ตอนที่ 159 ครอบครัว
ประมาณสิบนาทีต่อมา หลิวเฉิงก็ชะลอตัวลงและล้มลงกับพื้น เขาไม่เหลือพลังงานสะสมอีก เขาหมุนตัวและตระหนักว่าหานเซี่ยวกำลังไล่ตามมาเหมือนปีศาจ
“ฆ่าฉันซะ”
ใบหน้าไหม้เกรียมของหลิวเฉิงดูน่าสลด เขายิ้มอย่างเจ็บปวด
“ไม่ต้องให้แกบอกหรอก”ใบหน้าของหานเซี่ยวดูไม่แยแส เขาเปิดฝ่ามือกว้างและคว้าหัวของหลิวเฉิง นิ้วเขาเจาะไปในกะโหลก
เขาค่อยๆคลายมือเมื่อลมหายใจของหลิวเฉิงหยุดลง
เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม เกือบทำให้ฉันต้องพ่ายแพ้
เขามองดูศพของหลิวเฉิงเป็นครั้งสุดท้ายและใช้กระสุนระเบิดเพื่อป้องกันร่างกายเขาจากการเน่าเปื่อย หลังจากนั้น เขาก็ตามเสียงปืนและกลับไปยังสนามรบของหมู่บ้านหุบเขาเขียว
การต่อสู้รุนแรงยิ่งขึ้น ประตูของหมู่บ้านถูกระเบิด รถถังติดอาวุธวิ่งผ่านถนนและปืนกลก็ปล่อยไฟออกมาตลอดเวลา ชาวบ้านปิดประตูและหน้าต่างสนิท นั่งตัวสั่นอยู่ในบ้าน กองกำลังของลู่เฉินตระหนักถึงผู้อยู่อาศัยทั่วไปและหลีกเลี่ยงพวกเขา
ตั้งแต่หลิวเฉิงลากเขามาเข้าร่วม หานเซี่ยวจึงตัดสินใจจบการต่อสู้โดยเร็ว เขาค้นหาผู้บัญชาการของหมู่บ้าน แต่ในไม่ช้าก็ตระหนักว่าไม่มีใครออกคำสั่ง
มีรอยรถบนพื้นไกลออกไป บ่งบอกถึงที่อยู่ของบัลซาสและเสี่ยวรุ่ย
พวกเขาหนีไปแล้ว?
…
รถออฟโร้ดแล่นไปตามป่ามืดครึ้มและเสียงปืนในหมู่บ้านหุบเขาเขียวก็ค่อยๆเบาลง เสี่ยวรุ่ยผู้นั่งอยู่เบาะหลังมองเห็นเปลวไฟด้านหลังผ่านต้นไม้
“หลิวเฉิงตายแล้ว...”เสี่ยวรุ่ยกำหมัดและกดลงกับเขา เขาไม่อาจหยุดอาการสั่นของตัวเองได้
หลิวเฉิงรับใช้ตระกูลมากว่าสิบปีแล้ว เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และอุทิศชีวิตให้ นอกจากนี้ เขายังเป็นนักสู้ชั้นยอดในหมู่ตระกูล เขามีความสำเร็จที่น่าทึ่งมากมาย เสี่ยวรุ่ยมักถือว่าเขาเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งเสมอ-แต่เขากลับตายด้วยเงื้อมมือของปีศาจทมิฬ!
เสี่ยวรุ่ยเคยคิดว่าแม้หลิวเฉิงจะไม่อาจต้านทานปีศาจทมิฬได้ เขาก็ยังสามารถถอยหนีได้ แต่ทว่า แม้เขาจะไม่อาจจับคำพูดสุดท้ายของหลิวเฉิงในหูฟังได้ แต่เขาก็รู้ว่าผู้สนับสนุนเขากำลังจะตาย!
บัลซาสและผู้คุ้มกันอีก4คนต่างนั่งตัวสั่นบนรถ
“ปีศาจทมิฬเป็นสัตว์ประหลาด ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าไปตอแยเขา!แต่คุณก็ไม่ฟัง!”บัลซาสเหงื่อออก
ผิวของเสี่ยวรุ่ยขาวซีด“อย่าพูดให้มาก อย่างน้อยเราก็หนีมาได้!”
“เขาคงไม่ไล่ตามเรามาใช่ไหม?”บัลซาสมองดูกระจกหลังหลายครั้งด้วยหัวใจเต้นกระหน่ำ
เสี่ยวรุ่ยกลืนน้ำลาย”ลู่เฉินกำลังโจมตีหมู่บ้านหุบเขาเขียว และทหารในเมืองจะช่วยเราต้านทานศัตรู เขาไม่มีเวลามาไล่ล่าเราหรอก
ทันทีที่เขาพูดจบ เงาร่างคล้ายผีก็ปรากฏในกระจกหลัง ทุกคนบนรถต่างตกใจจนกรีดร้อง!
“เขามาแล้ว!”
“ไป ไป เร็วเข้า!”
“เร่งความเร็ว และถอนเท้าออกจากคันเร่งเด็ดขาด!”
ทุกคนบนรถตื่นตระหนก รถออฟโร้ดคล้ายกับสุนัขจรจัดที่วิ่งพล่านด้วยความเร็วสูง พวกเขาสลัดหานเซี่ยวไปได้สักพัก แต่นี่ไม่ใช่เวลาโล่งใจ รถสีดำคล้ายผี ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับศัตรูสุดร้ายกาจปรากฏในกระจกข้างอีกครั้ง ราวกับราชาแห่งขุมนรก
อะดรีนาลีนของทุกคนพุ่งพล่าน หัวใจของพวกเขาแทบเด้งออกมา พวกเขาประสาทจนถึงจุดที่ร่างกายแข็งไปหมด บรรยากาศเหมือนหนังสยองขวัญจนทำให้คนขับทำผิดพลาด ในสภาวะตื่นตระหนก รถได้เสียหลักและกลิ้งตกลงไปตามทางลาดชัน
หัวของเสี่ยวรุ่ยหมุนเบลอ เขาพยายามปีนออกนอกหน้าต่าง ทันใดนั้น รองเท้าบู้ทคู่หนึ่งที่เปล่งแสงสีฟ้าก็หยุดตรงหน้าเขา เขาเงยหน้าและเห็นปีศาจทมิฬกำลังยืนอยู่เหนือเขา มองเขาลงมาเหมือนมดปลวก
“ไม่ อย่าฆ่าฉัน...”
ปัง!ปัง!ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น เสี่ยวรุ่ยกลัวจนหลับตาและพบว่าไม่มีความเจ็บปวด เขาลืมตาขึ้นและตระหนักว่าผู้คุ้มกัน4คนถูกยิงจนตายแล้ว-เหลือแค่บัลซาสกับตัวเขาเท่านั้น
เสี่ยวรุ่ยสั่นสะท้าน เขารู้ว่าเขาต้องใจเย็นในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ทว่า ความกลัวตายทำให้เขาไม่อาจสงบสติลงได้ อารมณ์กลัวของเขาเหมือนกระแสน้ำที่ซัดท่วมหัวใจหลายครั้ง มันมากจนทำให้เขาไม่กล้าสบตาหานเซี่ยว“ปี...ปีศาจทมิฬ ไว้ชีวิตฉันด้วย ฉันสามารถตอบแทนหนี้ชีวิตครั้งนี้ได้”
คิ้วของหานเซี่ยวดีดขึ้น เหตุผลที่เขาเก็บเสี่ยวรุ่ยไว้เพราะเสี่ยวรุ่ยประกบอยู่กับผู้คุ้มกัน ดังนั้น เขาจึงคิดว่าเขาเป็นตัวละครสำคัญ
บัลซาสเสียใจที่ขัดแย้งกับปีศาจทมิฬ แต่กลับเสียใจที่ฟังความคิดของเสี่ยวรุ่ยมากกว่า เขายกหัวขึ้นและมองตรงไปในดวงตาหานเซี่ยว“แกโกหก แกได้ร่วมมือกับลู่เฉิน แกไม่ได้ผ่านมาเฉยๆ!”
อะไรก็ตามที่ปีศาจทมิฬพูด-มันคือเรื่องโกหกทั้งเพ!
หานเซี่ยวลูบปืนและหัวเราะเบาๆ“หากฉันบอกว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ แกจะเชื่อไหม?”
“ทุกอย่างอยู่ในมือแก ฉันรู้อยู่แล้วว่าฉันไม่อาจรอดชีวิตได้ ฆ่าฉันซะ!”บัลซาสปลุกความกล้าและสะบัดมือของเสี่ยวรุ่ยที่ดึงเสื้อเขาอย่างกระวนกระวาย
“ฉันไม่รู้ว่าแกคิดอยากตายจริงๆหรือแกล้งทำเป็นแข็งแกร่ง แต่ก็ตามที่แกขอ”
ปัง!
กระสุนเจาะขมับของบัลซาส เขาล้มลงและเลือดก็ค่อยๆไหลออกมา
คิ้วของหานเซี่ยวขมวด ดูเหมือนว่าบัลซาสจะไม่ได้เสแสร้ง เขาหมดสิ้นความหวังและอยากตายจริงๆ คนประเภทนี้กลับปฏิบัติการอยู่นอกเมือง ถึงแม้เขาจะเป็นพวกกลัวความตาย แต่เมื่อเขาเผชิญหน้ากับมันจริงๆ เขาก็ยอมรับมันอย่างสงบ
ในทางกลับกัน มีคนที่อ่อนแอกว่า หานเซี่ยวมองและดูเสี่ยวรุ่ยที่กลัวจนไม่กล้าหายใจ สีหน้าเขาขาวซีด และแผ่นหลังเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
หานเซี่ยวใช้ปืนตบหน้าเสี่ยวรุ่ย“แกไม่ร้องขอความตายงั้นหรอ?”
เสี่ยวรุ่ยส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง
“ไหนลองบอกเหตุผลมาสิ”
“ฉะ..ฉันสามารถให้เงินแกได้ ฉันสามารถแนะนำแกให้ตระกูลอลูเมร่าได้!”
“ฉันดูเหมือนคนที่ต้องการอะไรพวกนั้นงั้นหรอ?”หานเซี่ยวชี้ปืนใส่ตัวเอง
เสี่ยวรุ่ยกลืนน้ำลายอย่างตื่นตระหนก สมองเขาขบคิดและไตร่ตรองว่ามีอะไรที่สามารถกระตุ้นหานเซี่ยวได้ ทันใดนั้นสายตาเฉียบแหลมของหานเซี่ยวก็เหลือบไปเห็นกระเป๋านูนของเสี่ยวรุ่ย เขาเอื้อมมือออกไปและหยิบกระดาษออกมา มันเป็นกระดาษค่าหัวสำหรับซีโร่-ตัวเขานั่นเอง
ทำไมพวกอลูเมร่าถึงถือใบค่าหัวฉัน?
หานเซี่ยวขมวดคิ้ว เล่นกับกระดาษในมือ และจ้องมองเสี่ยวรุ่ยเงียบๆ ในที่สุดเสี่ยวรุ่ยก็เห็นสิ่งที่กระตุ้นความสนใจเขา เสี่ยวรุ่ยรู้สึกชื่นใจและรีบบอกทุกอย่าง
“หานเซี่ยว?ซีโร่?ตระกูลอลูเมร่า!?”
หลังได้ยินข้อมูล หานเซี่ยวก็แข็งค้าง
เขาไม่รู้ว่าตัวตนดั้งเดิมเขามาจากตระกูลอลูเมร่า!
“..แกไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?”
เสี่ยวรุ่ยส่ายหัวไปมา ปีศาจทมิฬดูเหมือนจะสนใจซีโร่ เขาไม่สนใจถึงเหตุผล ทั้งหมดที่เขารู้คือโอกาสรอดชีวิต ดังนั้น เขาจึงไม่กล้าปกปิดอะไรและพยายามนำคอมพิวเตอร์ในรถออกมาเพื่อแสดงรูปภาพ
รูปภาพแสดงให้เห็นหานเซี่ยวตอนยังหนุ่มก่อนจะถูกองค์กรต้นกำเนิดเอาตัวไป มีหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายทุกประเภทจากตระกูลอลูเมร่า หานเซี่ยวไม่สงสัยตัวตนเขาอีก
งั้น นี่ก็หมายความว่าฉันมีพ่อเลี้ยงและพี่น้องหลายคน?
ความรู้สึกของหานเซี่ยวซับซ้อน เขาคิดอยู่เสมอว่าเขาไม่ต้องกังวลอะไรในโลกนี้ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีสายสัมพันธ์เช่นนี้
อลูเมร่าเป็นครอบครัวเขา หานเซี่ยวมองดูเสี่ยวรุ่ย คนๆนี้คือครอบครัวฉันด้วย?
ตระกูลอลูเมร่า ขุนศึกที่ทรงอำนาจมากสุดในทวีปเหนือ ผู้นำคนที่สอง เสี่ยวจินคือพ่อแท้ๆของร่างกายนี้ ตระกูลพวกเขาถือว่าทรงอำนาจมาก...
หานเซี่ยวไตร่ตรอง
หัวใจของเสี่ยวรุ่ยจุกแน่น เขารู้สึกเหมือนนักโทษที่กำลังรอคำตัดสิน
“แกไปได้”หานเซี่ยวพูดเบาๆ
เสี่ยวรุ่ยไม่กล้าเชื่อ เขายืนขึ้นด้วยสองขาที่สั่นสะท้านและวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม เขาหันไปมองและเห็นหานเซี่ยวยืนนิ่ง
เขารอดตาย!
เขาไม่คิดแก้แค้นอะไร เขาไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับปีศาจทมิฬอีก เขาเหยียดขาและวิ่งเพื่อชีวิต
ทันใดนั้น มันกลับมีความเจ็บปวดที่หลังหัวเขา!
เสี่ยวรุ่ยสูญเสียการควบคุมร่างกาย หน้าเขาทิ่มลง เหมือนสุนัขกำลังกินอุจจาระ รูม่านตาขยายและสีหน้าก็ดูสับสน
เกิดอะไรขึ้นกับฉันกัน?
หนาวมาก...
นี่คือความคิดสุดท้ายของเสี่ยวรุ่ยบนโลกนี้
มีรูกระสุนลึกที่ด้านหลังหัวของเสี่ยวรุ่ย
หานเซี่ยวเก็บอินทรีคลั่งกลับ ใบหน้าเขาไร้อารมณ์ หลังคิดอยู่นาน เขาก็ยังตัดสินใจฆ่าเสี่ยวรุ่ย
อลูเมร่ามีสายสัมพันธ์กับหานเซี่ยวคนเดิม แต่น่าเสียดายที่ชายคนนั้นตายไปแล้ว หานเซี่ยวคือหานเซี่ยว ไม่ใช่ใครอื่น ถึงแม้หานเซี่ยวคนเก่าจะยังมีสายสัมพันธ์ทางสายเลือด หานเซี่ยวก็ไม่คิดว่าตระกูลอลูเมร่าเป็นครอบครัวเขา ยังไงก็ตาม หานเซี่ยวคนเก่าถูกฆ่าโดยพี่ใหญ่เขา
เขาไม่คิดสืบทอดความสัมพันธ์ของหานเซี่ยวคนเก่า สำหรับคน ตระกูลอลูเมร่าเป็นแค่คนแปลกหน้า และก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
ฉันจะฆ่าเมื่อจำเป็น!
บางทีหานเซี่ยวอาจได้รับการสนับสนุนจากตระกูลอลูเมร่าโดยใช้ตัวตนเดิม แต่ด้วยสถานะปัจจุบัน เขาไม่ต้องยอมจำนนและพึ่งพาใคร
จุดสำคัญสุดคือเขาไม่ต้องการทำเช่นนั้น
ครอบครัวฉัน...ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้
เขาจุดไฟเผาศพ หันหลังกลับ และเดินออกไป เปลวไฟโชติช่วงช่วยดึงเงาเงียบเขาให้ยาวไกลขึ้น
ปล.เท่จังเลยพี่หาน