ตอนที่ 160 เสี่ยวจิน
ศูนย์ใหญ่ของตระกูลอลูเมร่า...
“หมู่บ้านหุบเขาเขียวบนทวีปใต้ถูกซุ่มโจมตี เราเสียดินแดนไป ข้อความสุดท้ายจากพวกเขาคือชั่วโมงก่อน หลิวเฉิงตายในการต่อสู้ บัลซาสและเสี่ยวรุ่ยได้ถอยหนีมา ยังไม่มีข่าวจากพวกเขา ฉันคิดว่าพวกเขาอาจมีปัญหาอยู่’
แก้วไวน์คริสตัลสวยงามถูกโยนลงพื้น และไวน์สีแดงก็สาดไปทั่วพรมราคาแพง ดาร์ริล ผู้นำตระกูลหายใจเสียงดังเหมือนหมี ร่างเขาใหญ่โตเหมือนหมีเช่นกัน ดังนั้นฉายาเขาจึงเป็น-หมีขาวอลูเมร่า
นี่คือการศึกษาของดาร์ริล เขาค่อนข้างรุนแรง ชั้นวางหนังสือเขาไม่ได้มีไว้สำหรับหนังสือ แต่เป็นการอวดปืน อาวุธปืน กระสุน มีด ดาบ-นี่คือของสะสมเขา
“ใครโจมตีคนของเรา?!”ดาร์ริลคำราม
ด้านหน้าโต๊ะเป็นชายวัยกลางคนแต่งตัวดี เขาสวมชุดคล้ายสูท แต่มีความแตกต่างเล็กน้อยในบางจุด มันเป็นวิธีการเย็บและความประณีต เขาสวมแว่นตากรอบทองและมีโซ่ทองของแว่นเกี่ยวหู หากมองข้ามกล้ามเนื้อภายใต้ชุด คนๆนี้ก็คือนักวิชาการระดับเทพ
เขาคือผู้นำลำดับ2แห่งอลูเมร่า เสี่ยวจิน
เสี่ยวจินถือแท็บเล็ตด้วยมือหนึ่งและกล่าว“มีอยู่สองคน หนึ่งคือขุนศึกแห่งทวีปใต้ ลู่เฉิน”
“ฉันเคยได้ยินชื่อเขา รวมคนของเราในทวีปใต้!ตาต่อตา!อลูเมร่าย่อมทวงแค้นเสมอ!”
ดาร์ริลตบโต๊ะและถาม“แล้วอีกคนละ?”
“เขาเป็นนักฆ่าจากตาข่ายมืด ปีศาจทมิฬ”
“พาเขาไป...”เมื่อเขากล่าวสามคำนี้ น้ำเสียงของดาร์ริลก็เปลี่ยนไปและกล่าวขึ้น“เราไปตอแยเขาตอนไหน?!”
ดาร์ริลระวังตัวมากเกี่ยวกับปีศาจทมิฬ นักฆ่าในตำนาน เขารู้ดีถึงผลลัพธ์ของการไปตอแยเขา แม้ตระกูลอลูเมร่าจะใหญ่โต พวกเขาก็ยังกลัวนักฆ่าอย่างเขา หากเขาอยากฆ่าใครขึ้นมา ตระกูลอลูเมร่าคงไม่อาจหยุดยั้งเขาได้
แม้ดาร์ริลจะเป็นพวกอารมณ์ร้อน แต่เขาก็รู้ดีว่าใครยุ่งได้ใครยุ่งไม่ได้ การจัดการกับลู่เฉินเป็นเรื่องง่าย กองกำลังของลู่เฉินได้เข้าไปพัวพันกับทวีปใต้และไม่ส่งผลกระทบต่อทวีปเหนือ แต่ปีศาจทมิฬต่างออกไป เขาคือหมาป่าเดียวดายที่สามารถเดินทางขึ้นเหนือได้ง่ายๆ เขาแม้กระทั่งฆ่าหลิวเฉิงได้ ไม่ต้องสงสัยว่าจะมีใครในตระกูลอลูเมร่าสามารถทำร้ายปีศาจทมิฬได้
นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของปีศาจทมิฬยังไม่แน่นอน มีรายงานไม่มากเกี่ยวกับเขาผ่านเครือข่ายข้อมูล และโดยปราศจากเครือข่ายที่กว้างขวาง พวกเขาย่อมไม่อาจแกะรอยเขาได้ นอกจากนี้ องค์กรของปีศาจทมิฬยังเป็นเครือข่ายข่าวกรองที่ใหญ่สุดในโลก หากพวกเขาต้องการตั้งเป้าหมายใครบางคนจากองค์กรตาข่ายมืดและร้องขอความช่วยเหลือจากตาข่ายมืด มันคงเป็นเรื่องไร้สาระ ดาร์ริลมั่นใจ80%ว่าเขาคงถูกประนามเป็นไอโง่
ดังนั้น การเป็นศัตรูกับปีศาจทมิฬจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด ดาร์ริลทำได้แค่ระงับความโกรธเขาและหาข้อแก้ตัวอื่น“ตรวจสอบเหตุผลที่ปีศาจทมิฬเข้ามาแทรกแซง อย่าเพิ่งไปยั่วยุเขา”
เสี่ยวจินเห็นด้วย มันยากจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรในหัวภายใต้ใบหน้าเฉยชา
ดาร์ริลมักเป็นคนใจร้อนและตอนนี้เขาก็หงุดหงิด เขาชี้หน้าเสี่ยวจินและสั่ง“ไปจัดการเรื่องลูกของนายซะ สงครามกำลังเริ่ม ฉันไม่ต้องการยุ่งเรื่องขององค์กรต้นกำเนิดในเวลานี้”
เสี่ยวจินขยับแว่นตาและกล่าว“เขาคือลูกของฉัน เมื่อฉันพบเขา เขาจะกลับมาอย่างเชื่อฟัง”
...
วันกำลังหมดลง และเสียงปืนในหมู่บ้านหุบเขาก็ค่อยๆเงียบหาย ศัตรูที่เหลือล้วนถูกฆ่า
เมื่อลู่เฉินเอาชนะหมู่บ้านหุบเขาเขียวได้ เขาก็สั่งให้กองทัพเขากวาดล้างสนามรบและห้ามให้ทำร้ายชาวบ้าน
ชาวบ้านต่างกังวลจนไม่อาจนอนหลับได้ตลอดคืน พวกเขารีบออกมาและฟังนายคนใหม่ของเมือง ลู่เฉินสัญญาว่าจะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้าน
สำหรับภารกิจ[บุกรุกหมู่บ้านหุบเขาเขียว] ผู้เล่นที่เลือกปกป้องต่างล้มเหลวและรู้สึกหดหู่ใจ
การต่อสู่คืนก่อนรุนแรงมากและผู้เล่นหลายคนก็หวังให้มันนานขึ้น
หานเซี่ยวเองก็ได้รับค่าประสบการณ์จากงานนี้ เขายกแขนขึ้นและเอนตัวพิงบ้านเพื่อรอให้ลู่เฉินพูดจบ เขามีดาบคลั่งและขนมปังสุนัขยืนอยู่เคียงข้าง
ดาบคลั่งอารมณ์เสียเพราะเขาไม่อาจเก็บหานเซี่ยวไว้ได้คนเดียว
ขนมปังสุนัขมองดาบคลั่งและกล่าว“ฉันรู้จักนาย นายได้ออกกาแล็กซี่ไทม์ นายเป็นนักเล่นเกมมืออาชีพ”
“ใช่”ดาบคลั่งตอบอย่างเย็นชา
“นายมักติดตามปีศาจทมิฬตลอดเลยงั้นหรอ?”ขนมปังอยากรู้
ดาบคลั่งไม่อยากยุ่งกับขนมปังสุนัข แต่ในฐานะนักเล่นมืออาชีพ เขาต้องสร้างภาพลักษณ์และไม่ควรเย็นชาเกินไป เขาพยักหน้า
“นายรู้จักต้นกำเนิดเขาไหม?”
“ชื่อจริงเขาคือหานเซี่ยว”ดาบคลั่งตอบ เขาตระหนักทันทีและหันไปดูว่าหานเซี่ยวได้ยินเขาไหม และผ่อนคลาย“เขาเคยรับใช้มังกรดารา ฉันไม่มั่นใจถึงรายละเอียดนัก แต่ฉันรู้ว่าเขาคุ้นเคยกับคนในค่ายที่ชื่อแผนกป้องกันมังกรดารา”
ดวงตาของขนมปังสว่างขึ้น วิดิโอที่เขาต้องการทำคือการสืบสวนถึงต้นกำเนิดของปีศาจทมิฬ ดาบคลั่งเป็นผู้ติดตามมานาน เขารู้สิ่งที่คนอื่นไม่รู้ เขาจึงกล่าวอย่างสุภาพ“ให้ฉันได้แนะนำตัวก่อน ฉันคือผู้ผลิตวิดิโอเกม...”
ดาบคลั่งมองด้วยสายตาว่างเปล่า ตอนนี้เขาจำได้แล้ว ชื่อขนมปังสุนัขดูคุ้นเคย เขาเป็นผู้ผลิตซีรี่ย์’xx Adventure Diaries’ เมื่อเขากำลังเล่นเกมอัศวินในอดีต เขาเคยเจอชื่อขนมปังสุนัขเช่นกัน
“มันเป็นนาย!”ดาบคลั่งรวบรวมสติตัวเอง เมื่อเขาได้รับคำขอเป็นเพื่อนของขนมปังสุนัข เขาก็ยอมรับทันที
สถานะและชื่อเสียงย่อมนำพามาซึ่งการจดจำ หากเขาเป็นผู้เล่นธรรมดา ดาบคลั่งคงไม่ใส่ใจ แต่มันต่างออกไปเมื่อมีชื่อเสียง
“ฉันกำลังเตรียมมุ่งเน้นไปที่กาแล็กซี่และเริ่มซีรี่ย์ ฉันตจั้งใจวางปีศาจทมิฬเป็นตอนแรกของฉัน ฉันอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงต้นกำเนิดเขา ฉันหวังว่านายจะช่วยฉันได้ นายจะได้ปรากฏบนหน้าจอพร้อมฉันเพื่อทำซีรี่ย์ร่วมกัน”
หานเซี่ยวไม่เคยพูดถึงต้นกำเนิดเขา ดังนั้นขนมปังสุนัขจึงตัดสินใจเปลี่ยนมามุ่งเน้นที่ดาบคลั่งแทน
“ได้แน่นอน”ดาบคลั่งตอบกลับ นี่นับว่าวินวินทั้งสองฝ่าย นักเล่นเกมมืออาชีพที่ปรากฏบนวิดิโอย่อมมีชื่อเสียงมากขึ้น นี่เป็นเรื่องดีต่อเขา
เมื่อได้ยินทั้งสองคุยกันด้านหลัง หานเซี่ยวก็ไม่ได้หยุด ดาบคลั่งมีข้อมูลเกี่ยวกับเขาจำกัด ข้อมูลเช่นนั้นสามารถเปิดเผยและทำให้รับรู้ได้ และนี่จะทำให้ผู้เล่นอยากรู้มากขึ้น เขาอยากเปิดเผยข้อมูลทีละนิด นี่เป็นความตั้งใจของเขา และเป็นเหตุผลให้เขานำขนมปังสุนัขติดตามมาด้วย
หลังสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน ลู่เฉินก็ส่งมอบงานให้ผู้ช่วยและเดินมาหาหานเซี่ยว“ปีศาจทมิฬ ต้องขอบคุณมาก หากไม่ใช่เพราะคุณ ผมคงไม่อาจเอาชนะหมู่บ้านหุบเขาเขียวได้ แต่บัลซาสกลับหนี...”
“โอ้ ผมฆ่าเขาไปแล้ว
สีหน้าลู่เฉินว่างเปล่า และรู้สึกบีบแน่นบนหัวใจ”ผมรู้สึกซาบซึ้งมาก แต่...คุณไม่ต้องการอะไรจริงๆ.
หานเซี่ยวหัวเราะและเปลี่ยนเรื่อง“คุณค้นพบจุดพิเศษของผู้ลี้ภัยรึยัง?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลู่เฉินก็ดีใจ“ผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้สามารถคืนชีพได้ มันน่าทึ่งมาก!ผมคิดว่าพวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา โลกนี้กว้างใหญ่นัก และมันก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้!”
ลู่เฉินไม่คิดวางแผนให้ผู้ลี้ภัยเข้าร่วมการต่อสู้ แต่ในขณะปฏิบัติการ เขาก็ตระหนักถึงความสามารถพิเศษของผู้เล่น เขาตกใจและพบความหมายของหานเซี่ยว ผู้ช่วยเหลือเหล่านี้พิเศษเกินไป เขาดูถูกพวกเขา ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมพวกเขาถึงไม่กลัวตาย นั่นเพราะพวกเขาไม่อาจตายได้
ขนมปังสุนัขที่ยืนด้านข้างรู้สึกแปลก ผู้ลี้ภัย?ผู้เล่นงั้นหรอ?ทำไมNPCเหล่านี้ถึงคิดว่าการคืนชีพของผู้เล่นเป็นเรื่องแปลก?
หานเซี่ยวดึงลู่เฉินไปด้านข้าง เขาไม่อยากให้ผู้เล่นอื่นได้ยิน
“ปีศาจทมิฬ คุณรู้ที่มาของผู้ลี้ภัยเหล่านี้ไหม?”ลู่เฉินถาม
“ผมไม่มั่นใจ”หานเซี่ยวตอบกลับ“แต่ผมรู้ว่าพวกเขาขยันมาก พวกเขาจะเป็นตัวขับเคลื่อนได้ดี ไม่ใช่ว่าคุณเพิ่งทำลายหมู่บ้านไป?คุณต้องให้คนเหล่านี้ช่วยสร้างใหม่ ผู้ลี้ภัยเหล่านี้เป็นแรงงานที่ดีสุดแล้ว คุณสามารถใช้พวกเขาได้”
“แต่ผู้ลี้ภัยบางคนเคยต่อต้านผม พวกเขาเป็นศัตรู...”
“การช่วยเหลือบัลซาสไม่ได้เป็นไปอย่างซื่อสัตย์ คุณสามารถปฏิบัติกับพวกเขาในฐานะทหารรับจ้างได้”
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ ลู่เฉินก็เข้าใจ“ผมจะลองดู...คุณไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาจริงๆงั้นหรอ?พวกเขาสามารถคืนชีพได้ทุกคน มันเพราะพวกเขามีความสามารถพิเศษงั้นหรอ?เราไม่รู้ว่าบัลซาสไปหาคนกลุ่มนี้จากไหน”