บทที่ 79 ซอมบี้กลายพันธุ์ในพุ่มไม้
บทที่ 79 ซอมบี้กลายพันธุ์ในพุ่มไม้
ไม่เสียทีที่เป็นมหาวิทยาลัยเมือง X ซึ่งมีซอมบี้สามหมื่นตัว แม้จะเป็นแถบที่มีซอมบี้ค่อนข้างน้อย แต่จำนวนของยังอยู่ในระดับที่ทำให้หนังศีรษะชา
มหาวิทยาลัยเมือง X ในอดีตขึ้นชื่อเรื่องสภาพแวดล้อมสวยงาม แต่ตอนนี้เดินในเมืองแห่งนี้ทุกหนแห่งมีแต่พื้นที่สีเขียว การที่ในมหาวิทยาลัยที่มีถนนกว้างสุดๆ นั้นเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดมาก
อาคารข้างทางมีซอมบี้ ในพุ่มไต้เตี้ยๆ มีซอมบี้ บนถนนก็มีซอมบี้...
มิน่าล่ะ พวกหลินล่วนชิวจึงได้บาดเจ็บล้มตาย นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คนทั่วไปจะผ่านทางได้อย่างปลอดภัย!
สิ่งที่ทำให้หลิงม่อหงุดหงิดมากคือ เนื่องจากเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชิน ดังนั้นเพื่อไม่ให้ดึงดูดซอมบี้ออกมาจากแต่ละมุมมากขึ้น เขาจึงได้แต่ใช้วิธีที่ค่อนข้างระมัดระวังคืบคลานไปข้างหน้าช้าๆ
พูดง่ายๆ คือเดินก้าวหนึ่ง ระวังก้าวหนึ่ง ค่อยๆ โจมตี! มีหลินล่วนชิวคอยนำทาง ความจริงเป็นเรื่องที่สบายๆ กว่าพรวดพราดเข้ามาเองอยู่พอควร แต่ก็ยังยากมากอยู่ดี!
โดยเฉพาะหลังจากที่หลิงม่อสังเกตเห็นซอมบี้กลายพันธุ์ซึ่งไม่ใช่ซอมบี้ทั่วไปที่จะมองข้ามได้ เขาก็ไม่ยอมให้ซย่าน่าและเย่เลี่ยนบุ่มบ่ามเข้าปะทะมากไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด
แบบนี้แม้ความเร็วในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าจะช้าลง แต่ก็ถือว่าค่อนข้างปลอดภัย และยังทำให้หลินล่วนชิวที่สงสัยในกำลังความสามารถของพวกหลิงม่ออยู่นิดๆ ได้วางใจด้วย
เมื่อสำรวจเส้นทางนี้แล้ว หลินล่วนชิวก็พบว่า พวกหลิงม่อทั้งสามไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ยังเข้าขากันได้ดีมาก โดยเฉพาะหลิงม่อที่เป็นคนวางแผนนั้นมีความใจเย็นและระมัดระวังมาก
และเพราะท่าทีระมัดระวังแบบนี้ของเขา ทำให้หลินล่วนชิวยิ่งมั่นใจในตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ
เดิมนั้นความจริงแล้วไม่ว่าจะลองมองด้วยท่าทีแบบไหน จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ในใจเธอก็ยังมีความลังเลอยู่
ถึงอย่างไรหนีออกมาจากมหาวิทยาลัยเมือง X มาได้ไม่กี่วัน ความรู้สึกหวาดผวาที่ไปๆ มาๆ ในหมู่ซอมบี้ก็ยังคงตกค้างอยู่ในใจ แม้จะเจอหลิงม่อ การพูดการจาและท่าทางของคนๆ นี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนสบายๆ และเป็นมิตร แต่ความจริงอีกฝ่ายระมัดระวังและสงบนิ่งมาก ทว่านั่นก็เป็นแค่ความประทับใจในตอนแรกเท่านั้น คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ และยิ่งกว่านั้นนี่ก็เป็นแค่คนที่เพิ่งรู้จักกันด้วย?
จนเมื่อได้เห็นหลิงม่อในระหว่างต่อสู้ หลินล่วนชิวจึงได้วางใจมากว่า ไปกับเขาก็เท่ากับเธอหาทางรอดพบแล้วจริงๆ!
ฉากที่ค่อนข้างน่าหวาดเสียว ปรากฎขึ้นที่บริเวณทางแยก
เดิมเห็นซอมบี้ตรงนี้มีไม่ถึงห้าสิบตัว หลิงม่อยังนึกว่าจะอ้อมไปเงียบๆ ได้ ไม่คิดเลยว่าเพิ่งจะอ้อมมาถึงด้านหลังของอาคารหลังหนึ่งในนั้น ก็ปะทะกับซอมบี้กลายพันธุ์ตัวหนึ่ง!
เห็นเงาดำนั้นกระโดดพรวดออกมาจากพุ่มไม้หลังตึกอย่างรวดเร็วจนน่าตื่นตะลึง หลิงม่อก็ถอยกรูดไปข้างหลัง หลินล่วนชิวมีปฏิกิริยาโต้ตอบรวดเร็ว หลังจากที่เธอดึงสื่อปินแล้ว ทั้งสองก็ถอยไปอยู่ด้านข้างอย่างว่องไว
อยู่ในรังซอมบี้อย่างมหาวิทยาลัยเมือง X แบบนี้ หลินล่วนชิวและสื่อปินย่อมเคยเห็นซอมบี้กลายพันธุ์ หลินล่วนชิวเป็นผู้มีความสามารถพิเศษ ทั้งยังเคยประมือกับซอมบี้กลายพันธุ์มาก่อน และการต่อสู้นั้นก็ไม่ได้สบายๆ
ส่วนคนธรรมดาอย่างสื่อปิน เมื่อเจอซอมบี้กลายพันธุ์ก็เท่ากับเจอความตาย ถ้าหากคนกลุ่มหนึ่งมาเจอซอมบี้กลายพันธุ์เข้า จุดจบก็อาจจะคือการตายหมู่
ซอมบี้กลายพันธุ์แบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านไหว แม้จะเข้าใกล้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะสิ้นชีวิตในพริบตาได้ ซอมบี้กลายพันธุ์จู่โจมรวดเร็ว และซอมบี้ธรรมดานั้นก็ไม่อาจเทียบได้
แม้หลิงม่อจะตกใจกับซอมบี้กลายพันธุ์ที่ซ่อนอยู่หลังตึกตัวนี้ แต่หนวดสัมผัสของเขาเพิ่งจะใช้งานอย่างต่อเนื่องมาครึ่งค่อนวัน ตอนนี้เมื่อเผชิญอันตรายอย่างทันทีทันใด ก็แทบจะใช้หนวดสัมผัสได้โดยสัญชาตญาณ
ซอมบี้ตัวนี้ที่พุ่งมาข้างหน้าถูกต้านไว้ทันที ขณะเดียวกับตอนที่เขาถอยหลัง เย่เลี่ยนก็รีบพุ่งมาจากข้างหลังเขา ดาบวงพระจันทร์ในมือฟันฉับลงไปที่คอของมัน
แต่ซอมบี้ตัวนี้ดูเหมือนมีระดับวิวัฒนาการค่อนข้างสูง น่าจะห่างจากการเป็นซอมบี้ระดับสูงแค่ก้าวเดียว และอาจจะเทียบเท่าระดับเย่เลี่ยน หลังจากที่กลับมาเคลื่อนที่แล้วก็ถอยหลังไปสองก้าวทันที แต่ซอมบี้ตัวนี้มีความบกพร่องมาแต่กำเนิด ขาข้างหนึ่งของมันพิการ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะต้านทานได้จังๆ
รอบๆ นี้มีแต่ซอมบี้ หลิงม่อไม่ได้มีพลังจะมาร่ำไรอยู่กับอีกฝ่าย ถ้าเผื่อถูกซอมบี้ห้าสิบกว่าตัวล้อมไว้พร้อมกัน โอกาสที่จะรอดแบบมีชีวิตออกไปได้ก็ต่ำเหลือเกิน
ดังนั้นขณะเดียวกับตอนที่เย่เลี่ยนพุ่งเข้ามา หลิงม่อก็กุมมีดสั้นอ้อมไป
และซย่าน่าก็เงื้อดาบยาวขึ้น แทงเข้ามาจากด้านข้าง ขนาบโจมตีศัตรูพร้อมกันกับหลิงม่อ
ดาบสามเล่มฟันซอมบี้ตัวนี้พร้อมกัน แม้ซอมบี้ตัวนี้คิดจะหลบ แต่หนวดสัมผัสของหลิงม่อก็ทำให้มันชะงักการเคลื่อนไหวในพริบตา อีกทั้งเท้าข้างหนึ่งของมันยืนได้ไม่มั่นคง จึงพลันโงนเงนอยู่กับที่
“พรืด!”
ดาบสามเล่มเข้าเนื้อ การเคลื่อนไหวของซอมบี้กลายพันธุ์แข็งค้างไปทันที และหลังจากนั้นที่เย่เลี่ยนชักดาบออก ก็พลิกมือเอามีดควักก้อนเหนียวหนืดออกจากหัวของมัน พร้อมๆ กับที่หมุนตัว ก็เอายัดใส่มือหลิงม่อเรียบร้อย
การเคลื่อนไหวเป็นชุดนี้เรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติและลื่นไหล แม้คนทั่วไปจะฝึกให้เข้าขากันแค่ไหนก็ไม่น่าจะรู้ใจกันเท่าหลิงม่อ แต่ระหว่างซย่าน่า เย่เลี่ยนและหลิงม่อมีสายสัมพันธ์ทางจิต การเข้าขากันจึงย่อมทำได้ดีมาก
อีกด้านหนึ่ง เป็นเพราะหลิงม่อฆ่าซอมบี้กลายพันธุ์มาแล้วเป็นจำนวนไม่น้อย สำหรับซอมบี้ที่ทำให้ผู้รอดชีวิตเห็นแล้วหน้าถอดสีแบบนี้ หลิงม่อไม่ได้มีความรู้สึกกลัวใดๆ มานานแล้ว
จนกระทั่งก้อนเหนียวหนืดมาอยู่ในมือหลิงม่อ หลินล่วนชิวและสื่อปินไม่ได้เห็นชัดว่าการต่อสู้จบลงอย่างไร มุมที่ซย่าน่าและเย่เลี่ยนโจมตีก็บดบังขอบเขตสายตาของพวกเขาทั้งหมดไว้พอดี
เมื่อเห็นพวกหลิงม่อทั้งสามร่วมมือกันแทบจะไร้ที่ติ ฆ่าซอมบี้กลายพันธุ์ที่เห็นชัดว่ามีวิวัฒนาการระดับสูงได้อย่างฉับไว สายตาของหลินล่วนชิวก็ตะลึงงันอย่างไม่ต้องสงสัย สื่อปินยิ่งอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
จนเขาได้สติแล้ว หันกลับไปทำท่าจะพูดอะไรกับหลินล่วนชิว ก็พบว่าหลินล่วนชิวมองหลิงม่อเหมือนคิดอะไรอยู่
ภาพนี้ทำให้สื่อปินกำหมัดแน่นทันที ความเย็นเยียบวาบในดวงตา “ก็แค่ผู้มีความสามารถพิเศษเท่านั้นเอง ถ้าหากไม่มีความสามารถพิเศษ น้ำหน้าอย่างเขาจะทำอะไรได้!”
หลินล่วนชิวไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของสื่อปิน เมื่อเธอได้สติแล้วก็ถามด้วยความตกตะลึง “แต่ก่อนพวกนายเคยสู้กับซอมบี้แบบนั้นด้วยเหรอ? ที่สู้ด้วยกันเมื่อกี้นี้สวยงามมากจริงๆ”
หลิงม่อแอบคิดในใจว่าเด็กสาวคนนี้สังเกตละเอียดมาก ยังดีที่เมื่อครู่ตั้งใจบดบังสายตาเธอไว้ “อื้ม ฉันเรียกซอมบี้ชนิดนี้ว่าซอมบี้กลายพันธุ์ แต่ในหมู่ซอมบี้กลายพันธุ์เองก็ยังมีความแตกต่าง ตัวนี้ถือเป็นประเภทที่วิวัฒนาการสูงมาก และมีทั้งแบบที่เพิ่งกลายพันธุ์ ซึ่งนอกจะเคลื่อนไหวรวดเร็วและทรงพลังแล้วก็ไม่ได้คุกคามมาก ดังนั้นจึงใช่ว่าจะเอาชนะไม่ได้”
“ซอมบี้กลายพันธุ์...เป็นชื่อเรียกที่เหมาะมาก” หลินล่วนชิวพยักหน้า แล้วตาเป็นประกายบอก “ที่แท้พวกนายสามคน...ไม่ใช่แค่คู่รัก แต่เป็นเพื่อนร่วมรบด้วย”
แม้คำพูดของเธอไม่ค่อยมีหัวมีหาง แต่หลิงม่อก็ฟังเข้าใจทันที
เขาเป็นผู้ชายทั้งยังพาสาวสวยสองคนมาด้วย ตอนเช้าตรู่ก็ถูกหลินล่วนชิวเห็นฉากนั้นเข้า เธอคงนึกในใจว่า ชีวิตส่วนตัวของพวกหลิงม่อทั้งสามคงจะเละเทะมาก
แต่การร่วมเป็นร่วมตายเหมือนอย่างพวกเขา ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่แบบนี้ ก็มีความหมายที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นระหว่างช่วงเวลาเป็นตายย่อมแน่นแฟ้น ความใกล้ชิดระหว่างกันและกันจะปราศจากช่องว่าง ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว...
สำหรับเรื่องที่หลิงม่อและสองสาวอยู่ด้วยกัน หลินล่วนชิงก็ยังคิดในใจว่าไม่ค่อยเห็นด้วยอยู่ดี
แต่เห็นหลิงม่อใส่ใจซย่าน่าและเย่เลี่ยนในระหว่างการต่อสู้มาตลอดทาง เหมือนกลัวว่าพวกเธอจะเกิดอุบัติเหตุ ความคิดที่เธอมีต่อหลิงม่อก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดี
พื้นที่ของมหาวิทยาลัยเมือง X กว้างใหญ่เกินไปจริงๆ ค่อนวันมานี้ พวกหลิงม่อเพิ่งจะมาถึงใกล้ๆ โรงยิม ซึ่งห่างจากตึกเรียน C3 ที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางอีกไกลพอสมควร
หน้าโรงยิมคือลานแห่งหนึ่ง ไม่มีที่ให้แอบซ่อนตัว แต่ยังดีที่มีซอมบี้ไม่เยอะ ขอแค่ระวังหน่อยก็จะไม่เป็นอันตราย
การต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ทำให้จิตใจของหลิงม่อรู้สึกอ่อนล้ามาก เขาคนเดียวก็ฆ่าซอมบี้ไปร่วมร้อยตัว นี่ขนาดพยายามผ่านแบบหลบๆ อย่างเต็มที่แล้วด้วย
ซอมบี้ร่วมร้อยตัวเชียวนะ ไม่ใช่ผักกาดขาวร้อยหัว! พลาดแค่นิดเดียว ก็จะไม่มีทางมีจุดจบที่ดี ดังนั้นขณะเดียวกับที่กำลังต่อสู้ หลิงม่อก็จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบด้านต่างๆ นาๆ รวบรวมพลังสมาธิสูง พลังจิตก็ใช้งานไปมาก ทำให้หลิงม่อรู้สึกเหนื่อยล้าไม่หาย ดีที่ร่างกายได้เลื่อนระดับมาหลายครั้ง ความแข็งแกร่งไม่เหมือนกับแต่ก่อน ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงล้มฟุบไปแล้ว
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ตอนที่มาถึงโรงยิมใกล้ๆ นี้ หลิงม่อก็รู้สึกมึนหัวแล้ว
แม้แต่เย่เลี่ยนและซย่าน่าก็ยังแสดงให้เห็นถึงสภาพเหนื่อยล้า แม้จะมีพลังกายเต็มเปี่ยมอย่างซอมบี้ แต่ก็ทานรับการต่อสู้อย่างยาวนานไม่ไหว
แต่ดูแล้วคนที่อนาถที่สุดไม่ใช่ทั้งพวกหลิงม่อทั้งสาม และไม่ใช่หลินล่วนชิวที่ร่างกายแย่ที่สุด ทว่าเป็นสื่อปิน
ตั้งแต่ต้นหลิงม่อก็ยังตั้งใจนำหายนะมาให้สื่อปิน เขาจะได้ไม่มีเวลาว่าง แต่ต่อมาเนื่องจากซอมบี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้เขาจะไม่ได้จงใจหาเรื่องไปให้ แต่สื่อปินก็ไม่มีโอกาสได้พักแล้ว
ตลอดทางมานี้ สื่อปินเหงื่อโชกไปทั้งตัว ผมทั้งหัวยุ่งเหยิงจนแนบติดหน้าแผกและแก้ม ใบหน้าขาวออกเป็นสีแดงก่ำ ริมฝีปากสั่นไม่หยุด แขนที่ถือแท่งลับมีดก็สั่นเบาๆ สภาพนี้ค่อนข้างดูไม่จืดเลยทีเดียว...
“ซอมบี้ตลอดทางเยอะเหลือเกิน ตอนนี้ทุกคนเหนื่อยแล้ว เข้าไปพักในโรงยิมหน่อยเถอะ ในนั้นมีซอมบี้เยอะไหม?”
หลิงม่อไม่รู้สภาพของมหาวิทยาลัยเมือง X เวลาที่ควรถามเขาก็จะไม่อิดออดที่จะถาม
หลินล่วนชิวก็รับผิดชอบหน้าที่อย่างเต็มที่มาตลอดทาง อีกทั้งสภาพโดยทั่วไปที่เธอพูดถึงนั้นก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงมากนัก
“ปกติโรงยิมทางนี้ไม่ค่อยมีคนมามากเท่าไร เวลาที่มีกิจกรรมชมรมหลายๆ ชมรมก็ไม่ได้อยู่ในวันที่เกิดหายนะ นักเรียนทั่วๆ ไปก็จะไปโรงยิมอีกแห่งที่ใหญ่กว่า ถึงยังไงทางนั้นก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันกว่า ฉันเลยคิดว่า ซอมบี้ในนี้น่าจะน้อยมาก”
หลินล่วนชิววิเคราะห์อย่างชัดเจนและเป็นเหตุเป็นผล ทำให้หลิงม่อพอจะรู้แล้วว่าควรทำอย่างไร “ถ้างั้นไปพักในนั้นสักครู่เถอะ”