เทพกระบี่มรณะ - 027
เทพกระบี่มรณะ - 027
Chaotic Sword God ตอนที่ 27 ปัญหาที่ย่างกราย (1)
ทันใดนั้น ลูกศิษย์ที่เหลือก็วิ่งไปหาลูกศิษย์สองคนก่อนหน้านี้ที่ร่วงไปกับพื้น ด้วยความห่วงใย เขาถามเด็กหนุ่มที่ใบหน้าซีดเผือดซึ่งถูกเจี้ยนเฉินเตะว่า "ลั่วหยุน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
ลูกศิษย์ที่มีชื่อว่าลั่วหยุนพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอว่า "ข้าคงจะหายเป็นปกติหลังจากบ่มเพาะพลังไม่กี่วัน" เขาหันไปอีกทางหนึ่งและถามลูกศิษย์ที่บาดเจ็บด้วยด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า "คาร์ล เจ้าสามารถหาข้อมูลภายในสำนักได้เร็วกว่าพวกข้า หาชื่อของเจ้าเด็กเหลือขอ จากนั้นส่งให้นายน้อยเฉิงจัดการมันซะ! "
ได้ยินเพื่อนของเขากล่าวเช่นนั้น คาร์ลครุ่นคิดอยู่สองครั้ง ก่อนจะตอบออกไป "นั่นจำเป็นด้วยหรือ ข้าคิดว่าข้ารู้ว่าเขาเป็นใคร"
ใบหน้าของลูกศิษย์ทั้งสองดีขึ้น เป็นลั่วหยุนที่กล่าวว่า "นั่นเป็นเรื่องเยี่ยม คาร์ล แล้วเขาเป็นใคร?"
"ในการแข่งขันเด็กใหม่ประจำปีในปีนี้ มีผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งที่แข็งแกร่งมากและดูเหมือนว่าเขาจะสามารถเอาชนะเซียนกาดิหยุนได้ ขณะที่เขาอยู่แค่เพียงระดับแปดของพลังเซียน ข้าคิดว่าเขาต้องเป็นคนผู้นั้นเป็นแน่ " ใบหน้าของคาร์ลกลายเป็นมืดครึ้มในขณะที่เขากล่าว
ขณะที่ลูกศิษย์สองคนได้ยินคาร์ลพูด ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที มองไปยังคนอื่น ๆ ลั่วหยุนกล่าวออกมาว่า "เขาคือเจียงหยางเซียงเทียนจริงหรือ ? "
คาร์ลพยักหน้า "มันเป็นไปได้มาก ภายในกลุ่มเด็กใหม่ของลูกศิษย์เหล่านั้น มีเพียงเจียงหยางเซียงเทียนเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะข้าได้ ถ้าเขาคือเจียงหยางเซียงเทียนจริง ๆ ดังนั้นจากการพิจารณา พวกเราย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถ้าเขาสามารถล้มกาดิหยุนได้จริง ๆ แม้ว่ากาดิหยุนจะไม่ใช้อาวุธเซียนก็ตาม นั่นมันก็เพียงพอที่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าเจียงหยางเซียงเทียนนั้นแข็งแกร่ง "
"ฮึ่ม แม้ว่าจริง ๆ แล้วเขาคือเจียงหยางเซียงเทียนก็ตาม แต่เขากล้าที่จะขวางทางข้า แน่นอนว่าข้าไม่มีทางปล่อยให้เขามีชีวิตอย่างสงบสุขในสำนักนี้แน่" คนแรกกล่าวออกมาเป็นคนที่ถูกโจมตีโดยเจี้ยนเฉิน
ใบหน้าของลั่วหยุนซีดขาวและเริ่มที่จะส่งเสียงขึ้นจมูกและตะโกนออกมา "นั่นมันเยี่ยมไปเลย นายน้อยตระกูลลั่วของเราถามหาข่าวเกี่ยวกับเจียงหยางเซียงเทียนเมื่อเร็ว ๆ นี้ หากเขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วละก็ นายน้อยจะต้องมีความสุขแน่ แต่มันน่าเสียดายที่เราไม่ได้รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหนมา ใครจะรู้ว่าเขาจะมาปรากฎกายต่อหน้าข้าตอนนี้"
"ลั่วหยุน เจ้าไปหานายน้อยตระกูลลั่วของเจ้า เฉินเฟิงและข้าจะไปเชิญนายน้อยเฉิงมา ข้ามั่นใจว่าเจียงหยางเซียงเทียนจะต้องกลายมาเป็นศัตรูของนายน้อยเฉิงแน่" คาร์ลคำราม
"ดี พวกเราจะต้องได้ในสิ่งที่พวกเราต้องการ แต่ข้าขอแนะนำว่า เราควรส่งใครสักคนไปคอยติดตามสังเกตเจียงหยางเซียงเทียน เนื่องจากสำนักมีขนาดใหญ่ ดังนั้นถ้าเจียงหยางเซียงเทียนเลือกที่จะซ่อนตัว เราจะไม่มีทางค้นหาตัวเขาพบ" ลั่วหยุนเสนอ
คาร์ลพยักหน้าก่อนจะหันไปทางเพื่อนของเขาอยู่ข้างหลังเขา "เฉินเฟิง เจ้าอยู่ที่นี่และคอยจับตาดูเขาให้ดี ข้าจะไปหานายน้อยเฉิง "
"ไม่มีปัญหา ! " เฉินเฟิงให้คำมั่นอย่างไม่คิดลังเล
หลังจากที่แยกย้ายกันไป เฉินเฟิงเดินตามเจี้ยนเฉินไป ขณะที่ลูกศิษย์ 2 คนที่เหลือค่อย ๆ ถูกพยุงขึ้นมา โดยยังไม่ได้สติกลับมาเสียทีเดียวและออกไปดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย
……..
ภายในหอหนังสือ เจี้ยนเฉินนั่งลงที่โต๊ะและมีหนังสือสองเล่มวางอยู่ใกล้ ๆ เขาเริ่มต้นที่จะอ่านหนังสือด้วยความกระตือรือร้น
เพราะวันนี้ยังคงเช้าอยู่ หอหนังสือว่างเปล่าและเงียบสงบเป็นอย่างมาก นอกจากเจี้ยนเฉินแล้ว มีเพียงหญิงผู้ดูแลอาคารวัยกลางคน อยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น
หญิงผู้นั้นอายุราว ๆ 40 ปีโดยประมาณจากลักษณะทั่วไป เพราะนางไม่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลัง แม้ว่านางจะอายุ 50 ปีแล้ว แต่นางก็ยังคงอยู่ที่ระดับหกของพลังเซียน แม้กระทั่งลูกศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดในสำนักคากัตก็ยังคงแข็งแกร่งกว่านาง
หญิงผู้นั้นเอียงศีรษะของนางมองท่าทางตั้งใจอ่านของเจี้ยนเฉิน และแม้ว่านางจะไม่ทราบว่าชื่อของเขา แต่นางก็ประทับใจในตัวเจี้ยนเฉิน นอกเหนือจากนั้น ตลอด 3 วัน ที่ผ่านมาเจี้ยนเฉินยังคงเป็นคนแรกที่มายังหอหนังสือและและมักจะใช้เวลาศึกษาอยู่ในนั้นทั้งวัน บางทีเขาถึงกับไม่ทานอาหารกลางวันเพียงเพื่อที่จะอ่านหนังสือต่อ นางเป็นผู้ดูแลที่สำนักแห่งนี้มานาน แต่เจี้ยนเฉินเป็นลูกศิษย์คนแรกที่นางเห็นว่าขยันหมั่นเพียรมาก
"ช่างเป็นเด็กที่ขยันอะไรอย่างนี้" นางพึมพำกับตัวเอง ขณะที่นางก็ทำงานของนางไปเรื่อย ๆ
.......
ในห้องที่มีขนาดใหญ่ มีชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปียืนอยู่ตรงกลางของห้องพร้อมกับปิดตา ท่าทางของเขาดูแปลกนัก นิ่งเหมือนกับท่อนซุง เขายังคงยืนอยู่เช่นนั้นโดยปราศจากการเคลื่อนไหว
"ตึง ตึง ตึง!"
ในช่วงเวลานั้นเอง ก็มีเสียงเคาะจากบริเวณด้านนอก ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มคนนั้นค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ และมันยังคงเป็นท่าทางที่แปลกประหลาด เขาจ้องไปที่ประตู "เจ้าเป็นใคร!" เขาตะโกนออกมา
"นายน้อย ข้าเอง ลั่วหยุน" เสียงนั้นมาจากด้านนอก
"เข้ามา!" เขากล่าว
ประตูถูกเปิดออก คนที่อายุราว 20 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่คนของลูกศิษย์ทั้งสี่คนที่พ่ายแพ้ให้กับเจี้ยนเฉิน เขาคือลั่วหยุน
ลั่วหยุนมองท่าทางแปลก ๆ ของชายหนุ่มคนนั้นโดยไม่รู้สึกแปลกใจ ขณะที่มันไม่ได้แปลกไปนัก นั่นเพราะว่าท่าทางอันประหลาดนั้นเป็นทักษะการบ่มเพาะพลังของตระกูลลั่ว
ในทวีปเทียนหยวน มีวิธีการฝึกฝนไม่มากนักที่ถูกบันทึกไว้ บางคนนั่งสมาธิเพื่อบ่มเพาะพลังและคนส่วนน้อยจะใช้ท่าทางอันแปลกประหลาดเพื่อบ่มเพาะพลัง ด้วยการบ่มเพาะพลังนั้น ชี้ชัดว่าเป็นตระกูลหลิวอย่างแน่นอนที่ใช้ร่างกายทำท่าทางอันแปลกประหลาดเพื่อบ่มเพาะพลังให้ได้มากที่สุด
ลั่วหยุนเดินไปที่อีกฝ่ายและหยุดด้วยท่าทีเคารพ "นายน้อย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่านให้คนออกตามหาเบาะแสเกี่ยวกับเจียงหยางเซียงเทียน" แม้ว่าลั่วหยุนจะยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงภายในตระกูลเขาซึ่งจัดอยู่แถวหน้าของเหล่าเด็กวัยรุ่น เขาก็ยังคงไม่กล้าเย่อหยิ่ง มันเป็นเพราะชายหนุ่มคนนี้คือลั่วเจี้ยนซึ่งเป็นบุตรคนแรกของผู้นำตระกูลลั่ว และเขายังเป็นที่รักยิ่งของผู้นำตระกูลลั่ว เขาถือว่าเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลลั่ว ดังนั้นลั่วหยุนจึงต้องการประจบประแจงเขา
"เจ้าพบตัวเจียงหยางเซียงเทียนแล้ว ! " เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตาของลั่วเจี้ยนเป็นประกายขึ้นมา เขาสังเกตเห็นใบหน้าขาวซีดของลั่วหยุน ตาของลั่วเจี้ยนก็มองลงไปในเสื้อของลั่วหยุน เห็นรอยช้ำบนหน้าอกของเขา ลั่วเจี้ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยองว่า "เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ มันคงเป็นเจียงหยางเซียงเทียนที่โจมตีเจ้าให้ได้รับบาดเจ็บ"
ใบหน้าของลั่วหยุนเผยประกายโกรธ ขณะที่เขาพูดว่า "นายน้อยกล่าวได้ถูกต้อง ข้าเพิ่งเห็นเจียงหยางเซียงเทียน ข้าเชื้อเชิญอย่างสุภาพให้เขามาพบกับนายน้อย แต่เจียงหยางเซียงเทียนกลับอุกอาจและหยิ่งเกินกว่าที่คิดนัก ไม่เพียงแค่นั้น และที่มากไปกว่านั้น เขาไม่เกรงใจนายน้อยเลย เขาบอกว่า ... เขาบอกว่านายน้อย ... นายน้อย ... " ลั่วหยุนเริ่มที่จะแสดงท่าทีลังเลออกมา
ลั่วเจี้ยนคำราม "อย่าได้มัวแต่ยืนอ้ำอึ้ง เจียงหยางเซียงเทียนพูดอะไรเกี่ยวกับตัวข้า?!"
ตาของลั่วหยุนเป็นประกายด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่เขาลังเลเป็นครั้งสุดท้ายราวกับรวบรวมความกล้า "เจียงหยางเซียงเทียน กล่าวว่า นายน้อยไม่มีค่าพอที่เขาจะต้องเข้ามาพบ !"
"อะไรนะ!" ใบหน้าลั่วเจี้ยนเต็มไปด้วยความโกรธ แม้ว่า ตระกูลหลิวจะไม่ได้มีอิทธิพลอย่างมากในทวีปเทียนหยวน แต่ภายในอาณาจักรเกอซุน พวกเขาเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ด้วยประวัติศาสตร์ที่มีมากว่า 200 ปีในอาณาจักรเกอซุน จำนวนคนที่จะสามารถเอาชนะพวกเขาได้ก็มีเพียงแค่หยิบมือ เมื่อเขาเป็นถึงทายาทของตระกูลลั่ว ก็อาจกล่าวได้ว่า ลั่วเจี้ยนเป็นชนชั้นสูงที่แม้แต่องค์ชายและองค์หญิงของอาณาจักรยังถูกพิจารณาให้อยู่ระดับเดียวกับเขา เขาไม่คิดว่าในสำนักคากัตนี้จะมีเด็กใหม่ที่หลงตัวเองได้เช่นนี้ ในชีวิตของเขา เขาไม่เคยพบคนที่จะเย่อหยิ่งต่อหน้าเขา
ลั่วเจี้ยนมีประกายตาที่เย็นชายิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เขาจ้องตรงไปที่ลั่วหยุน "มันกล่าวเช่นนี้จริงหรือ ? " ยากที่จะปกปิดความโกรธจากคำพูดของลั่วเจี้ยน
เห็นปฏิกิริยาของลั่วเจี้ยน ลั่วหยุนแอบดีใจ ทันใดนั้นเขาเปลี่ยนสีหน้ากลับมาแบบเดิมและกล่าวว่า "ขอรับ นายน้อย สิ่งที่ลั่วหยุนกล่าวเป็นเรื่องจริง ข้าไม่กล้าที่จะโกหกท่าน เจียงหยางเซียงเทียนช่างหยิ่งยโสเกินไปจริง ๆ เขาไม่เคยเห็นความสำคัญของท่านแต่อย่างใดและยังกล้าที่จะพูดด้วยถ้อยคำที่หยิ่งผยองเช่นนั้น ถ้าเราไม่ได้สอนบทเรียนให้มันแล้ว ข้ากลัวว่านายน้อยจะต้องขายขี้หน้าและถูกเยาะเย้ยภายในสำนักนี้"
ยิ่งลั่วหยุนกล่าว ความโกรธของลั่วเจี้ยนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ยืนเช่นนั้น เขาคำราม "อยู่ที่ไหน เจียงหยางเซียงเทียน มันอยู่ที่ไหน? ข้าต้องการให้เจ้านำตัวมันมาให้ข้า และถ้ามันไม่เห็นว่าข้ามีค่าพอที่จะเหลียวมอง จากนั้นข้าจะแสดงให้มันดูเอง!! "
"แน่นอน! ได้โปรดตามข้ามา นายน้อย" ลั่วหยุนเดินออกมาจากห้องและพาลั่วเจี้ยนที่เต็มไปด้วยความโกรธ ออกจากห้องไปด้วยกันกับเขา และตรงไปยังหอหนังสือ
ในเวลาเดียวกันภายในห้องหนึ่งของสำนักคากัต คาร์ลซึ่งนำชายอายุ 20 กว่าปีอีกหลายคนตรงมายังหอหนังสือ
ในฐานะที่พวกเขาเดินผ่านสนามกีฬา ศิษย์พี่ไม่กี่คนสังเกตเห็นคนกลุ่มนั้น ด้วยความประหลาดใจ, ความคิดเห็นของพวกเขาได้ยินจากทั่วทุกทิศ
"ไฮ้ ... คนที่เดินนั้น ไม่ใช่นายน้อยเฉิงหรอกหรือ? เขาไม่ได้ถูกพบเห็นในสำนักแห่งนี้มาหลายปีแล้ว ลมอะไรกันที่หอบเขามาที่นี่ในวันนี้ ? " ศิษย์พี่ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับอีกคนกล่าวด้วยความประหลาดใจ
"ข้าได้ยินมาว่า หลายปีที่ผ่านมา นายน้อยเฉิงได้ก้าวถึงขั้นกลางของระดับเซียน ดังนั้น คงไม่ต้องกล่าวถึงความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้."
"นายน้อยเฉิงคืออัจฉริยะของสำนักคากัตอย่างแน่นอน เขาหลอมรวมอาวุธเซียนได้ตอนอายุ 19 ปี และกลายเป็นเซียน เมื่ออายุ 20 ปีเขาก็ก้าวมาถึงขั้นกลางของระดับเซียนได้ปีหนึ่งแล้ว ดังนั้นด้วยพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลัง นายน้อยเฉิงต้องมาถึงขั้นสูงของระดับเซียน "
"แน่นอน นายน้อยเฉิงเป็นหนึ่งในอัจฉริยะในการบ่มเพาะพลังของสำนักคากัต อาจารย์ใหญ่ได้กล่าวว่าแม้กระทั่งว่า ก่อนอายุ 23 ปีนายน้อยเฉิงจะต้องกลายเป็น เซียนขั้นสูง"
"กลายเป็นเซียนระดับสูงด้วยอายุเพียง 23 ปี นายน้อยเฉิงเป็นคนที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง ในขณะที่ศิษย์พี่อีกหลายคนในสำนักคากัตแห่งนี้ยังคงอยู่ที่ระดับสิบของพลังเซียน"
ขณะที่คาร์ลเดินไปอย่างช้า ๆ ลูกศิษย์ที่อายุมากก็ยังคงนินทา นายน้อยเฉิงเป็นคนซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในสำนักคากัต ไม่ใช่เพราะภาพลักษณ์ของเขา แต่เป็นการบ่มเพาะพลังที่น่าตื่นตระหนก ภายในทวีปเทียนหยวน เขาอาจจะได้รับการพิจารณาให้เป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน และในสำนักคากัต เขาถูกพิจารณาให้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุด
ขณะนี้เจี้ยนเฉินก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือในมืออย่างไม่สนใจอะไร โดยไม่รู้ว่าปัญหากำลังย่างกรายเข้ามา