ตอนที่แล้วบทที่ 77 การซุ่มโจมตีในป่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 79 ซอมบี้กลายพันธุ์ในพุ่มไม้

บทที่ 78 หน้าตาหาเรื่องตั้งแต่เกิด


บทที่ 78 หน้าตาหาเรื่องตั้งแต่เกิด

 

จะมีชีวิตอยู่ถึงวันนั้น...แม้จะคิดได้ง่ายๆ แต่หากจะให้มันเป็นจริง พูดน่ะง่ายกว่าทำ!

 

ยิ่งกว่านั้น ในใจหลิงม่อ โลกใบนี้ที่เหวอะหวะผุพัง น่าจะกลับไปเป็นแบบเมื่อก่อนได้ยาก

 

ไม่ใช่แค่เมือง X เท่านั้น เกรงว่าเมืองอื่นๆ ก็น่าจะกลายเป็นเมืองผีแล้ว แม้มนุษยชาติจะค่อยๆ ยืนได้อย่างมั่นคง แล้วจะกำจัดซอมบี้ให้สิ้นซากหมดจดได้จริงหรือ?

 

ตั้งแต่ต้นหลิงม่อก็เคยหอบความหวังไว้ แต่จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่เห็นวี่แววความช่วยเหลือใด สภาพจิตใจของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป

 

ยังคงยืนยันประโยคเดิม เทียบกับการรอคอยความช่วยเหลือที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไร และไม่รู้กระทั่งว่าจะมีจริงหรือไม่ ก็ต้องพยายามเลื่อนระดับความสามารถให้ได้มากที่สุด มีชีวิตต่อไปด้วยการพึ่งตัวเองจะดีกว่า

 

“ไปเถอะ มีซากศพอยู่ที่นี่ อีกไม่นานก็จะดึงดูดซอมบี้มา” หลิงม่อบอกพร้อมถอนใจอีก

 

เย่เลี่ยนโจมตีอย่างรวดเร็วและวิธีโจมตีนั้นก็โหดเหี้ยมมาก ศพนี้แทบจะแหวกเปิดออกหมด เครื่องในไหลออกมากองข้างนอก กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นจะทำให้ซอมบี้แห่แหนกันมาเหมือนหมาป่าหิวโหย

 

เห็นหลินล่วนชิวที่เพิ่งจะต่อสู้ท่าจะเดินไม่ไหวจริงๆ หลิงม่อก็ให้ซย่าน่าช่วยประคองเธอ และถือเป็นการระวังหลังด้วย

 

สื่อปินนั่นทำได้แค่ซุ่มโจมตี ไก่อ่อนที่พลังตอบโต้ในการต่อสู้ชั่วครั้งชั่วคราวไม่มากพอ พึ่งพาอะไรไม่ได้อยู่แล้ว

 

ไม่นานก็มีซอมบี้โผล่ออกมาจากแต่ละมุมของป่าเพราะได้กลิ่นดังคาด ซอมบี้พวกนี้ส่วนใหญ่ตอนแรกถูกพวกหลินล่วนชิวดึงดูดมาที่นี่ สุดท้ายก็ยังอยู่แถวๆ นี้

 

มีเย่เลี่ยนเดินอยู่ข้างหน้า ซอมบี้ที่ประจันหน้าเข้ามาก็ถูกกำจัดอย่างสบายๆ และซอมบี้ที่มาจากทิศทางอื่นกว่าครึ่งนั้นได้รับผลกระทบจากหนวดสัมผัสของหลิงม่อ จากนั้นพวกมันก็ถูกฟันอวัยวะสำคัญในระยะประชิด ปลิดชีพด้วยดาบเดียว

 

แต่หลิงม่อไม่ได้มีทีท่าจะช่วยกำจัดซอมบี้ที่ซุ่มโจมตีจากฝั่งสื่อปิน สื่อปินได้แต่อ้อมต้นไม้จัดการซอมบี้อย่างทุลักทุเล หากไม่ใช่เพราะเขาเคลื่อนไหวนับว่ารวดเร็ว ก็คงจบเห่ไปนานแล้ว

 

หลินล่วนชิวเห็นหลิงม่อไม่ลงมือ ก็รู้ว่าเขาคิดจะสั่งสอนสื่อปิน แต่เธอเป็นคนฉลาด รู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองเป็นหนี้ชีวิตหลิงม่อครั้งหนึ่งแล้ว เวลานี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอ่ยปากขอความเห็นใจ ได้แต่ทำเป็นไม่เห็นอย่างไม่มีทางเลือก

 

อาศัยว่าได้เปรียบทางภูมิประเทศ ในที่สุดสื่อปินก็จัดการซอมบี้สองสามตัวนั้นได้เรียบร้อย แต่ก็เหนื่อยหอบจนเหมือนหมูตาย เกือบจะล้มลงหอบแฮ่กอยู่บนพื้น

 

แต่พอหันมาดูหลิงม่อ เขาคนเดียวฆ่าซอมบี้ไปสิบกว่าตัว แต่กลับยังมีสีหน้าเหมือนปกติ นอกจากเหงื่อที่ซึมออกมาเล็กน้อยตรงหน้าผากแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลย

 

“ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีกำลังความสามารถไม่เลวย...” สื่อปินเพิ่งจะเกิดความคิดนี้ แล้วก็กัดฟันกรอดด้วยความโมโห “ถุย! เทียบกับสองสาวนั้นแล้ว เขาก็แค่ไอ้กระจอก! เป็นผู้มีความสามารถพิเศษไม่ใช่เหรอ? ถ้าหากฉันมีความสามารถพิเศษนะ ก็ไม่ด้อยกว่าเขาหรอก! จะโชว์พลังให้ดูเลย...”

 

แต่เขาก็ได้แต่ด่าในใจให้รู้สึกดีเท่านั้นเอง...

 

มีซอมบี้โผล่ออกมาจากแต่ละมุมของป่าอย่างไม่ขาดสาย ความเร็วของทุกคนจึงช้าลง แผนเดิมที่จะใช้เวลาเดินทางเจ็ดแปดนาที กลับกลายเป็นร่วมๆ ครึ่งชั่วโมง

 

จนกระทั่งพวกเขาพ้นออกไปจากป่า ข้างในนั้นก็มีซากซอมบี้ร่วมๆ สามสิบซากแล้ว ป่าแห่งนี้อีกไม่นานก็จะกลายเป็นปาร์ตี้มื้อค่ำของเหล่าซอมบี้

 

นอกป่าคือทุ่งหญ้า ตรงกลางมีถนนเส้นเล็กแคบ ในทุ่งหญ้ามีซอมบี้เดินเตร่อยู่เหมือนกันแต่ไม่เยอะ น่าจะประมาณยี่สิบกว่าตัว แต่โชคร้ายตรงที่ทุ่งหญ้านี้โล่งกว้าง แม้หลิงม่อจะใช้พลังควบคุมหุ่นแล้วจะจัดการซอมบี้พวกนี้ได้สบายๆ แต่หลิงม่อก็ไม่อยากเปิดเผยความสามารถพิเศษของตัวเองมากเกินไป จนถึงตอนนี้พวกหลินล่วนชิวสองคนนั้นยังนึกว่า ความสามารถพิเศษของเขาเป็นแค่พลังจิตบางอย่างเท่านั้น

 

แม้การเปิดเผยความสามารถพิเศษจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ก็อาจจะทำให้เกิดการคาดเดาบางอย่างที่ไม่จำเป็น

 

“ดูท่าคงต้องไปช้าๆ แล้วล่ะ”

 

วิธีที่หลิงม่อใช้นั้นง่ายมาก เขาเลือกก้อนหินเล็กๆ มาก้อนหนึ่งก่อนแล้วโยนไปทางกลุ่มซอมบี้สองสามตัวที่อยู่ใกล้เขาที่สุด

 

แม้เสียงจะเบามากๆ แต่ก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของซอมบี้สองสามตัวนั้น พอพวกมันเพิ่งจะขยับ หลิงม่อก็ควบคุมซอมบี้ที่ยังไม่ได้เผชิญหน้ากับตนทันทีโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ให้พวกมันหันมาทางเขา ขณะเดียวกันเขาก็โผล่ออกจากที่ซ่อนตัว

 

แบบนี้คนอื่นก็จะคิดว่า ซอมบี้สองสามตัวนั้นพอได้ยินเสียงแล้วจึงสังเกตเห็นหลิงม่อ ทว่าจะไม่ได้สังเกตเห็นอุบายเหล่านี้ที่เขาใช้

 

พอเห็นซอมบี้สองสามตัวนี้กระโจนเข้ามา หลิงม่อก็ถอยหลังไปช่วงหนึ่งอย่างสงบนิ่ง รอให้พวกมันพุ่งเข้ามาที่ขอบป่าแล้ว ก็ให้เย่เลี่ยนและซย่าน่าปลิดชีวิตพวกมันอย่างรวดเร็ว เพื่อประหยัดเวลา หลิงม่อก็พุ่งนำออกไปก่อน ดูเหมือนหาญกล้าสุดๆ แต่ก็เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกทำร้ายโดยไม่ทันระวัง

 

ความจริงเขายังเดินเตร่อยู่รอบนอกคอยกำจัดซอมบี้พวกนั้น ใช้พลังควบคุมหุ่นและพลังหนวดสัมผัสทำให้การเคลื่อนไหวและการตัดสินใจของพวกมันได้รับผลกระทบไปด้วย การต่อสู้ระหว่างหลิงม่อและซอมบี้จำนวนน้อยนี้คือวิธีอันชาญฉลาดที่แสนง่ายดาย

 

วิธีต่อสู้แบบนี้ดูเหมือนจะหยาบช้าไปสักหน่อย แต่หลิงม่อก็คิดตกแล้วว่า ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่มีเลือดเนื้อ พอถูกซอมบี้ทำร้ายก็คือจบเห่ นี่คือจุดอ่อนที่อันตรายที่สุดของมนุษย์

 

พอคิดดูแล้ว การจู่โจมของซอมบี้นั้นคือถ้าไม่ตายก็ไม่ยอมเลิกรา พวกมันสู้ตายด้วยกำลังทั้งหมด แต่มนุษย์นั้นระวังมือระวังเท้า กลัวว่าตัวเองจะถูกสัมผัส แม้จะหนังถลอกแค่นิดเดียวก็ตาม

 

ดังนั้นเมื่อมนุษย์เผชิญหน้ากับซอมบี้จึงมักจะไม่มีความกล้าหาญ พอสู้กันขึ้นมาก็สู้ได้ไม่เต็มที่

 

แต่หลิงม่อนั้นต่างออกไป ด้านหนึ่งนั้นเขาให้เย่เลี่ยนและซย่าน่าพุ่งเข้าไปในหมู่ซอมบี้ อีกด้านหนึ่งก็ใช้พลังควบคุมหุ่นกับซอมบี้ที่อยู่ค่อนข้างใกล้กับตัวเอง แล้วลงมือฆ่าพวกมันในสถานการณ์ที่ปลอดภัยที่สุด

 

หลินล่วนชิวไม่ได้ลงมือเพราะต้องออมแรงไว้ ส่วนสื่อปินก็เหนื่อยหอบจนเหมือนหมาตายนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ แต่หลิงม่อไม่ปล่อยให้เขาได้นั่งชมความคึกคัก จงใจควบคุมซอมบี้หนึ่งในนั้น ให้วิ่งไปทางสื่อปินสองก้าว แล้วจึงได้ถอนพลังควบคุมหุ่น สื่อปินที่เดิมเหนื่อยจนใกล้ตายนึกว่าตัวเองจะไม่เป็นไรแล้ว ไม่คิดว่าจะมีซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาทางตน จึงตกใจแล้วรีบกระโดดขึ้นมารับมือศัตรูทันที

 

เขาจัดการซอมบี้พลางคิดอย่างรำคาญใจว่า ซอมบี้ตัวนี้อยู่ข้างๆ หลิงม่อที่กระโดดไปกระโดดมากลับไม่ไปสู้ ทว่าเอาแต่พุ่งมาหาฉัน หรือว่าฉันหน้าตาหาเรื่องเหรอ?

 

อาศัยวิธีต่อกรที่เรียกได้ว่าระมัดระวัง แต่ว่าปลอดภัยมาก หลิงม่อจัดการซอมบี้ที่ห่างจากป่าไม่ไกลหมดทุกตัว ส่วนซอมบี้ที่ป้วนเปี้ยนอยู่ไกลออกไปนั้นก็ได้กลิ่นเลือดแล้ว ไม่ต้องให้หลิงม่อล่อ มันก็พุ่งเข้ามาเอง

 

แต่จุดจบของพวกมันล้วนมีแต่ความตาย

 

ซอมบี้ธรรมดาพวกนี้แค่มีจำนวนมากหน่อย สำหรับคนธรรมดาก็ยังดูคุกคาม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เลี่ยนและซย่าน่า พวกมันก็คือพวกรนหาที่ตาย

 

แต่ระหว่างการต่อสู้ หลิงม่อก็สังเกตเห็นว่า แม้ซอมบี้พวกนี้จะไม่ได้เป็นฝ่ายเข้ามาจู่โจมซอมบี้กลายพันธุ์ที่ระดับสูงกว่า แต่ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าพอถูกโจมตีแล้วจะไม่ต้านทาน ก่อนหน้าที่ไม่เคยได้สังเกต เป็นเพราะเย่เลี่ยนและซย่าน่ามักจะฆ่าศัตรูในดาบเดียว ไม่ปล่อยให้พวกมันมีโอกาสได้โต้ตอบ แต่เนื่องจากที่นี่มีป่าเป็นอุปสรรค เย่เลี่ยนและซย่าน่าจึงไม่ได้แทงซอมบี้ตายในทันที

 

ซอมบี้หนึ่งในนั้นพอถูกเย่เลี่ยนตัดแขนไปข้างหนึ่งแล้ว ก็ส่งเสียงคำรามต่ำแล้วกระโจนมาทางเย่เลี่ยนทันที แต่มันกลับได้รับผลกระทบจากหนวดสัมผัสของหลิงม่อกลางทาง จึงฟันมันได้ทันท่วงที

 

ส่วนอีกตัวพอถูกซย่าทำร้ายบาดเจ็บแล้ว ก็ยังเดินโงนเงนฝืนยืนอยู่พักหนึ่งไม่ยอมล้มลง จากนั้นมันก็หันไปกระโจนใส่เย่เลี่ยนที่ห่างออกไปไม่ไกล ปรากฎว่าถูกเย่เลี่ยนฟันจนเอวขาดท่อนตัวขาดครึ่ง

 

ครั้งเดียวยังเรียกได้ว่าเป็นกรณีพิเศษ แต่พอปรากฎติดๆ กันสองครั้ง นี่ก็อธิบายได้ว่ามันมีปัญหาแล้วล่ะ และไม่รู้ว่าแต่ก่อนซอมบี้พวกนี้มีสำนึกในการโต้ตอบแบบนี้ หรือว่าพอได้เลื่อนระดับขึ้นมาเล็กน้อยแล้วจึงเป็นแบบนี้

 

อย่างไรก็ตามเวลาที่ซอมบี้ธรรมดากินซากศพของพวกเดียวกันก็จะมีวิวัฒนาการเล็กๆ น้อยๆ แม้จะไม่ชัดเจน แต่พอสะสมนานวันเข้าก็น่ากลัวเหมือนกัน และการคาดเดาแบบนี้ แต่ก่อนหลิงม่อก็เคยเดามาแล้ว

 

คนธรรมดามีชีวิตรอดอย่างลำบากในวันโลกาวินาศ ค้นหาเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เพื่อการอยู่รอด สภาพจิตใจก็ค่อยๆ ยกระดับ และในหมู่คนธรรมดาก็มีผู้มีความสามารถพิเศษส่วนหนึ่งที่กำลังยกระดับความสามารถของตัวเอง ขณะเดียวกันกลุ่มขนาดใหญ่อย่างซอมบี้ก็ค่อยๆ มีวิวัฒนาการกันทั้งหมด โดยที่ในนั้นยังก็ยิ่งเกิดซอมบี้กลายพันธุ์ไปจนกระทั่งซอมบี้ระดับสูงที่แข็งแกร่งมาก

 

หลังจากที่กำจัดซอมบี้กลุ่มสุดท้ายแล้ว พวกหลิงม่อก็รีบผ่านทุ่งหญ้าแห่งนี้ไป มุ่งหน้าไปยังแถบใจกลางของมหาวิทยาลัยเมือง X

 

ในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยที่รองรับคนห้าหกหมื่นได้ ที่นี่จึงกินพื้นที่กว้างขวางมาก

 

จากที่หลินล่วนชิวแนะนำ ทุกๆ แถบที่เป็นตึกเรียนและตึกหอพักจะมีซอมบี้เยอะมาก ซอมบี้ที่อยู่แถวๆ ประตูใหญ่ก็มากมายจนชวนให้ขนลุก

 

และผู้รอดชีวิตก็กระจัดกระจายไปแต่ละหลืบมุมของมหาวิทยาลัย อาศัยอาหารจำนวนน้อยประทังชีวิตอยู่อย่างลำบากท่ามกลางฝูงซอมบี้ หากจะหนีจากมหาวิทยาลัยออกไปข้างนอก ก็จะต้องเตรียมใจให้พร้อมเต็มที่ ดังนั้นจึงไม่มีทางเลย ไม่มีใครยอมเสี่ยงอันตรายหนีออกมา ยิ่งกว่านั้นแต่ละคนต่างได้รับพลังความรู้สึกจากคนจำนวนมาก แม้จะมีคนส่วนหนึ่งที่รู้ดีแก่ใจว่าการอยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างจากรอความตาย แต่พวกเขาก็กล้าแค่อยู่กับคนจำนวนมาก ขาดความกล้าที่จะบุกเดี่ยว

 

แต่คนที่ตัดสินใจว่าจะบุกเดี่ยวและรอดชีวิตไปถึงข้างนอกก็มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เช่นหลินล่วนชิวและสื่อปินสองคนนี้...

 

“ถ้างั้นทีมช่วยเหลือของพวกเธอก่อนหน้านี้ ก็น่าจะอยู่ใกล้ๆ ประตูหลังสินะ?” หลิงม่อได้ยินที่หลินล่วนชิวแนะนำ จึงเอ่ยถามอย่างมีน้ำใจ

 

หลินล่วนชิวมองหลิงม่อด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็พยักหน้า “ใช่ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงไม่เลือกเส้นทางหนีนี้ นายเห็นโรงภาพยนตร์นั้นหรือเปล่า?” เธอบอกพลางชี้ไปที่อาคารอิฐแดงที่อยู่ไกลๆ “ตรงนั้นคือที่ๆ ทีมช่วยเหลือของฉันอยู่ ตอนนี้ในนั้นเหลือไม่ถึงยี่สิบคนแล้ว”

 

“เธอไม่อยากกลับไปดูจริงๆ เหรอ?” ในแววตาของหลิงม่อแวบประกายแสงประหลาด พลางถาม

 

หลินล่วนชิวผงะ จากนั้นก็เอ่ยพร้อมยิ้มเฝื่อน “ตอนที่ฉันตัดสินใจว่าจะจากมา ก็ได้แตกหักกับพวกเขาแล้ว ต่างคนต่างไป ฉันไม่มีทางกลับไปอีก อีกอย่างฉันไม่มีทางทำให้ตัวเองต้องอับอายขายหน้า”

 

เมื่อมั่นใจอีกครั้งว่าหลินล่วนชิวไม่ได้มีความคิดจะกลับไปจริงๆ หลิงม่อก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา เขามาที่นี่เพื่อล่าซอมบี้ ไม่ได้คิดจะเข้าไปผูกสัมพันธ์อะไรกับผู้รอดชีวิต

 

พอเรื่องยุ่งยากมาถึงตัว จะสลัดทิ้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

 

“แล้วโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ประมาณตรงไหนเหรอ?” หลิงม่อถามอีก

 

หลินล่วนชิวยกแขนขึ้น ชี้ไปยังทิศทางที่อยู่ไกลโพ้น “อยู่หลังตึกเรียน C3 น่าจะเป็นแถบใจกลางของมหาวิทยาลัย ที่ๆ ซอมบี้ชุกชุมที่สุดก็คือแถบนั้นแหละ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด