เทพกระบี่มรณะ - 095
เทพกระบี่มรณะ - 095
Chapter 95: กำไรที่น่าอนาถใจ
เจี้ยนเฉินกำลังใช้จิตวิญญาณกระบี่เพื่อที่จะไล่ตามเซียนผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ได้ตั้งตัวและฆ่าเขา ทหารรับจ้างคนอื่นที่หนีไปทุกทิศทางได้พลาดพลั้งไปทีละคนด้วยกระบี่ของเจี้ยนเฉิน
แสงสีเงินจากกระบี่ได้ส่องสว่างขึ้นมาในขณะที่มันพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน เขาชูมือขึ้นในอากาศ แล้วกระบี่ก็ก็กลับมาอยู่ในมือของเขาทันที ในขณะที่มันกระแทกเข้ากับฝ่ามือของเขา ปราณกระบี่จำนวนมากจากกระบี่ก็พุ่งมาที่เขาในเวลาอันสั้น
ไม่กี่ช่วงอึดใจที่กระบี่วายุโปรยกลับมาที่เจี้ยนเฉิน บรรยากาศที่ตึงเครียดที่อกมาจากกระบี่ก็หายไปทันทีอย่างไม่มีร่องรอย หลังจากนั้นไม่นาน กระบี่วายุโปรยก็ค่อย ๆ หายไป
"เฮ้อ..." เจี้ยนเฉินถอนหายใจออกมายาว เขาได้สู้สองศึกติดต่อกัน นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ หลังจากที่ฆ่าอสรพิษทองริ้วเงินและจากนั้นเขาก็ฆ่าทหารรับจ้างที่เป็นเซียนผู้เช่ยวชาญพิเศษไป 2 คน พลังเซียนในร่างของเจี้ยนเฉินถูกใช้ไปจนหมด ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะเขาใช้ทักษะเฉพาะของบัญญัติกระบี่นภา พลังเซียนของเขาก็คงไม่ได้รับผลที่ลึกลับแบบนี้ ถ้าไม่มีมัน เจี้ยนเฉินคงไม่สามารถฆ่าอสรพิษทองริ้วเงินได้ อย่าว่าแต่การต่อสู้หลังจากนั้นเลย
เจี้ยนเฉินขยับตัว ในตอนที่เขากำลังจะเคลื่อนที่ แผลที่หลังของเขาก็ปวดแสบปวดร้อนขึ้นมา กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเจี้ยนเฉินบิดเบี้ยวไปหลายครั้งเนื่องจากความเจ็บปวดรุนแรง
"มันเจ็บจริง ๆ ! " เจี้ยนเฉินพ่นลมออกมา เขาต้องการที่จะขยับไปได้ เขาจึงใช้วิญญาณที่ทรงพลังของเขาในการรวมรวมพลังเซียนธาตุแสงจากแก่นแท้ของโลกเข้ามาที่เขา บอลแสงสีขาวขนาดใหญ่ที่ดูไม่ชัดก็ปรากฎขึ้นรอบ ๆ เขาและเริ่มที่จะเปลี่ยนไปเป็นสีขาวนวล แม้ว่าแสงจะสว่างจ้า แต่มันก็อบอุ่นมาก และมันไม่แสบตาเลย
เจี้ยนเฉินถูกล้อมไปด้วยแสงสีขาวนวล และร่างของเขาก็มองไม่ชัดภายในแสงนั้น แม้แต่แผลลึกที่หลังของเขาก็รักษาตัวเองอย่างรวดเร็วภายใต้พลังเซียนธาตุแสง
ภายใต้พลังเซียนธาตุแสงนี้ เขารู้สึกได้ถึงความสดชื่นและสบายที่พุ่งขึ้นมาจากหน้าอกของเขา และมันก็กระจายไปทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว มันไหลผ่านไปเหนือการควบคุมของเจี้ยนเฉิน
แม้ว่าเขาจะใช้หลังเซียนธาตุแสงมาก่อนในขณะที่พยายามที่จะต่อต้านพิษของอสรพิษทองริ้วเงิน แต่จุดประสงค์ของเขาในตอนนั้นคือการใช้เพื่อยืดเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่ทันสังเกตความสุขที่พลังเซียนประกายแสงมอบให้แก่เขา แต่ในตอนนี้ที่เขาตั้งใจเต็มที่ เจี้ยนเฉินก็ตระหนักได้ว่าพลังเซียนธาตุแสงนั้นน่าพึงพอใจเพียงใด
พลังเซียนธาตุแสงยังอยู่สักพักก่อนที่จะค่อย ๆ หายไป และเผยให้เห็นร่างของเจี้ยนเฉินอีกครั้ง
เจี้ยนเฉินบิดแขนไปด้านหลังเพื่อที่จะสัมผัสกับแผลที่อยู่ที่หลัง แต่เขาก็สัมผัสได้เพียงผิวเรียบเรียบ แม้ว่าเสื้อที่เขาใส่จะชุ่มไปด้วยเลือด แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวเลย และไม่มีร่องรอยของแผลเหลืออยู่
เจี้ยนเฉินพยักหน้าอย่างพอใจและเริ่มยิ้มให้กับผลลัพธ์ที่มหัศจรรย์ที่พลังเซียนธาตุแสดงออกมา ด้วยทักษะแบบนี้ ความสามารถที่เจี้ยนเฉินจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ในทวีปเทียนหยวนคงเพิ่มมากขึ้นจากนี้ไป
จากนั้น ความรู้สึกวิงเวียนหัวก็ถาโถมไปที่เจี้ยนเฉินในขณะที่โลกดูเหมือนจะโคลงไปมาสำหรับเขา ความรู้สึกวิงเวียนในตอนนี้เข้ามาแทนที่กับความเหนื่อยล้าของเขา ในตอนนี้เอง เจี้ยนเฉินก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้นอนมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มเต็ม และเขาก็อ่อนเพลียมาก เจี้ยนเฉินต้องการที่จะหาเตียงและหลับไปเสียให้ได้ทันที
"น่าเสียดายที่จิตวิญญาณกระบี่และพลังเซียนธาตุแสงใช้พลังงานไปเป็นปริมาณมาก ในตอนนี้พลังวิญญาณของข้าก็ถูกใช้ไปจนหมด" เจี้ยนเฉินถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ กับตัวเอง เขารู้ว่าในอนาคต เขาต้องเว้นจากการใช้จิตวิญญาณกระบี่และพลังเซียนธาตุแสงให้มาก ไม่เช่นนั้น ถ้าเขาใช้พลังวิญญาณหมดไปในอนาคต มันก็คงมีผลกระทบกับกำลังในการต่อสู้ของเขามาก
โชคดีที่วิญญาณของเขาส่วนใหญ่นั้นอ่อนล้า แต่มันก็ไม่ถึงจุดสูงสุด ดังนั้นกำลังในการต่อสู้ของเขาจึงไม่ไดดรับผลกระทบมาก
เจี้ยนเฉินเอาเสื้อผ้าใหม่ออกมาจากเข็มขัดมิติของเขา เขาก็มองไปที่ทหารรับจ้างบางคนที่อยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็มองไปที่เข็มขัดมิติที่อยู่ที่เอวของพวกเขา และสายตาของเขาก็เป็นประกายจดจ่อ
"ข้าหวังว่าจะมีของดีอยู่ในนั้นบ้างนะ" เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง บนทวีปเทียนหยวนนั้น คนส่วนมากเก็บของมีค่าทั้งหมดไว้ในเข็มขัดมิติ พูดกันว่าเข็มขัดมิติหนึ่งอันนั้นเป็นที่เก็บออมทั้งหมดในชีวิตของคนคนนั้น แน่นอนว่าทหารรับจ้างที่อ่อนแอหลายคนนั้นจนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีอะไรมากในเข็มขัดมิติ
เจี้ยนเฉินเดินผ่านทหารรับจ้างไปโดยไม่ได้แตะต้องเข็มขัดมิติของพวกเขา เขาเดินอย่างรวดเร็วไปที่อสรพิทองริ้วเงิน และเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติของเขา
เนื่องจากอสรพิษทองริ้วเงินนั้นตัวใหญ่มาก มันจึงทำใช้เจี้ยนเฉินใช้เวลามากในการที่จะเก็บงูเข้าไปในแหวนมิติ เขาเก็บแหวนมิติเขาไปในสาบเสื้อด้านในของเขาอีกชั้น จากนั้นเจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลายในขณะที่ความรู้สึกยินดีที่ปิดบังไว้ไม่ได้ก็ออกมาแทนที่
"ร่างกายที่ไม่ติดพิษ!" เขานึกถึงผลประโยชน์จากหมื่นต้านพิษในหัว ในตอนนี้ที่เขามีร่างของอสรพิษทองริ้วเงิน และแม้ว่าเขาจะดื่มเลือดเข้าไปในปริมาณมาก แต่เลือดที่เหลือก็ยังอยู่ในร่างของงู ถ้ามีเวลามากพอ เจี้ยนเฉินสามารถเอาเลือดของอสรพิษทองริ้วเงินและถุงน้ำดีของมันมาสกัดเพื่อที่จะเขาได้ร่างที่ไม่ติดพิษมาได้
เขาสงบใจลงช้า ๆ และเดินไปที่ร่างของทหารรับจ้างอีกครั้งเพื่อเอาเข็มขัดมิติออก เขาออกจากบริเวณและหายเข้าไปในป่า
เมื่อเจี้ยนเฉินอยู่ไกลมากพอแล้ว เขาก็พบจุดว่างเพื่อที่จะนั่งขัดสมาธิลงไป จากนั้นเขาก็ค้นเข้าไปในเข็มขัดมิติทั้งยี่สิบเส้น
ของที่อยู่ในเข็มขัดมิติมีจำนวนมาก ของส่วนใหญ่นั้นจำเป็นในการใช้เพื่อการรอดชีวิตบนทวีปเทียนหยวน สิ่งอำนวนความสะดวก กระโจม อาหารและน้ำนับได้ครึ่งหนึ่งของจำนวนของทั้งหมด ในขณะที่ของที่เหลือมีค่าเล็กน้อย มีเหรียญเงินและเหรียญทองแดงกองอยู่เล็กน้อยในเข็มขัดมิติ แต่เจี้ยนเฉินก็ปฏิเสธที่จะเอาของปริมาณเล็กน้อยอย่างนั้น
หลังจากที่ดูผ่านไปหลายเข็มขัดมิติ เจี้ยนเฉินก็ยังไม่พอใจกับของมีค่าที่เจอ เข็มขัดมิติมีของใช้ประจำวัน อย่างผ้าพันแผลและสมุนไพร แต่กลับไม่มีแม้แต่แกนอสูรระดับหนึ่งข้างในเลย
เจี้ยนเฉินไม่ได้มีสีหน้าที่ประหลาดใจเลย เพราะเขารู้ว่าทหารรับจ้างเหล่านี้เข้ามาในแนวภูเขาสัตว์อสูรเพื่อที่จะเข้ามากำไรตั้งแต่แรก เขาพยายามที่จะเข้ามาหากำไรในที่แบบนี้นั้นหมายถึงว่าพวกเขานั้นยากจน สิ่งของที่มีค่าที่สุดที่พวกเขามีอาจจะเป็นเพียงแกนอสูรระดับต่ำนิดหน่อยเท่านั้น
หลังจากที่ตรวจดูเข็มขัดมิติไปกว่าครึ่ง เจี้ยนเฉินก็พบกองแกนอสูรที่มีประมาณสิบกว่าอัน แต่พวกมันทั้งหมดเป็นระดับที่หนึ่งหรือสอง
เจี้ยนเฉินเอาแกนอสูรออกมาจากเข็มขัดมิติ และค้นไปที่เข็มขัดมิติอื่นอื่นต่อ
เจี้ยนเฉินค้นเข็มขัดมิติทั้งยี่สิบเส้นเสร็จอย่างรวดเร็วและโยนพวกมันออกไปข้างข้าง
จากเข็มขัดมิติทั้งหมด 20 เส้น เขาได้แกนอสูรมาประมาณ 20 อันและเหรียญทองเกือบร้อยเหรียญเท่านั้น ในพวกแกนอสูร มีแกนระดับ 3 อยู่ 1 อัน ระดับ 2 อยู่ 6 อัน และที่เหลือเป็นระดับหนึ่ง
เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาส่วยหน้าและยิ้มอย่างขมขื่น "กำไรครั้งนี้ไม่น้อยไปหน่อยหรือ? มีเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษถึง 2 คนในกลุ่มของพวกเขายังมีแกนอสูรแค่น้อยนิด ข้าสามารถหาเท่านั้นได้ในเวลาเพียงวันเดียว" เจี้ยนเฉินเก็บแกนอสูรและเหรียญทองเข้าไปในเข็มขัดมิติของเขา และออกจากที่นั่นไป
วันต่อมา เจี้ยนเฉินก็ผ่านเข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาสัตว์อสูร อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ถูกไล่ล่าจากอสรพิษทองริ้วเงิน เขาก็ใกล้มาถึงที่เหวของภูเขาสัตว์อสูรมากแล้ว สัตว์อสูรส่วนใหญ่ที่นี่เป็นระดับ 3 และมีส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นระดับ 2
เทียบกับเจี้ยนเฉินที่เป็นเซียนระดับสูงแล้ว สัตว์อสูรระดับ 3 ไม่ได้เป็นอันตรายกับเขามากถ้ามีเพียง 1 ตัว แม้ว่ามันจะต้องใช้ความพยายามมากในการฆ่ามัน แต่กำไรที่ก็ดีกว่าเพราะมันมีสัตว์อสูรระดับ 3 มากกว่าระดับ 2 แกนอสูรระดับสาม 1 อันมีพลังงานเท่ากับแกนอสูรระดับสอง 10 อัน พวกมันจำเป็นสำหรับเจี้ยนเฉินเพื่อที่จะใช้การฝึกฝน ในขณะที่แกนอสูรระดับสามนั้นทำให้เขาใช้เวลาทั้งคืนในการดูดซึมด้วยอัตราที่เร็วอย่างน่ากลัวของเขา
ในพริบตาเดียว เจี้ยนเฉินก็อยู่ในป่าไปอีกสิบวัน ที่ที่เขาล่าสัตว์อสูรในตอนกลางวันและฝึกฝนในตอนกลางคืน หลังจากสิบวันเหล่านั้น ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้ว่าเขายังเป็นเซียนระดับสูงขั้นต้น แต่เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเขาจะตัดผ่านไปอยู่ในขั้นกลางได้ในไม่ช้า
ในระหว่างสิบวันเหล่านี้ เจี้ยนเฉินใช้เวลาในแต่ละวันในการเดินทะลุเข้าไปในภูเขาอย่างระมัดระวังในขณะที่ถือแกนอสูรระดับสามเอาไว้ 1 อัน ในตอนหนึ่งที่เจี้ยนเฉินเจอกับสัตว์อสูรระดับสี่ สัตว์อสูรระดับสี่นั้นแข็งแกร่งเกินไปที่เขาจะสู้ หลังจากที่โจมตีไปสิบกว่าครั้ง เจี้ยนเฉินก็หนีมาโดยได้รับบาดเจ็บหนัก ตั้งแต่นั้นมา เจี้ยนเฉินก็รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับสี่ ดังนั้นเขาจึงสู้กับสัตว์อสูรระดับสามแทน หลังจากนั้น เมื่อไรที่เขาไปเจอกับสัตว์อสูรระดับสี่เข้า เขาก็จะหนีทันทีโดยไม่ไปยั่วยุพวกมัน