เทพกระบี่มรณะ - 143
เทพกระบี่มรณะ - 143
บทที่ 143: เต่าอสูร
"อ้ะ ! " เจี้ยนเฉินส่งเสียงประหลาดใจมาจากฝั่งแม่น้ำ หลังจากที่เขาล้างเหงื่อและสิ่งสกปรกออกไป เขาจ้องไปที่ร่างกายของตัวเอง เขาเพิ่งค้นพบว่าผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งแตกต่างจากสีผิวปกติของเขาอย่างสิ้นเชิง
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมตัวข้าเปลี่ยนเป็นสีแดง ? " เจี้ยนเฉินร้องออกมาด้วยความประหลาดใจพร้อมกับยกคิ้วขึ้น หลังจากไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ ใบหน้าของเขาก็ผ่อนคลายและเขาก็ยิ้มออกมา เขาพึมพำกับตัวเองอย่างตื่นเต้นว่า "นี่คือสิ่งที่หนังสือบอกว่าจะเกิดขึ้น สถานการณ์นี้หมายความว่าสารต้านพิษของอสรพิษทองริ้วเงินได้หลอมรวมกับกระแสเลือดของข้าอย่างสมบูรณ์ ข้าไม่คิดว่ามันจะหลอมรวมเข้าด้วยกันในเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น และข้าก็ไม่คิดว่าสารต้านพิษของอสรพิษทองริ้วเงินที่ไหลผ่านร่างกายของข้าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ หากร่างกายของข้ายังคงสร้างหมื่นต้านพิษต่อไป ในที่สุดมันก็จะมีความสามารถในการต่อต้านพิษด้วยตัวเองและจากนั้นข้าก็จะสามารถต้านพิษนับหมื่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ "
" เมื่อข้ามีหมื่นต้านพิษ เลือดทั้งหมดในร่างกายของข้าจะต่อต้านพิษตามธรรมชาติ ข้าจึงไม่ต้องกังวลว่าร่างกายจะเสียเลือดเพราะพิษอีกต่อไป"
เจี้ยนเฉินตรวจสอบร่างของตัวเองอย่างระมัดระวังในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ นอกเหนือไปจากผิวของเขาที่กลายเป็นสีแดง อย่างไรก็ตามไม่มีการเปลี่ยนแปลงอื่น ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิมทุกประการ
เจี้ยนเฉินกระโดดออกจากแม่น้ำไปยังฝั่ง ซึ่งเขาวางชุดหนังของเขาไว้และเริ่มแต่งตัว เนื่องจากเขาตัดสินใจที่จะบ่มเพาะในเทือกเขาสัตว์อสูรจนกว่าเขาจะตัดผ่านถึงระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญ เขาจึงต้องการสวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย เขาไม่มีเวลาพอที่จะซื้อชุดเสื้อผ้าใหม่ในช่วงที่เขากลับไปที่เมืองเวค เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้เข็มขัดมิติเต็มไปด้วยเสื้อผ้าจำนวนนับไม่ถ้วน มันจะเปลืองเนื้อที่เสียเปล่า เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและขวากหนามทั้งหมด เสื้อผ้าที่สวมใส่ที่นี่จะเสียหายอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะนำเสื้อผ้ามาหลายชุดแต่เขาก็ไม่อยากเปลี่ยนมันด้วยเหตุผลนั้น
เจี้ยนเฉินเดินลึกเข้าไปในภูเขาอย่างต่อเนื่องไปที่ที่ซึ่งสัตว์อสูรระดับ 3 มาป้วนเปี้ยน เขาพักอยู่ที่นั่นสองสามวัน
สองสามวันต่อมา เจี้ยนเฉินยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ ในเวลากลางวันเขาจะมองหาร่องรอยของสัตว์อสูรและฆ่าพวกมัน ในตอนกลางคืนเขาจะใช้แกนอสูรในการบ่มเพาะ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาไม่ได้เตรียมสมุนไพรไล่ยุงและแมลงมีพิษอื่น ๆ ทุกคืนจึงเป็นค่ำคืนแห่งความทรมานสำหรับเขาเพราะสัตว์เหล่านั้นจะคอยรังควานเขา มันเป็นสิ่งที่ดีที่เจี้ยนเฉินมีการป้องกันเบื้องต้นของหมื่นต้านพิษ ประกอบกับเขามีพลังเซียนธาตุแสง ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพิษของแมลงที่กัดเขา อาการบวมที่เหลืออยู่หรือการบาดเจ็บอื่น ๆจะได้รับการรักษาทันที และมันจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย.
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเจี้ยนเฉินได้มาถึงเซียนระดับสูงขั้นสูงสุดแล้ว นอกจากความจริงที่ว่าเขาได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ 3 ทุกวัน เพลงกระบี่ชั้นเลิศของเขาก็ยิ่งสมบูรณ์แบบมากขึ้นจากการปรับแต่งนี้ เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้นพลังของร่างกายก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่ามันจะยังห่างไกลจากการเข้าถึงความคงกระพัน แต่ก็ทำให้เขามีร่างกายที่ทนทานอย่างยิ่งที่สามารถใช้ประโยชน์จากการวาดกระบี่ที่ว่องไวของเขาได้อย่างเต็มที่ ท้ายที่สุดถ้าเขาต้องการที่จะเพิ่มความเร็ว ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในร่างกายของเขาจะสูงมาก หากความยืดหยุ่นของร่างกายของเขาไม่เพียงพอ กำปั้นธรรมดาที่ใช้กำลังทั้งหมดของเขาน่าจะทำให้แขนเขาสั่นด้วยความเจ็บปวดราวกับว่าเลือดไม่ไหลผ่าน หากเขาฝึกฝนเพลงกระบี่ ข้อดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะได้รับคือบัญญัติกระบี่นภาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับขั้นแรก "ขั้นหลอมร่างกาย". มันไม่เพียงช่วยเสริมความแข็งแรงให้เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเจียนเฉินเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายของเขาเนียนนุ่มขึ้นและยังแข็งแกร่งอีกด้วย
ภายใต้การฝึกฝนเหล่านี้ จุดอ่อนของเจี้ยนเฉินได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นและช่วยให้เพลงกระบี่ของเขาว่องไวจนไม่มีใครหลบหลีกได้.
หลังจากกลายเป็นเซียนระดับสูง การฆ่าสัตว์อสูรระดับ 3 จึงง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก ในทุกวันสัตว์อสูรเกือบ 40 ตัวตายด้วยน้ำมือของเจี้ยนเฉิน
ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนสักแห่งในเทือกเขาสัตว์อสูร เขาและสัตว์อสูรระดับ 3 ตัวใหญ่กำลังต่อสู้กันอยู่ สัตว์อสูรนั้นมีขนาดใหญ่กว่าวัวหลายเท่า และร่างของมันถูกปกคลุมด้วยเกล็ดแข็งเพื่อเป็นชั้นป้องกัน
ร่างของเจี้ยนเฉินเป็นเหมือนปีศาจความเร็วขณะที่เขายังคงวิ่งเป็นวงกลมรอบสัตว์อสูร กระบี่วายุโปรยในมือของเขาเป็นเหมือนแสงสีเงินที่คมชัด มันกระทบกับเกล็ดของสัตว์อสูรอย่างต่อเนื่อง ความหนาแน่นและความแกร่งของเกล็ดบนสัตว์อสูรนั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นแม้ว่าเจี้ยนเฉินจะต้องการแทงเข้าไป มันคงไม่ง่ายนัก นอกจากนี้สัตว์อสูรตัวนี้มีขนาดมหึมา แม้ว่ากระบี่วายุโปรยจะเจาะทะลุร่างสัตว์อสูร ใบมีดก็ไม่ได้ทำอันตรายสัตว์อสูรตัวนั้นเลย
ขณะที่สัตว์อสูรเริ่มสั่นไหว เจี้ยนเฉินก็มองเห็นโอกาสของเขา ในช่วงเสี้ยววินาที เขาก็แทงที่คอของสัตว์อสูรและเจาะทะลุที่คอของมัน
น่าเสียดายหลังจากที่เจี้ยนเฉินแทงทะลุคอของมัน สัตว์อสูรกลับยังไม่ตาย มันเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญ มันเริ่มพุ่งไปเข้าหาเจี้ยนเฉินด้วยความดุร้ายยิ่งกว่าเดิม
"เต่าอสูรตัวนี้อยู่ในขั้นสูงสุดของสัตว์อสูรระดับ 3. มันกำลังจะถึงระดับที่ 4 ไม่น่าแปลกใจที่พลังของมันจะแข็งแกร่ง ดูเหมือนว่าถ้าข้าอยากจะจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว ข้าจะต้องดำเนินการจากภายในร่างกายของมัน ไม่อย่างนั้น ข้าคงฆ่ามันไม่ได้ง่าย ๆ นอกจากต้องตัดหัว" เจี้ยนเฉินพึมพำเมื่อเขามองดูสัตว์ร้ายที่อยู่ตรงหน้าเขา ในแง่ของการป้องกันสัตว์อสูรแข็งแกร่งมากและพลังของมันก็พิเศษมากเช่นกัน หลังจากที่เจี้ยนเฉินแทงเข้าไปตรงคอ มันก็ยังไม่ตายอีกทั้งมันยังโกรธมาก
ในขณะที่เจี้ยนเฉินและเต่าอสูรตัวนี้กำลังต่อสู้กัน กลุ่มทหารรับจ้างก็เข้ามาในสนามรบ ในกลุ่มนั้นมีชาย 20 คนที่มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยโคลน ซึ่งนอกเหนือจากอายุของพวกเขาแล้วไม่มีอะไรที่ดูแตกต่างกันเลย ประมาณครึ่งหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากหนังขณะที่อีกครึ่งสวมเสื้อผ้าที่เก่ามาก ยังมีทหารรับจ้างอีกสองคนที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลทั้งตัว เลือดของพวกเขาสามารถมองเห็นได้ผ่านผ้าพันแผล แสดงว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในขณะที่กลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้เห็นเต่าอสูรต่อสู้กับเจี้ยนเฉินต่อหน้าต่อตา พวกเขาก็ตะโกนออกมาทันทีว่า
" นั่นดูเหมือนจะเป็นเจี้ยนเฉิน ! "