ตอนที่ 269 หากเจ้าใจร้าย อย่าตำหนิข้าว่าไม่ซื่อสัตย์
ตรวจสอบ ?
เฟิงเฉินหยูกลัวว่าเฟิงหยูเฮงจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ปรากฎว่านางไม่เพียงแต่พูดอะไรบางอย่าง นางยังพูดตรงประเด็น
นางเห็นเฟิงหยูเฮงยืนขึ้นแล้วพูดกับเฟิงจินหยวน “ท่านพ่อ เรื่องนี้แปลกมาก พี่ใหญ่และน้องสี่ต่างก็บอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา และตอนนี้บ่าวรับใช้ของท่านพ่อก็ไปดูและบอกว่าศพถูกแช่ในน้ำ ท่านพ่อลองดูสิเจ้าค่ะ ศพอยู่ข้างบ่อน้ำ แต่บ่อน้ำนั้นเต็มไปด้วยหินด้วยเหตุผลที่ไม่ทราบแน่ชัด หากเราจะเอาพวกมันออกมาดูจะดีหรือไม่ !”
เฟิงจินหยวนพยักหน้า “นั่นเป็นความคิดที่ดี” จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและพูดกับฮันชิ “เจ้ากำลังตั้งครรภ์และไม่ควรมองสิ่งอัปมงคลเช่นนี้ ให้บ่าวรับใช้พาเจ้ากลับไปที่เรือน”
ฮันชิไม่อยากจากไปเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเฟิงเฟินได นางอยากรู้ว่าบทลงโทษของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร อย่างไรก็ตามเฟิงจินหยวนพูดถูกและนางไม่ชอบที่จะเห็นภาพเหล่านี้จริง ๆ มันทำให้นางไม่มีความสุข นางได้แต่ให้คำแนะนำเฟิงเฟินไดเล็กน้อย แล้วกลับไป
จากนั้นเฟิงจินหยวนก็มองดูเฟิงจื่อหรูและอยากจะบอกว่าเขายังเด็กเกินไป ดังนั้นเขาควรจะกลับไป แต่เฟิงจื่อหรูเอ่ยขัดขึ้นมาว่า “ท่านพ่อไม่ต้องกังวลกับจื่อหรู จื่อหรูเริ่มไปสำนักศึกษาแล้ว อาจารย์ใหญ่ได้บอกไปแล้วว่าตอนนี้ข้าโตแล้ว”
เฟิงจินหยวนพยักหน้าและเริ่มชอบบุตรชายคนนี้มากขึ้น “ถ้าเช่นนั้นเจ้าอยู่กับพี่สาวของเจ้า อย่าวิ่งเล่นไปทั่ว” หลังจากพูดเขาโบกมืออีกครั้ง และสั่งบ่าวรับใช้ “ไปเรียกเฮ่อจงมา และให้เขานำคนมาเพิ่ม”
บ่าวรับใช้รับคำและจากไปทันที ไม่นานหลังจากนั้นเฮ่อจงรีบมาพร้อมกับกลุ่มบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งมา
หินยักษ์ที่ถูกถมบ่อน้ำก็ถูกยกออกอย่างรวดเร็ว และเฟิงหยูเฮงก้าวไปข้างหน้าบ่อน้ำขนาดใหญ่ ผู้หญิงคนอื่น ๆ ในตระกูลอยากไปดูด้วย แต่พวกเขากลัวศพ หลังจากความขัดแย้งในใจบางอย่าง พวกเขาไม่สามารถทนได้และเดินหน้าต่อไปไม่กี่ก้าว
แม้แต่เฟิงเฉินหยูก็ลุกขึ้นมาด้วยความช่วยเหลือของยี่หลินและมองลงไป
เฟิงหยูเฮงดึงกิ่งไม้ออกมาจากต้นไม้และเริ่มแกว่งไปในบ่อน้ำ ไม่นานหลังจากนั้นนางจับอะไรบางอย่าง
นางยกสิ่งนั้นขึ้นแล้วโยนมันลงไปที่พื้น ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อสำรวจและพบว่ามันเป็นชุดเสื้อผ้า
เฟิงเฟินไดมองเสื้อผ้ามาเป็นเวลานาน และทันใดนั้นก็พูดว่า “เสื้อผ้าเหล่านี้เป็นของเป่ยเอ๋อ นางสวมในวันที่นางหายไป” นางพูดขณะที่มองไปที่เป่ยเอ๋อ “ทุกคนดู นางสวมเสื้อผ้าชั้นในและเสื้อผ้าชั้นนอกของนางก็หลุดออกมาขณะที่นางลอยอยู่ในน้ำ”
ทุกคนมองไปที่ศพ แต่แน่นอนว่าแม้แต่ชุดชั้นในที่เหลือก็เริ่มหลุดออกมา ถ้านางยังคงอยู่ในน้ำต่อไป เสื้อนั้นก็จะหลุดไปด้วยเช่นกัน
เฟิงหยูเฮงยังคงกวนกิ่งไม้ในบ่อต่อไปอีกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่านางไม่สามารถตกอย่างอื่นได้ นางก็โยนกิ่งไม้ไปทางด้านข้าง จากนั้นก็คุกเข่าถัดจากศพและเริ่มตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
เฟิงเฟินไดพูดว่า “นางคุกเข่าข้างบ่อน้ำและเสื้อผ้าของนางก็อยู่ในบ่อน้ำ หรือว่าเป่ยเอ๋อตายในบ่อน้ำ ?”
ยี่หลินปรับอารมณ์ของตัวเองและพูดแย้งว่า “แต่บ่อนั้นถูกถมแล้ว เสื้อผ้าของนางอยู่ในบ่อน้ำ แต่ศพของนางอยู่ข้างนอก สิ่งนี้จะเป็นไปได้อย่างไร”
“มันเป็นไปไม่ได้ตรงไหน ?” ดวงตาของเฟิงเฟินไดเริ่มดุร้าย “เป็นไปได้มากที่คนที่รู้สึกผิดหรือบ่าวรับใช้ของเจ้าอาจไม่ชินกับการเห็นสิ่งนี้ และเอานางออกมาอย่างลับ ๆ เป่ยเอ๋อผู้น่าสงสารของข้า นางอยู่กับข้ามาหลายปีแล้ว แต่ข้าก็ไม่สามารถหาสามีที่ดีให้นางก่อนที่นางจะถูกเจ้าฆ่าตายเช่นนี้ !” เฟิงเฟินไดคร่ำครวญจากนั้นก็เริ่มร้องไห้ ในขณะที่ร้องไห้นางพูดว่า "ท่านย่า ท่านย่าเชื่อในสิ่งที่เฟิงเฟินไดพูดหรือไม่ ? เฟิงเฉินหยูเป็นหญิงแพศยาภายในหน้าตาที่งดงาม แต่มีจิตใจที่เลวทราม ! ครั้งนี้มันเป็นเป่ยเอ๋อ แต่ใครจะรู้ว่าคนต่อไปจะเป็นใคร”
ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็เข้าใจว่านางถูกเฟิงเฉินหยูหลอกในวันนั้น นางอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเฟิงเฉินหยูอย่างโกรธเคือง “บอกข้ามาว่าในแจกันนั้นมีอะไร”
เฟิงเฉินหยูยังคงส่ายหัวของนาง “ไม่มีอะไรเลย หลานสาวไม่ได้ซ่อนอะไรเลย น้องสี่กำลังปรักปรำข้า !”
“หลักฐานวางอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว แต่เจ้ายังกล้าพูดว่าข้าปรักปรำเจ้าอีกหรือ ?” เฟิงเฟินไดเกลียดที่นางไม่สามารถฉีกหน้ากากของเฟิงเฉินหยูให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้
“นี่เป็นหลักฐานอะไรกัน ?” เฟิงเฉินหยูพูดเสียงดัง “ต้องมีคนที่จงใจใช้ร่างนี้เพื่อปรักปรำข้า พวกเขาทำให้นางจมน้ำตายก่อนแล้วจึงเอานางมาวางไว้ที่นี่”
ยี่หลินยังกล่าวอีกว่า “ลานเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่ห่างไกล ตอนนี้มันเป็นฤดูหนาว มันผ่านมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่คุณหนูใหญ่อยู่ที่นี่ !”
เฟิงเซียงหรูไม่ได้พูดอะไรตลอดเวลายืนอยู่ข้าง ๆ และดู ไม่ว่านางจะมองยังไงนางรู้สึกว่าพี่ใหญ่มีพิรุธ ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของอันชิ "ท่านแม่ เป็นพี่ใหญ่ที่โกหกใช่หรือไม่เจ้าค่ะ"
ก่อนที่อันชิสามารถตอบสนองได้ เฟิงจื่อหรูที่ได้ยินจากด้านข้างและตอบก่อน “ใบหน้าของพี่ใหญ่ซีดและนางก็กระพริบตาถี่ ๆ นางตัวสั่นด้วย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางกำลังโกหก”
อันชิมองเฟิงจื่อหรู นางได้แต่ชมเชยว่า “เจ้าสมกับเป็นน้องชายของคุณหนูรอง พวกเจ้าเหมือนกันจริง ๆ แม้แต่วิธีที่เจ้าพูดก็เหมือนกัน”
เฟิงจื่อหรูคำนับขอบคุณอันชิ “ขอบคุณสำหรับคำชมของแม่รองอันขอรับ” สิ่งนี้ทำให้อันชิยิ้มกว้างมากขึ้น
ในเวลานี้พวกเขาได้ยินเฟิงหยูเฮงพูดว่า “ทุกคนดู !” นางกำลังยื่นมือออกมาและจับแก้มของศพเพื่อให้เปิดปาก “มองเข้าไปในปากของนาง มีบางอย่างอยู่ข้างใน”
ทุกคนมองไปที่นั้นและพอเห็นสิ่งที่คล้ายลูกบอลอยู่ในนั้น เฟิงหยูเฮงเอื้อมมือขวาเข้าไปในแขนเสื้อของนางแล้วดึงคีมไม้คู่หนึ่งออกมาจากมิติของนาง เอามันเข้าไปในปากของศพนางดึงวัตถุออก เฟิงเซียงหรูพูดอย่างตกใจ “ถุงเงิน !”
คนอื่น ๆ ก็เห็นว่าเป็นถุงเงิน แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเหตุใดผู้ตายถึงมีถุงเงินอยู่ในปาก
ทันใดนั้นเฟิงจื่อหรูอ้าปากแล้วพูดว่า "ยี่หลิน เจ้ากำลังมองหาอะไรอยู่ ? "
คำถามนี้ทำให้ทุกคนหันความสนใจไปทางยี่หลิน ผู้ที่ตอบโต้เร็วที่สุดจะเห็นว่ายี่หลินมองไปรอบ ๆ ตัวนาง ราวกับกำลังมองหาบางอย่างอยู่
เมื่อได้ยินเฟิงจื่อหรูถามเช่นนี้ ยี่หลินก็ตื่นตระหนกและพูดว่า “ไม่ ข้าไม่ได้มองหาอะไรเลยเจ้าค่ะ คุณชายรองนั้นเข้าใจผิด บ่าวรับใช้ไม่ได้มองหาสิ่งใดเจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงไม่มีความสุข “เจ้าเรียกคุณชายรองได้อย่างไร ? ในคฤหาสน์ตอนนี้มีคุณชายเพียงคนเดียวเท่านั้น เจ้าคิดอะไรอยู่ ?”
ใบหน้าของเฟิงจินหยวนมืดครึ้มลงในขณะที่เขาจ้องมองเฟิงเฉินหยู
เฟิงเฉินหยูจะไม่เข้าใจได้อย่างไรในขณะที่นางพูดอย่างรวดเร็ว “เฟิงจื่อหรูเป็นคุณชายใหญ่ ยี่หลิน เจ้าพูดไร้สาระ”
“เจ้าค่ะ ท่านเป็นคุณชายใหญ่” ยี่หลินตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม “บ่าวรับใช้คนนี้พูดผิด คุณชายใหญ่ ท่านเป็นคุณชายใหญ่”
“ถุงเงินของพี่ยี่หลินไม่ใช่หรือ ?” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพูดขึ้น และทุกคนก็มองไป ที่นั่นพวกเขาเห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อ้วน ๆ ที่แก้มยุ้ยดูน่ารักมาก หญิงสาวมองไปที่ถุงเงินและพูดด้วยความสับสน “มันเป็นถุงเงินใหม่ของพี่ยี่หลินที่ทำขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน เมื่อนางทำมัน บ่าวรับใช้ผู้นี้คิดว่ามันสวยและดูมีลวดลายแปลกตาด้วยซ้ำ ข้าจำได้”
“หุบปาก !” เฟิงเฉินหยูวิตกกังวล แต่นี่เป็นหนึ่งในบ่าวรับใช้ที่เรือนของนาง ! ก่อนหน้านี้นางรู้สึกแค่ว่าบ่าวรับใช้ผู้นี้อ้วนและโง่ แต่นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะโง่จริง ๆ และพูดเช่นนี้ในช่วงเวลานี้ !
น่าเสียดายที่มันสายเกินไปที่จะปิดปากนาง คำพูดถูกพูดออกมาและทุกคนได้ยินมัน
ฮูหยินผู้เฒ่ากวักมือเรียกบ่าวรับใช้และบ่าวรับใช้อ้วนเดินอุ้ยอ้ายไปหา ฮูหยินผู้เฒ่าจึงถามว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นของยี่หลิน ?”
บ่าวรับใช้อ้วนดูอย่างระมัดระวัง และคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ในเวลานั้นพี่ยี่หลินกล่าวว่านางต้องการที่จะเย็บชื่อนางไว้ด้านในถุงเงิน ข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ในนั้นหรือไม่”
เฟิงจินหยวนสั่งบ่าวรับใช้ทันที “เปิดดู”
บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งขึ้นไปและเปิดถุงเงินดูข้างใน หลังจากดูอย่างละเอียดสักพัก เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "มีชื่อปักว่ายี่หลิน ! " หลังจากที่พูด เขากำลังจะส่งให้เฟิงจินหยวนดู
เฟิงจินหยวนจะกล้าจับสมบัติของคนตายได้อย่างไร โบกมือของเขา เขาหยุดบ่าวรับใช้ “ไม่จำเป็นต้องมอง เรื่องนี้ชัดเจนแล้ว” หันมามองที่เฟิงเฉินหยู “เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่ ? ข้าดุแลเจ้าไม่ดีหรือในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และการที่ข้าดูแลเจ้าเป็นพิเศษเป็นสิ่งที่ทุกคนได้เห็น ดังนั้นทำไมเจ้าไม่แสดงความจริงใจต่อตระกูลเฟิง ? บอกเราว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในถุงผ้า”
เฟิงเฉินหยูคุกเข่าบนพื้นขอร้องและร้องไห้ “ท่านพ่อเชื่อลูกเถิด ลูกไม่ได้ซ่อนอะไรเลย ! ข้าไม่ได้ซ่อนอะไรเลยจริง ๆ ! มันไม่มีอะไรมากไปกว่าบ่าวรับใช้ที่ตาย ไม่มีใครบอกว่าลูกสาวทำ แต่ถึงแม้ว่าลูกสาวจะทำมันจริง ๆ ละก็ จำเป็นด้วยหรือที่ท่านพ่อจะตำหนิลูกเพราะเรื่องการตายของบ่าวรับใช้ !”
“แต่นั่นคือบ่าวรับใช้ในเรือนของข้า !” เฟิงเฟินไดโกรธ “ถ้าเจ้าต้องการที่จะทุบตีและฆ่าใครซักคน เจ้าสามารถทำได้กับบ่าวรับใช้ของเจ้าเอง ทำไมต้องทำกับบ่าวรับใช้ส่วนตัวของข้าด้วย”
“น้องสี่ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ !” เฟิงเฉินหยูคิดดูแล้ว นางจะไม่ยอมรับกับเรื่องนี้แม้ว่านางจะตาย นางต้องพูดซ้ำ ๆ อย่างเด็ดเดี่ยวว่านางบริสุทธิ์ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด... นางมองไปที่ยี่หลิน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดนางสามารถผลักยี่หลินออกไปเป็นแพะรับบาปได้
“โกหก !” ฮูหยินผู้เฒ่ากระแทกไม้เท้าของนางที่พื้นและสาปแช่งด้วยความโกรธ “เจ้าโง่มาก ! ตระกูลเฟิงของข้ามีลูกหลานแบบเจ้าได้อย่างไร จินหยวนตรวจสอบอย่างละเอียดว่านางซ่อนอะไร ถ้ามันไม่ดีสำหรับตระกูลเฟิง ข้าจะต้องทำความสะอาดบ้าน !”
เฟิงเฉินหยูรู้สึกหวาดกลัวต่อคำว่าทำความสะอาดบ้าน นางไม่สามารถพูดต่อไปได้ แต่คุกเข่าบนพื้น นางก็ยังถามนางต่อไปว่า “เจ้าต้องพูดอะไรอีก ?”
“ไม่ใช่ข้า” นางกัดฟันแล้วลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นเองนางก็ตบยี่หลิน “นังโง่ ! เป่ยเอ๋อขัดแย้งกับเจ้าเพียงเล็กน้อย เจ้าถึงต้องฆ่านางเลยหรือ มีอะไรซ่อนอยู่ในแจกัน ?” ขณะที่นางพูดสิ่งนี้นางหันไปเผชิญหน้ากับเฟิงจินหยวน “ท่านพ่อ น้องสี่บอกว่ามันเป็นนังแพศยาโง่ ๆ ที่หยิบของขึ้นมาแล้ววิ่งหนี ลูกสาวบริสุทธิ์จริง ๆ และไม่รู้เรื่องอะไรเลย !”
เฟิงหยูเฮงหัวเราะเยาะ โยนความผิดให้บ่าวรับใช้ของนางในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในฐานะแพะรับบาป เฟิงเฉินหยูช่างเป็นคนดีเสียจริง
“บ่าวรับใช้คนนี้เป็นพยานได้เจ้าค่ะ !” ทันใดนั้นเซียงเอ๋อพูดขึ้น “ในคืนนั้นพี่ยี่หลินนำเงินมาให้บ่าวรับใช้ผู้นี้และบอกให้หาคนมาถมบ่อ บ่าวรับใช้นี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นว่ามีเงิน ข้าจึงพาคนไปถมบ่อน้ำอย่างรวดเร็ว” นางพูดอย่างนี้ และชี้ไปที่บ่าวรับใช้ที่ถมบ่อน้ำ “มันคือคนเหล่านี้”
พวกบ่าวรับใช้ทุกคนคุกเข่าด้วยความกลัวโดยกล่าวว่า “เซียงเอ๋อมาหาพวกข้า ให้พวกเรามาถมบ่อน้ำ เรายังเห็นยี่หลินมาหาเซียงเอ๋อก่อนเจ้าค่ะ”
ยี่หลินอยากจะเป็นลม นางไม่เคยคิดว่าทุกคนในเรือนนี้รวมถึงเฟิงเฉินหยูต้องการฆ่านาง บัดนี้สิ่งนี้ได้ถูกวางไว้ต่อหน้านาง นอกเหนือจากความตายแล้วยังมีอะไรอีกเล่า ?
นางจ้องมองเฟิงเฉินหยูว่า “บ่าวรับใช้ผู้นี้ดูแลคุณหนูมาหลายปีแล้ว แม้ว่าจะไม่มีคุณงามความดี แต่ก็ไม่เคยทำสิ่งเลวร้าย ทำไมคุณหนูต้องโยนความผิดมาให้บ่าวรับใช้ผู้นี้ไปด้วยเมื่อเจอปัญหา ? เป่ยเอ๋อนั้นถูกผลักลงในบ่อน้ำโดยบ่าวรับใช้คนนี้ ลองคิดดูสิเจ้าคะ ทำไมบ่าวรับใช้ผู้นี้จึงต้องการผลักนางลงไป คุณหนูไม่รู้จริง ๆ หรือเจ้าคะ ? ในเมื่อคุณหนูใหญ่ใจร้าย จะโทษบ่าวรับใช้ผู้นี้ไม่ซื่อสัตย์ไม่ได้เจ้าค่ะ” ยี่หลินหมุนตัวและคุกเข่าต่อหน้าเฟิงจินหยวน “ท่านใต้เท้าเฟิง บ่าวรับใช้คนนี้จะสารภาพทุกอย่างเจ้าค่ะ !”