ตอนที่ 25 : ที่มาของพลัง
“ข้าชื่อซวน.”
ฉาวซวนใช้ชื่อร่วมกับชื่อของเขาในชีวิตนี้ ตอนนี้ เขามองเห็นแต่โครงกระดูก ดังนั้นเขาไม่สามารถที่จะวิเคราะห์การแสดงออกทางสีหน้าของหมอผี อย่างไรก็ตาม มองเห็นว่ากะโหลกศีรษะของหมอผีลังเลกับชื่อของเขา เหมือนกับว่ากำลังนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง ฉาวซวนรู้ว่าตอนนี้หมอผีชราอาจจะจำเขาไม่ได้แล้ว
หลังจากเวลาผ่านไป หมอผีพูดอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้ถามอะไรที่เกี่ยวกับฉาวซวน
"ดีมาก ตอนนี้ไปยืนรวมกับสหายของเจ้า.”
ฉาวซวนไม่พูดอะไรอีก และถึงแม้ว่าเขาจะไม่แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจบนใบหน้าของเขา แต่เขาก็รู้สึกขุ่นเคืองในจิตใจของเขาเรียบร้อยแล้ว มันเป็นความจริงที่ว่า หมอผีชราแก่เกินไปที่จะจำสิ่งต่างๆ?
“เอาล่ะตั้งแต่พวกเจ้าทั้งหมดได้ตื่นขึ้นมามีพลังสัญลักษณ์ของเจ้าและได้รับความแข็งแกร่งที่มาพร้อมกับมัน ดังนั้นสิ่งแรกที่เจ้าควรทำให้ชำนาญในตอนนี้คือวิธีที่จะใช้ความแข็งแกร่งดังกล่าว.” หมอผีกล่าวอย่างเรียบเรื่อยไม่เร่งร้อน
“นี่คือจุดเปลี่ยนในชีวิตของเจ้า หลังจากวันนี้ไป เจ้าจะได้รับการยกย่องว่าเป็นนักรบอย่างแท้จริง และนี้ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นใหม่สำหรับพวกเจ้าทุกคน พวกเจ้าสามารถพึ่งพาตัวเอง อาจจะกล่าวได้ว่า เจ้าจะสามารถเข้าถึงจุดสูงสุดในชีวิตของเจ้าได้ไกลแค่ไหน มันไม่เคยเป็นที่พึงพอใจ สำหรับเจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่จะตัดสินใจได้ว่าเจ้าอยู่ในขั้นเริ่มแรกหรือยังคงเติบโตและพัฒนา เช่นเดียวกับนักรบที่ยอดเยี่ยมคนอื่น ๆ ในเผ่าของเรา.”
ในขณะที่หมอผีกำลังกล่าวอยู่นี้ เขามองไปทางหัวหน้าเผ่าโอว ราวกับกำลังจะบอกว่า ให้มองไปที่หัวหน้าเผ่าของเจ้าเป็นตัวอย่างที่ดีในเวลานี้
เป็นหัวหน้าเผ่าที่มีความสามารถ โอวเป็นที่โดดเด่นแน่นอน และเขาสามารถเป็นนักรบในเผ่าที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะการทำพิธีกรรมบูชาเพื่อความแข็งแกร่ง นักรบทั้งหลายที่พึ่งตื่นขึ้นจากพลังสัญลักษณ์จะพิจารณาว่าโอวเป็นต้นแบบของเขา และในปีนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“เช่นที่นักรบเป็น เจ้าควรรู้วิธีการหาแหล่งที่มาของพลังงานภายในร่างกายของเจ้า.”
นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ว่าทำไมหมอผีถึงยังกักตัวนักรบตัวน้อยเหล่านี้ไว้สำหรับคืนนี้
“แหล่งที่มาของพลังงานที่มีอยู่ในสายเลือดของเจ้า มันยังหลับไหลเมื่อเจ้ายังเยาว์ จนกระทั้งวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม มันจะค่อยๆ ตื่นขึ้นภายใต้การอัญเชิญของเปลวไฟ ... ตอนนี้ ปิดตาของเจ้าและทำจิตใจของเจ้าให้สงบค้นหาพลังที่อยู่ภายในร่างกายของเจ้า และเป็นปกติธรรมดาที่เจ้าจะเห็นมัน ...”
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ แต่มันเริ่มอบอุ่นภายในห้องหิน ทุกคนนั่งลงบนพื้น และปิดตาของพวกเขาทำตามคำสั่งของหมอผี
ฉาวซวนก็ทำเช่นเดียวกัน
เมื่อจิตใจของเขาใสกระจ่าง เขาตระหนักว่าในห้วงทะเลจิตใต้สำนึกของเขา มีรูปร่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้น มันเป็นเขาสองเขาที่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ มันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่า นอกเหนือจากนั้น ยังมีสิ่งที่อยู่ในรูปร่างของไข่ที่ห่อสัญลักษณ์ของเผ่าไว้ภายในด้วยแสงสีขาวแพรวพราว
ในรูปทรงของไข่ ...
"ข้าเห็นมัน!" เด็กๆ ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของเขาและเปิดตาของเขาขึ้น
“มันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่า!” เด็กอีกคนกล่าวเช่นกัน
“ข้าเห็นมัน เช่นกัน!”
“เช่นกัน ข้าด้วย!”
"......"
เด็กเกือบทุกคนเอ่ยเช่นเดียวกัน เหมือนกับว่ากลัวจะได้รับการปฏิบัติเหมือนคนปัญญาอ่อนที่ไม่สามารถมองเห็นแหล่งที่มาของพลังเช่นหมอผีกล่าว ไม่มีใครอยากจะถูกมองว่าเป็นนักรบโง่ ๆ ที่ไม่มีศักยภาพ
หมอผีมองไปรอบ ๆ และตระหนักว่าเด็ก ๆ ส่วนใหญ่สามารถหาแหล่งที่มาของพลัง ยกเว้น ...
“อาซวน เจ้าพบหรือไม่?”
ในขณะที่ หมอผีเอ่ยออกมาเด็กคนอื่น ๆ ทั้งหมดส่งสายตาจดจ้องแสดงความสนใจของพวกเขาไปที่ฉาวซวน
ก่อนหน้านี้ เมื่อพวกเขากำลังพูดคุยกับคนอื่น ๆ พวกเขาได้ยินจากซาย เด็กคนนี้ชื่อซวนมาจากถ้ำเด็กกำพร้าเขตตีนเขา และเขาก็จะอายุสิบปีหลังจากผ่านพ้นเทศกาลหิมะ ปกติ มีเด็กจำนวนน้อยมากในเผ่าที่สามารถปลุกพลังสัญลักษณ์ของพวกเขาขณะที่อายุยังน้อย และส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นลูกหลานจากนักรบที่มีพลังความสามารถที่อาศัยอยู่ใกล้กับยอดเขา และด้วยเหตุนี้เขาจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ๆ ที่จะกลายเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่อย่างหัวหน้า และด้วยเหตุนี้เขาจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ๆ ที่จะกลายเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ เช่นหัวหน้าเผ่า
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงฤดูหนาวยังไม่หมดลง พวกเขาถูกเลือกและเก็บตัวไว้จากหมอผี, เด็กที่อายุน้อยที่สุดในหมู่พวกเขาเป็นหลานชายคนแรกของหัวหน้าเผ่า“เหมา”
อาวุธล่าสัตว์ที่หัวหน้าเผ่าโอวมักจะใช้เป็นหอก ซึ่งยังเป็นที่รู้จักกันในนาม“เหมา” ในภาษาท้องถิ่น สัตว์ป่าจำนวนมากถูกฆ่าจากหอกของโอว และหอกเป็นตัวแทนของการกระทำอันรุ่งโรจน์นับไม่ถ้วนของโอว เป็นที่รู้กันไปทั่วของผู้คนในเผ่า และเป็นไปตามประเพณีที่สืบทอดกันมาในเผ่า มันมีความหมายมากตั้งแต่หัวหน้าเผ่าโอวตั้งชื่อหลานชายคนแรกของเขาด้วยชื่อเดียวกับอาวุธที่เขาใช้ เห็นได้ชัดว่าเขาส่งความหวังที่ยิ่งใหญ่ไว้ที่ตัวหลานชายคนนี้
แต่เห็นได้ชัดว่าในระหว่างพิธีกรรมถวายบูชาในปีนี้ ซึ่งคนที่เป็นศูนย์กลางของแสงไฟไม่ใช่เหมาผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่มีศักยภาพมากที่สุดในหมู่ผู้คนรุ่นใหม่ แต่กลับกลายเป็นว่า มันเป็นฉาวซวน ผู้ที่ถูกสังเกตเห็นในช่วงกลางของพิธีเหมือนม้ามืด
เหมาทำหน้าบูดเบี้ยวตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามองไปที่ฉาวซวน ในสายตาของเขาเปล่งประกายอย่างชัดเจนพร้อมกับการยั่วยุ และเขาอยากจะเริ่มต้นการต่อสู้กับเขา
แต่น่าเสียดายที่ฉาวซวนมองเห็นทุกๆ คนเป็นโครงกระดูกเช่นที่เขาไม่สามารถมองเห็นการแสดงออกของทุกๆ คน สำหรับสีหน้าที่ยั่วยุอารมณ์ของเหมาที่อดทนเก็บไว้เป็นเวลานาน มันไร้ประโยชน์ซึ่งประจวบเหมาะราวกับว่ามันเป็นท่าทางที่แสดงให้คนตาบอดดู
กับคำถามของหมอผี เหมาจ้องไปที่ฉาวซวนเช่นกัน คาดหวังว่าเขาจะบอกว่าไม่ แน่นอนว่าเพื่อให้ฉาวซวนได้รับการเยาะเย้ยจากทุกคนในห้อง
โคตรจะเลวร้ายในสถานการ์ณตอนนี้ของฉาวซวน แต่ฉาวซวนไม่ได้ตอบสนองความปรารถนาของพวกเขา
ฉาวซวนพยักหน้าคำของหมอผี“ข้าเห็นมัน เช่นกัน มันเป็นเช่นเดียวกับสัญลักษณ์ที่ปรากฏเหนือหลุมไฟ.”
หมอผีพอใจเนื่องจากเด็กทั้งหมดพบแหล่งที่มาของพลัง เช่นที่เขายังคงรู้สึกฝังแน่นอยู่เรื่อยมา พวกเขามีความรู้เกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของเปลวไฟ
ในขณะที่ฉาวซวนปิดตา และยังคงมองไปที่ไข่ในใจของเขา
เนื่องจากไม่มีใครกล่าวถึงบางสิ่งบางอย่างนอกเหนือจากสัญลักษณ์ ดังนั้นมันหมายความว่า“ไข่” สีขาวเป็นสิ่งเดียวที่มีอยู่ในจิตใจของฉาวซวน ยึดที่รูปร่างเป็นหลัก ฉาวซวนไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากคิดเกี่ยวกับหินแปลกที่เขาหยิบจับขึ้นมาจากชีวิตก่อนของเขา หินรูปทรงไข่ที่ไม่สามารถมีรอยขีดข่วนด้วยมีดและไม่สามารถร้อนขึ้นด้วยไฟ
ยิ่งเขาจ้องมองไปที่มันมากขึ้น มันยิ่งดูเหมือนหินจากชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา
ถ้ามันเป็นจริง เช่นนั้นแล้วเขาก็พบถึงต้นเหตุที่ว่าทำไมเขากำลังประสบกับการตื่นของพลังที่แตกต่างเมื่อถูกกระตุ้นจากการเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ
กำลังพูดถึงการใช้พลังสัญลักษณ์ หมอผีถามเหมาเพื่อแสดงให้เด็กๆ ดู
“ให้ชกโดยไม่ต้องใช้พลังสัญลักษณ์.”
นักรบอีกคนเอากระดานชนวนที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมาตามคำสั่งของหมอผี
เหมาออกมายืนด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อเห็นปู่โอวของเขาเอง หัวหน้าของชนเผ่ามองไปที่เขาด้วยการให้กำลังใจ เหมาสูดลมหายใจลึก กำหมัดและยืนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เขาคำรามในขณะที่เขาชกกับกระดานชนวนตรงด้านหน้าของเขาด้วยกำปั้น
แกร๊ก!
เสียงทื่อๆ
กระดานชนวนส่ายเล็กน้อย
เหมาขมวดคิ้วเล็กน้อยและถอนกำปั้นของเขากลับ
ฉาวซวนเกือบจะรู้สึกเจ็บปวดตามเขา แต่เมื่อมองไปที่กำปั้นของเหมา ฉาวซวนสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงรอยแดงทิ้งไว้บนมือ
นั่นคือสิ่งที่แตกต่างกันของความแข็งแกร่งทางร่างกายหลังจากที่ปลุกพลังสัญลักษณ์ จากกล้ามเนื้อถึงกระดูก ทุกตารางนิ้วในร่างกายของทุกคนมีความแข็งแกร่งขึ้น
“เอาล่ะ ตอนนี้ทำมันอีกครั้ง แต่ตอนนี้ใช้พลังสัญลักษณ์.” หมอผีเอ่ยบอก
เหมาหยุดหน้ามุ่ย เขาดูผ่อนคลายมากขึ้น
บนใบหน้าของเขา ลวดลายสัญลักษณ์ปรากฏขึ้น ในขณะที่เขาชกออกไปอีกครั้ง
ด้วยท่าทางเดียวกันและดูเหมือนว่า มันจะเหมือนความแข็งแกร่งเดียวกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนกันทั้งหมด แต่มันก็รู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในเวลาเดียวกัน
ปัง!
กระดานชนวนทะลุและแตกออกเป็นชิ้น ๆ
บรรดานักรบตัวน้อยรู้สึกตื่นเต้นทันที และพวกเขาต้องการลองด้วยตัวเอง แต่หมอผีไม่ได้นำกระดานชนวนออกมาเพิ่มเติม กลับกัน หมอผีขอให้พวกเขาอยู่ในความสงบฝึกฝนในจิตใจของพวกเขา เพื่อจะได้คุ้นเคยกับวิธีการใช้พลังสัญลักษณ์
หลังจากจบการบรรยาย หมอผีให้คนของเขาช่วยพยุงและจากไป สำหรับตอนนี้เขาต้องพักผ่อนบ้าง เห็นหมอผีเหน็ดเหนื่อย โอวมองไปที่ฝ่ามือแดงของเขา เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ตัดสินใจที่จะคุยกันในวันพรุ่งนี้
หมอผีได้รับความช่วยเหลือกลับเข้ามาในห้องหินของเขา ด้วยผ้าห่มขนสัตว์บนร่างของเขา เขาเปิดม้วนหนังสัตจากแสงไฟ เขาบอกให้ใครบางคนที่ทำบันทึกพิธีกรรมของวันนี้ ซึ่งมีข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับเด็กทุกคน มันมีทุกสิ่งเขียนอยู่ในนั้น เช่นใครที่พลังตื่นขึ้นมาคนแรกและใครที่พลังได้ตื่นขึ้นมาเรียบร้อยแล้วเป็นคนแรก
ในม้วนหนังสัตว์ ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับฉาวซวน รวมทั้งการเกิดและสถานการณ์การใช้ชีวิตในปัจจุบันของเขา
เห็นว่าฉาวซวนเลี้ยงหมาป่า หมอผีค้นหาความทรงจำของเขาอย่างหนัก
นั่นสินะ! ไม่น่าแปลกใจที่เขารู้สึกคุ้นเคยเมื่อเขาได้ยินชื่อ“ซวน”
ณ ตอนนั้น เขาได้เดินไปรอบ ๆ เขตตีนเขาเพื่อดูว่าผู้คนใช้ชีวิตเป็นอย่างไร เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยินอะไรเกี่ยวกับ“การเลี้ยงดูและการผสมพันธุ์สัตว์” ดังนั้นเมื่อเขาได้พบกับฉาวซวนพร้อมกับลูกหมาป่า เขาได้ทิ้งแผ่นป้ายที่มีลวดลายเพื่อไม่ให้ใครในเผ่าทำอันตรายลูกหมาป่า แต่เดิมเขาวางแผนที่จะให้ลูกหมาป่าเป็นอาหารเสริมของซวน แต่หลังจากที่เขาได้กลับไปที่เขตยอดเขา เขาพูดถึงพืชบางชนิด ที่เขาได้ค้นหาเป็นเวลานานแล้ว และทีมล่าสัตว์นำมันกลับมาขณะที่มันยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทความคิดและพลังทั้งหมดของเขาเพื่อการวิจัย และเขาได้ค้นคว้าทดลองมาเกือบปี ในที่สุดเขาก็พบวิธีที่จะบดมันให้เป็นสมุนไพร เมื่อตัวยาได้สรุปเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลืมเกี่ยวกับลูกหมาป่าที่เขาขอให้ฉาวซวนเลี้ยงดูมัน
เขาสงสัยว่าลูกหมาป่าในตอนนี้ ...
ในขณะที่เวลานี้ ซีซาร์ ซึ่งท้ายที่สุดหมอผีก็ระลึกขึ้นได้ กำลังหมอบตัวลงอยู่ที่นอกถ้ำเด็กกำพร้าอย่างน่าสงสาร พร้อมกับสายลมเย็นฉ่ำในเวลากลางคืน มันจ้องไปที่ยอดเขาและเห่าหอน อะวู้.......