เทพกระบี่มรณะ - 240
เทพกระบี่มรณะ - 240
ตอนที่ 240: วัฏจักรทั้ง 6 ของเซียนปฐพี
ผู้เฒ่าทั้งสองยังคงพูดคุยกันเบา ๆ ต่อไป แต่ทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ได้ยินถึงคำพูดของพวกเขา
"หา ? เด็นคนนั้นคือเจี้ยนเฉินเช่นนั้นหรือ ? เขา...ยังเด็กมากแล้วเขาจะแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร ? เจ้าเคยเห็นเด็กคนไหนมีพลังมาขนาดนี้หรือไม่ ? " ชายคนหนึ่งพูดด้วยความกลัว
"ถูกต้อง เขาดูอายุน้อยจริง ๆ และมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร"
หลังจากที่ได้ทำลายตระกูลหลักไปสองวัน ทุกคนต่างก็ตระหนักถึงชื่อของเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตามด้วยการบุกโจมตีของสัตว์อสูร ทำให้พวกเขากังวลเกี่ยวกับพวกมันและลืมเกี่ยวกับตระกูลไปเลย นี่คือจุดที่พวกเขาต้องรอดหรือตาย และมันก็ทำให้พวกเขาต่างก็ลืมเกี่ยวกับตระกูลเทียนซ่งและตระกูลโจวซึ่งก็ไม่ได้คุ่มค่าแก่การใส่ใจอีกและพวกเขาก็กลับเข้าสู่ความวุ่นวายอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เมื่อชื่อของเจี้ยนเฉินไม่ได้ถูกพูดมาเป็นเวลานานทำให้พวกเขาคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นได้ค่อนข้างช้า
"นั่นก็ไม่อาจบอกได้ว่าใช่" ชายร่างสูงคนหนึ่งพูดอย่างเหยียดหยาม "ข่าวลือพวกนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมาก พวกเราไม่เคยเห็นเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่สำหรับข้า ข้าแน่ใจว่าข่าวลือเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งและบางส่วนก็อาจเกินจริงเกินไป ลองดูสิ ! เขาดูอายุน้อยแค่ไหน เขาดูไม่เกิน 20 ปีด้วยซ้ำ ใครบางคนบอกได้ไหมว่าเด็กที่อายุเพียงเท่านี้จะสามารถฝึกฝนอย่างไรถึงได้ทรงพลังขนาดนี้ ? บางทีเขาอาจจะเริ่มบ่มเพาะตั้งแต่ในครรภ์มารดา ? เราไม่อาจพูดได้ไม่เต็มปากว่าการที่ตระกูลโจวและตระกูลเทียนซ่งถูกทำลายเพราะเขาเพียงคนเดียวหรือมีคนอื่นสักสองสามคนมาช่วยเขา"
คนอื่น ๆ เริ่มพยักหน้าให้กับสิ่งที่ชายคนนั้นพูดอย่างมีเหตุผลและมีเหตุผลรองรับ ข่าวลือมันก็ยังเป็นข่าวลือ แต่ละคนก็ได้ฟังสิ่งเหล่านี้มากและมันก็มีข่าวลือที่หลากหลาย แต่ก็มีเพียงความจริงแค่นิดเดียวหรือแม้กระทั่งครึ่งเดียวเสียส่วนใหญ่
เมื่อได้ยินทั้งกลุ่มพยายามคาดเดาความจริง หยุนหลีก็อดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ในขณะเดียวกันร่างกายของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหวและสะท้านชั่วคราว เขาเสียใจที่ว่าเขาไม่ได้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน แต่เขารู้ว่าเหตุการณ์เกี่ยวกับตัวเขาและทูตในสวนเมื่อไม่นานมานี้ มันทำให้ทั้งทูตและตัวเขาต้องเสียหน้าครั้งใหญ่ นี่จึงเป็นสิ่งที่หยุนหลีไม่เต็มใจที่จะบอกกล่าวให้กับกลุ่มคนนั้นฟัง
เจี้ยนเฉินเดินไปหาทูตด้วยรอยยิ้มทันที "ไม่ว่าจะสามารถป้องกันเมืองเวคได้หรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านทูตทั้งสอง"
คาตาต้าทำได้แค่เพียงหัวเราะขณะที่มองไปทางเจี้ยนเฉินด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ทุกคนอยากจะเป็นสหายของเขา
"เจี้ยนเฉิน เนื่องจากข้าแก่กว่าเจ้า ข้าจะเรียกเจ้าว่าน้องเจี้ยนเฉิน มันจะมากเกินไปหรือไม่ ? " คาตาต้าถามออกมา
"แน่นอนว่ามันไม่ได้มีปัญหาอะไร" เจี้ยนเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าคาตาต้าจะยิ้มให้เขาแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงระวังตัวอยู่ จากที่ผ่านสำหรับคาตาต้าถ้าท่าทีของเขามันเป็นความรู้สึกที่แท้จริง เขาย่อมเป็นคนที่น่าคบหา อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าความเสแสร้งจอมปลอม ชายคนนี้แข็งแกร่งเพราะฉะนั้นเขาควรจะระวังและป้องกันเอาไว้
คาตาต้ามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างใกล้ชิด "น้องเจี้ยนเฉิน ถึงแม้ว่าน้องชายและข้าจะเป็นเซียนปฐพี ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับ 5 ก็ยังเป็นสิ่งที่เราคาดไว้แล้ว แม้ว่าเราสองคนจะร่วมมือกันเพื่อฆ่าสัตว์อสูร มันก็ยังคงเป็นเรื่องยาก ข้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าน้องชายจะยื่นมือเข้าช่วยในคราวนี้"
เจี้ยนเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม "ท่านทูตทั้งสองต้องล้อข้าเล่นแล้ว ข้าเป็นแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษเท่านั้น ข้าจะสู้กับสัตว์อสูรระดับ 5 ได้อย่างไร การทำอย่างนั้นมันก็เหมือนกับเป็นการเอาชีวิตน้อย ๆ ของข้าไปทิ้ง" แม้ว่าเขาจะบอกอย่างนั้น หัวใจของเจี้ยนเฉินก็ยังไม่อาจห้ามความกระหายที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ 5 ได้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ด้วยว่าความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่อาจเทียบได้นอกจากว่าจะใช้ปราณกระบี่ม่วง-ฟ้า
"น้องชาย เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ ในสวนนั้นเจ้าได้ระเบิดพลังที่แท้จริงของเจ้าออกมา มันทำให้ข้าและน้องชายรู้สึกหวาดกลัว แม้แต่ตอนนี้ร่างกายของข้ายังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ ถ้าน้องชายใช้พลังเช่นเดียวกับที่ใช้กับพวกข้า ข้าก็มั่นใจว่าสัตว์อสูรระดับ 5 จะต้องตายด้วยมือเจ้าแล้ว" คาตาต้าพูด
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างขมขื่นบนใบหน้าของเขา "ทูตอาวุโส พลังที่มากมายเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะควบคุมได้ อย่างไรก็ตามข้าจะพยายามให้มากเพื่อปกป้องเมืองเวคจากคลื่นสัตว์อสูร"
"ฮ่าฮ่า ตราบใดที่เจ้าพูดอย่างนั้น หัวใจของข้าก็ผ่อนคลายอย่างแท้จริง" คาตาต้าพูดอย่างโล่งอก
เมื่อสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงของเขา เจี้ยนเฉินก็พูดต่ออย่างรวดเร็ว "ท่านทูต ด้วยการที่ท่านทั้งสองอยู่ที่นี่ คลื่นสัตว์อสูรจะไม่มีปัญหาถูกต้องหรือไม่ ? "
เมื่อได้ยินอย่างนั้น คาตาต้าก็ถอนหายใจ "จริง ๆ ก่อนหน้านี้ ข้าไม่คิดว่าสัตว์อสูรระดับ 5 จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้ แต่ตอนนี้ข้าได้มายืนอยู่ตรงนี้ ข้าก็ไม่อาจดูถูกมันได้เลย"
ท่าทีของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเช่นกัน "เป็นไปได้หรือไม่ที่สัตว์อสูรระดับ 5 จะจัดการได้ยากแม้กระทั่งหากท่านทูตทั้งสองร่วมมือกัน" เขาถามด้วยความประหลาดใจ
"ถูกต้อง ! " รอยยิ้มของคาตาต้าหายไปอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเป็นจริงจัง "เมื่อน้องชายและข้าได้มาถึงที่นี่ พวกเราทั้งคู่ก็ตรวจพบถึงการกดดันต่อพวกเราทั้งคู่ ! "
คาตาต้าพูดด้วยน้ำเสียงที่สม่ำเสมอ แต่มันก็เหมือนกับเสียงของฟ้าร้องสำหรับเจี้ยนเฉิน เขาไม่อาจช่วยอะไรได้ ทำได้แต่เพียงประหลาดใจอย่างมาก เขาพูดพึมพำกับตัวเองว่า "เป็นไปได้อย่างไร สัตว์อสูรระดับ 5 มีความแข็งแกร่งมากเสียจนทูตทั้งสองไม่อาจต่อกรได้ ? สัตว์อสูรตัวนั้นมันแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ? "
คาตาต้ายิ้มอย่างขมขื่น "น้องเจี้ยนเฉิน ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้ถึงการจัดระดับของเซียนปฐพีอย่างพวกเรา งั้นข้าจะอธิบายให้ฟัง" เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อมา "เซียน, เซียนระดับสูง, เซียนผู้เชี่ยวชาญและเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษทั้งหมดจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้น คือขั้นต้น, ขั้นกลางและขั้นสุดยอด หลังจากที่ก้าวเข้ามาเป็นเซียนปฐพีแล้วมันจะมีการจำแนกถึง 6 ขั้นด้วยกัน เราเรียกพวกมันเหล่านี้ว่าวัฎจักรทั้ง 6 วัฎจักรแรกจะอ่อนแอที่สุดและวัฏจักรที่ 6 จะสูงที่สุด ในกรณีที่ผ่านไปทั้ง 6 วัฎจักรแล้วเจ้าก็จะกลายเป็นเซียนสวรรค์"
"น้องชายข้า คาต้าเฟยและตัวข้าเองอยู่ในวัฏจักรที่ 2 เท่านั้น สำหรับสัตว์อสูรระดับ 5 ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ข้าสงสัยว่ามันอยู่ในวัฏจักรที่ 4 เป็นอย่างน้อย มีความเป็นไปได้ว่ามันอยู่ในวัฏจักรที่ 5 ซึ่งแข็งแกร่งกว่าข้าและน้องชายข้ารวมกันหลายเท่า"
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินจริงจังมากเมื่อเขาไ ้ฟังสิ่งที่คาตาต้าพูด เมื่อคาตาต้าพูดถึงการแบ่งย่อยออกมาของเซียนปฐพี เขาก็สงสัยไม่ได้ว่าสัตวอสูรระดับ 5 ที่พบในป่านั้นแข็งแกร่งแค่ไหน