เทพกระบี่มรณะ - 118
เทพกระบี่มรณะ - 118
Chapter 118: ลูกสัตว์ระดับ 5
"หลังจากการล่าอย่างต่อเนื่องมา 10 วัน ข้าแน่ใจแล้วว่าทุกคนเหนื่อยแล้ว ยิ่งกว่านั้นอาหารที่เรามีในเข็มขัดมิติของเราเกือบจะหมดแล้ว พรุ่งนี้เช้าให้กลับไปที่เมืองเวคและพักผ่อนซะ ! มีใครคัดค้านหรือไม่ ? " เคนดัลถาม
ทุกคนมองไปที่เจี้ยนเฉิน และดีรี่ก็ถามว่า"เจี้ยนเฉิน เจ้าเห็นด้วยหรือไม่ ? "
เจี้ยนเฉินใส่ฟืนเข้าไปในกองไฟและพูดอย่างเฉยเมยว่า "การตัดสินใจของหัวหน้าเคนดัลเป็นเรื่องดี ทำไมข้าถึงจะไม่เห็นด้วย"
หัวหน้าเคนดัลลังเลก่อนที่จะมองไปที่คนอื่น ๆ "เนื่องจากเจี้ยนเฉินไม่โต้แย้ง อย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าเราจะออกไปจากเทือกเขาสัตว์อสูรและพักสองสามวันที่เมืองเวค น้องเจี้ยนเฉินต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ 3 มาอย่างต่อเนื่อง ข้ามั่นใจได้ว่าตอนนี้เขาต้องเหนื่อยแล้ว" นี่เป็นครั้งแรกที่เสียงของเคนดัลมีอาการลังเล สัตว์อสูรระดับ 3 เป็นสิ่งที่เหล่าทหารรับจ้างอัคคีต้องการที่จะจัดการมันเสมอเพื่อที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเอง สองสามวันที่ผ่านมาหลังจากที่เจี้ยนเฉินเป็นผู้นำกลุ่มทำให้พวกเขาได้รับซากระดับ 3 มาเป็นจำนวนมากและกำลังของพวกเขาก็ได้รับการเสริมเพิ่มขึ้น ในสถานการณ์นี้ทำให้ในกลุ่มทหารรับจ้างอัคคีมีความสุขอย่างมาก หากสามารถทำได้ พวกเขาก็ยังคงอยากอยู่แถว ๆ เทือกเขาอีกสักสองสามวัน
อย่างไรก็ตามพวกเขารู้อยู่ในใจว่าเจี้ยนเฉินยังไม่ได้รับบาดเจ็บหลังจากการต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ 3 แต่เขาก็ลงแรงไปไม่น้อยและต้องการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายของเขา
"เมื่อเรากลับไปสิ่งแรกที่เราต้องทำคือจัดการซากของสัตว์อสูร ยิ่งพวกมันอยู่ในเข็มขัดมิตินานเท่าไร พวกมันก็ยิ่งราคาตก" เสี่ยวเต๋าพูดพลางเคาะไปที่เข็มขัดมิติ
หลังจากที่เสี่ยวเต๋าพูดเช่นนั้นคนอื่น ๆ ก็จับไปเข็มขัดมิติโดยจิตใต้สำนึกทันที ตอนนี้พวกเขาแต่ละคนมี 1-2 ซาก บางคนมีซากระดับ 3 ที่ตัวเล็ก ๆ อยู่ 3-4 ตัว นอกจากสิ่งของตอนแรกที่อยู่ในเข็มขัดมิติแล้ว ของพวกเขาทั้งหมดถูกส่งไปให้หัวหน้าเคนดัลเก็บไว้ อย่างไรก็ตามสิ่งของของพวกเขาไม่มีค่าอะไรมากนัก
ในขณะนั้นกลิ่นเผ็ดร้อนก็ลอยออกมาจากกองไฟ มันเป็นกลิ่นของเนื้อสัตว์อสูรที่ถูกปรุง ไขมันสีทองในเนื้อก็เริ่มที่จะหยดลงอย่างช้า ๆ ราวกับเป็นน้ำเชื่อม น้ำมันยังคงไหลลงมาที่พื้นอย่างต่อเนื่องจนทุกคนได้ยินเสียงมัน
ยิ่งดมกลิ่นของมันยิ่งทำให้ความอยากอาหารของทุกคนสูงขึ้น ท้องของบางคนก็ร้องออกมาอย่างดัง
ทันใดนั้นหูของเจี้ยนเฉินก็กระดิก เมื่อเขาหันกลับมามองทางต้นเสียงเขาก็เห็นร่างของสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่กำลังวิ่งเข้าหาเขาจากระยะไกลด้วยความเร็วปานสายฟ้า วิสัยทัศน์ของเจี้ยนเฉินพร่ามัวไปชั่วแว่บหนึ่ง แต่นั้นก็เป็นเวลาให้ร่างน้อย ๆ นั่นวิ่งเข้าหาเขา
"ทุกคนระวังตัว ! " เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา มันมีเวลาไม่พอที่จะระบุได้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้เป็นประเภทใด มือทั้งสองข้างของเขาตบไปที่พื้นและกระเด้งตัวขึ้นมาจากท่านั่ง กระบี่วายุโปรยปรากฏขึ้นในมือของเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว
กลุ่มทหารรับจ้างที่เหลือก็เกิดปฏิกิริยาตอบสนองทันทีเช่นกัน ทันทีที่พวกเขาได้ยินเสียงของเจี้ยนเฉิน ทุกคนก็ยืนขึ้นจากจุดที่พวกเขานั่งกันอยู่และอาวุธเซียนก็ปรากฏอยู่ในมือพวกเขาในแต่ละคนจนเกิดเสียงดัง
เจี้ยนเฉินม้วนตัวออกไปกว่า 3 เมตรก่อนที่จะหยุดลงที่พื้น ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่กองไฟและเห็นสัตว์อสูรตัวน้อยอยู่ข้าง ๆ มัน
สัตว์อสูรตัวน้อยน่ารักเป็นอย่างมาก มันมีขนสีทองบริสุทธิ์ซึ่งเปล่งประกายแวววาวเมื่อกระทบแสงของกองไฟ ดวงตาของมันจดจ่ออยู่กับเนื้อที่อยู่เหนือกองไฟที่ซึ่งขณะนี้ได้ปล่อยกลิ่นหอมออกมาอย่างมาก มันเลียริมฝีปากอย่างต่อเนื่องเผยให้เห็นลิ้นเล็ก ๆ ของมัน ทำให้รอบ ๆ ปากของมันชุ่มไปด้วยน้ำลาย มันโบกกรงเล็บไปด้านหน้าอย่างตื่นเต้นในจุดที่มันอยู่ ดูเหมือนว่ามันจะใจร้อนเอามาก ๆ
เมื่อเห็นว่าเป็นสัตว์อสูรตัวน้อยที่อยู่ข้างหน้าเขายาวประมาณ 33 เซนติเมตร เจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจทันที จากท่าทางที่สัตว์ตัวน้อยนี้แสดงให้เห็นว่ามันถูกล่อลวงด้วยกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์อสูร
"เจี้ยนเฉิน เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ? " เสียงของเคนดัลดังขึ้น เมื่อเขาได้ยินเสียงของเจี้ยนเฉิน เขาก็ระวังตัวทันทีและสังเกตไปรอบ ๆ แต่เขาก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างขมขื่น"ไม่มีอะไร มันเป็นเจ้านั่นที่จู่ ๆ ก็วิ่งออกมา" เจี้ยนเฉินชี้ไปที่สัตว์ตัวน้อยที่อยู่ด้านหน้ากองไฟ
เมื่อได้ยินอย่างนี้ทุกคนก็มองไปตามที่เจี้ยนเฉินชี้ ในขณะนี้พวกเขาก็รู้สึกตัวแล้วว่ามีสัตว์ตัวน้อยอยู่ที่นั่น
"นี่...." มีสองสามคนแลกเปลี่ยนสายตาอย่างประหลาดใจ
เคนดัลเดินไปข้างหน้าขณะที่เขาตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ และจากนั้นก็เป็นสัตว์ตัวน้อยก่อนที่จะแสดงความคิดออกมา "ดูเหมือนว่านี่จะเป็นลูกสัตว์อสูร เจี้ยนเฉิน เจ้ารู้จักลูกสัตว์ตัวนี้หรือไม่ว่ามันมาจากสัตว์อสูรใด?"
เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปหาลูกสัตว์อย่างรวดเร็วและค่อย ๆ นั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ มันอย่างช้า ๆ อย่างน้อย ๆ ลูกสัตว์ตัวน้อยนั้นไม่ก็กลัวคนแปลกหน้า มันไม่ได้สนใจที่จะหันมามองเขาแม้แต่น้อย ดวงตาของมันจดจ้องอยู่กับเนื้ออย่างสมบูรณ์ อาจเป็นเพราะมันไม่รู้จักคนหรืออาจจะเป็นเพราะมันยังเด็ก แต่ดูเหมือนว่ามันไม่มีความกลัวเลย
เมื่อเห็นลูกสัตว์อยู่ในสภาพแบบนี้เจี้ยนเฉินก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เขาเอื้อมมือออกไปหยิบเนื้อย่างมาไม้หนึ่งและฉีกเนื้อสีเหลืองที่สุกแล้วออกมาเป็นชิ้น ๆ จากนั้นเขาก็โบกมันต่อหน้าจมูกของลูกสัตว์ให้มันได้กลิ่นเล็กน้อย
"อ๊าว!" "อ๊าว!" "อ๊าว!"
ตอนนี้ตาของลูกสัตว์ได้จ้องมายังชิ้นเนื้อที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉินและมันก็เริ่มตะกุยอุ้งเท้าของมันโดยไม่รอ สุดท้ายมันก็ยืนสองขาและร้อง "อ๊าว อ๊าว ! " พร้อมกับน้ำลายที่ไหลออกจากมุมปากของมัน
เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวน้อยต้องการกินเนื้อมากแค่ไหน เจี้ยนเฉินก็หยุดหลอกล่อและป้อนเนื้อเข้าไปในปากตรง ๆ เจ้าตัวน้อยยื่นกรงเล็บจากสองขาหน้าตะครุบชิ้นเนื้อแน่ทันที จากนั้นมันก็คาบไว้ในปาก เนื่องจากว่ากลัวชิ้นเนื้อจะตกลง มันจึงคาบเอาไว้โดยไม่สนว่ามันจะร้อนแค่ไหน
เจี้ยนเฉินจับเจ้าตัวน้อยหมุนไปรอบ ๆ ขณะที่เขากำลังกะขนาดของมันและมันก็ยังไม่ได้ตระหนักได้เลยว่าคนอื่น ๆ กำลังมองท่าทีมันอยู่ มันยังคงกินเนื้อสัตว์อสูรในปากของมันต่อไป
เมื่อมองไปที่ลูกสัตว์อสูร เจี้ยนเฉินก็ค่อย ๆ เบิกตากว้างและมีรอยยิ้มที่น่าตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
"เจี้ยนเฉิน เจ้าคิดว่าสัตว์อสูรตัวนี้เป็นลูกของตัวอะไรหรือมาจากไหน ? " ฉางหนิงเฟยถามทันทีหลังจากว่าเห็นสีหน้าของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินวางเจ้าตัวน้อยลงช้า ๆ ขณะที่เขาพูดอย่างตื่นเต้น "ถ้าข้าจำไม่ผิดเกี่ยวกับข้อมูลของมัน ข้าคิดว่านี่คือลูกของสัตว์อสูรระดับ 5 ราชาพยัคฆ์ขนทอง"
"หา ! ลูกของสัตว์อสูรระดับ 5 ราชาพยัคฆ์ขนทอง? เจี้ยนเฉิน เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าจำไม่ผิด ? " คาโบลด์เอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจและน้ำเสียงของเขาก็ไม่อาจซ่อนความประหลาดในไว้ได้ คนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าเดียวกันและไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
ลูกของราชาพยัคฆ์ขนทองระดับ 5 แม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งเกินกว่าสัตว์อสูรตัวใด ๆ แต่มันก็ยังมีข้อได้เปรียบทางธรรมชาติที่เหนือกว่า เมื่อมันโตเต็มวัย มันจะมีความแข็งแกร่งเท่ากับเซียนปฐพีโดยไม่มีอะไรหยุดยั้งมันได้ อาจกล่าวได้ว่ามันก็เหมือนกับเรือที่แล่นออกไปได้อย่างราบรื่นโดยไม่เจอมรสุม ขณะยังมีช่องว่างจำนวนมากให้มันพัฒนาซึ่งแตกต่างจากสัตว์อสูรตามปกติ หลังจากที่มันโตเต็มวัยมันก็ยังมีหนทางที่จะพัฒนาออกไปได้อย่างไม่สิ้นสุดและความแข็งแกร่งของมันก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ไม่ว่ามันจะบ่มเพาะมานานแค่ไหน มันก็มีกำลังมากพอที่จะกลายเป็นสัตว์อสูรระดับ 5 อย่างแน่นอน
เจี้ยนเฉินอุ้มเจ้าตัวน้อยที่กำลังเพลิดเพลินไปกับการกินขึ้นมาและพูดว่า "ข้าจำไม่ผิด" เจี้ยนเฉินอ่านหนังสือสองสามเล่มเกี่ยวกับสัตว์อสูรในสำนักคากัต ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงได้รู้จักสัตว์อสูรส่วนใหญ่ในทวีปเทียนหยวน สิ่งที่สะดุดตาที่สุดของราชาพยัคฆ์ขนทองคือขนสีทองบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นลายสำหรับ "ราชา" ที่อยู่บนหน้าของมัน ด้วยเหตุนี้เองเจี้ยนเฉินจึงสามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่ามันเป็นสัตว์อสูรประเภทใด
TL Note: ลายของเสือเป็น 王 หมายความว่าราชา
กลุ่มทหารรับจ้างอัคคีหายใจถี่อย่างรวดเร็ว ในตอนนี้หัวใจทั้งหมดของพวกเขาไม่อาจควบคุมได้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของลูกสัตว์อสูรระดับ 5 นั้นจะอยู่ไกลเกินกว่าสัตว์ระดับ 5 จริง ๆ รวมทั้งความจริงที่ว่ามันจะต้องใช้เวลาสักพักกว่ามันจะโตเต็มวัย แต่มูลค่าของมันก็สูงกว่าสัตว์อสูรระดับ 5 โตเต็มวัยอีก
นี่เป็นเพราะสัตว์อสูรระดับ 5 ที่โตเต็มวัยแล้ว มันจะมีปัญญาขั้นต้นและค่อนข้างที่จะยอมตายแทนที่จะถูกเลี้ยงโดยน้ำมือของมนุษย์ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสัตว์อสูรโตเต็มวัยถึงได้จัดการยากอย่างน่าเหลือเชื่อ อย่างไรก็ตามลูกสัตว์อสูรนั้นแตกต่างออกไปมาก เพราะว่ามันยังไม่โตดี การฝึกฝนของมันก็ง่ายอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ง่ายมากที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น หากมีใครฝึกฝนสัตว์อสูรระดับ 5 ในตอนที่มันยังเด็ก มันไม่เพียงจะแข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรระดับ 5 ตัวอื่น ๆ แต่เมื่อมันโตเต็มวัยแล้วมันสามารถที่จะกลายเป็นระดับ 6 หรือแม้กระทั่งระดับ 7
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในช่วงเวลานี้ความผูกพันระหว่างผู้ฝึกและลูกสัตว์จะลึกซึ้งมาก วิธีนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามเท่าไรที่จะได้รับสัตว์อสูรที่มีความแข็งแกร่งที่จะจงรักภักดีต่อเจ้านายอย่างมากและมันจะไม่หักหลังเขา ดังนั้นด้วยเหตุผลนี้ลูกสัตว์อสูรระดับ 5 จึงประเมิณค่าไม่ได้ในตลาด หากลูกของสัตว์อสูรระดับ 5 ปรากฏขึ้น จะต้องมีกลุ่มคนมากมายพยายามที่จะต่อสู้กันเพื่อมัน
"ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเราจะได้ลูกสัตว์ระดับ 5 ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นฝ่ายเข้ามาหาเราเองด้วย โชคของพวกเรานั้นน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก" เสี่ยวเต๋าพูดอย่างตื่นเต้น
"ฮ่าฮ่า ถ้าเราขายลูกสัตว์ตัวนี้ ข้าสงสัยว่าเราจะได้เงินเท่าไหร่ ? " หูป๋อพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นอย่างมาก เขามองไปยังลูกราชาราชาพยัคฆ์ขนทองราวกับว่ามันเป็นภูเขาที่ทำด้วยทอง
ใบหน้าของคาโบลด์ก็ยิ่งตื่นเต้นอย่างมากก่อนที่จะกลับมาจริงจังและพูดว่า "ไม่สำคัญว่าเราจะขายได้ในราคาสูงแค่ไหน ถ้าเราสามารถจับมันได้แน่นอนว่าในอนาคตเราก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาที่เทือ เขาสัตว์อสูรและมาหาเงินอีก ตอนนี้ปัญหาเดียวคือพ่อแม่ของมันอยู่ที่ไหนสักแห่ง ถ้าเราเจอพวกมันเราก็จะจบชีวิตแน่นอน สัตว์อสูรตัวนี้ยังคงห่างไกลต่อความสามารถของพวกเรา" คาโบลด์จ้องมองอย่างจริงจังขณะที่สำรวจรอบ ๆ และพูดว่า "คำถามที่สำคัญคือ เราจะเอาไอ้ตัวเล็กนี่ไปด้วยอย่างไร?"