เทพกระบี่มรณะ - 231
เทพกระบี่มรณะ - 231
ตอนที่ 231:เล็ง
"อะไรนะ? สัตว์อสูรระดับ 5 ? " ข่าวใหม่นั้นทำให้ทั้งห้องเงียบโดยทันที ทันใดนั้นใบหน้าของหยุนหลีก็ซีดเซียวขณะที่เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ ด้วยการขยับเพียงครั้งเดียวเขาก็มาถึงตัวของทหารรับจ้างที่มาบอกข่าวและกำเสื้อของเขาทั้งสองมือและพูดอย่างไม่เชื่อว่า "เจ้าพูดว่าอะไร เจ้าเห็นสัตว์อสูรระดับ 5 จริง ๆ หรือ ? " คำพูดของหยุนหลีแทบจะกลายเป็นตะโกน
"ชะ-ใช่แล้ว ใต้เท้า เราเจอสัตว์อสูรระดับ 5 ในเทือกเขาสัตว์อสูร" เสียงของทหารรับจ้างเริ่มสั่นสะท้านใบหน้าของเขาซีดเผือด
แม้แต่ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็กลายมามืดครึ้มเมื่อเขาได้ยินคำว่าสัตว์อสูรระดับ 5 สัตว์อสูรระดับ 5 เทียบได้กับเซียนปฐพีในด้านพลังกำลัง แต่พวกมันมีความเหนือกว่าโดยธรรมชาติของมันและสามารถต่อสู้กับคนเหล่านั้นได้สบาย ๆ หากไม่มีใคนที่มีทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากพอ พวกเขาก็ไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับสัตว์อสูรระดับ 5 ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้เมืองเวคยังไม่ได้เป็นเมืองที่มีเซียนปฐพีมาแวะบ่อย ๆ กับสัตว์อสูรระดับ 5 นั้นก็เกือบจะเป็นตัวตนที่ไร้คู่ปรับโดยสิ้นเชิง
สัตว์อสูรระดับ 5 เป็นเหมือนกับเซียนปฐพี มันก็เหมือนกับสัตว์อสูรระดับ 4 ที่เทียบเท่ากับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ มันมีการแบ่งแยกที่ชัดเจนราวกับโลกและสวรรค์ หากจะเปรียบว่าความแข็งแก่งของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษกับเซียนปฐพี มันก็เปรียบเสมือนเซียนระดับสูงขั้นสุดยอดที่กำลังมองไปยังเซียนขั้นต้นที่พึ่งจะควบรวมอาวุธเซียนได้ มันจะต้องเป็นความพ่ายแพ้อย่างแน่นอนสำหรับเซียนระดับล่าง ๆ และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะชนะ
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเคยฆ่าสัตว์อสูรระดับ 5 ทั้ง 2 ในเทือกเขาสัตว์อสูร แต่สัตว์อสูรเหล่านั้นต่างก็อยู่ในสภาวะที่บาดเจ็บอย่างร้ายแรง ชีวิตของพวกมันต่างแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องจ่ายออกไปมากมายเพื่อที่จะฆ่าพวกมันทั้งสอง
เจี้ยนเฉินไม่สงสัยเลยว่าสัตว์อสูรระดับ 5 ในสภาพสมบูรณ์นั้นต้องแข็งแกร่งกว่าเซียนปฐพีที่เคยไล่ตามเขาจากเมืองฟินิกซ์เสียอีก อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของสัตว์อสูรระดับ 5 นั้นทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมาก นั่นก็เพราะว่าเขามีจิตกระบี่วิญญาณสีม่วง-ฟ้า คอยช่วยเหลือและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาหลายต่อหลายครั้ง เขามั่นใจว่าพลังของเขาเพียงพอที่จะจัดการสัตว์อสูรระดับ 5 ขั้นสุดยอดได้ ตราบใดที่เขาไม่พบสัตว์หายากอย่างอสรพิษทองริ้วเงิน
"โอ้ ไม่ ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ กำลังแย่ลงเรื่อย ๆ เมื่อได้เห็นสัตว์อสูรระดับ 5" หยุนหลีพูดด้วยใบหน้าที่แข็งกระด้วง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันก่อนที่จะพึมพำว่า"ไม่ว่าสิ่งนี้จะจริงหรือไม่ เมืองเวคของเรานั้นก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะป้องกันการโจมตีของสัตว์อสูรระดับ 5 ข้าต้องขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรทันที ไม่อย่างนั้นเมืองเวคจะต้องได้รับความเสียหายอย่างมาก"
ถึงตอนนี้ไม่มีความลังเลใด ๆ จากหยุนหลี ขณะที่เขาเดินออกไปข้างนอกทันทีโดยไม่หันกลับมามองเจี้ยนเฉิน สัตว์อสูรระดับ 5 เป็นศัตรูที่ร้ายกาจและมีอันตรายถึงชีวิตต่อทุกคนในเมืองเวคแน่นอนและมันไม่อาจรอได้ ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้สิ่งแรกที่ต้องได้รับการแก้ไขนั้นก็คือต้องมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงบางคนเข้าจัดการกับสัตว์อสูรระดับ 5 ทันที
เจ้ามืองหยุนหลีออกจากห้องไปและเข้าไปในห้องเขียนหนังสือจากนั้นก็เริ่มจับพู่กันและเขียนอักษรลงบนกระดาษทันที หลังจากที่เขาทำเสร็จแล้วเขาก็ม้วนกระดาษก่อนที่จะเก็บไว้ในกระบอกและตามด้วยการมัดด้วยเชือก
"ให้นกส่งสารที่เร็วที่สุดนำสิ่งนี้ไปให้เมืองจักรพรรดิโดยเร็ว ! "
"ครับ ใต้เท้า ! " ทหารคนหนึ่งเข้ามาทันทีและรีบนำสารออกไปจากห้อง
"นี่เป็นคำสั่ง จากนี้เป็นต้นไปการปรากฏตัวของสัตว์อสูรระดับ 5 จะถูกเก็บเป็นความลับจากทุกคน และในขณะเดียวกันก็อย่าออกไปไหนเพียงลำพัง และบอกให้ผู้นำของเหล่าสมาคมทหารรับจ้างสาขาเมืองเวคมาที่นี่ สุดท้ายให้จับดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเทือกเขาสัตว์อสูร" หยุนหลีได้ออกคำสั่งให้กับทหารยามของเขาก่อนที่เขาจะก้าวออกไป
…….
ข่าวการปรากฏตัวของสัตว์อสูรระดับ 5 ทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างตกใจจากรายงานในตอนแรก แต่หยุนหลีไม่ได้ตั้งใจที่จะประกาศสิ่งเหล่านี้ต่อสาธารณชน เขากลัวว่ามันจะมีผู้คนมากมายที่กลัวสัตว์อสูรตัดสินใจที่จะออกจากเมืองเวคเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง หากสิ่งนี้เกิดขึ้นการป้องกันของเมืองเวคจะไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่ต่อกรกับเหล่าสัตว์อสูรที่แห่เข้ามา
ตอนนี้หยุนหลีมีเพียงความหวังเดียว เขาหวังเพียงแค่ว่ามีผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คนที่จะมาช่วยเหลือจากสัตว์อสูรระดับ 5 นี้ หากมันเป็นไปตามนี้พวกเขาก็จะสามารถป้องกันสัตว์อสูรระดับ 5 และพวกเขาก็สามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียและหายนะต่าง ๆ ได้
เจี้ยนเฉินออกจากจวนเจ้าเมืองด้วยตนเอง แม้ว่าสัตว์อสูรระดับ 5 จะมีแรงกดดันมากมาย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขามากนัก ในความเป็นจริงเขาต้องการที่จะแอบรอให้คนมา ในเมื่อปราณกระบี่ม่วง-ฟ้าสามารถทำลายการป้องกันสัตว์อสูรสงครามที่ขึ้นชื่อว่ามีการป้องกันเทียบเท่ากับเซียนปฐพีนั้นได้ราวกับเต้าหู้ มันสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้านี้ทรงพลังมากแค่ไหน ถ้ามันมีความสามารถอย่างนั้นกับสัตว์อสูรสงครามแล้ว มันจะมีผลลัพธ์แบบใดกับสัตว์อสูรระดับ 5 ?
ตามเส้นทางที่อยู่ในความทรงจำของเขา เขาได้กลับไปยังตระกูลไค่ เขารีบเข้าไปในร้านของไค่เอ้อที่จัดสรรที่พักให้กับทหารรับจ้างอัคนีชั่วคราว
ตระกูลไค่เป็นตระกูลเก่าแก่มากว่า 30 ปีและมีข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากคนอื่น ๆ ที่ตระกูลโจวก็ไม่อาจเทียบได้ ดังนั้นจึงไม่ได้มีทหารอารักขาเพียงแค่ 100 คนเท่านั้น ภายใต้การสอดส่องของตระกูลไค่ ทหารอารักขากลุ่มหนึ่งจะทำหน้าที่ลาดตระเวนรอบ ๆ ลานกว้างของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี
นี่คือลานปกติที่มีสามด้านติดกับที่พักและด้านสุดท้ายเป็นประตูหน้า ตรงกลางมีลานหญ้าขนาดใหญ่ที่มีทหารรับจ้างอัคนีเพียงไม่กี่โหลที่กำลังนั่งกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ และพูดคุยกัน
ในเวลานั้นขณะที่เจี้ยนเฉินเข้ามา ทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็เงียบและยืนขึ้นทักทายเขาว่า"หัวหน้า"
เขาจ้องมองไปรอบ ๆ ตัวเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า "เซธ, เต้าคัง,ชาร์คัส โม่เทียนและฉิงเฟิง ทั้ง 5 คนนี้กลับมาแล้วหรือยัง ? "
"หัวหน้า ทั้ง 5 ยังไม่ได้กลับมาเลย ข้าคิดว่าเขากำลังติดต่อกับกลุ่มทหารรับจ้างของตัวเอง" ทหารรับจ้างที่อายุประมาณ 30 ปีกล่าวออกมา
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากด้านหลังของเขา คนรับใช้ของตระกูลไค่ก็วิ่งเข้ามาหาเจี้ยนเฉิน ดวงตาของเขามีท่าทีประหม่าขณะที่เดินเข้ามาใกล้เขาก่อนที่เขาจะหยุดอยู่หน้าเจี้ยนเฉิน "นายท่าน กลุ่มทหารรับจ้างมังกรทองและทหารรับจ้างชาร์..."
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ไค่เอ้อก็โบกมือ "ข้ารู้ เจ้าไปได้"
"ขอรับ นายท่าน"
เจี้ยนเฉินยิ้มให้กับคนรับใช้ก่อนที่จะหันไปหาไค่เอ้อ "ทุกคนเข้าประจำที่ ไค่เอ้อมากับข้า มาดูกันว่าหัวหน้าทหารทั้ง 5 จะทำอะไรให้ข้าประหลาดใจหรือไม่"