อาจเป็นผู้ฝึกตนที่เป็นทั้งเทพและเทพปีศาจ เพียงแต่ไม่ได้เปิดเผยความจริงข้อนี้ออกไป และทำให้ท่านได้เข้าถึงเต๋าอันยิ่งใหญ่ของพิภพสวรรค์

สร้อยหยินหยางช่วยในการขัดเกลาผสาน… หนิงฝานเข้าใจว่า ในอดีตจักรพรรดิสวรรค์คงฝึกฝนและใช้สร้อยเส้นนี้ รับรู้และตระหนักถึงหัวใจปีศาจของตน...

ดวงตาหนิงฝานเป็นประกาย หากเขาผสานอัสนีเทพและร่างกายในขอบกระดูกเงิน สมควรทำให้เขารับมือกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตเริ่มได้ ถึงจะเอาชนะได้ยาก แต่หากจวนตัวก็สามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายตามไม่ทัน เพราะระดับของปราณนั้นยังห่างชั้นอยู่มาก

หากเทียนยี่เดาไม่ผิด เมื่อครู่ขณะที่หนิงฝานอุ้มชู่ซวนเชียนสื่อ เขาจงใจจะสังหารมัน จากนั้นให้แม่ทัพทั้ง 4 พร้อมกับกองทัพของตน นิกายเพลิงเมฆา และนิกายกุ่ยเชว่เข้าจู่โจมพวกมัน

หนิงฝานเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน เพราะการจู่โจมในระดับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มของเขา ไม่สามารถทำอันตรายเทียนยี่ได้ ที่สำคัญ โลงศพที่อยู่ด้านหลังเทียนยี่ 3 โลงยังให้ความรู้สึกที่อันตรายมาก

ความประหลาดใจและสงสัยในสิ่งต่างๆ ทำให้หนิงฝานเป็นกังวล และเขาต้องไขข้อสงสัยเหล่านั้น เพื่อชิงความได้เปรียบในสงคราม

หนิงฝานมองข่ายอาคมป้องกันเมือง ข่ายอาคมนี้อยู่ในระดับเดียวกับข่ายอาคมดวงจิตแรกเริ่ม มีตาของข่ายอาคมอยู่ด้วยกัน 972 ตำแหน่ง แต่และตำแหน่งมีหยกสวรรค์ 100 ก้อนเป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งสามารถเสริมระดับการป้องกันได้… แต่นั่นไม่จำเป็น เพราะหนิงฝานไม่ได้คิดจะใช้ข่ายอาคมรับมือกับอีกฝ่าย หากเขาสะท้อนการจู่โจมใส่นิกายจี๋หลิงที่กำลังจะจู่โจมเต็มกำลัง พวกมันจะตายกันหมด… ตอนนี้ เขาจึงคิดจะเปลี่ยนแผน

“นายน้อย ข้าว่าถึงเวลาต้องกระตุ้นข่ายอาคมสะท้อนการจู่โจม… ข่ายอาคมป้องกันเราเริ่มจะต้านไม่แล้ว...” หนานกงเผยสีหน้ากังวล

“ยังไม่ถึงเวลา… ข้ามีบางสิ่งต้องยืนยัน...” หนิงฝานขมวดคิ้ว

การจู่โจมยังคงโถมเข้ามาอย่างเนื่อง ส่วนหนิงฝานยังสีหน้าสงบ หยกสวรรค์ที่เป็นแหล่งพลังงานให้กับข่ายอาคมใกล้จะหมด รอยร้าวบนข่ายอาคมเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ข่ายอาคมในยามนี้อ่อนกำลังมาก

ทันใดนั้นเอง หนิงฝานก็ออกคำสั่ง

“หนานกง… เตรียมกระตุ้นข่ายอาคม!”

ยามนี้ ศิษย์นิกายจี๋หลิงใกล้จะหมดแรงจู่โจม การจู่โจมอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ระดับพลังของพวกมันไม่สามารถทานไหว

แม้ศิษย์นิกายจี๋หลิงใกล้จะหมดปราณ สือหยินยังคงไม่ใส่ใจ มันขอแค่ทำลายข่ายอาคมป้องกันเมืองหนิงได้ ที่เหลือหลังจากนั้น จะเป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขึ้นไป ที่จะต้องทำลายเมืองหนิงให้ราบคาบ

หากเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำทั่วไป อาจหวาดกลัวการผสานพลังของผู้เชี่ยวชาญเปิดดเส้นชีพจรจำนวนมาก แต่เมื่อมีสือหยินอยู่ ต่อให้อีกฝ่ายผสานพลังกันมากเท่าใด ก็ไม่อาจทานการโจมตีของสือหยินได้

“การจู่โจมระลอกสุดท้าย ให้พวกเจ้าเสริมอานุภาพด้วยแก่นโลหิต เค้นการจู่โจมที่ทรงพลังที่สุดออกมา!”

คำสั่งไม่อาจขัดขืน… ศิษย์นิกายจี๋หลิงทุกคนขบฟัน ขบกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตผสานปราณ เสริมให้การจู่โจมรุนแรงขึ้นหลายเท่าตัว

สือหยินทองข่ายอาคมเมืองหนิงพลางยิ้ม! การจู่โจมครั้งสุดท้ายนี้จะทำให้ข่ายอาคมป้องกันพังทะลาย เมื่อนั้น...จะถึงเวลาที่เมืองหนิงจะถูกทำลาย

แม้สือหยินจะคิดหวังเพียงทำลายข่ายอาคมเมืองหนิง แต่หลังจากนั้น มันคิดจะใช้ปืนใหญ่จู่โจมกองทัพเมืองหนิงต่อ ทำให้อีกฝ่ายตกตายเป็นจำนวนมาก

“โจมตี!”

การจู่โจมที่รุนแรงจากผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรเกือบ 3 พันคน โถมเข้าใส่ข่ายอาคมเมืองหนิง อานุภาพของพวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกศรวิญญาณแม้แต่น้อย

ข่ายอาคมป้องกันเมืองแตกสลาย การจู่โจมที่ทรงพลังมุ่งตรงเข้าเมือง

เหล่าทหารของเมืองหนิงตกตะลึงกับการจู่โจมของอีกฝ่าย แม้พวกมันจะทรงพลังและแข็งแกร่ง แต่หากเกิดรับการจู่โจมเข้าไปเต็มๆ ก็ไม่แน่ว่าพวกมันจะรอดมาได้

“หนีเร็ว!” หนึ่งในบรรดาทหารของเมืองหนิงตะโกนขึ้นด้วยความหวาดกลัว แต่ทันใดนั้น พวกมันกลับได้ยินเสียงของซื่อถูตวาดขึ้น

“ใครหนี...ตาย!”

กองทหารเสียวสันหลังวาบ แม้พวกมันอยากจะหนีแต่ไม่กล้า มันหวังเพียงให้มีผู้ใดต้านรับการจู่โจมที่กำลังตรงเข้ามาได้

สือหยินดีใจเมื่อเมืองหนิงเกิดความโกลาหล มันทำลายข่ายอาคมเมืองหนิงได้ กองทหารของเมืองหนิงก็แตกตื่น นับว่าเข้าทางของมัน

ไกลออกไป 100 ลี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าสังเกตุสงครามล้วนส่ายหน้า ประมุขนิกายอัสนีม่วงถอนหายใจยาว

“ข่ายอาคมเมืองหนิงถูกทำลาย… เมืองหนิงจบสิ้นแล้ว… สือหยินทรงพลัง ประมุขนิกายเต๋าสวรรค์ยิ่งทรงพลังกว่า แม้ชู่ซวนเชียนสื่อยังไม่อาจรับมือ นอกจากนี้ พวกมันยังมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำอีกหลายคน เมืองหนิงที่โดดเด่นด้านโอสถ เหตุใดจะต้านรับการระดมจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญได้… แต่เหตุใดปีศาจทมิฬหนิงถึงไม่ปรากฏตัว หรือมันกลัวศัตรูที่บุก… แบบหนิงเมืองหนิงไม่รอดแน่”

“ปีศาจทมิฬหนิงเป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 เป็นไปไม่ได้ที่มันจะหวาดกลัวศัตรู ต่อให้เอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ แต่เส้นสายที่มีอาจขอให้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มจากแคว้นอื่นมาช่วยได้… แต่การที่ปีศาจทมิฬหนิงยังไม่ปรากฏตัวยามนี้อาจเป็นดังข่าวลือ… ข้าได้ยินมาว่าปีศาจทมิฬหนิงคือปีศาจหนิงแห่งนิกายกุ่ยเชว่...หนิงฝาน! แต่ยังไม่มีผู้ใดพิสูจน์ได้ อีกอย่าง ข้าเองก็ไม่เชื่อ เพราะเด็กที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

ผู้อาวุโสนิกายเฉ่แไพ่ฉางกล่าว คำกล่าวของมันทำให้ผู้คนเริ่มขบคิด

แม้สงครามจะเริ่ม แต่ปีศาจทมิฬหนิงกลับไม่ปรากฏตัว… หรือแท้จริงแล้วจะเป็นหนิงฝานจริงๆ? หากเป็นเช่นนั้น ทั้งแคว้นเยว่คงถูกหนิงฝานหลอกลวง

แต่ความจริงเช่นนั้นไม่น่าเชื่อถือ… แม้จะมีส่วนที่น่าเชื่ออยู่ 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนที่เหลือไม่อาจหาเหตุผลมาหักล้างความจริงที่ว่า หนิงฝานยังเยาว์เกินไป

“บางทีเมืองหนิงอาจมีวิธีต้านรับการจู่โจมนั่น… หากว่าเจ้าเป็นปีศาจทมิฬหนิงจริงๆ...” สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่หนิงฝาน

เมื่อการจู่โจมเคลื่อนมาเหนือเมืองหนิง อานุภาพของมันก็เริ่มผสานเพิ่มพูน

หลู่หนานสื่อเผยสีหน้าตระหนก เพราะต้นหลิงเพลิงที่อยู่ข้างๆเมืองหนิงกำลังได้รับผลกระทบ

“นายน้อย...” มันหันมองหนิงฝาน

“รอเดี๋ยว...” หนิงฝานกำลังใช้สัมผัสเทพตรวจสอบเทียนยี่

เพราะเขาสังเกตุเห็นว่าสีหน้าของมันสงบอย่างประหลาด ราวกับมีความสุขข่ายอาคมจะสะท้อนการจู่โจม ทำให้ศิษย์นิกายจี๋หลิงทุกคนต้องตาย เพื่อให้ผลประโยชน์ทั้งหมดตกเป็นของมันแต่เพียงผู้เดียว

“เป็นอย่างที่คิด… หนานกงกระตุ้นข่ายอาคม...” หนิงฝานเผยแววตามืดมัน เขามองออกว่าการที่ศิษย์นิกายจี๋หลิงถูกทำลาย จะทำให้ผลประโยชน์ตกเป็นของเทียนยี่แต่เพียงผู้เดียว แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อการจู่โจมเริ่มเข้าประชิด จึงจำต้องสะท้อนมันกลับไป

“ขอรับ!”

แววตาหนานกงเผยเจตนาสังหาร ประมุขนิกายอัสนีม่วงที่ถอนหายใจกลับต้องอ้าปากค้าง!

“กระตุ้นข่ายพลัง!”

ชั่วพริบตานั้น ข่ายอาคมขนาดใหญ่ได้ปรากฏคลุมเมืองหนิงเอาไว้

โดมม่านพลังปรากฏ ภาพหมู่ดาวโคจรที่แฝงด้วยกลิ่นอายแห่งความโบราณปรากฏเต็มผืนฟ้า จนทำให้ผู้ที่เฝ้าสังเกตุสงครามตกตะลึง!

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเมืองหนิงยังเหลือข่ายอาคม แม้ลักษณะของมันจะดูเหมือนข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่ม แต่อานุาภาพของมันกลับไม่ธรรมดา!

ไม่มีผู้ใดรู้สึกข่ายอาคมชนิดนี้ และไม่มีข่มใจไม่ให้ปั่นป่วนได้

ภาพหมู่ดวงโคจรที่ปรากฏ เบี่ยงวิถีการจู่โจมของนิกายจี๋หลิง พร้อมกับเสริมอานุภาพการจู่โจมเข้าไปอีก 3 ส่วน สะท้อนกลับไปยังเรือเหาะขนาดใหญ่ของพวกมัน

การจู่โจมถูกสะท้อนกลับ! คนของนิกายจี๋หลิงตกตะลึง และยามนี้ พวกมันทุกคนแทบจะหมดปราณแล้ว

สือหยินดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ

“เป็นไปได้ยังไง! เหตุใดยังมีข่ายอาคมเหลืออยู่!”

สือหยินสั่นสะท้าน มันฉุกคิดได้ว่า ข่ายอาคมที่ปรากฏนี้ คล้ายกับข่ายอาคมที่น่าสะพรึงกลัวในตำราโบราณของนิกายมัน

“นี่มัน… ข่ายอาคมดาราโคจรโบราณ! ข่ายอาคมระดับเซียน! แย่แล้ว เร่งกระตุ้นข่ายอาคมป้องกันของเรือเร็วเข้า!”

แต่สือหยินออกคำสั่งช้าไปก้าวหนึ่ง… การจู่โจมถูกสะท้อนมาเร็วจนเกินไป ทำให้เรือเหาะทั้ง 3 ลำของมัน ถูกทำลายลงในพริบตา

ผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับพลังด้อยกว่ามัน ร่างสลายกลายเป็นควัน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด