ตอนที่แล้วบทที่ 76 การใช้ความสามารถที่ถูกต้อง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 78 หน้าตาหาเรื่องตั้งแต่เกิด

บทที่ 77 การซุ่มโจมตีในป่า


บทที่ 77 การซุ่มโจมตีในป่า

 

มหาวิทยาลัยเมือง X กินพื้นที่กว้างขวางมาก ป่าเล็กๆ แห่งนี้เป็นเพียงแค่มุมเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปเท่านั้น

 

เดินในป่าที่บดบังวิสัยทัศน์แบบนี้ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นจนใจเต้นเร็วขึ้นอย่างอดไม่ได้ และเพราะเดินมาในทางที่พวกหลินล่วนชิวหนีออกมา จึงเห็นคราบเลือดด่างๆ ดวงๆ ได้ตลอดทาง

 

เห็นชัดว่าสีหน้าของเธอและสื่อปินไม่ค่อยดีนัก พวกเขาคงใช้ความกล้าหาญไปหมดแล้วกว่าจะหนีออกไปจากที่นี่ได้ และถ้าหากเลือกได้ พวกเขาก็คงไม่คิดจะกลับมาที่มหาวิทยาลัยเมือง X อีก

 

แม้ที่นี่ดูเหมือนจะค่อนข้างปลอดภัย แต่หลิงม่อก็เข้าใจดี ตั้งแต่วินาทีที่พวกเขากระโดดเข้ามาในกำแพง ก็ได้เข้ามาอยู่ในรังซอมบี้ขนาดยักษ์แล้ว

 

ซอมบี้สามหมื่นกว่าตัวกระจุกกันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปิดมิดชิด นี่คือจำนวนตัวเลขที่น่าสยองพองขนขนาดไหน

 

เทียบกันแล้ว ผู้รอดชีวิตสามพันกว่าคนอยู่ในหมู่ซอมบี้แบบนี้ก็เท่ากับเป็นกลุ่มผู้อ่อนแอ

 

ต้านทานพวกมัน? นักเรียนธรรมดาและคณะครูผู้สอนก็ยังตกอยู่ในสภาพที่ต่างคนต่างไป แล้วจะต้านทานอย่างไรให้เป็นผล?

 

กลุ่มซอมบี้นี้พอรวมตัวกันได้จำนวนหนึ่ง พลังการต่อสู้ของคนแต่ละคนก็กลายเป็นเรื่องน่าขำไปทันที ตอนนั้นที่ควบคุมหุ่นซอมบี้ให้ถือโทรศัพท์มือถือไปดึงดูดซอมบี้ ผลปรากฎว่าความรู้สึกที่ถูกซอมบี้นับร้อยฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ ทั้งเป็นยังตราตรึงลึกอยู่ในสมองของหลิงม่อ

 

ดังนั้นในกลุ่มนี้ คนที่ในใจนั้นระมัดระวังที่สุด ความจริงแล้วไม่ใช่หลินล่วนชิวและสื่อปิน แต่เป็นเขา หลิงม่อ

 

แต่เทียบกับทุกคนที่เหมือนเหยียบอยู่บนชั้นน้ำแข็งบางๆ เย่เลี่ยนและซย่าน่ายังคงไร้สีหน้า และเดินนำอยู่หน้าสุดอย่างไม่ยี่หระ

 

พวกเธอเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ ไม่มีทางถูกซอมบี้ทั่วไปจู่โจมอยู่แล้ว และถ้าหากแถวนี้มีซอมบี้กลายพันธุ์ล่ะก็ พวกเธอก็จะมีการตอบรับ หลิงม่อให้พวกเธอเดินนำอยู่ข้างหน้า ก็เพื่อป้องกันซอมบี้ที่จะโผล่ออกมากะทันหัน

 

แต่ความเรียบเฉยของพวกเธอกลับทำให้หลินล่วนชิวและสื่อปินที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางต่างเบิกตาโต

 

หลินล่วนชิวอดบอกอย่างเป็นห่วงไม่ได้ “ตอนที่พวกเราหนีออกมาก็มีซอมบี้ไล่ตามมาข้างหลังด้วย พวกมันอาจจะกระจัดกระจายตัวอยู่ในป่านี่ พวกเธอระวังไว้หน่อยจะดีกว่านะ”

 

หลิงม่อไม่พูดอะไร ซย่าน่าจึงหันกลับไปมองหลินล่วนชิว แล้วตอบอย่างเย็นชา “ไม่เป็นไร”

 

“ฉันแค่เตือนไว้ ถึงยังไงฉันมีหน้าที่นำทาง” พอได้ยินซย่าน่าตอบมาแบบแข็งๆ หลินล่วนชิวก็ไม่ได้โกรธ เธอแค่เอ่ยยิ้มๆ

 

หลิงม่อได้ยินคำพูดของหลินล่วนชิว ก็ให้เย่เลี่ยนและซย่าน่าดึงระยะห่างออกไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แบบนี้จะทำให้สังเกตเห็นศัตรูได้ทันเวลา

 

ส่วนการที่ซย่าน่าเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับคน หลิงม่อก็ไม่ได้ประหลาดใจ เขารู้แล้วว่า หลังจากที่ซย่าน่าฟื้นคืนความทรงจำตอนเป็นมนุษย์ แม้จะยังเห็นมนุษย์เป็นเหยื่อ แต่ก็มีความรู้สึกสนใจอยู่ด้วย

 

แม้เธอจะอยากทำแบบนั้น หลิงม่อก็ไม่คัดค้าน ตรงข้ามเขาก็มีท่าทางให้กำลังใจอยู่รางๆ ถึงอย่างไรความคิดของเธอก็ใกล้เคียงกับคน การสื่อสารกับหลิงม่อก็ลึกซึ้งขึ้น ประเด็นสำคัญที่สุดคือ เธอยังทำให้เย่เลี่ยนได้รับผลกระทบในเชิงบวกด้วย

 

หลิงม่อไม่ถือสาที่พวกเธอเป็นซอมบี้ แต่ก็ไม่อยากให้พวกเธอเจอคนแล้วมีแต่อยากจะจู่โจม เพราะแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเธอเลย

 

สามารถสื่อสารได้ อย่างน้อยก็สามารถปลอมตัวได้แนบเนียนขึ้นอีกชั้น อย่างน้อยก็จะไม่ทำให้คนอื่นสงสัยสถานภาพของพวกเธอ

 

“ต้องเดินในป่านี้อีกนานแค่ไหน?”

 

เส้นทางที่พวกเธอเดินไม่ใช่ถนนเส้นเล็กๆ ที่เห็นบ่อยๆ ในป่า แต่เป็นการเดินทางไปกลับระหว่างวัชพืชรกทึบและต้นไม้ บวกกับอุปสรรคทางวิสัยทัศน์ ทำให้มองเห็นไม่ชัดว่าข้างหน้ายังอีกไกลแค่ไหน ดังนั้นหลิงม่อจึงได้เอ่ยถาม

 

หลินล่วนชิวก้มหน้าใช้ความคิดแล้วบอก “น่าจะอีกประมาณเจ็ดแปดนาที ป่าแห่งนี้มีพื้นที่ในแนวราบค่อนข้างกว้าง แต่เราตัดผ่านไปตรงๆ ระยะทางที่จะต้องเดินก็ไม่ถือว่านาน”

 

เพิ่งจะสิ้นเสียง เงาเดาก็พุ่งออกมาจากหลังพุ่มไม้ โดยที่ยังมาไม่ถึงตรงหน้า กลิ่นเลือดเข้มข้นก็โชยมาปะทะะจมูกแล้ว

 

น่าประหลาดใจมากที่เป้าหมายของเงาดำนี้คือหลินล่วนชิว ส่วนสื่อปินหลังจากที่ตะลึงงันไปแล้ว แม้จะเงื้อแท่งลับมีดในมือได้ทันเวลา แต่ก็ยังช้าไปหนึ่งก้าว

 

อีกฝ่ายคือซอมบี้เพศชาย ดูอายุน่าจะราวๆ ยี่สิบ ใบหน้าบิดเบี้ยวดุร้ายซีดขาวไร้สีเลือด ดวงตาสีเลือดทั้งคู่สาดประกายอำมหิต ปากที่เผยอเล็กน้อยเยิ้มด้วยน้ำลายแวววาว

 

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนกลายพันธุ์ แขนข้างข้างซ้ายห้อยตกลงมา มือข้างหนึ่งก็เป็นเลือดกับเนื้อเลือนๆ แม้จะเยียวยาแล้ว แต่ก็ยังคงชวนให้ตื่นตกใจ

 

ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ซอมบี้ตัวนี้ว่องไวมาก ก่อนที่จะกลายพันธุ์ก็คงจะเร็วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งที่เพิ่งจะปรากฎตัวต่อหน้าทุกคน วินาทีถัดมาก็กระโจนมาถึงด้านหลังหลินล่วนชิวแล้ว

 

แม้หลินล่วนชิวจะมีพลังพิเศษ แต่เพราะสภาพร่างกายของเธอจึงทำให้หลบหลีกได้ลำบาก แต่เธอก็ไม่ได้นิ่งรอความตาย ขณะเดียวกับที่ด้านหลังสัมผัสถึงกระแสลมแรง เธอก็กำแผ่นเหล็กแน่น แล้วบิดตัวประจันหน้ากับซอมบี้ตัวนี้ทันควัน

 

ซอมบี้ตัวนี้พุ่งเข้ามาอย่างดุดันร้ายกาจ มือข้างที่สมบูรณ์ตวัดคว้ามาทางหัวใจของหลินล่วนชิวเสียงดังฟิ้ว

 

ด้วยพละกำลังของซอมบี้ ถ้าหากเขาทำสำเร็จ แม้หลินล่วนชิวจะไม่ได้ถูกฉีกเนื้อในทันที แต่ก็มั่นใจได้ว่ามันจะเอาเธออยู่ จากนั้นสิ่งที่รอเธออยู่ก็คือการถูกกัด คนทั่วไปเมื่อถูกซอมบี้ยึดไว้แล้วก็ยากจะดิ้นรนขัดขืน เว้นเสียแต่ว่าส่วนที่ถูกยึดไว้ คืออวัยวะที่ยอมตัดใจทิ้งไปได้อย่างพวกแขน ไม่ใช่ลำตัว

 

เมื่อเห็นซอมบี้คว้ามาทางตัวเองด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สายตาของหลินล่วนชิวก็สงบนิ่งมาก เธอยังคงตวัดแผ่นเหล็กในมือตามต้องการ ต้านแขนของซอมบี้ตัวนั้นไว้ได้ในนาทีวิกฤติ ทั้งยังออกแรงกระชากลงมาด้านล่าง

 

แม้เนื่องจากอาวุธจะไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ทำให้แขนซอมบี้ตัวนั้นขาดสะบั้น แต่เลือดสดๆ ก็พวยพุ่งออกมาไม่หยุด แขนของซอมบี้ตัวนั้นพลันอ่อนยวบลงมา ดูท่าจะไม่มีแรงแล้ว

 

แต่นี่ไม่ได้หยุดยั้งซอมบี้ตัวนั้นไว้ได้ แม้แขนสองข้างจะใช้การไม่ได้แล้ว แต่มันก็ยังกระโจนเข้ามา อ้าปากจะงับ

 

หลินล่วนชิวค้อมตัวลง พุ่งไปทางอ้อมแขนของซอมบี้ตัวนั้น พยายามให้ซอมบี้ที่กระโจนเข้ามาตัวนี้ถูกชนจนเซ

 

นี่คือขีดจำกัดที่หลินล่วนชิวจะทำได้แล้ว แต่ตอนที่เธอหมดแรงและขยับไม่ได้อีกแล้วนั้น ซอมบี้ตัวนี้ก็ยังกระโจนเข้ามา แววตาของหลินล่วนชิวแวบแสงมืดมนในทันที

 

ทุกอย่างนี้เพิ่งเกิดขึ้นในชั่วพริบตา คนปกติทั่วไปยังไม่ทันได้โต้ตอบ แต่พลังจิตของหลิงม่อแข็งแกร่งมาก พลังในการโต้ตอบก็เร็วกว่าคนทั่วไปพอสมควร พอเห็นซอมบี้ตัวนี้จะพุ่งเข้ามาอีก เขาก็ใช้หนวดสัมผัสทันที ทำให้ซอมบี้ตัวนี้ตัวเอียงไปก่อนที่จะพุ่งเข้ามา มันกระโจนข้ามหลินล่วนชิวไป ส่วนเย่เลี่ยนก็พุ่งกลับมาราวกับเสือชีตาห์ ใช้ดาบวงพระจันทร์แทงเข้าท้องของซอมบี้ตัวนี้ ตอนที่มันเพิ่งจะข้ามตัวหลินล่วนชิวไป จากนั้นก็ดึงออกในแนวราบด้วยแรงที่แทงเข้าไปนั้น

 

ลำไส้สีฉูดฉาดหล่นออกมาพร้อมกับเลือดสดๆ ทันที ซอมบี้ตัวนั้นเดินเอียงไปสองสามก้าวแล้วก็ล้มลง

 

ตอนนี้หลินล่วนชิวจึงได้สติ ชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้เธอนึกว่าตัวเองจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่คิดเลยว่าจะรอดพ้นจากหายนะ ซอมบี้ตัวนั้นเคลื่อนไหวอย่างประหลาดในนาทีวิกฤติ เห็นชัดว่าได้รับผลกระทบจากหลิงม่อ จุดนี้เธอดูออกชัดเจน

 

แม้ร่างกายจะอ่อนแอ แต่เธอก็ยังหอบหายใจเข้าลึก จากนั้นก็หันไปหาเย่เลี่ยนและหลิงม่อ “ขอบใจพวกนายนะ”

 

เย่เลี่ยนยังคงมีสีหน้าเย็นชา เธอเคลื่อนไหวรวดเร็วเหลือเกิน กระทั่งดาบวงพระจันทร์ยังไม่มีแม้รอยเลือดติด ส่วนหลิงม่อก็แค่พยักหน้าแล้วบอก “เธอเป็นคนนำทาง ฉันแค่ช่วยเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น”

 

ตอนนี้สื่อปินเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เดิมเขาคิดจะพุ่งเข้าไปประคองหลินล่วนชิว แต่อยู่ๆ ก็ชี้นิ้วไปที่ซอมบี้ตัวนั้นพร้อมร้องอย่างตระหนก “นี่มันหลิวฉวนไม่ใช่เหรอ? เขาไม่ได้ถูกกิน แต่กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว!”

 

เสียงร้องตระหนกของเขา ทำให้หลิงม่อเดือดทันทีแล้วลดเสียงลงด่าเขา “นายจะตะโกนทำไม ถ้าดึงดูดซอมบี้มาแล้วจะทำยังไง! ใครจะไปรู้ว่าตรงนี้มีซอมบี้มากน้อยแค่ไหน ถ้าถูกซอมบี้ล้อมไว้แล้วนายหนีได้ใช่ไหม? ปัญญาอ่อน!”

 

“ฉัน…” สื่อปิ่นถูกหลิงม่อด่าว่าปัญญาอ่อน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเศร้าสลดทันที แต่พอเขากำแท่งลับมีดแน่นแล้วก็กลับข่มใจไว้ได้

 

สิ่งที่หลินล่วนชิวบอกเขา เขายังจำได้ขึ้นใจ ประเด็นสำคัญคือ เห็นชัดว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะสู้เพื่อตัวเอง

 

เย่เลี่ยนเพิ่งจะโจมตีอย่างรวดเร็วและรุนแรง เกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้ทุกอย่าง ตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่า ที่เธอทำกับเขานั้นยังไม่ได้พลังจริงๆ เลย

 

แต่สื่อปินก็แอบคิดในใจว่า หลิงม่อคนนี้ก็ไม่ได้แสดงฝีมืออะไรเท่าไร ดูแล้วไม่เห็นจะร้ายกาจ ก็แค่ไอ้คนที่กินแรงผู้หญิง...

 

เห็นสื่อปินไม่ได้หัวฟัดหัวเหวี่ยงเหมือนก่อนหน้า หลิงม่อก็อดประหลาดใจหน่อยๆ ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายไม่เหมือนคนที่ข่มความโกรธได้เลย...หรือว่าหลินล่วนชิวจะพูดอะไรกับสื่อปิน?

 

แต่หลิงม่อก็ได้แอบตัดสินใจไว้แล้วว่า จะหาโอกาสให้ไอ้ปัญญาอ่อนนี้ได้เจอความลำบากซะบ้าง ก่อนหน้านี้ที่อัดเขาจนน่วมแบบนั้น ก็ยังไม่รู้จักว่าง่าย ในช่วงวันสิ้นโลกกำลังความสามารถคือต้นทุนในการอ้าปากพูด ไอ้เด็กนี่ยังนึกว่าตอนนี้มันเหมือนเมื่อก่อนอยู่อีกเหรอ?

 

“คือว่า...หลิวฉวนอยู่ในทีมช่วยเหลือของเรา เป็นเพื่อนนักเรียนที่หนีออกมาพร้อมๆ กับฉัน” หลินล่วนชิวปรับลมหายใจให้สม่ำเสมออย่างลำบาก และเดินเข้ามาดู แล้วเอามือปิดปากทันที

 

หลิงม่อสังเกตเห็นแล้วเมื่อครู่นี้ มือข้างนั้นที่ซอมบี้ตัวนี้ได้รับบาดเจ็บดูเหมือนเพิ่งจะรักษาหาย แต่ไม่คิดเลยว่าคนๆ นี้จะเป็นเพื่อนของหลินล่วนชิว

 

เห็นชัดว่าพวกเขาตกใจมากที่เพื่อนกลายเป็นซอมบี้ แต่หลิงม่อก็แค่มองไปอีกรอบเท่านั้น

 

หลังจากที่ถูกซอมบี้ทำร้าย พอเลือดติดเชื้อซอมบี้... กระบวนการนี้ปกติพอถูกทำร้ายแล้วก็จะเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากในเล็บที่มือของซอมบี้ มีเลือดเนื้อและเศษซากที่ไม่รู้แหล่งที่มาชัดเจนเต็มไปหมด เมื่อบาดแผลสัมผัสกับสิ่งพวกนี้ก็จะติดเชื้อทันที แต่ผู้รอดชีวิตที่ได้รับบาดเจ็บแล้วก็ไม่น่าจะรอด หรือไม่ก็ไม่มีใครได้มีโอกาสเป็นสักขีพยานในกระบวนการกลายพันธุ์ของพวกเขา ดังนั้นจึงน้อยนักที่จะเห็นกรณีอย่างหลิวฉวนนี้

 

หลิงม่อเคยเห็นมาสองแบบ อย่างแรกคือลู่ซินที่ติดเชื้อจากซอมบี้กลายพันธุ์ ทนรับความแรงของไวรัสไม่ไหวจนเนื้อเน่าเฟะ อีกแบบคือซย่าน่า

 

“ไม่คิดเลยว่า...” หลินล่วนชิวกลับมามีสีหน้าปกติอย่างรวดเร็ว แต่สายตาของเธอที่พร่าเลือนมาเดิมนั้นยิ่งดูมืดมัวอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเพราะสะเทือนใจ หรือสูญเสียพละกำลังมากเกินไปเมื่อครู่ “เส้าจงยังรอดชีวิตและกลายพันธุ์แล้ว...ตอนนั้นทุกคนลนลานมาก รู้แค่ว่าต้องวิ่งหนีออกไปข้างนอก พอได้ยินเสียงเขาถูกซอมบี้กัดก็ไม่มีใครมองเขาอีก...”

 

หลิงม่อมองเธออย่างลึกซึ้งแล้วบอก “มันคือวันโลกาวินาศ”

 

“ใช่ ฉันหวังอย่างมากว่าจะกลับไปเมื่อก่อนได้ ฉันอยากอยู่จนเห็นวันนั้น” หลินล่วนชิวยิ้มให้หลิงม่อ รอยยิ้มนั้นดูขมขื่นทว่าเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด