ตอนที่ 26 : เปลวไฟที่ไม่สมบูรณ์
วันรุ่งขึ้น นักรบตัวน้อยค่อยๆ ตื่นขึ้นมาทีละคน ขณะที่พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนพลังสัญลักษณ์
หลังจากฝึกฝนทั้งคืน พวกเขาส่วนใหญ่สามารถใช้พลังสัญลักษณ์ในร่างกายของพวกเขาได้อย่างคล่องแคล่ว
ผ่านคืนนั้นมา ฉาวซวนได้รับพลังสัญลักษณ์มาเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ได้ทำความคุ้นเคยกับวิธีการใช้พลังสัญลักษณ์ เขาพยายามแบบเดียวกับที่จะจัดการกับ“ไข่”ที่ปกคลุมสัญลักษณ์ มันกลับกลายเป็นว่าได้รู้ถึงวิธีการทำงาน!
เมื่อมีการใช้พลังสัญลักษณ์ แสงที่ส่องลงบน “ไข่” จะจางหายไปเล็กน้อย ในขณะที่เมื่อมีการใช้พลังของ“ไข่” สัญลักษณ์จะถูกปกคลุมด้วยแสงแพรวพราวทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นพลังแบบไหนที่ฉาวซวนใช้ สัญลักษณ์ก็มักจะถูกปกคลุมอยู่ในไข่เสมอ และนั่นก็คือสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
แม้เขาจะไม่สามารถสลับเปลี่ยนพลังในพริบตา แต่อย่างน้อยหากมีเวลาเพียงพอ ฉาวซวนสามารถใช้ทั้งสองพลังได้อย่างอิสระ เป็นผลให้เมื่อฉาวซวนเปิดตาของเขาอีกครั้ง เขาไม่เห็นโครงกระดูกอีกต่อไป
เห็นโลกที่คุ้นเคยอีกครั้ง ฉาวซวนตื่นเต้นดีใจอย่างมาก มันจะน่าขนลุกมาก ถ้าเขาเห็นเพียงแต่โครงกระดูกจากตอนนี้ไป โชคดีที่เขายังคงได้เห็นโลกหลากสีสันที่เต็มไปด้วยชีวิตและชีวา
ทำให้ปัญหาใหญ่คลี่คลายออกไป ฉาวซวนรู้สึกโล่งใจมาก จากนั้น เขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เด็กบางคนจากถ้ำเด็กกำพร้า, ม่อเอ๋อร์, ซายและเด็กคนอื่นๆ ที่เขาเคยเห็นมาก่อน
มันเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นการแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขา สำหรับการมองเห็นที่เต็มไปด้วยโครงกระดูกนั้น ช่างจืดชืดและน่าเบื่อ
เวลานี้ ในที่สุดฉาวซวนก็ได้เห็นสายตาที่จ้องมองเขม่นของเหมา แต่ แม้ว่าเขาจะเห็นตอนนี้ เขาก็เมินเฉยหลังจากชายตามองเพียงครั้งเดียว
เหมารู้สึกโกรธมากที่ถูกเมินเฉยจากฉาวซวนเช่นนั้น เขาต้องการที่จะมี“การสนทนาที่ดี” กับเขา แต่แล้วหมอผีก็เข้ามาภายใน ดังนั้นเหมาจึงต้องเก็บความความเกลียดชังไว้กับตัวเขา เพราะไม่มีใครกล้าทำอะไรไม่เกรงใจต่อหน้าหมอผี
หมอผีถามว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร และหลังจากที่เขาทำให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ หมอผีก็กล่าวว่าพวกเขาได้รับอนุญาตให้จากไปได้ สำหรับเรื่องอื่น ๆ พวกเขาเพียงแค่พยายามปรับตัวในระหว่างภารกิจการล่าสัตว์ หัวหน้าเผ่าเป็นต้นแบบที่ทำให้เกิดการฝึกฝน แต่พวกเขาสามารถเพิ่มพูนทักษะของตนผ่านความพยายามของตัวเองเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีจุดเริ่มต้นเดียวกัน นักรบที่พลังตื่นขึ้นในปีเดียวกันอาจจะมีพลังในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีใครสามารถกลายเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ได้ด้วยการคุยโม้
ในความเป็นจริง ฉาวซวนเคารพและชื่นชมหมอผีชราอย่างมาก แม้แต่เด็กที่อาศัยอยู่ในถ้ำเด็กกำพร้า ผู้ที่มีประสบการณ์ความอดอยากและความหนาวเหน็บ และกลายเป็นดุร้าย พวกเขาไม่เคยบ่นกับสวรรค์หรือกล่าวโทษคนอื่น ๆ พวกเขาไม่มีจิตใจหรือความคิดที่บิดเบี้ยวเช่นกัน หลังจากปลุกพลังสัญลักษณ์ พวกเขากลายเป็นนักรบที่ดีพร้อมกับทัศนคติที่ดีและความหวังสำหรับอนาคตที่ดีกว่า หมอผีมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด
หากเราบอกว่าหัวหน้าเผ่ามีหน้าที่จัดการปัจจัยชีวิตภายในเผ่า เช่นนั้นหมอผีจะมีหน้าที่ดูแลจิตวิญญาณภายในเผ่า หน้าที่ของหมอผีนั้นหนักและมีความสำคัญ!
ไม่ไกลจากห้องหิน มีใครบางคนกำลังรออยู่ที่นั่น สำหรับนักรบที่เพิ่งตื่นขึ้นเหล่านั้น บรรดาคนที่ฉาวซวนสังเกตเห็นเป็นคนที่เขาคุ้นเคย ที่จริงแล้วมันยากที่จะไม่สังเกตเขา เพราะเขาดูเหมือนจะโดดเด่นมากกับหัวหมูป่ายักษ์ นั่นคือเด็กโง่เง่าที่แสดงความภาคภูมิใจกับหัวหมูยักษ์มากเกินไปเหมือนเป็นของประดับของเขา!
เหมายังสังเกตเห็นเขา,และความโกรธบนใบหน้าของเขาก็จางหายไป ในขณะที่เขาเดินไปทางนั้นด้วยรอยยิ้ม
“ท่านได้กลายเป็นนักรบแล้วหรือ พี่ใหญ่?” เด็กที่มีหัวหมูป่าเอ่ยถาม
"แน่นอน เฮ้ ดู ข้าเป็นใคร?” เหมามองดูภาคภูมิใจมากขึ้น
พวกเขากลับกลายเป็นพี่น้องกัน ไม่น่าแปลกใจที่ฉาวซวนรู้สึกคุ้นเคยเมื่อเขาเห็นเหมาก่อนหน้านี้
บรรดานักรบตัวน้อยค่อยๆ จากไปทีละคน ฉาวซวนตั้งใจที่จะไปเช่นกัน แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกหยุดจากหมอผี
“รอก่อน อาซวน.”
หมอผีเดินเข้ามาหาเขาและส่งแผ่นป้ายที่มีลวดลายให้เขา “เจ้าทำงานได้ดีกับการดูแลซีซาร์ ในอนาคต เจ้าสามารถเข้าหาข้าหากเจ้ามีปัญหาใด ๆ .”
เริ่มต้นในตอนเช้า หมอผีได้ถามเรียบร้อยแล้วเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของซีซาร์ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไป และเหตุการณ์ของฉาวซวนในช่วงปีที่ผ่านมา ในความเป็นจริง ปลาไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เกิดความสนใจมากนักบนยอดเขา และตั้งแต่หมอผีได้ทำงานเกี่ยวกับพืชและสมุนไพร เขาไม่ได้ให้ความสนใจมากเช่นกัน เพียงเช้าวันนี้ ทำให้เขารู้สิ่งหรือสองสิ่งเกี่ยวกับคนที่อยู่ด้านล่างภูเขา แต่หมอผีก็ให้ความสนใจซีซาร์มากกว่าปลา เขารู้ว่าเขาได้ละเลย และเขาก็อยากที่จะชดใช้ให้ตั้งแต่เด็กน้อยได้ทำงานดูแลซีซาร์ได้ดี
ฉาวซวนผูกแผ่นป้ายลวดลายก่อนหน้านี้จากหมอผีรอบคอซีซาร์ ดังนั้นเวลานี้หมอผีให้ฉาวซวนอีกอันหนึ่ง
หมอผียังสัญญาว่าจะมีอาหารบางอย่างส่งไปให้ฉาวซวน เมื่อเขาได้สร้างบ้านของเขาเอง ฉาวซวนไม่ปฏิเสธความมีน้ำใจของหมอผี และเขาได้จากไปหลังจากการแสดงความขอบคุณ
หลังจากฉาวซวนได้จากไป หัวหน้าเผ่าโอวเข้ามาหาหมอผี และแสดงให้เขาเห็นฝ่ามือที่ถูกเผาในขณะที่เขาได้เล่าเรื่องราวของเมื่อคืนที่ผ่านมา
หมอผีครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นระยะ ๆ ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง และเขาขอให้โอวเข้ามาในห้องเพื่อให้พวกเขาได้คุยเป็นการส่วนตัว
“เรื่องราวของท่านทำให้ข้านึกถึงบางสิ่งบางอย่าง กล่าวกันว่าเปลวไฟดั้งเดิมจะทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้.” หมอผีบอกอย่างช้าๆ
“ท่านจะบอกว่า ...” โอวประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่หมอที่กล่าวถึงคำว่าเปลวไฟ “ดั้งเดิม” เป็นหัวหน้าของเผ่า, โอวเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังประโยคนั้น
นอกจากผู้ตั้งถิ่นฐานคนแรกที่มาที่นี่ มีเพียงหัวหน้าเผ่าและหมอผีทุกรุ่นที่รู้ว่าเปลวไฟในเผ่ายังไม่สมบูรณ์
ที่เรียกว่า“เปลวไฟไม่ทำร้ายใคร” ทางทฤษฎีเท่านั้น นั่นหมายความว่าเมื่อเปลวไฟบินเข้าไปในร่างกายของใคร มันจะไม่เป็นอันตรายต่อพวกเขา แต่ สำหรับคนอื่น ๆ มันแตกต่างกัน ต้องไม่ลืมว่า แหล่งที่มาของพลังงานในร่างกายของทุกคนนั้นเหมือนกัน แต่พลังของตัวเองแตกต่างจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง เมื่อพลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ตามธรรมชาติพลังจะปกป้องตัวเองและไม่รวมคนอื่นๆ
เปลวไฟของเผ่าจะไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งที่ตายแล้ว แต่มันจะทำความเสียหายอย่างมากต่อสิ่งมีชีวิต บุคคลอื่นที่ไม่ใช่คนในเผ่าจะถูกเปลวไฟเผาไหม้อย่างรุนแรง โอวเป็นคนในเผ่า ดังนั้นตามปกติสามารถพูดได้ว่าเปลวไฟที่ตื่นขึ้นมาเป็นแหล่งที่มาของพลังได้เหมือนกัน และเนื่องจากมันเป็นเปลวไฟของเผ่า การปฏิเสธจึงไม่รุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น โอวมีร่างกายที่แข็งแกร่งตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงโชคดีที่ได้รับเพียงรอยแดงแทนการได้รับบาดเจ็บ
นอกจากนี้ ในคืนนั้น บรรดานกนางแอ่นราตรีบินออกจากที่นั่น ไม่กล้าเข้ามาในเขตที่อยู่อาศัยของชนเผ่า
หากพวกมันไม่ทำเช่นนั้น พวกมันอาจได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง หรือแม้กระทั่งถูกเผาไหม้จนตาย ถ้าพวกมันสัมผัสโดนเปลวไฟแพร่กระจาย
นอกจากนี้ มันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมยีถึงได้แนะนำฉาวซวนให้ปล่อยซีซาร์ไว้ในถ้ำแทนที่จะพามันขึ้นไปบนยอดเขา
แม้ไฟนี้จะปกป้องตัวเจ้าเอง แต่ไม่รวมถึงคน,สัตว์อื่น ๆ ไม่อาจรู้ได้อย่างชัดเจนเพราะว่ายังไม่สมบูรณ์
“เช่นนั้น ... เมื่อเปลวไฟสมบูรณ์ การตื่นขึ้นของพลังที่เปลี่ยนแปลงจะเป็นเหมือนกรณีอาซวน และร่างกายของคนอื่น ๆ จะถูกไฟคลอก?” โอวรู้สึกประหลาดใจ
“มีแนวโน้มสูงมาก ... ตอนนี้เราจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ จะหารือนี้เมื่อข้าพบคำตอบบางอย่างในม้วนหนังสัตว์โบราณ.” หมอผีกล่าวอย่างจริงจัง
โอวพยักหน้าในคำพูดของเขา เพราะเขารู้ว่ามันไม่สามารถแก้ไขได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ และมันไม่สำคัญตราบใดที่มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ดี สำหรับเมื่อคนอื่นในเผ่าถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ โอววางแผนที่จะบอกพวกเขาว่ามันเป็นเพียงเพราะพลังสัญลักษณ์ของฉาวซวนกำลังถูกปลุกขึ้นมา
ฉาวซวนกำลังเดินลงมาจากภูเขา ไม่รู้ว่าการตื่นขึ้นมาของพลังของเขาด้วยเปลวไฟมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเปลวไฟที่สมบูรณ์ และตั้งแต่หัวหน้าเผ่าและหมอผีทั้งสองไม่ได้ถามรายละเอียดเกี่ยวกับคืนที่ผ่านมา ฉาวซวนจะไม่บอกความลับอย่างแน่นอน กลับกัน เขายังคงเล่นบทบาทของเขาเป็นเด็กที่เพิ่งตื่นจากพลังสัญลักษณ์
เมื่อเขายืดร่างกายของเขา ฉาวซวนสามารถได้ยินเสียงกระดูกแตก มันไม่ได้เป็นเสียงแข็งๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนั่งเป็นเวลานาน ในทางตรงกันข้าม เขารู้สึกมีความสุขที่ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและพลังงาน
ความรู้สึกหดหู่ท้อแท้ใจที่มีมานานในจิตใจของเขากับการอยู่ในโลกของมนุษย์ต่างดาวก็จางหายไป และเขารู้สึกว่าการก้าวเดินของเขามีน้ำหนักเบาขณะที่เขาเดิน ยืนอยู่บนยอดเขาและมองไปไกล ภูเขากว้างไกลสุดสายตา, ความรู้สึกภาคภูมิใจโหมกระหน่ำอยู่ในอกของเขา
นับตั้งแต่ที่เขาไม่สามารถกลับไปยังโลกเดิมของเขา เขาตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอย่างดีในโลกใบนี้
ฉาวซวนเหวี่ยงแขนของเขาและเร่งจังหวะก้าวเดิน ด้วยการก้าวกระโดดเพียงเล็กน้อย เขาได้กระโดดไปเป็นระยะทางไกล ในความสะดวกสบายของกลไกการทำงานของร่างกาย เขามีประสบการณ์ความสุขและกำลังใจที่แตกต่างไปจากเมื่อวานนี้อย่างสิ้นเชิง
ทั้งหมดที่กล่าวมาหลังจากตื่นขึ้นมาของพลังสัญลักษณ์ คนๆ นั้นจะวิ่งด้วยความเร็วเช่นนก และจู่โจมด้วยพลังของสัตว์ร้าย มันไม่ได้โอ้อวดเกินจริงเลย แม้ว่าฉาวซวนไม่สามารถทำได้ในขณะนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในอนาคต