GE132 แผนการ [ฟรี]
“ปล่อยข้า!” ชู่ซวนเชียนสื่อพยายามดิ้น นางรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เมื่อหนิงฝานพานางไปจนถึงกำแพงเมืองหนิง จึงปล่อยนางลงทันที พร้อมกับเหยียบย่างนภาขึ้นไปเหนือเมืองหนิง
นางประหลาดใจ เมื่อครู่หนิงฝานไม่ได้คิดล่วงเกินนางแม้แต่น้อย
บริเวณข้อมือและข้อเท้าที่นางรู้สึกราวกับถูกสัมผัสเทพตรึงไว้ปรากฏรอยแดง แม้ยามนี้นางนางจะไม่ได้ต้องพิษ แต่การที่สูญเสียปราณมากจนเกินไปก็ทำให้นางเป็นอันตราย
นางอับอายที่ตนเองเป็นฝ่ายมาช่วยเมืองหนิง แต่กลับถูกหนิงฝานช่วยไว้
“พี่สาว… กินโอสถลูกอมนี้เถอะ พี่ฝานบอกว่ามันจะช่วยท่านฟื้นฟูปราณ”
จื่อเฮ่อที่อยู่ไม่ไกลยื่นส่งขวดโอสถให้ กลิ่นโอสถผันแปรที่ 3 โชยมา ทำให้ชู่ซวนเชียนสื่อรู้สึกสดชื่น
นางจับจ้องจื่อเฮ่อด้วยความประหลาดใจ เพราะจื่อเฮ่อยังมอบโอสถให้นางอีก
สตรีตรงหน้านางเรียกขานหนิงฝานว่าพี่ฝาน หากนางไม่ใช่ภรรยา คงเป็นบ่าวของเขา... นางเพิ่งอายุ 14 ปี การที่จื่อเฮ่อเรียกชู่ซวนเชียนสื่อว่าพี่สาว โดยที่นางมีอายุมากกว่าหลายเท่า ทำให้นางกระอักกระอ่วนใจ
“ข้าชื่อจื่อเฮ่อ โอสถเหล่านั้นพี่ฝานเป็นผู้ปรุงให้ ท่านไม่ต้องเสียดายไป...” จื่อเฮ่อยิ้ม แล้วแหงนมองหนิงฝานด้วยสายตากังวล
แม้สงครามยังไม่เริ่ม นางก็หวังให้หนิงฝานชนะ
ด้านหลังจื่อเฮ่อ แววตาซือซือดูแปลกไป ราวกับความทรงจำที่กระจัดกระจายของนางกำลังผสานกันอย่างช้าๆ
ชู่ซวนเชียนสื่อถือขวดโอสถไว้ เมื่อจื่อเฮ่อเต็มใจมอบให้นาง นางก็ไม่ปฏิเสธ… นางเปิดฝาโอสถ พัดเอากลิ่นหอมของโอสถสูดดม จนทำให้นางประหลาดใจเล็กน้อย
“โอสถฝู่มิ่ง...” นางอุทาน
โอสถฝู่มิ่งเป็นโอสถที่ปรุงมาจากสมุนไพรพันปี มีระดับเป็นโอสถผันแปรที่ 3 รสชาติขมยากจะกลืน แต่ฤทธิ์ของมันกลับน่าทึ่ง เพราะมีนสามารถช่วยฟื้นฟูปราณของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้ถึง 1 ส่วนในพริบตา
ภายในขวดมีโอสถอยู่ด้วยกัน 10 เม็ด นับเป็นโอสถล้ำค่า ในอดีต ชู่ซวนเชียนสื่อไม่เคยได้โอสถมากขนาดนี้ในคราวเดียวมาก่อน
นางประหลาดใจ เพราะสตรีของหนิงฝานยื่นโอสถที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้ได้โดยไม่เสียดาย… เมื่อสังเกตุที่โอสถ นางคาดเดาว่าทักษะปรุงโอสถของหนิงฝานคงบรรลุโอสถผันแปรที่ 3 ขั้นสูงสุด
นางลองหยิบโอสถขึ้นมา กลืนลงไป ก่อนที่เผยสีหน้าประหลาดใจ เพราะแววตาของนางเป็นประกาย สีหน้าดูดีขึ้นมาก
โอสถฝู่มิ่งไม่ได้มีรสขมเหมือนกล่าว มันกลับหวานราวกับน้ำผึ้ง
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นคือ หนิงฝานได้ผสมน้ำผึ้งคุณภาพสูงเข้าไป นอกจากจะช่วยเพิ่มฤทธิ์ของโอสถแล้ว ยังช่วยให้มีรสหวานด้วย
“หวานมาก...”
นางมองโอสถภายในขวดอย่างมีความสุข…. หนิงฝานน่าจะตั้งใจปรุงโอสถเพื่อจื่อเฮ่อโดยเฉพาะ เขานำน้ำผึ้งมาตัดรสขมเพื่อให้นางกินได้ง่าย… นั่นหมายความว่าเขาเป็นห่วงนางมาก
มิน่าจื่อเฮ่อถึงเรียกมันว่าโอสถลูกอม… เพราะมันหวานเหมือนลูกอม การที่จื่อเฮ่อมีนักปรุงโอสถส่วนตัวที่ห่วงใยเช่นนี้ นับเป็นโชคดีของนาง
ชู่ซวนเชียนสื่อจ้องมองหนิงฝาน ภายในแคว้นเยว่… ชื่อเสียงของหนิงฝานเป็นไปในด้านลบ แต่เมื่อนางได้เดินทางไปนิกายกุ่ยเชว่และได้พบหนิงฝาน นางกลับรู้สึกว่าหนิงฝานเป็นตัวตนที่ลึกลับ จึงได้ยิ้มให้หนิงฝานในครั้งนั้น
ยามนี้หนิงฝานกลายเป็นผู้ช่วยชีวิตนาง ความรู้สึกที่นางมีให้จึงดีขึ้นมาก
แม้นางจะสั่งสมประสบการณ์มานาน แต่นางกลับยังมองหนิงฝานไม่ทะลุปรุโปร่ง นางสัมผัสได้เพียงว่า หนิงฝานไม่ได้ชั่วร้าย
“เขาจงใจก้าวเดินสู่เส้นทางของฝ่ายอธรรม...” นางนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
…
“ยิงศรหมดแล้วให้รีบกลับเมืองหนิงทันที!”
ลูกศรเพลิงลอยเกลื่อนท้องนภาราวห่าพิรุณ ศพบินจำนวนมากที่ถูกยิง เปล่งเสียงร้องโหยหวนก่อนจะกลายเป็นเถ้าถ่านไป
ทหารหนึ่งคนมีลูกศร 10 ดอก… กองทัพมีทั้งหมด 2 พันคน รวมลูกทั้งหมดเป็น 2 หมื่นดอก คิดเป็น 2 แสนหยกสวรรค์… สือหยินดวงตาเบิกกว้าง เพราะศิษย์ของนิกายเต๋าสวรรค์ตายไปเป็นจำนวนมาก!
แต่ถึงอย่างนั้น เทียนยี่กลับไม่แสดงสีหน้ากังวล ราวกับกองทัพทั้ง 6 พันของมันไร้ค่า ทั้งแววตาของมันยังดูตื่นเต้นด้วยซ้ำ
กองทหารสัตว์อสูรบินทั้ง 2 พันนายมุ่งตรงไปยังเมืองหนิง แล้วร่อนลงไปในข่ายอาคมของเมือง
ข่ายอาคมของเมืองหนิงนั้นทรงพลัง เพียงพอที่จะต้านรับการบุกจู่โจมที่รุนแรง… ก่อนที่พันธมิตรของตนจะมา หนิงฝานจะนำกองทหารทั้ง 4 รบ!
เมื่อกองทัพร่อนลงภายในเมืองหนิงทั้งหมด หนิงฝานที่อยู่กลางนภาก็ร่อนลงที่กำแพงเมือง พร้อมกับสีหน้าฉงนสงสัย
จากลูกศรเพลิงเมื่อครู่ กองทัพทั้ง 6 พันของนิกายเต๋าสวรรค์ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
แต่นั่นกลับให้รู้สึกแปลก
สิ่งที่เขาสงสัยอย่างแรกคือ ศิษย์ของนิกายเต๋าสวรรค์เป็นคนหรือศพกันแน่ เพราะศพเหล่านั้นมีกลิ่นอายของชีวิต หากเกิดพวกมันไม่ใช่ศพแต่เป็นมนุษย์ เหตุใดร่างกายของพวกมันกลับเปื่อยยุ่ยเหมือนศพจริงๆ
อย่างที่สองคือ กองทัพทั้ง 6 พันของเทียนยี่ถูกทำลาย แต่มันยังคงสีหน้าสงบ… ปราณแห่งความตายด้านหลังของมันหนาแน่น
อย่างที่สามคือโลงศพที่อยู่ข้างหลังเทียนยี่ กลิ่นอายที่มันแผ่ออกมาทำให้หนิงฝานสัมผัสได้ถึงอันตราย
เทียนยี่ในยามนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด...
หนิงฝานคิดถึงสิ่งที่ตนเก็บซ่อนไว้ เมื่อหนานกงสังเกตุเห็นสีหน้าหนิงฝานจึงกล่าว
“นายน้อย… ข้าว่าเราควรเปลี่ยนแผน” หนานกงกล่าว
“ไม่จำเป็น… เปิดข่ายอาคมป้องกันการบิน หากพวกมันจู่โจมเต็มกำลัง ก็เปิดข่ายอาคมสะท้อนการจู่โจม...”
หนิงฝานเป็นผู้แก้ไขข่ายอาคมของเมืองด้วยตนเอง อานุภาพของมันจึงเทียนเท่าข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่ม แต่ถึงอย่างนั้น เขายังมีข่ายอาคมชนิดอื่นผสานอานุภาพกัน รวมไปถึงสิ่งที่เขาเก็บซ่อนไว้ นั่นคือข่ายอาคมสะท้อนการจู่โจม
ข่ายอาคมสะท้อนการจู่โจมนั้น เป็นข่ายอาคมที่ไม่ธรรมดา เพราะมันสามารถสะท้อนการจู่โจมของศัตรูได้ทั้งหมด
หากศัตรูจู่โจมกระทั่งข่ายอาคมป้องกันใหญ่ใกล้แตกสลาย พวกมันสมควรทุ่มการจู่โจมเต็มกำลังเพื่อทำลายข่ายอาคม เมื่อนั้น จะเป็นคราวที่สะท้อนการจู่โจมของพวกมันกลับไป
เทียนยี่ทะยานกลับเรือเหาะ ดวงตาที่สามจ้องทองข่ายอาคมราวกับเห็นเล่ห์กลที่ซ่อนอยู่
มันกล่าวกับสือหยินด้วยสัมผัสเทพ
“น้องสือหยิน… ข้างทุ่มศิษย์นิกาย 6 พันคนเพื่อลดทอนลูกศรของมันแล้ว เช่นนั้น เรื่องจู่โจมข่ายอาคมเมือง ยกให้เป็นหน้าที่เจ้าได้หรือไม่?”
“ฮ่าฮ่า ย่อมได้… หากเราร่วมมือ เมืองหนิงไม่รอดมือพวกเราแน่...” สือหยินหัวเราะลั่นพลางจ้องมองเมืองหนิง
กองทัพ 2 พันคน ลูกศร 2 หมื่นลูก โถมเข้าใส่ศิษย์นิกายเต๋าสวรรค์ทั้ง 6 พันจนมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน… นั่นทำให้สือหยินยังลังเลเล็กน้อย แต่ในเมื่อมันรู้ว่าปีศาจทมิฬหนิงคือหนิงฝาน มันจึงไม่ลังเล เพราะแม้อีกฝ่ายจะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แต่ก็ยังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณเท่านั้น
สิ่งที่สือหยินคาดไม่ถึงคือชู่ซวนเชียนสื่อจะยื่นมือเข้าช่วย
ทั้งมันยังคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะยอมเสียหยกสวรรค์ 2 แสนไปได้ง่ายๆ
ยามนี้ดูเหมือนลูกศรของเหล่าทหารเมืองหนิงจะหมดแล้ว เพราะไม่อย่างนั้น หากทหารของเมืองหนิงยิงศรมาอีก ศิษย์นิกายจี๋หลิงคงไม่รอด
หากไร้ซึ่งลูกศรจู่โจม การจู่โจมข่ายอาคมก็ไม่เรื่องอันตราย… ต่อให้เป็นข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มก็ยังทำลายได้
เมื่อทำลายข่ายอาคมเมืองหนิงได้ พวกมันก็จะเข้าสังหารกองทัพของเมืองหนิงให้สิ้น… สิ่งที่มันต้องระวังคือหนิงฝาน เพราะวิชากายาหกจ้างของเขาทรงพลังมาก
“ไม่… มันไม่สมควรบรรลุขอบเขต เมื่อครู่มันสมควรใช้วิชาลับ ทำให้พลังยกระดับขึ้น… หากมันบรรลุขอบเขตกระดูกเงินจริง มันย่อมทรงพลังกว่านี้”
สือหยินไม่เชื่อว่าหนิงฝานที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี จะขัดเกลาจนร่างกายบรรลุขอบเขตระดับสูง... เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เป็นเทพเซียนที่ยิ่งใหญ่ หากอายุยังไม่ถึง 20 ปี อย่างมากก็บรรลุขอบเขตแสงเงิน เท่านั้น
สือหยินถ่ายทอดคำสั่งไปยังผู้อาวุโสของนิกายจี๋หลิง เมื่อชายชราทั้งหลายได้รับคำสั่ง พวกมันก็ทะยานลงจากเรือเหาะ เข้าลอมเมืองหนิงทันที
นิกายสือหยินไม่มีศพบินเหมือนกับนิกายเต๋าสวรรค์ ศิษย์ของพวกมันเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเปิดเส้นชีพจร ไม่สามารถเหยียบย่างนภาได้ จึงทำได้เพียงจู่โจมจากบนเรือเหาะ
ในขณะที่สือหยินออกคำสั่งให้จู่โจมข่ายอาคมของเมืองหนิงนั้น เทียนยู่ที่แอบดูก็เผยสีหน้าเย้ยหยะ
ไม่นานนัก เสียงแหบแห้งก็ดังออกมาจากโลกศพด้านหลังเทียนยี่
“เร็วเข้า… มีคนตายมากเท่าไหร่ยิ่งดี… เพราะหากได้ปราณแห่งความตายเป็นจำนวนมาก ชายจะยกระดับไปอีกขั้น พลังฟื้นคืนขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นร่างไม่เน่าสลาย!”
สือหยินนั่งอยู่บนเรือเหาะ มันสั่งการให้คนของมันจู่โจมประตูเมืองทางเหนือ
มันมองเมืองหนิงด้วยแววตาดูถูก
“ข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่ม? น่าเสียดายที่ไม่ใช่ข่ายอาคมโจมตี… ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าข่ายอาคมของเจ้าจะป้องกันการจู่โจมของกองทัพนับพันได้หรือเปล่า! ลงมือ!”
มันออกคำสั่งจู่โจม แต่ชั่วลมหายใจนั้นเอง ข่ายอาคมสีเหลืองกลับเปล่งแสงเรืองรอง ขยายขนาดครอบคลุมเรือเหาะของนิกายเต๋าสวรรค์จนทำให้มันเริ่มร่วงหล่น
“ข่ายอาคมระงับการบิน? สั่งปืนใหญ่วิญญาณให้จู่โจมข่ายอาคมสีเหลืองนั่น!”
ปืนใหญ่วิญญาณแต่นะนัดมีมูลค่าถึง 2 พันหยกสวรรค์ต่อครั้งที่ยิง และบนเรือของนิกายจี๋หลิงนั้น มีด้วยกัน 5 กระบอก!
เรือทั้งสามลำของมันเริ่มรวบรวมพลังงานให้ปืนใหญ่ แล้วยิ่งออกไปพร้อมกัน
สือหยินเริ่มตระหนก เพราะมูลค่าของหยกสวรรค์ที่ใช้ไปกับปืนใหญ่วิญญาณเมื่อครู่ มากถึง 3 หมื่นหยกสวรรค์ สำหรับมันแล้ว เป็นหยกสวรรค์จำนวนไม่น้อย มันไม่ใช่หนิงฝานที่จะโปรยหยกสวรรค์ได้มากขนาดนั้น
แต่เมื่อขบคิดแล้ว 3 หมื่นหยกสวรรค์ที่มันเสียไม่นับเป็นอันใดหากเทียบกับศิษย์นิกายเต๋าสวรรค์ 6 พัน… สือหยินคาดไม่ถึงว่าการจู่โจมเมืองหนิงจะทำให้มันสูญเสียหยกสวรรค์ไปมากขนาดนี้
ปืนใหญ่ทั้ง 15 กระบอกที่ยิงออกไป ไม่ได้จู่โจมโดนข่ายอาคมระงับการบิน มันจู่โจมโดนข่ายอาคมอีกชนิด… เรือเหาะลำเล็กยังคงร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง มีเพียงเรือเหาะขนาดยักษ์ที่ยังลอยอยู่ แต่ก็สั่นอย่างรุนแรง
สือหยินนั่งไม่ติดที่ มันมองข่ายอาคมเมืองหนิงด้วยสีหน้ามืดมน
ข่ายอาคมระงับการบินยังคนทำงาน มันจึงต้องทำลายข่ายอาคมป้องกันเมืองให้ได้
“รับคำสั่ง… ศิษย์ทั้ง 3 พันคนระดมจู่โจมเมืองหนิงด้วยมุกหยิน...ทำลายมันให้ราบ!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง ศิษย์ของนิกายจี๋หลิงเผยสีหน้ากังวล
“อะไรนะ… ต้องการให้เราสละมุกหยินที่ใช้เวลาสร้างนานหลายปี!”
มุกหยินคือสิ่งที่ใช้คุ้มกันร่างกาย เกิดจากวิชาลับของนิกายจี๋หลิง เมื่อชีวิตตกอยู่ในตราย มันจะเปล่งอานุภาพป้องกัน… อานุภาพในการจู่โจมของมุกหยินเองก็รุนแรงไม่แพ้กัน
โดยทั่วไปแล้วมุกหยินนั้นจะใช้ป้องกันยามคับขัน แต่ยามนี้สือหยินกลับอยากให้ใช้จู่โจม
หากจู่โจมด้วยมุกหยิน 3 พันเม็ด ข่ายอาคมเมืองหนิงอาจต้านไม่อยู่
ศิษย์นิกายสือหยินเผยสีหน้าไม่พอใจ แต่เมื่อสือหยินหันมองมา ก็ไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่ง จึงเร่งใช้มุกหยินและระดมจู่โจมด้วยวิชาเสริมเข้าไป
สือหยินไม่อยากใช้ปืนใหญ่วิญญาณจู่โจมซ้ำ แต่การสงครามเช่นนี้ หากผู้ใดมีร่ำรวยกว่า ผู้นั้นย่อมเป็นผู้ชนะ
“หากทำลายเมืองหนิงได้… ข้าจะตบรางวัลให้”
สือหยินมองเมืองหนิงด้วยสายตาเย้ยหยัน
ครั้งนี้ ข่ายอาคนป้องกันของเมืองหนิงต้องพังทะลาย!...