ตอนที่ 42 : หมูป่า
ตอนรุ่งสาง นักรบทั้งหมดที่อยู่ในถ้ำ พลังของพวกเขาก็ฟื้นคืน หลังจากที่ได้พักเอาแรงเมื่อคืนนี้ และได้นำสิ่งของอุปกรณ์ของพวกเขาวางแผนที่จะใช้สำหรับการล่าสัตว์ในเวลาต่อมา
พวกเขาได้นำเครื่องมือหินจำนวนมากมาจากในเผ่า และมีบางส่วนของเครื่องมือหินที่เก็บสำรองไว้ในถ้ำ แต่ พวกเขาไม่สามารถใช้ทุกสิ่งที่มีในการล่าสัตว์ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องเลือกเพียงบางส่วนของพวกเขา
นอกเหนือจากกระบี่ของชายชราเค่อ ฉาวซวนนำหอกยาวและสะพายหอกสั้นสามด้ามไว้บนหลังของเขา เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ฉาวซวนไม่ได้นำอุปกรณ์ออกมามากนัก อย่าลืมว่า มันเป็นภารกิจล่าสัตว์ครั้งแรกของเขา และสิ่งแรกที่เขาควรทำคือการปรับตัวและสังเกต
หลังจากที่พวกเขากินอะไรบางอย่างเป็นอาหารเช้า เมยผลักก้อนหินยักษ์ที่ปิดทางเข้าออกถ้ำ
ดวงอาทิตย์ขึ้นยังไม่เต็มดวง และสายลมชื้นผสมกับอากาศเย็นสดชื่นจากภายนอกพัดเข้าไปในถ้ำ ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา
สถานที่ตั้งของถ้ำค่อนข้างห่างไกล ไม่ไกลจากข้างหน้ามีความลาดชัน ที่ใครคนหนึ่งอาจจะถึงเขตตีนเขาได้ทันทีหากเขากลิ้งลงไปจากที่นั่น นอกจากนั้น มีต้นไม้ไม่มากรอบๆ หรือสัตว์ใด ๆ
นอกถ้ำ ฉาวซวนสามารถมองเห็นภูเขาล้อมรอบไปด้วยหมู่เมฆและแอ่งน้ำด้านล่างจากที่นี้ หากเจ้าไม่ใส่ใจอันตรายที่ซ่อนอยู่ และสัตว์ป่าที่ดุร้าย ป่าแห่งนี้มีวิวทิวทัศน์ค่อนข้างสวยงาม
“ก่อนที่จะล่าสัตว์ เจ้าต้องรู้นิสัยของเหยื่อ ยกตัวอย่างเหยื่อขนาดเล็ก เช่นกระต่ายส่วนใหญ่ออกมาหาอาหารในเวลากลางคืน และพวกมันมักจะซ่อนตัวในเวลากลางวัน.” แลงกาบอกกับฉาวซวนในขณะที่พวกเขาเดินลงมาจากภูเขา ในขณะเดียวกัน เขาชี้ให้เห็นวัชพืชบางชนิดและพืชที่มีรอยกัดจากกระต่ายป่าที่ออกมาหาอาหารในเวลากลางคืน
“แกะป่าตามปกติแทบจะไม่เห็นรอบภูเขานี้ และพวกมันมีอยู่ในภูเขาลูกอื่น ๆ แต่บางครั้งพวกมันหนึ่งหรือสองตัวจะมาที่นี่ ในช่วงฤดูหนาว พวกมันจะออกมาหาอาหารในเวลากลางวัน ขณะที่ในช่วงฤดูร้อน พวกมันมีแนวโน้มที่จะออกมาในช่วงเช้าและช่วงเย็น และซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาตอนเที่ยงเพื่อพักผ่อน ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นหลังจากผ่านไป 2-3 วันเมื่อเราไปถึงแอ่งน้ำ นอกจากนี้ยังมีเหยื่อขนาดเล็กอื่น ๆ ที่ชอบอาศัยอยู่ตามขอบชายป่า ในช่วงเวลากลางวันพวกมันจะซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ หรือใต้ต้นไม้เพื่อพักผ่อน และออกมาในช่วงเช้าและช่วงเย็น ...”
ฉาวซวนฟังคำพูดของแลงกาอย่างตั้งใจ และเขาพยายามที่จะจดจำทั้งหมดให้ขึ้นใจ นั่นคือความรู้ที่คนๆ หนึ่งจำเป็นต้องรู้หากพวกเขาต้องการที่จะอยู่รอดในโลกใบนี้ โดยเฉพาะการเรียนรู้เกี่ยวกับนิสัยของเหยื่อทั้งหมด นักรบล่าสัตว์สามารถรู้ได้ว่าควรไล่ล่าเมื่อใดและเมื่อใดควรหยุดเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ
“นอกเหนือจากนั้น เมื่อทำการค้นหาเหยื่อ ขั้นแรกเจ้าควรสังเกตุไปที่ร่องรอยต่างๆ เช่นรอยขีดข่วนที่ยังใหม่บนต้นไม้และรอยเท้าที่ชัดเจนบนพื้นดิน พวกมันทั้งหมดมีหมายความว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้เหยื่ออยู่ในพื้นที่นั้น ๆ โดยทั่วไป สัตว์อาจยังคงใช้เส้นทางเก่านี้ตราบใดที่เจ้าไม่ซุกซนทำลายหรือสร้างความเสียหายให้กับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ... หากพวกมันรู้สึกถึงตัวตนของเจ้า เจ้าก็ควรกลั้นลมหายใจของเจ้าและทำตัวให้นิ่งเช่นเดียวกับเมื่อเจ้าพบกับชะมดต้นไม้เมื่อวานนี้ บางทีสัตว์ทั้งหลายอาจไม่เคยเห็นมนุษย์มาก่อน และความอยากรู้อยากเห็นของพวกมันจะมีมากกว่าความกลัว เออใช่! สำหรับนักรบที่เพิ่งตื่นขึ้นมาเช่นตัวเจ้าเอง เจ้ายังไม่แข็งแรงพอที่จะตามล่าสัตว์ขนาดใหญ่เหล่านั้น เจ้าควรที่จะหลีกเลี่ยงสัตว์เหล่านั้น โดยเฉพาะสัตว์ดุร้ายหรือนอกเสียจากว่าเจ้าจะกลายเป็นเหยื่อของพวกมันแทน.”
เพียงแค่นั้น แลงกาเริ่มเงียบและสังเกตเห็นร่องรอยบนพื้นดินและหญ้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงอย่างใกล้ชิด “หมูป่ามาถึงที่นี่.”
ตลอดเส้นทางมีร่องรอยมากมาย แลงการวบรวมพวกมันทั้งหมดและไปหาเมยเพื่อพูดคุย “มีหมูป่าไม่มากอยู่ใกล้ๆ เนื่องจากเรายังไม่ได้เข้าสู่ใจกลางพื้นที่ล่าสัตว์ ข้าสามารถให้อาซวนและคนอื่น ๆ ไปออกกำลังกายเพื่ออุ่นเครื่องได้หรือไม่?”
"ได้" เมยบอกกับแลงกา แล้วพูดคุยไม่กี่คำกับเฉียวข้างๆ เขา
เฉียวและเมยเป็นคู่สามีภรรยา เมื่อฉาวซวนแรกได้ยินชื่อเฉียว เขาพูดติดตลกกับแลงกาว่า พวกเขากำลังถึงวาระที่จะเป็นคู่กัน แต่มันเป็นความอัปยศที่แลงกาไม่สามารถรับรู้ถึงเรื่องตลกของฉาวซวน [เมยหมายถึงข้าวสาลี และเฉียวหมายความว่าโซบะ]
ในกลุ่มล่าสัตว์มีนักรบหญิงเพียงเจ็ดคน และเฉียวเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา เฉียวและเมย ทั้งคู่เป็นนักรบระดับกลาง และในอดีตที่ผ่านมาพวกเขามักจะนำนักรบ12คนแยกออกไปต่างหากและไปล่าสัตว์ หลังจากที่พวกเขาก็ได้พบปะกันและกัน
ตามยุทธศาสตร์ที่เธอได้ทำงานร่วมกับเมยมาก่อน เฉียวนำกลุ่มนักรบและออกจากการไล่ล่ากวางยักษ์
เมยเดินต่อไปตามเส้นทางเดิมกับคนอื่น ๆ
“แลงกา เจ้าให้อังค์และคนอื่น ๆ หาหมูป่า ในขณะที่ข้าจะใช้เวลาที่เหลือในการตรวจสอบด้านอื่น ๆ อย่าเข้าไปในป่าลึกเกินไป.”
"เข้าใจล่ะ"
มีกับดักจำนวนมากที่แลงกาติดตั้งอยู่บนภูเขา จากกับดักเชือกไปจนถึงกับดักหิน กับดักชนิดอื่น ๆ เช่นกับดักมีดคม แลงกาชี้ให้พวกเขาเดินไปทางฉาวซวน เพื่อให้พวกเขาไม่ตกอยู่ในกับดักใดๆ
ไม่นาน แลงกาพบร่องรอยของหมูป่า ดังนั้นเขาบอกฉาวซวนและเหมาให้รอที่นี่ ในขณะที่เขาพุ่งออกไปที่หมูป่า
ฉาวซวนยืนอยู่บนต้นไม้ในขณะที่มองไปที่สภาพแวดล้อมอย่างจริงจัง แม้ว่าเมยและแลงกา ทั้งสองบอกว่าไม่มีสัตว์ดุร้ายขนาดใหญ่ในบริเวณใกล้เคียง เขายังคงต้องระมัดระวังตัวหนอนและงู
ไม่ไกล มีเสียงคำรามของหมูป่า และเสียงได้ใกล้เข้ามาเมื่อเวลาผ่านไป เห็นได้ชัดว่าการพุ่งตัวออกไปปฎิบัติภารกิจของแลงกา และหมูป่าไม่ได้วิ่งไปเส้นทางอื่น
ในขณะที่ให้ความสำคัญกับเสียงที่ใกล้เข้ามา, ฉาวซวนถือหอกยาวของเขาด้วยมือซ้าย แล้วดึงหอกสั้นออกมาและถือมันไว้ในมือขวา เพื่อใช้ในภายหลัง
“อย่างช้าที่สุดเจ้าสามารถมองเห็นสิ่งที่ข้าจะทำเพื่อตามล่ามันออกมา สำหรับเหยื่อบางอย่าง เจ้าสามารถทำได้เพียงแค่ดักพวกมันออกมา แล้วจัดการพวกมันด้วยหอกยาว.” เหมาบอก ระหว่างที่ยืนอยู่บนต้นไม้อีกต้น ในน้ำเสียงของเขามีความภาคภูมิใจที่เห็นได้ชัด เพราะไม่มีใครอยู่ที่นี่ เช่นเพื่อนฝูงที่จะฉีกหน้าเขาและเขาที่ทำตัวเหมือนนักรบล่าสัตว์ที่มีประสบการณ์
ฉาวซวนเหลือบมองไปที่เหมาในขณะที่ยังคงให้ความสนใจกับเสียงที่ใกล้เข้ามา
แลงกาและเมยทั้งสองบอกว่า มันเป็นเพียงหมูป่าตัวเล็ก ๆ แต่ตัดสินจากเสียงที่เกิดขึ้น ฉาวซวนไม่คิดว่ามันตัวเล็ก ๆ แม้แต่น้อย หมูป่าวิ่งออกจากพุ่มไม้คาดว่าน้ำหนักอย่างน้อยสองร้อยกิโลกรัม! มันดูเหมือนหมีถ้ามองเห็นครั้งแรก!
แต่เห็นได้ชัดขนาดนั้นได้ถูกตัดสินว่ามีขนาดเล็กในสายตาของแลงกา
หมูป่าห่อตะบึงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ มันดูเหมือนจะรู้สึกได้ว่าข้างหน้าจะมีการดักซุ่มโจมดีจึงหันไปทิศทางอื่น ฉาวซวนรีบวิ่งตามหลังมันไป ในขณะที่เหมากระโดดจากต้นไม้อื่น ๆ วิ่งไปข้างหน้าของฉาวซวน
ฟิ้ววว!
หอกสั้นบินตรงไปที่หมูป่าเหมือนลูกศร
ฟิ้้ววว!
หัวหอกพุ่งปักลงไปที่พื้นดิน ในขณะที่มันพลาดเป้าหมูป่าไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร
เหมามีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หอกที่สองพุ่งออกไปทันทีหลังจากหอกแรก ทันใดนั้นเสียงคำรามดังออกมาจากลำคอของหมูป่า
หอกสั้นด้ามที่สองพุ่งตรงเข้าไปในลำคอและหัวหอกครึ่งหนึ่งแทงเข้าไปในหนังหมูป่า
หมูป่าคำรามเสียงดังและรีบวิ่งไปทางต้นไม้สูงข้างๆ มันพร้อมกับหอกสั้น ๆ ในลำคอของมัน เมื่อมันอยู่ใกล้กับต้นไม้ มับก็ลู่ตัวลงให้หอกหลุดออกจากลำคอ
มีเลือดเพียงเล็กน้อยบนหัวหอก และเห็นได้ชัดว่า หอกที่เหมาพุ่งออกไปก่อนหน้านี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายอะไรมากมายกับหมูป่า
เขาขว้างออกไปทั้งสองครั้งแต่ก็ยังไม่ได้ผล เหมารู้สึกผิดหวังมาก จากก่อนหน้านี้ เขากระตือรือร้นที่จะอวดความสามารถมากเกินไป ซึ่งทำให้เขาเสียเวลาที่ดีที่สุดที่จะเขวี้ยงหอก เขาไม่สามารถแม้แต่จะเขวี้ยงครั้งที่สามได้ ดังนั้นเขายังคงไล่ล่าหมูป่ากับหอกสั้นที่กำอยู่ในมือของเขา เขาไม่พบว่าฉาวซวนมีความตั้งใจที่จะแสดงความสามารถใด ๆ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตราบใดที่เขาไม่พลาดการเขวี้ยงครั้งที่สาม,เขายังคงทำได้ดีกว่าฉาวซวน
สำหรับนักรบล่าสัตว์ในภารกิจล่าสัตว์ครั้งแรกของพวกเขา แม้กระทั่งเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวมากมายของการล่าสัตว์ และพวกเขาก็ค่อนข้างแข็งในทางทฤษฎี พวกเขาจะพบว่าในช่วงภารกิจล่าสัตว์จริงมีเวลาน้อยมากที่จะคิด ดังนั้นพวกเขาอาจจะรีบร้อนเกินไปจึงพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุด หรือพวกเขาอาจจะระมัดระวังมากเกินไปและเสียเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตี พวกเขาจะรอจนนาทีสุดท้าย และเฉพาะในนาทีสุดท้ายพวกเขาก็จะพบว่าโอกาสได้หลุดลอยไป
ด้วยเหตุนี้ในสายตาของเหมา แม้เขาจะพลาดโอกาสที่ดีที่สุด เขายังคงได้แทงหมูป่า ซึ่งแตกต่างจากฉาวซวนที่ไม่ได้กระทำสิ่งใดระหว่างเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นทั้งหมด
แทนที่จะชะลอตัวลงหลังจากถูกแทงด้วยหอกสั้น หมูป่าก็เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่ามันเป็นเส้นทางแห่งชีวิตของมัน
ในขณะที่เหมากำลังลงมือขว้างเป็นครั้งที่สาม มีเสียงเล็กน้อยมาจากทางข้างหลังเขา ช่วงเวลาต่อไป มีหอกตรึงอยู่บนพื้นดิน หอกเกือบปะทะกับกีบเท้าของมัน และได้ปักลงตรงด้านหน้าของกีบเท้าหมูป่า เห็นได้ชัดว่าหมูป่าไม่ได้คิดว่าจะถูกล้อมเช่นนั้น เช่นที่มันเป็นกับดัก ก่อนที่มันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองครั้งที่สอง หอกสั้นที่สองได้มาถึงและเวลานี้มันถูกหอกแทงที่ขาหน้าของมัน!
หอกไม้แตกออกเหมือนที่หมูป่าพยายามที่จะวิ่งไปข้างหน้า ในขณะที่หมูป่าขาสะดุดลงเพราะหอกสั้นทั้งสองเป็นแนวกั้น มันกลิ้งไปมาบนพื้นดิน และเพียงแค่มันกำลังยกตัวขึ้น ผู้ที่มาจากต้นไม้ข้างเขากระโดดลงมาและรีบวิ่งลงไปแทงหอก
หอกยาวเป็นเหมือนดาวตกและล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าตรงเข้าไปในคอของหมูป่า นั้นเป็นเพียงบาดแผลแรก!
เสียงร้องโหยหวนมากยิ่งขึ้นกว่าก่อน เสียดแทงเข้าไปในหูของผู้คน
ด้วยหอกยาวภายในคอของหมูป่า ฉาวซวนไม่ได้ดึงมันออกมาทันที แต่เขาผลักหอกลึกเข้าไป!
ฟัฟ!
หัวหอกแทบทะลุคอของหมูป่า ในขณะที่เสียงคำรามได้หยุดลง มีเพียงสี่ขาที่พยายามดิ้นรน แต่มันก็ถึงวาระแล้ว และความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของมันก็จางหายไป