เทพกระบี่มรณะ - 021
เทพกระบี่มรณะ - 021
Chaotic Sword God ตอนที่ 21 เซียนกาดิหยุน
เห็นการโจมตีของเขาพลาดเป้าหมาย กาดิเหลียงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม เขาเปลี่ยนกระบวนท่าทันทีและเหวี่ยงเท้าเตะไปที่เจี้ยนเฉิน
ชั่วพริบตา 10 กระบวนท่าผ่านไปโดยปราศจากการโต้ตอบจากเจี้ยนเฉิน ซึ่งใช้เพียงการก้าวเท้าเพียง 1 ก้าวในการหลบการโจมตีของกาดิเหลียงได้อย่างง่ายดาย แต่ทุกคนที่จ้องมองนั้น เจี้ยนเฉินหลบได้อย่างหวุดหวิด ทำให้คนดูทุกคนรวมทั้งเจียงหยางหู่มีเหงื่อไหลเย็น ขณะที่พวกเขาดูด้วยความวิตกกังวล
การโจมตีของกาดิเหลียงรุนแรงและค่อนข้างรวดเร็ว แต่ใน 10 กระบวนท่า ไม่มีครั้งใดที่จะสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของเจี้ยนเฉิน กาดิเหลียงก็เริ่มโกรธมากกว่าที่ใครจะคิด
สุดท้ายเจี้ยนเฉินยกหมัดขึ้นป้องกันหมัดของกาดิเหลียง เจี้ยนเฉ นเอ่ยออกมาว่า "10 กระบวนท่าผ่านไป ถึงคราวที่ข้าจะโจมตีบ้างแล้ว" โดยไม่รอการตอบกลับ ลูกเตะของเขาพุ่งตรงไปยังกาดิเหลียง
ความเร็วของขาที่สลับกันเตะราวกับจักรผัน มันรวดเร็วมากจนไม่มีเวลาให้กาดิเหลียงหลบ ในเวลานั้นเขาพยายามที่จะยกมือของเขาขึ้นเพื่อป้องกันขาเจี้ยนเฉินที่จะเตะเข้ากับหน้าอกของกาดิเหลียง
"ตึ้ง" "ตึ้ง" "ตึ้ง!"
แรงขาของเจี้ยนเฉินส่งผลให้กาดิเหลียงถึงกับเซแซ่ด ๆ ไปด้านหลัง ในขณะที่กาดิเหลียงพยายามตั้งหลัก เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก แม้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นเพียงระดับแปดของพลังเซียน แต่เขาก็แข็งแกร่งเกินกว่าที่กาดิเหลียงคาดคิดไว้ มันเป็นสิ่งที่กาดิเหลียงไม่อาจทานทนได้
ในการต่อสู้ที่ผ่านมาในระหว่างการแข่งขัน กาดิเหลียงไม่เคยประหมัดกับเจี้ยนเฉิน ดังนั้นเขาจึ ไม่เคยเข้าใจขอบเขตความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจี้ยนเฉิน จนกระทั่งได้ต่อสู้กัน กาดิเหลียงจึงได้ตระหนักว่าเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งกว่าที่เขาเห็น ในความเป็นจริง อาศัยความแข็งแกร่งของลูกเตะ ตอนนี้กาดิเหลียงก็เริ่มที่จะสงสัยว่าเจี้ยนเฉินบรรลุพลังเซียนเพียงระดับแปดจริงหรือ?
บางทีเจี้ยนเฉินคงต้องการที่จะจบการต่อสู้ครั้งนี้อย่างรวดเร็ว เพราะเขาไม่ได้ให้เวลากาดิเหลียงได้เอ่ยปากพูดอะไร ก่อนที่เขาจะกระแทกหมัดเข้าไปที่จมูกของกาดิเหลียงอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของกาดิเหลียงแข็งกระด้างขณะที่เขาถอยหลัง ร่างกายทั้งหมดของเขาพยายามที่ต้านทานหมัดของเจี้ยนเฉิน ก่อนที่เขาจะพยายามที่จะชกหมัดสวนกลับไปที่หัวของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินหัวเราะเสียงเย็นชา ก่อนที่จะปิดกั้นหมัดนั้นด้วยมือของเขาเอง เขาคว้าเข้าที่ไหล่ของกาดิเหลียงด้วยมืออีกข้างของเขาราวกับกุมบังเหียนม้า เขาจับกาดิเหลียงแน่นด้วยมือข้างขวา ก่อนจะเขาใช้แรงบางส่วนทุ่มกาดิเหลีย ให้ลอยออกไป
ในชีวิตของเขาก่อนหน้า เจี้ยนเฉินได้เรียนรู้ทักษะมวยปล้ำจากแถบมองโกล เขาจึงค่อนข้างเชี่ยวชาญมวยปล้ำ เขาเคยใช้วิธีการเช่นนี้มาหลายครั้งและประสบการณ์นั้นก็ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของเขา เจี้ยนเฉินได้เรียนรู้ทักษะที่แตกต่างอื่น ๆ อีกมากมาย มากกว่าแค่เพียงเพลงกระบี่และเชี่ยวชาญมากพอที่นำมาคิดต่อยอดจากเดิม
ร่างกายของกาดิเหลียงราวกับขนนกในขณะที่บินผ่านอากาศไป ต้องขอบคุณเจี้ยนเฉิน เขาบินไปแค่ 4-5 เมตรในอากาศก่อนที่จะตกจากแท่นประลอง
"ฟิ้ววว…"
เขาเห็นเจี้ยนเฉินดูเหมือนจะอ่อนแอ แต่เจี้ยนเฉินกลับจัดการกาเหลียงได้สำเร็จ ด้วยท่าทางที่ดูอ่อนแอของเขา ในทำนองเดียวกัน ผู้ชมรอบแท่นประลองต่างพากันอ้าปากค้างด้วยความตกใจ พวกเขาเริ่มที่จะประเมินและเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเจี้ยนเฉินใหม่ เห็นผลการต่อสู้ของทั้งสองที่มันออกมาเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครสักคนที่จะกล้าดูถูกเจี้ยนเฉินอีกต่อไปในอนาคต
ใบหน้าของกาดิหยุนและกาดิซิ่วหลี ทั้งสองค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด สถานการณ์เช่นนี้ห่างไกลจากความคาดคิดของพวกเขานัก
"ไฮ้ ! เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าก็เพียงแค่อาศัยทักษะเล็กน้อย" กาดิหยุนพูดด้วยเสียงต่ำ ในขณะที่กัดฟันแน่น
กาดิเหลียงลุกขึ้นยืนอย่างน่าสงสารบนสนามประลอง เขาแหงนใบหน้ามองไปยังด้านบน เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
"อ่า!" กาดิเหลียงคำราม รวมพลังเซียนระดับเก้าที่บริเวณใจกลางของสองฝ่ามือของเขา เขารีบโจมตีเจี้ยนเฉิน ด้วยแรงของแขนทั้งสองข้าง โจมตีเข้าไปยังทรวงอกของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินทำเสียงขึ้นจมูก และในขณะที่เขารวบรวมพลังเซียนลงบนฝ่ามือของเขาเช่นกัน เขาก็ผลักมือเขาให้พุ่งตรงไปยังกาดิเหลียง ภายหลังจากการปะทะกันของมือทั้งสอง
"เพ้ง"
ขณะที่มีเสียงสะท้อนออกมา เจี้ยนเฉินและกาดิเหลียงก็หยุดชะงักไป หมัดของพวกเขาได้กระแทกอย่างหนัก จนกลายเป็นคลื่นพลังผลักพวกเขาถอยหลัง
เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่นั่น ขาของเขาเริ่มที่จะพร่ามัว ในขณะที่เขาใช้ทักษะเคลื่อนไหวเพื่อที่จะโจมตีอย่างรวดเร็ว มองดูกาดิเหลียงที่กำลังล่าถอย ทันใดนั้น เจี้ยนเฉินเคลื่อนตัวไปทางด้านหน้าและกระโดดขึ้นมาจากพื้นดิน ทั้งสองขาของเขาเตะไปที่กาดิเหลียง
ก่อนที่กาดิเหลียงจะตั้งหลักได้มั่นคงเช่นเดิม เขาก็ไม่สามารถที่จะต้านการโจมตีนั้นได้ ขณะที่เขาถูกเจี้ยนเฉินเตะเข้าที่ท้อง เขาก็ถูกส่งให้ถลาไปอีกครั้ง
"พึ่บบ!" ใบหน้ากาดิเหลียงกระแทกพื้นและเปลี่ยนเป็นซีดขาวจากความเจ็บปวด ในขณะที่เขาเริ่มกระอักเลือดออกมา เขาเริ่มจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
"น้องรอง !"
"พี่รอง !"
กาดิหยุนและกาดิซิ่วหลีวิ่งขึ้นไปที่ด้านข้างของกาดิเหลียงบนพื้นดิน พยุงตัวเขาขึ้นมา ใบหน้าของพวกเขาเหยเกและมองไปยังกาดิเหลียงด้วยความกังวล หลังจากที่พวกเขาเห็นเลือดหยดเล็ก ๆ ไหลออกจากมุมปากของกาดิเหลียง
"น้องรอง เจ้าสบายดีอยู่หรือไม่ ?" กาดิหยุนถาม ใบหน้าของเขาค่อนข้างน่าเกลียด แม้จะเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างจากครั้งสุดท้าย ตั้งแต่กาดิเหลียงประมาทในการแข่งขันครั้งแรกกับเจี้ยนเฉิน แต่ครั้งที่สองนี้มีความแตกต่าง คราวนี้กาดิเหลียงได้ต่อสู้กับเจี้ยนเฉิน เขาได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขา ซึ่งเป็นความแข็งแกร่งกว่าแปดส่วนของพลังเซียนระดับเก้า
"พี่รอง ท่านเป็นอย่างไร เจ็บมากหรือไม่?" กาดิซิ่วหลีถามด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
กาดิเหลียงได้ถูกช่วยพยุงให้ยืนขึ้นโดยพี่น้องของเขา เขาสั่นศีรษะเบา ๆ เขากล่าวว่า "พี่ใหญ่ น้องสาม ข้าสบายดี ข้าเพียงแค่ทรมานจากความเจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้น" แต่แม้ในขณะที่เขากล่าวต่อสองพี่น้อง ซึ่งหากสังเกตจะเห็นถึงความอ่อนแรงในน้ำเสียงของเขา
มองไปที่ใบหน้าขาวซีดของกาดิเหลียง กาดิหยุนเพิ่มความโกรธขึ้นไปอีก เขาเงยหน้ามองขึ้นไปหาเจี้ยนเฉิน เขาคำรามออกมา "น้องสาม เจ้าดูแลน้องรอง ข้าจะไปสอนบทเรียนให้กับเจ้าเด็กยโสนั่น ! " เขาผละออกจากพี่น้องของเขาขึ้นไปบนแท่นประลองเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับเจี้ยนเฉิน
"พี่ใหญ่ ท่านไม่ควร ... "
"พี่ใหญ่ ท่านไม่สามารถ ... "
กาดิเหลียงและกาดิซิ่วหลีพยายามที่จะขัดขวางเขา แต่น่าเสียดายที่พวกเขาห้ามไม่ทัน สองพี่น้องถอนหายใจ ไม่ว่ากาดิหยุนชนะหรือแพ้ ตอนนี้ตระกูลกาดินั้นก็ได้สูญเสียศักดิ์ศรีบางอย่างภายในสำนักนี้ เดิมควรเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรม ดังนั้นหากพวกเขาได้พ่ายแพ้ แต่พวกเขาก็จะไม่รู้สึกว่ามีผลเสียไปมากกว่าการที่จะเสียหน้าไป แต่ตอนนี้กาดิหยุนกำลังจะไปต่อสู้ ซึ่งสถานการณ์ทั้งหมดนั้นแตกต่างกันออกไป ถ้ามีข่าวว่าน้องใหม่โดนรังแกจากศิษย์พี่บางคนทันทีหลังจากที่เข้ามาในสำนักได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักแล้ว พี่น้องสามคนจะถูกเยาะเย้ยและถูกหัวเราะเยาะคนทั้งสำนัก
เจี้ยนเฉินจ้องมองกาดิหยุน ในขณะที่เขากระโจนขึ้นไปบนแท่นประลองและพูดด้วยเสียงขึ้นจมูก "เจ้ามาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้กับน้องชายของเจ้าเช่นนั้นหรือ ? "
เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความโกรธพร้อมกล่าวว่า "เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าแข็งแกร่งจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าได้ทำร้ายน้องชายของข้า ดังนั้นข้าจะไม่ยอมให้เจ้าออกจากที่แห่งนี้ไปโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแน่"
ผู้คนบริเวณรอบแท่นประลองพากันนิ่วหน้าหลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเขา พวกเขาเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อกาดิหยุน
"กาดิหยุน หมายความว่าอย่างไร หรือเจ้าคิดจะวางแผนระรานตระกูลเจียงหยางจนกระทั่งไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา" เสียงทุ้มดังขึ้น ก่อนจะมีอีกคนเดินเข้าสู้สนามประลอง หันไปรอบ ๆ เจี้ยนเฉินรู้สึกผ่อนคลาย หลังจากที่เห็นว่าเป็นใคร มันคือพี่ชายคนโตของเขา เจียงหยางหู่
เจียงหยางหู่จ้องที่กาดิหยุนด้วยสายตาดุดัน "กาดิหยุน ถ้าเจ้าต้องการที่จะต่อสู้ เจ้าคงต้องสู้กับข้าก่อนเป็นอันดับแรก"
เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าคลื่นของความอบอุ่นห้อมล้อมร่างกายของเขา ในขณะที่เขาได้ฟังพี่ชายของเขา หันกลับมองขึ้นไป "พี่ใหญ่ ท่านควรลงไป ข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวข้าเอง"
เจียงหยางหู่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ "นั่นไม่สามารถทำได้ น้องสี่ เจ้าควรลงไป ความแข็งแกร่งของกาดิหยุนนั้นอยู่ที่ขั้นสูงสุดของพลังเซียน เจ้าจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้น จงปล่อยให้พี่ใหญ่จัดการเถอะ"
หลังจากลังเลเล็กน้อยจากคำพูดเหล่านี้ เจี้ยนเฉินพยักหน้า "พี่ใหญ่ ท่านจงระวังให้มาก" หลังจากพูด เจี้ยนเฉินเดินออกลงจากแท่นประลอง
กาดิหยุนยิ้มเยาะ ในขณะที่เขามองเจี้ยนเฉินที่ออกจากแท่นประลองอย่างดูถูก "เจียงหยางหู่, เจ้ารนหาที่ดังนั้นอย่าได้ต่อว่าหากมีอะไรเกิดขึ้น"
"ฮึ่ม เจ้ากำลังจะพูดว่าสายเกินไป ผู้ใดเป็นผู้ชนะและผู้แพ้นั้นเป็นสิ่งที่ยังไม่ตัดสิน" เจียงหยางหู่ตอบ เขาและกาดิหยุนได้ก้าวถึงขั้นสูงสุดของพลังเซียน ดังนั้นหากกาดิหยุนไม่สามารถสร้างอาวุธเซียนได้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาย่อมเท่ากัน
กาดิหยุนเยาะเย้ยขณะที่เขามองเจียงหยางหู่อย่างดูหมิ่น เขายกแขนข้างขวาของเขาขึ้น กระแสขนาดใหญ่สีทองของพลังงานเริ่มรวมกันที่จุดบนแขนข้างขวาของเขาและรวมตัวเป็นกระบี่สีทองที่ยอดเยี่ยม กระบี่สีทองมีขนาดใหญ่มากและวัดความยาวได้ประมาณ 5 ฟุตและมันกว้างเท่าฝ่ามือ ตัดสินจากความยาวของด้ามกระบี่ในมือทั้งสองของเขา
มองไปที่กาดิหยุนซึ่งคว้ากระบี่ด้วยมือทั้งสอง คิ้วเจี้ยนเฉินขมวดมุ่นด้วยความกังวล เขาได้อ่านเกี่ยวกับอาวุธเซียนที่คฤหาสน์เจียงหยาง ซึ่งสามารถมองออกได้อย่างง่ายดายว่านั่นคืออาวุธเซียนของกาดิหยุน นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นตั้งแต่ที่เขามายังโลกใหม่ใบนี้ เขาเข้าใจเกี่ยวกับอาวุธเซียนมานานแล้ว เพียงแค่พึ่งเคยเห็นมันด้วยตาของตัวเอง ช่วยไม่ได้ที่เจี้ยนเฉินจะรู้สึกประหลาดใจ เขาเริ่มคิดเกี่ยวกับการหลอมรวมพลังเซียนเป็นอาวุธเซียน นี่ทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกตื่นเต้นมาก
ขณะที่กระบี่สีทองมันคือกระบี่สองมือ ซึ่งเมื่อปรากฏออกมา ทุกคนต่างร้องด้วยความประหลาดใจและชื่นชม
"อาวุธเซียน เขาสามารถหลอมรวมมันได้ ... ."
"ดังนั้น แสดงว่าเขาตัดผ่านไปยังเซียน... "
"กาดิหยุนกลายเป็นเซียน เจียงหยางหู่ประสบปัญหาแล้วในตอนนี้ ... "
ระยะห่างระหว่างพลังเซียนระดับสิบกับเซียนนั้นนับว่าไม่ห่างไกล แต่มันก็ยังคงยากมากที่จะก้าวข้ามมัน ภายในสำนักคากัตมีศิษย์พี่จำนวนมากที่ก้าวมาถึงระดับสิบแต่ไม่อาจหลอมรวมพลังเซียนให้กลายเป็นอาวุธเซียนได้ ถ้าหากไม่ได้มีพรสวรรค์มากกว่าคนปกติแล้วมันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะประสบความสำเร็จ ภายในทวีปเทียนหยวน มันก็ไม่ยากที่จะเห็นผู้ฝึกตนอีกมากมายที่จะติดอยู่ที่ระดับสิบจนสิ้นอายุขัยของพวกเขาโดยไม่อาจกลายเป็นเซียน จากสิ่งนี้ เห็นได้ว่าการเป็นเซียนนับว่าประสบความสำเร็จได้ยากอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ การตัดผ่านกลายเป็นเซียน ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นมาก อาวุธเซียนไม่ได้เป็นอาวุธเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังสามารถใช้ความรู้สึกของพวกเขาในการออกคำสั่งโจมตี ซึ่งมันไกลเกินกว่าที่คนปกติจะทำได้
เมื่อมองไปที่กระบี่สีทองของกาดิหยุน ใบหน้าของเจียงหยางหู่กลายเป็นน่าเกลียดมาก ตอนนี้กาดิหยุนมีอาวุธเซียน ความแข็งแกร่งของเขาสามารถพลิกฟ้าคว่ำสวรรค์ได้ แน่นอนว่าผู้ที่อยู่ในระดับสิบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
"พี่ใหญ่ สามารถหลอมรวมอาวุธเซียนได้จริง ๆ ! " ด้านล่างแท่นประลอง กาดิ ซิ่วหลี ประหลาดใจ ขณะที่นางเฝ้าดูกาดิหยุนที่มีคลื่นพลังของอาวุธเซียนล้อมรอบอยู่
กาดิเหลียงมีความอิจฉาบนใบหน้าของเขาในขณะที่เขาจ้องมองมาที่อาวุธเซียน แต่เขาก็ประหลาดใจมาก พี่น้องทั้งสองไม่ได้ตระหนักว่า พี่ใหญ่ของพวกเขามาถึงระดับเซียนในเวลานี้
ด้วยการถืออาวุธเซียน ความเชื่อมั่นของกาดิหยุนได้เพิ่มขึ้นไปอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะที่ใบหน้าเจียงหยางหู่มืดครึ้มลงอย่างช้า ๆ ใบหน้ากาดิหยุนเปลี่ยนเป็นยโส กาดิหยุนรู้สึกว่าในหัวใจของเขาสุขเกินกว่าจะพรรณนา
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ , เจียงหยางหู่, ตอนนี้เจ้ากลัวหรือไม่ ถ้าหากเจ้าคุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับข้า 3 ครั้ง และเรียกข้าว่าผู้อาวุโส ข้าจะยอมละเว้นเจ้า ถ้าหากเจ้าไม่ทำ ... ฮึ่ม เจ้าจะรู้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร" กาดิยุนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยน้ำเสียงที่โหดร้าย..
ใบหน้าของเจียงหยางหู่ซีดเผือด ในขณะที่เขาได้ฟังความต้องการของกาดิหยุน เขาคำรามตอบว่า "กาดิหยุน เจ้าฝันไปเถอะ! แม้ว่าเจ้าจะเป็นเซียนในตอนนี้ ข้า เจียงหยางหู่ก็ไม่มีวันที่จะยอมก้มหัวให้เจ้า"
กาดิหยุนมองเจียงหยางหู่อย่างหยิ่งผยองและกล่าวว่า "เจียงหยางหู่ เจ้าจะใช้สิ่งใดในการต่อสู้กับข้า ? "
เจียงหยางหู่จ้องกาดิหยุนอย่างโกรธแค้น
"เจียงหยางหู่ นั่นกระบี่เจ้า!"
ในขณะเดียวกัน กระบี่ลอยออกมาจากผู้ชมด้านล่างแท่นประลอง
เจียงหยางหู่คว้ากระบี่เหล็กในขณะย่อตัวลง กระบี่นั้นดูไม่ได้เบาเลยและก็มีขนาดค่อนข้างยาว กระบี่สีเงินที่มีประกายออกมาสี่ทิศทางและลักษณะภายนอก นั่นคือความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างกระบี่ของกาดิเหลียงและกระบี่ของเจียงหยางหู่