เทพกระบี่มรณะ - 196
เทพกระบี่มรณะ - 196
ตอนที่ 196: รอสโก้
แสงสีขาวน้ำนมเข้มถูกห่อหุ้มด้วยพลังเซียนไปตลอดจนทั้งร่างกายของเจี้ยนเฉินทั้งหมด เนื่องจากแสงที่อยู่ด้านนอกค่อย ๆ ไหลซึมเข้ามาในร่างกายของเ เนื้อเยื่อและบาดแผลทั่วร่างกายของเขาค่อย ๆ ฟื้นฟู
เนื่องจากมันเป็นตอนกลางวัน แสงสว่างของธาตุแสงจึงค่อนข้างยากที่จะสังเกต ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงไม่กลัวว่าความลับของเขาจะถูกเปิดเผยเพราะการรั่วไหลของธาตุแสง แม้ว่าจะมีใครบางคนเข้ามาเจี้ยนเฉินก็จะรับรู้ได้ทันที เพราะการเข้ามาของเขาทำให้แสงเกิดเว้าแหว่ง
ตอนนี้พลังวิญญาณของเจี้ยนเฉินได้รับการฟื้นฟูเต็มที่ดังนั้นเมื่อเขาเริ่มควบคุมพลังเซียนธาตุแสง จำนวนเวลาที่เขาใช้เพื่อควบคุมมันได้ก็ไม่ได้นานเหมือนเมื่อก่อนอีกและคุณภาพของพลังเซียนก็เพิ่มขึ้นมาก เมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วยาม เจี้ยนเฉินก็เกือบจะหายดี
อย่างไรก็ตามการใช้พลังเซียนธาตุแสงยังคงต้องมีค่าใช้จ่าย เนื่องจากว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีดังนั้นเมื่อเขาใช้มันแล้วเขาจึงรู้สึกถึงผลข้างเคียงเช่นการเวียนหัวและรู้สึกอยากจะนอนเพียงอย่างเดียว
เจี้ยนเฉินยังคงรักษาตัวเองตลอดทั้งวัน ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเช้าวันที่สองเข้าไปแล้ว เจี้ยนเฉินนอนอยู่บนเตียงอันอบอุ่นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเขา
หลังจากนั้นผู้ชายที่ช่วยเขาเมื่อสองวันก่อนและเห็นว่าตัวของเขานั้นบาดเจ็บมากมายเพียงใด หากเขาต้องการตรวจสอบสภาพในปัจจุบันของเขา มันอาจจะทำให้พลังเซียนของเขาถูกล่วงรู้เอาได้ แม้ว่าจะได้รับการรักษาจากยาที่มีประสิทธิภาพ แต่จากสภาพที่รุนแรงที่เจี้ยนเฉินได้รับมันก็ต้องใช้เวลามากกว่าสองวัน ด้วยเหตุนี้เจี้ยนเฉินจึงไม่ยอมลุกจากเตียงและปกปิดร่างกายของเขาไว้ภายใต้ผ้าห่ม ตราบใดที่เขายังคงเก็บความลับของเขาไว้ได้ ปัญหามันก็จะไม่เกิด
เขารู้ว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหายากมากในทวีปเทียนหยวน หากความลับนี้ถูกเปิดเผย ผู้คนก็จะมาสร้างปัญหาให้เขาตลอด
เจี้ยนเฉินนอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบ ๆ และใช้พลังเซียนธาตุแสง ในช่วงเวลาสองวันที่ผ่านมา ชายคนนั้นได้เข้ามามอบสมุนไพรเพื่อให้เขาใช้รักษา แต่ปัจจุบันเขาได้ใช้พลังเซียนของเขารักษามันหมดแล้ว กระบี่ภายในตันเถียนของเขาก็หม่นแสงและกลายเป็นมืดหม่นเช่นกัน
ตกบ่าย เจี้ยนเฉินก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยเข้ามาในห้อง
"แอ้ด" ในเวลานั้นเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นและชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาโดยหยุดอยู่หน้าเตียงเจี้ยนเฉิน
เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินหลับตา ชายคนนั้นก็เข้ามาสูดลมหายใจและพูด "ไอ๊ หยา เขาหลับไปอีกสองวันโดยไม่ตื่นขึ้นมากินแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ข้าก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน เป็นเรื่องโชคร้ายจริง ๆ ที่หมู่บ้านยากจนแห่งนี้ไม่อาจหายาดี ๆ มารักษาได้"
ชายคนนั้นส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง
"ท่านลุง ! " ทันใดนั้นน้ำเสียงที่อ่อนแรงก็ดังมาจากด้านหลัง ชายคนนั้นหยุดตัวก่อนที่จะหมุนตัวกลับมาเพื่อดูเจี้ยนเฉินและตะโกนออกมาด้วยความดีใจว่า "เจ้าหนู ในที่สุดเจ้าก็ตื่นขึ้นมา ! หลังจากที่เจ้าได้หมดสติไปอีกครั้ง ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว"
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเจี้ยนเฉินก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า "นี่ต้องขอโทษจริง ๆ ข้าทำให้ท่านลุงเป็นห่วงแล้ว"
"ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่เจ้าฟื้นขึ้นมา อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัย ใช่แล้ว ! เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยในสองวันนี้ ข้าแน่ใจว่าเจ้าต้องหิวมากแน่ ๆ ข้าจะนำอาหารมาให้เจ้า" จากนั้นชายคนนั้นก็หันหลังกลับและเดินออกจากห้องอีกครั้ง
ไม่นานชายคนนั้นก็นำอาหารเข้ามาอย่างรวดเร็ว "เราอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดจะหาได้ เนื้อเหล่านี้ก็เป็นของสัตว์ป่าที่เราพบในภูเขา เนื่องจากเจ้าได้รับบาดเจ็บมันจะเป็นเรื่องที่ดีที่เจ้าได้กินเนื้อเพื่อฟื้นฟูร่างกายของเจ้า"
"เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณท่านลุงมาก ! " เจี้ยนเฉินลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้า ๆ และกล่าว
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเขา ชายคนนั้นก็เริ่มพูดทันที "เฮ้ ! อย่าขยับ ! เจ้าได้รับบาดเจ็บและหากว่าเจ้าเคลื่อนไหวมันจะแย่ลงไปอีก" พร้อมกับนำชามไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนที่จะมาช่วยพยุงเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินยิ้ม "แม้ว่าข้าจะได้รับบาดเจ็บ แต่หลังจากที่ข้าได้พักมาสองวัน ร่างกายของข้าก็เริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว การขยับนิด ๆ หน่อย ๆ มันก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วตอนนี้"
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินบอกว่าไม่มีปัญหากับการขยับตัวขึ้นมานั่ง ชายคนนั้นก็อดที่จะชมเขาไม่ได้ "เจ้าหนู เจ้าแข็งแรงมาก เจ้ายังสามารถลุกขึ้นมานั่งได้ทั้ง ๆ ที่เจ้ายังคงได้รับบาดแผลสาหัส"
เจี้ยนเฉินมองชายคนนั้นอย่างซาบซึ้ง "ท่านลุง ดูเหมือนว่าท่านไม่รู้สึกแปลกใจกับข้า ข้าจึงคิดว่าท่านน่าจะเคยออกเดินทางข้ามอาณาจักรมาก่อนใช่หรือไม่?"
"ไอ๊หยา ! " ชายคนนั้นสูดลมหายใจราวกับว่าคำพูดของเจี้ยนเฉินได้กระทบใจ ใบหน้าของเขากลับกลายเป็นเศร้าหมอง
หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่งชายคนนั้นก็พูดอีกครั้ง "ที่จริงเมื่อ 10 ปีก่อนข้าได้เป็นทหารรับจ้างขอบเขตเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นกลาง ข้าได้เดินทางไปกับพี่น้องสองสามคนและร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้พร้อมกับข้า แต่วันหนึ่งขณะที่มีการขนส่งสินค้าที่มีค่าบางอย่าง พวกเราก็ได้พบกลุ่มโจรที่ได้เปลี่ยนชีวิตของข้าไปตลอดกาล"
"โจรกลุ่มนั้นแข็งแกร่งมากจริง ๆ หลังจากที่มีการต่อสู้อย่างดุเดือดเราก็ไล่พวกโจรออกไปได้สำเร็จ แต่ฝ่ายของเราก็ยังคงเสียหายหนักอย่างมาก อาวุธเซียนของข้าถูกทำลายโดยพวกโจรที่แข็งแกร่งกว่าและถึงแม้ว่าข้าจะไม่ตาย แต่ข้าก็สูญเสียความสามารถในการฝึกฝนและความแข็งแกร่งทั้งหมดของข้าไป ข้านั้นเป็นเหมือนกับคนพิการ ดังนั้นข้าจึงมาที่หมู่บ้านนี้เพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก"
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเจี้ยนเฉินก็เงียบลงเช่นกัน เขาสามารถเข้าใจอารมณ์ภายในใจของชายคนนั้นได้ ได้เข้ามาเป็นทหารรับจ้างพร้อมกับออกเดินทางไปทั่วทวีปเทียนหยวนและได้กลายมาเป็นคนพิการที่ไม่อาจฝึกฝนได้ นี่คงเป็นความทรมานที่โหดร้ายที่แม้กระทั่งคนที่ทะเยอทะยานมาก ๆ ก็อาจจะฆ่าตัวตายได้ หากต้องมีชีวิตอยู่เสมือนตายทั้งเป็นแบบนี้
เจี้ยนเฉินก็พูดคุยกับชายผู้นั้นอย่างต่อเนื่องขณะที่กิน เจี้ยนเฉินได้มารู้ชื่อของชายคนนั้นทีหลังว่าเขาชื่อ-รอสโก้
รอสโก้อายุประมาณ 40 ปีในปีนี้ นับตั้งแต่ที่เขาได้ถูกทำลายอาวุธเซียนและกลายมาเป็นคนพิการ เขาได้มาถึงหมู่บ้านนี้และแต่งงานกับผู้หญิงในหมู่บ้านใกล้ ๆ จากนั้นเขาก็ให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาว ทั้งคู่อายุได้ 10 ขวบแล้ว
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็อยู่อาศัยในหมู่บ้านที่นี่ชั่วคราว อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้บอกว่าบาดแผลของเขาหายเป็นปกติแล้ว ดังนั้นเขาจึงนอนบนเตียงตลอดทั้งวัน รอสโก้จะปล่อยให้เขาพักผ่อนซะส่วนใหญ่ จากนั้นทุกอย่างมันก็เป็นความลับ เจี้ยนเฉินได้นั่งตัวตรงและกลั่นพลังเซียนต่อไป
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะใช้เวลาหลายวันในการปรับแต่งพลังเซียนของเขาในเมืองฟีนิกซ์ แต่เขาก็ยังไม่ได้กำจัดผลข้างเคียงจากการใช้แกนอสูรในการฝึกฝน
เพียงพริบตา เจี้ยนเฉินก็กลายมาเป็นผู้อาศัยในหมู่บ้านหลังจากผ่านไป ครึ่งเดือน ในครึ่งเดือนมานี้รอสโก้ยิ่งให้ความเคารพเจี้ยนเฉินมากขึ้นและมักจะปล่อยให้เขาพักผ่อนยกเว้นแต่ว่าเขาจะนำอาหารมาให้ 2-3 ครั้งต่อวัน