เทพกระบี่มรณะ - 301
เทพกระบี่มรณะ - 301
ตอนที่ 301: ความน่าสะพรึงกลัวของผนึกสมบัติภูเขา
"ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรู้เกี่ยวกับเรื่องผนึกสมบัติภูเขาที่ตระกูลชิของเราครอบครองเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน" ชิเซียงกรานหัวเราะอย่างลึกลับ
ทันทีที่วางคันธนูกลับไปที่ด้านหลัง หญิงสาวก็วิ่งต่อไปก่อนที่จะหันหน้าไปหาเจี้ยนเฉินและเรียกเขาว่า " เจ้าทึ่ม เราต้องวิ่ง ! " ในขณะที่นางร้องตะโกนใส่เขา นางก็วิ่งหนีไปไกลด้วยท่าทางตกใจ
เจี้ยนเฉินมองหญิงสาวที่โวยวายด้วยความสับสน เขางงมาก ก้อนเหล็กในมือของชิเซียงกรานมีพลังที่น่ากลัวแฝงอยู่หรือ ?
แม้จะสับสนด้วยความไม่รู้ว่ามันมีความลับอะไรซ่อนอยู่ เจี้ยนเฉินก็ยังหันหลังกลับและเริ่มวิ่งหนีจากชิเซียงกรานอย่างไม่ลังเล
"หืมม ข้ามีผนึกสมบัติภูเขา เจ้าไม่ควรคิดที่จะหลบหนี ! " ใบหน้าของชิเซียงกรานขุ่นเคืองเมื่อเขาโยนก้อนเหล็กขึ้นไปในอากาศ
ทันทีที่มันลอยขึ้นไปในอากาศ ก้อนเหล็กก็เริ่มเปลี่ยนเป็นผนึกภูเขาเส้นรอบวงยาว 100 เมตรขณะที่มันบินไปที่หัวของเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึง
ดวงตาของเจี้ยนเฉินเบิกกว้างขณะที่เขาจ้องเขม็งไปที่ฐานสีดำสนิทของของผนึกภูเขา เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น เขาสาบานได้ว่าเขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน
"วัตถุแปลกประหลาดนี้คืออะไร ? " เจี้ยนเฉินคิดด้วยความตกใจและอยากรู้อยากเห็น
อย่างไรก็ตามผนึกภูเขาที่ลอยอยู่นั้นไม่ได้ให้เวลาเจี้ยนเฉินคิด และในเวลาต่อมาก็มีแรงกดดันลงมาที่เขาอย่างมาก
หลังจากที่ไตร่ตรองถึงความประหลาด ในที่สุดเขาก็ได้ค้นพบความลับเบื้องหลังผนึกภูเขา สิ่งนี้ใช้สำหรับบดขยี้คน หากใครก็ตามที่ถูกทุบด้วยสิ่งนี้ พวกเขาก็จะได้รับบาดเจ็บ
เจี้ยนเฉินรีบวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว ผนึกภูเขาที่มีเส้นรอบวงยาว 100 เมตรรวดเร็วมากก่อนที่เจี้ยนเฉินจะวิ่งออกไปด้านนอก 20 เมตร ผนึกภูเขาก็ตกลงไปที่หัวของเขา
เจี้ยนเฉินคำรามออกมา เขานำอาวุธเซียนของเขาขึ้นมาต่อสู้กับผนึกภูเขาด้วยความหวังว่าจะชะลอความเร็วของมันลงได้
ผนึกภูเขามีพลังมากกว่าที่เจี้ยนเฉินใช้ไป มันกระแทกร่างของเจี้ยนเฉินลงสู่พื้นดินพร้อมกับเสียงดังปัง เกิดรอยหลุมลึกที่ไม่น่าเชื่อ
ข้างหน้าหญิงสาวที่หันมามองตกใจมากเมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินถูกทับลงบนพื้น นางเอะอะ หยุดวิ่งแล้วพูดสบถออกมาดัง ๆ ทันทีว่า "เจ้าโง่ขนาดนี้ได้ยังไง ? ข้าบอกให้เจ้าวิ่ง แต่เจ้ายืนเซ่ออยู่ตรงนั้นเหมือนคนโง่ การตายของคนโง่เขลา ! นั่นคือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ ! "
"หืมม เจ้ากล้าต่อต้านตระกูลชิของเรา นี่คือที่ที่เจ้าต้องจากไปจากโลกและตายเหมือนขอทาน" ชิเซียงกราน ถ่มน้ำลายใส่ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่ปล่องหลุมลึก ความแข็งแกร่งของผนึกสมบัติภูเขานั้นสามารถมองเห็นได้ชัดเจน นับตั้งแต่ตระกูลชิครอบครองมัน มันก็ถูกตั้งไว้ในห้องสมบัติที่ปลอดภัยของพวกเขา ตำนานของมันส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนถึงตอนนี้ ความแข็งแกร่งของมันไม่สามารถจินตนาการได้และไม่เคยมีเซียนปฐพีคนไหนที่สามารถเอาชีวิตรอดได้แม้แต่คนเดียว
ชิเซียงกรานยกมือขึ้นทำให้พื้นข้างหน้าเขาเริ่มสั่น ทันใดนั้นผนึกภูเขายักษ์ก็ถูกยกขึ้นจากพื้น มันหดกลับลงมาเป็นขนาดเท่ากำปั้นและร่อนลงในมือของเขา
หลังจากเก็บผนึกสมบัติภูเขา ชิเซียงกรานก็หันกลับไปหาคนตาย ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างหลังเขา เขาดึงเข็มขัดมิติออกมา จากนั้นเขาก็หันไปไล่ตามหญิงสาว
เมื่อผนึกภูเขาออกจากปากปล่องหลุมเพื่อกลับไปยังชิเซียงกราน ทันใดนั้นร่างที่มอมแมมไปด้วยโคลนก็บินออกจากหลุมเหมือนสายฟ้าฟาดและแทงชิเซียงกราน พร้อมกับปราณกระบี่
ชิเซียงกรานรู้สึกตกใจอย่างมาก แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในฐานะเซียนปฐพี เขาสามารถตอบโต้ได้ทันเวลา เขาถือหอกยาวไว้ข้างหน้าเป็นแนวป้องกันที่ทำให้ตัวเขาอยู่ห่างจากกระบี่ เมื่อมีหอกมาสกัดกั้น กระบี่สีเงินจึงถูกผลักกลับไปอย่างต่อเนื่องและห่างออกไปจากร่างกายของเขา
"เจ้า ! ทำไมเจ้ายังไม่ตาย ? " ชิเซียงกรานร้องออกมาขณะที่เขามองดูร่างเปื้อนโคลน ผลลัพธ์ประเภทนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดว่าจะได้เห็น
เจี้ยนเฉินที่มอมแมมไปด้วยโคลนถอนหายใจด้วยความผิดหวังเมื่อเห็นว่าการโจมตีของเขาถูกหอกกระแทกกลับมา เขาคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็วและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ชิเซียงกรานพูดจาเย้ยหยันเมื่อเห็น "เจ้าคือเซียนปฐพีคนแรกที่ไม่ได้ตายจากผนึกสมบัติภูเขา จงภูมิใจในความสำเร็จนั้น ดูเหมือนว่าผนึกภูเขาจะทำให้เจ้าบาดเจ็บสาหัส เช่นนั้นข้าขอใช้ผนึกภูเขาอีกครั้งเพื่อจบชีวิตของเจ้า เซียนปฐพีคงไม่สามารถทนการถูกตีครั้งที่สองได้ ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ควรเสียใจกับการตายในครั้งนี้"
เจี้ยนเฉินหรี่ตาลง เมื่อได้รับบทเรียนแล้ว เขาก็เริ่มถอยหลังอย่างรวดเร็ว
ผนึกสมบัติภูเขาขยายใหญ่ขึ้นทันทีก่อนที่จะพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉิน ความกดดันที่ท่วมท้นจากผนึกภูเขาเกือบจะทำให้เจี้ยนเฉินหายใจไม่ออก หลังจากถูกผนึกภูเขาทุบ 1 ครั้ง เจี้ยนเฉินก็เข้าใจทันทีว่าผนึกภูเขาประหลาดนี้แข็งแกร่งแค่ไหน หากเขาถูกทุบอีกครั้งมันจะจบชีวิตของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ตายทันที เขาก็คงเหลือลมหายใจเพียงไม่กี่อึดใจ
"ให้ตายสิ มันเป็นวัตถุชนิดใด ทำไมมันถึงแข็งแกร่งมาก ? และทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย" เจี้ยนเฉินสาปแช่งเมื่อเขามองดูผนึกภูเขาขนาดใหญ่ที่พุ่งมาหาเขา แม้ตอนที่เขาอยู่ในหอหนังสือของสำนักคากัต เขาไม่เคยเห็นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
ผนึกสมบัติภูเขาบินด้วยความเร็วสูง และด้วยอาการบาดเจ็บของเจี้ยนเฉิน เขาจึงไม่สามารถวิ่งได้เร็วเหมือนเมื่อก่อน นี่หมายความว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะผนึกภูเขาได้ ตอนนี้เมื่อเขาเหลือบมองกลับไป ผนึกภูเขาก็เข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว
"วูช วูช วูช ! "
ทันใดนั้นก็มีเสียงของไฟจำนวนมากในขณะที่ลูกศรสีทองจำนวนหนึ่งบินผ่านอากาศและพุ่งไปโจมตีผนึกภูเขา
"ปัง ! "
หลังจากเสียงดังปัง ผนึกภูเขาเริ่มสั่นคลอนก่อนที่จะพุ่งไปหาเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วที่ลดลงเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าผนึกภูเขากำลังจะจบชีวิตของเจี้ยนเฉิน หญิงสาวสวมชุดเหลืองจึงหยุดวิ่งทันทีและดึงคันธนูยาวออกมาเพื่อยิงผนึกภูเขาอย่างรวดเร็ว ลูกศรแต่ละดอกได้ช่วยซื้อเวลาให้เจี้ยนเฉินวิ่งหนีจากชิเซียงกรานได้อีกครู่หนึ่ง
" เจ้ามันหญิงน่ารังเกียจ ! รอจนกว่าข้าจับตัวเจ้าได้ ข้าจะทรมานเจ้าจนตายแน่นอน ! " ชิเซียงกรานจ้องมองหญิงสาวด้วยท่าทางที่โกรธแค้นขณะที่เขาคำรามและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความฉุนเฉียว
"เจ้าทึ่ม รีบมาตรงนี้ ! " หญิงสาวไม่สนใจชิเซียงกรานและร้องบอกให้เจี้ยนเฉินตามนางไป
หลังจากได้ยินหญิงสาวผู้นั้น เจี้ยนเฉินจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เขาพุ่งไปหานางทันทีในขณะที่ผนึกภูเขาตามมาติด ๆ
นางยังคงดึงสายธนูต่อไปและลูกศรหลายดอกก็ยังคงบินไปที่ผนึกภูเขา ทำให้เกิดการระเบิดหลายครั้งจนสั่นสะเทือน
ด้วยความช่วยเหลือของหญิงสาว ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็หนีออกห่างจากผนึกภูเขาได้และไปถึงที่ที่หญิงสาวผู้นั้นอยู่
"เร็วเข้า ! ผนึกสมบัติภูเขานั้นแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ! หากมันทุบเซียนสวรรค์ พวกเขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก! ดีที่พลังของชิเซียงกรานนั้นไม่สูงมาก มิฉะนั้นเขาจะสามารถใช้ผนึกภูเขาได้อย่างเต็มศักยภาพ ! " ผู้หญิงคนนั้นร้องตะโกนขณะที่นางยังคงยิงลูกศรใส่ผนึกภูเขาในขณะที่นางถอยหลัง
ความได้เปรียบของผนึกสมบัติภูเขานั้นน้อยลงเมื่อลูกศรแต่ละดอกที่นางยิงไปยังคงระเบิดอยู่ ในเวลาเดียวกันนางและเจี้ยนเฉินก็ยังคงวิ่งหนี หลังจากห่างออกมาพอสมควร หญิงสาวเล็งธนูไปที่ชิเซียงกราน แม้ว่าลูกศรของนางจะไม่สามารถทำร้ายเขาได้ แต่ลูกศรที่ระเบิดได้ก็ยังป้องกันเขาจากการเคลื่อนไปข้างหน้า
"ผนึกสมบัติภูเขาอยู่ห่างจากเขาได้ไม่เกิน 50 เมตร ไม่เช่นนั้นมันจะควบคุมไม่ได้" หญิงสาวอธิบายให้เจี้ยนเฉินฟังราวกับว่านางคุ้นเคยกับมันมาก
ในขณะที่ทั้งสองวิ่งไปไกลออกไปเรื่อย ๆ ชิเซียงกรานมองเห็นพวกเขาได้จากระยะไกลในขณะที่ถูกโจมตีด้วยลูกศร ในที่สุดพวกเขาก็หายตัวไปจากสายตา
2 ชั่วยามต่อมา เจี้ยนเฉินและหญิงสาวก็มาหยุดอยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตรและพบถ้ำบนภูเขาเพื่อหลบภัย ถ้ำไม่ใหญ่เกินไปและยังมีร่องรอยของใครบางคนขยายหลุม
มีเสียงแตกเป็นครั้งคราวจากกองไฟเล็ก ๆ ที่ส่องสว่างในถ้ำ เจี้ยนเฉินเอนตัวลงบนพื้นอย่างหมดแรงและหน้าซีด ก่อนอื่นเขาได้รับบาดเจ็บจากลูกศรของหญิงสาวตอนที่ต่อสู้กับนาง จากนั้นก่อนที่ร่างกายของเขาจะหายจากบาดแผลเก่า เขาก็ถูกผนึกภูเขาขนาดใหญ่ทุบจนจมลึกลงไปในพื้นดิน สิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเขามีบาดแผลมากกว่าที่เคย มันร้ายแรงจนอาจปลิดชีวิตของเขาได้ ตอนนี้ร่างกายทั้งหมดของเขาถูกบดขยี้และบาดเจ็บสาหัส หากเซียนธรรมดาทั่วไปถูกผนึกสมบัติภูเขาทุบ พวกเขาต้องตายอย่างแน่นอน
สามารถได้ยินเสียงของเสื้อผ้าที่ฉีกขาดเมื่อหญิงสาวฉีกเสื้อและปิดแผลที่แขนของนางหลังก้อนหินขนาดใหญ่ คันธนูยาวยังคงอยู่บนหลังของนางเพื่อความปลอดภัย
"แค่ก ! " เจี้ยนเฉินไอสองครั้งพร้อมกับเลือดเต็มปากพุ่งออกมา. ด้วยการบาดเจ็บในปัจจุบัน เขาจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด. อย่างไรก็ตามเมื่อมีหญิงสาวอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่สามารถใช้พลังเซียนธาตุแสงรักษาตัวเองได้ หากเขาใช้มัน ความลับของเขาก็จะถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน
เจี้ยนเฉินไม่ต้องการให้ความลับของเขาเกี่ยวกับพลังเซียนธาตุแสงถูกเปิดเผย เนื่องจากทุกคนรู้ว่าเซียนธาตุแสงไม่มีความสามารถในศิลปะการต่อสู้ อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาอ่อนแอมาก เนื่องจากเขาเป็นเซียนปฐพีและความถนัดของเขาเกี่ยวกับพลังเซียนธาตุแสงนั้นไม่เลวเลย เรื่องนี้จะมีปัญหามากมายสำหรับเขาถ้ามันถูกเปิดเผย หากเขาต้องอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างเงียบ ๆ และพยายามที่จะโคจรพลังเซียนภายใน เขาจะหายเร็วขึ้นมาก
ในขณะนั้นหญิงสาวคนนั้นก็ออกมาจากข้างหลังหิน เมื่อมองดูเจี้ยนเฉินที่เต็มไปด้วยโคลน ดวงตาของนางเผยให้เห็นถึงความกังวลก่อนที่นางจะปกปิดมัน นางถือขวดหยกสีขาวและกล่าวว่า "นี่เป็นโอสถรักษาที่เป็นความลับของครอบครัวข้า ใช้มันสิ"