เทพกระบี่มรณะ - 105
เทพกระบี่มรณะ - 105
บทที่ 105: การทำงานเป็นกลุ่ม
ทุกคนในห้องหันหน้ามองจากเคนดัลไปดูเจี้ยนเฉิน แต่เมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่ม ทุกคนก็ประหลาดใจ
อย่างไรก็ตามคำพูดของเจี้ยนเฉินมีผลต่อพวกเขาอย่างมาก เขาต้องการสร้างความประทับใจที่ดีเนื่องจากความประทับใจครั้งแรกมีความสำคัญมากเมื่อพบปะผู้คนใหม่ ๆ
"น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าชื่อเจี้ยนเฉินใช่หรือไม่ ? มานั่งลงสิ ไม่ว่าเจ้าจะอายุน้อยแค่ไหนก็ตาม หากเจ้าเข้าร่วมกลุ่มของเรา เจ้าก็เป็นน้องชายของเราที่ต้องร่วมสุขร่วมทุกข์ไปด้วยกัน ในอนาคต หากใครรังแกเจ้า ให้มาหาข้าได้เลย" ชายร่างสูงแข็งแรงพูดขณะที่เขาลุกขึ้นจากเตียง เขาก้าวไปหาเจี้ยนเฉิน วางมือขวาบนไหล่แล้วผลักเขาไปที่เก้าอี้ให้นั่งลง
เจี้ยนเฉินยิ้ม "ช่างมีน้ำใจมาก" เมื่อมองดูชายคนนั้น เจี้ยนเฉินคิดว่าเขาแข็งแกร่งมากโดยมีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ อย่างเห็นได้ชัด จากรูปร่างและร่างกายของเขา ชายคนนั้นดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ และแม้แต่ในห้องมืด เจี้ยนเฉินก็สามารถบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้มีผิวสีเข้มถึงจุดที่คล้ายกับคนผิวดำ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและการบาดเจ็บเก่าที่ดูเหมือนว่ามาจากสัตว์อสูร เพียงแค่มองดูเขาครั้งเดียว เจี้ยนเฉินก็สามารถบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้ค่อนข้างมีประสบการณ์ในการรับมือกับสัตว์อสูร
"ข้าชื่อหูป๋อ น้องเจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้าไม่รังเกียจเรียกข้าว่าพี่หูป๋อก็ได้ ข้าแก่กว่าเจ้า มันก็คงไม่ผิดอะไร" เขานั่งข้าง ๆ เจี้ยนเฉินแล้วเทน้ำใส่แก้วพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง
" เอาล่ะ ข้าจะเรียกท่านว่าพี่หูป๋อ" เจี้ยนเฉินหัวเราะ
ตอนนี้ชายคนที่ดื่มตรงกลางห้องก็ยืนขึ้นเช่นกัน
"น้องเจี้ยนเฉิน ข้าจะแนะนำทุกคนให้เจ้ารู้จักเอง" เคนดัลชี้นิ้วไปที่ผู้คนรอบ ๆ พวกเขา
ไม่รวมเจี้ยนเฉินและเคนดัลมีทหารรับจ้างอีก 6 คน. อายุของพวกเขาอยู่ในช่วงอายุ 30-40 ปีและยังมีฝาแฝดสองคนในกลุ่มที่ชื่อว่าจ้าวต้าไคและจ้าวเสี่ยวไคซึ่งอายุ 28 ปีทั้งคู่ พวกเขาทั้งคู่เป็นเซียนระดับสูงและมีใบหน้าที่เหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะหนึ่งในนั้นมีรอยแผลเป็นบนหน้าผาก คงยากมากที่จะบอกว่าใครเป็นใคร
อีก 4 คนมีอายุ 32 ปีและนอกเหนือจากเซียนระดับสูงขั้นต้น หูป๋อ, อีก 3 คนชื่อว่าหยุนหยวน,เสี่ยวเต๋าและฉางหนิงเฟย
หยุนหยวนค่อนข้างสูง เขามีใบหน้าที่ดูชาญฉลาดทำให้เขาดูเหมือนผู้มีความรู้ เขาเป็นเซียนขั้นกลางในขณะที่มีอายุ 25 ปี
ในทางกลับกันเสี่ยวเต๋าตัวเล็กและมีร่างกายซูบผอมที่เกือบจะดูเหมือนโครงกระดูก เมื่อเทียบกับหยุนหยวนดูเหมือนว่าเสี่ยวเต๋าจะอ่อนแอกว่า นอกเหนือจากเจี้ยนเฉินแล้ว เสี่ยวเต๋าก็ยังเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในวัย 22 ปี เขาเป็นเซียนขั้นกลาง
ฉางหนิงเฟยเป็นชายวัยกลางคนที่มีความสงบนิ่ง เขาอายุ 30 ปีซึ่งแก่กว่าหูป๋อ 2 ปี และเป็นเซียนขั้นกลาง
"เจี้ยนเฉิน นี่คือกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของพวกเรา นอกเหนือจากคนที่นี่แล้วยังมีอีกสองคนที่ไปซื้อของในตลาด แต่ข้าแน่ใจว่าพวกเขาจะกลับมาในเร็ว ๆ นี้" เคนดัลชี้แจง " พรุ่งนี้จะมีอีก 1 ภารกิจที่ทุกคนจะเข้าร่วม น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าเต็มใจเข้าร่วมกับเราหรือไม่ ? มีกฎไม่มากนัก แต่ถ้าเจ้าไม่ต้องการเข้าร่วมก็จะไม่มีใครพยายามบังคับเจ้า นี่เป็นภารกิจแบบสมัครใจ"
"ภารกิจ ? มันคือภารกิจประเภทใด ? " เจี้ยนเฉินกระพริบตาอย่างอยากรู้อยากเห็น
เคนดัลจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างสงสัย เขาดื่มสุราในมือและพูดว่า " มีภารกิจประเภทอื่นอีกหรือ? พวกเรากำลังจะไปที่เทือกเขาสัตว์อสูรเพื่อตามหาสัตว์อสูร กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของเราถูกสร้างขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการรวมกลุ่มเพื่อตามล่าหาสัตว์อสูร ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเรา การขายแกนอสูรเป็นสิ่งที่เราทำเพื่อหาเงิน"
"แน่นอนข้าต้องไป ไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไม่ไปยังเทือกเขาสัตว์อสูร" เจี้ยนเฉินหัวเราะเบา ๆ ในขณะที่เขาตอบ
"น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าไม่ต้องกังวล แม้ว่าเจ้าจะอ่อนแอกว่าเรา แต่กำไรโดยรวมของเราก็จะรวมเจ้าอยู่ด้วย หากเจ้ามีผลงานที่เพียงพอ เจ้าจะได้รับส่วนแบ่งที่ยุติธรรมเหมือนทุกคน"
"เจี้ยนเฉิน เทือกเขาสัตว์อสูรนั้นชั่วร้ายมากและเต็มไปด้วยอันตรายที่ซ่อนเร้น ในกรณีที่เราเจอสัตว์อสูรขั้น 3 ที่หัวหน้าและพวกเราไม่สามารถจัดการได้ มันเป็นไปได้มากที่ชีวิตของเจ้าจะตกอยู่ในอันตราย เจี้ยนเฉิน ใช้เวลาคิดให้ดีว่าเจ้าต้องการไปกับเราจริง ๆ หรือไม่" คนที่พูดในครั้งนี้เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดนอกเหนือจากเจี้ยนเฉิน เสี่ยวเต๋า ดวงตาที่เปล่งประกายของเขาจ้องมองเจี้ยนเฉินพร้อมกับแสดงออกอย่างจริงใจ จากน้ำเสียงของเขา เขาได้พูดเตือนเจี้ยนเฉินถึงอันตรายด้วยประโยคที่จริงใจ
เมื่อได้ยินเสี่ยวเต๋าพูด ทุกคนในห้องก็มีสีหน้าเอาจริงเอาจังมากยิ่งขึ้น สัตว์อสูรระดับ 3 ก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างแรงกดดันมหาศาล แม้ว่าหัวหน้าเคนดัลจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นต้น แต่เขาคงไม่สามารถปกป้องชีวิตตัวเองจากสัตว์อสูรระดับ 3 ได้ เห็นได้ว่าสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ในระดับเดียวกัน ในทวีปเทียนหยวน หากใครอยากไปตามล่าสัตว์อสูรในระดับเดียวกับตัวเอง พวกเขาจะไม่ยืนหยัดต่อสู้กับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งโดยปราศจากการฝึกฝนหรือทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า นี่เป็นงานที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าคนคนนั้นไม่มีธาตุพิเศษ มิฉะนั้นจะดีกว่าถ้าเขาวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด
และถึงแม้ว่าหัวหน้าเคนดัลจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นต้น พลังเซียนของเขาก็ไม่มีธาตุ ดังนั้นการโจมตีของเขาจะอ่อนแอกว่าคนที่มีธาตุ เมื่อต้องต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ 3 ในขณะที่เขาสามารถต่อสู้ได้ มันเป็นเพียงการปกป้องตัวเองเท่านั้น ถ้าเขาต้องเจอกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งหรือเร็วกว่าระดับ 3 หัวหน้าเคนดัลจะต้องเจอกับความยากลำบากในการหลบหนีเอาชีวิตรอดและคงต้องจบลงด้วยการกลายเป็นอาหารอันโอชะให้กับสัตว์อสูร
แต่จะไม่มีใครในห้องคาดหวังว่าช่วงเวลาที่เจี้ยนเฉินได้ยินคำว่าสัตว์อสูรระดับ 3 เขาจะมีสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ช่วงเวลาที่เขาได้กลายเป็นเซียนระดับสูงขั้นต้น เขาก็เริ่มตามล่าและฆ่าสัตว์อสูรระดับ 3 ด้วยตัวเองแล้ว อาจกล่าวได้ว่าโดยปกติสัตว์อสูรระดับ 3 ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเจี้ยนเฉินเลยนอกจากอสรพิษทองริ้วเงิน เมื่อมาถึงจุดนี้ ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินก็อยู่ในระดับกลางซึ่งแข็งแกร่งกว่าเซียนระดับสูงขั้นต้นหลายเท่า
"ไม่ต้องห่วง ทุกคน ข้าไม่ใช่คนอ่อนแอ หลังจากไปที่เทือกเขาสัตว์อสูรครั้งหนึ่งในอดีต ข้าได้เรียนรู้หลายสิ่งในนั้น" เจี้ยนเฉินกล่าว