เทพกระบี่มรณะ - 017
เทพกระบี่มรณะ - 017
Chaotic Sword God ตอนที่ 17 ผู้คุมกฏของเด็กใหม่
หลังจากที่พักไปราว 1 ชั่วยาม ในที่สุดการแข่งขันรอบสุดท้ายก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าเดินขึ้นไปบนเวทีประลอง ก่อนที่แยกห่างจากกันด้วยระยะประมาณ 10 เมตร
สายตาลูกศิษย์กว่า 1,000 คนได้จับจ้องไปยังเวทีนั้นเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ผู้คนเริ่มพยายามค้นหาที่นั่ง
เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่เถี่ยต้าด้วยรอยยิ้ม เขากล่าวชื่มชมเถี่ยต้า "เถี่ยต้า ข้าไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกันในรอบสุดท้าย"
ได้ยินประโยคเช่นนั้นของเจี้ยนเฉิน ใบหน้าเถี่ยต้าแดงขึ้นอย่างอาย ๆ มันชัดเจนว่า เขามีความสุขมากในคำชมนั้น ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างซื่อ ๆ เถี่ยต้าพูดเสียงต่ำ "เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าก็ทำให้ข้าประหลาดใจเช่นกัน"
เหยียดแขนและขาของเขาออก เจี้ยนเฉินหัวเราะ "เถี่ยต้า นี่คือรอบสุดท้าย หนึ่งในพวกเราที่จะกลายเป็นผู้คุมกฏของเหล่าเด็กใหม่ ดังนั้นถ้าเจ้าจะเอาชนะข้าให้ได้ เจ้าก็ต้องพยายามให้มาก แล้วเจ้าจะได้รับแกนอสูรระดับสามซึ่งมีค่านับร้อยเหรียญม่วง ซึ่งเพียงพอให้เจ้าเลี้ยงดูทั้งครอบครัวไปตลอดชีวิต"
เถี่ยต้ากระตือรือร้นทันทีที่ได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นจากเจี้ยนเฉิน "เจียงหยาง เซียงเทียน แน่นอนว่าข้าจะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของข้า ดังนั้นเจ้าจงเตรียมตัวให้ดี"
เจี้ยนเฉินเพียงแค่หัวเราะและพยักหน้ารับ "ข้าเกรงว่ามันจะไม่ง่ายเช่นนั้น"
"บูม!"
ฟังเสียงสัญญาณให้เริ่มต้นการต่อสู้ ทันใดนั้น เถี่ยต้าก็เข้าจู่โจมไปที่เจี้ยนเฉินหลังจากเสียงการเริ่มประลองดังขึ้น เถี่ยต้าจู่โจมเจี้ยนเฉิน เขาคว้าเจี้ยนเฉินด้วยมือทั้งสองข้าง เขาวางแผนที่จะใช้ความแข็งแกร่งที่พระเจ้าอวยพรให้กับเขา เพื่อยกและขว้างเจี้ยนเฉินออกจากสนามการประลอง
เจี้ยนเฉินตระหนักถึงแผนการของอีกฝ่ายและหัวเราะ เขาคุ้นเคยกับวิธีการต่อสู้ของเถี่ยต้านัก สำหรับในทุก ๆ การต่อสู้ เถี่ยต้าจะใช้กลยุทธ์เช่นนี้ซ้ำ ๆ กัน แต่มันก็ได้ผลดีนัก หากเจี้ยนเฉินถูกเขาจับได้ มันจะเป็นการยากที่จะหลบหนี
เจี้ยนเฉินก้าวสั้น ๆ เพื่อล่าถอย หลบหนีจากเถี่ยต้า มือขวาของเขากำเข้าหากันแน่นเป็นหมัด เขาใช้พลังเกือบแปดส่วนของเขา เพื่อโจมตีไปยังบริเวณทรวงอกของอีกฝ่าย
"พลั่ก"
หมัดของเจี้ยนเฉินเกิดเสียงดังขึ้นจากการปะทะเข้าที่ทรวงอกของเถี่ยต้า แต่อย่าง รก็ตาม ใบหน้าที่พึงพอใจของเจียงเฉินเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ ขณะที่เถี่ยต้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ อะไรกันที่ทำให้หมัดนี้หนักราวกับไม่ใช่หมัดของคน เจี้ยนเฉินรู้สึกราวกับว่าหมัดของเขาได้ปะทะกับกำแพง ไม่เพียงแต่เถี่ยต้าแข็งแกร่ง แต่เขายังมีร่างกายที่ทนทาน ความทนทานนั้นยากที่จะเชื่อยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม หมัดของเจี้ยนเฉินทำให้เถี่ยต้าเซถอยหลังไป แต่เพียงชั่วพริบตา เถี่ยต้าตะโกนเสียงดังและเข้าโจมตีเจี้ยนเฉินอีกครั้งด้วยมือทั้งสองข้าง ด้วยหมัดที่ใช้พลังเพียงแปดส่วนของเจี้ยนเฉิน มันไม่ได้สร้างรอยขีดข่วนอะไรบนตัวของเถี่ยต้าเลย
เจี้ยนเฉินเริ่มที่จะรู้สึกตื่นเต้น เขามองดูเถี่ยต้าที่เข้ามาประชิดพร้อมกับหมัดของมัน เขาไม่ได้หลบมันแต่อย่างใด เขาเริ่มที่จะเตรียมตัวที่จะใช้พลังเต็มสิบส่วนในการตอบโต้ด้วยมือของเขาเอง
หมัดสองหมัดเข้าปะทะกันกลางอากาศ และผลกระทบของมันสร้างเสียงอันดังก้อง มันดังจนฝูงชนทุกคนในสนามประลองได้ยินมันอย่างชัดเจน
ขณะที่หมัดทั้งสองสัมผัสกัน มันช่วยไม่ได้ที่เจี้ยนเฉินจะถอยหลังกลับไปถึง 10 เมตร ก่อนจะหยุดลง มือขวาของเขาเริ่มสั่น มันเห็นได้ชัดเจนว่าเจี้ยนเฉินนั้นได้รับความเสียหายนั้นมากทีเดียว ถึงแม้ว่าระดับพลังเซียนของเขาจะเหนือกว่าเล็กน้อย เขายังคงห่างไกลจากระดับที่จะไม่สนใจความเสียหายบางอย่างเช่นนี้ได้
เถี่ยต้านั้นไถลไปไกลเพียง 2 เมตร ใบหน้าของเขาไม่แสดงความรู้สึกและเขาไม่มีท่าทีทรมานแต่อย่างใด ราวกับความเสียหายนั้นมันเล็กน้อยเอามาก ๆ
เจี้ยนเฉินนวดมือของเขา หลังจากทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน เขาเข้าใจอย่างชัดเจนถึงความโง่เขลาเมื่อโจมตีเถี่ยต้าตรง ๆ แม้ว่าบางคนจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าเถี่ยต้าก็ไม่อาจนำเอาชัยชนะมาได้ตรง ๆ เพียงสิ่งเดียวที่อาจจะนำเอาชัยชนะมาจากเถี่ยต้า คงต้องพึ่งความเร็วเพียงอย่างเดียว
"เถี่ยต้า, ความแข็งแกร่งเกินกว่าที่ข้าจะคาดคิดไว้เสียอีก แต่ข้าจะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของข้าในตอนนี้" เจี้ยนเฉินกล่าว ขณะที่เขาเดินไปข้างหน้า
เถี่ยต้าหัวเราะ "เข้ามาสิ เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าไม่สามารถที่จะทำร้ายข้าได้" น้ำเสียงของเถี่ยต้าก็เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นที่รุนแรง
เจี้ยนเฉินหยุดพูดเช่นกัน เมื่อระยะห่างระหว่างเขาและเถี่ยต้าเริ่มลดลงเหลือเพียง 5-6 เมตร ฝีเท้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ขาของเขากลายเป็นภาพพร่ามัวลึกลับที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าเถี่ยต้า ก่อนที่จะเถี่ยต้าจะสามารถตอบสนอง หมัดทั้งสองก็ชกลงที่บริเวณด้านหลังของเถี่ยต้า
"ตึง" "ตึง" "ตึง!"
เสียงดังเป็นชุด ดังออกมาจากเวทีเกือบราวกับว่ามันเป็นเสียงที่ต่อเนื่องกัน ภายใต้การโจมตีหนักต่อร่างกาย แม้กระทั่งร่างกายของเถี่ยต้าก็ไม่สามารถช่วยได้ เขาถลาไปข้างหน้ามากจนทำให้เขาเหลือเวลาน้อยมากที่จะหันกลับมา
"ฮ่า!"
เถี่ยต้าคำรามด้วยความโกรธ ในขณะที่เขาพยายามที่จะทรงตัวให้ได้ ทันใดนั้นเขาก็หันไปรอบ ๆ ยกกำปั้นออกมาและพยายามที่จะชกโครมไปที่เจี้ยนเฉิน
ช่วงเวลาที่เถี่ยต้าพยายามที่จะโจมตีเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินกระโดดเบา ๆ ขึ้นไปในอากาศที่ความสูง 2 เมตร เขาหลบกำปั้นของเถี่ยต้าได้อย่างหวุดหวิด เจี้ยนเฉินใช้ขาทั้งสองข้างของเขาเตะเข้าไปที่เถี่ยต้าจากกลางอากาศ ทั้งสองขาของเขาเต็มไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามและพวกมันผลักเถี่ยต้าให้ถอยหลังกลับ
"ตึง" "ตึง" "ตึง!" ...
เจี้ยนเฉินเตะออกไปติด ๆ กันหลายครั้ง ก่อนที่จะกลับไปยืนที่พื้น โดยในจุดนี้ ใบหน้าเถี่ยต้าถูกเจี้ยนเฉินเตะหลายครั้งจนก่อให้เกิดรอยช้ำทั่วบริเวณใบหน้า
ทันทีหลังจากที่ลงมายืนบนพื้นดินที่ เจี้ยนเฉินหันไปรอบ ๆ บนพื้นและงอขาของเขาต่ำลงไปเรื่อย ๆ ขาซ้ายของเขาหมุนรอบเกือบ 180 องศา ขาขวาของเขากวาดขาของเถี่ยต้า
"เพ้ง"
เถี่ยต้าเสียหลักล้มลงกับพื้น แต่ทันใดนั้น เขาเด้งตัวกลับขึ้นไปยืนและคำรามออกมา ในขณะที่เขารีบพุ่งไปหาเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าเริ่มที่จะเข้าต่อสู้ในระยะประชิดตัว แต่เถี่ยต้าได้รับความแข็งแกร่งและร่างกายที่ทนทานจนน่าตระหนก เจี้ยนเฉินไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ในเมื่อเจี้ยนเฉินเคยมีประสบการณ์มาแล้วถึงสองครั้ง เขาคิดการตอบโต้สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ แม้จะคิดว่านั่นไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด แต่เขาก็ไม่มีวิธีการอื่น ๆ ในการต่อสู้กับอีกฝ่าย เจี้ยนเฉินได้ตัดสินใจที่จะพึ่งพาความฉลาดของเขาในการต่อสู้กับเถี่ยต้า แม้ว่าร่างกายเถี่ยต้าจะแข็งแกร่งมาก เจี้ยนเฉินนั้นโจมตีลงไปซ้ำ ๆ ในจุดเดิมบนร่างกายของเถี่ยต้า ดังนั้นเถี่ยต้าจึงรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ที่สุดแล้วใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว
สถานการณ์ต่อไปตอนนี้กลายเป็นพลิกกลับ เจี้ยนเฉินอาศัยประสบการณ์ที่เขาได้สั่งสมในโลกที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเอาชนะเถี่ยต้าซึ่งวิ่งเอามือกุมหัวของเขาไปรอบ ๆ ถึงแม้ว่าเถี่ยต้าจะพบโอกาสที่จะโต้กลับ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำร้ายเจี้ยนเฉินได้ การโจมตีของเขาไม่แม้แต่จะสามารถสัมผัสเสื้อผ้าของเจี้ยนเฉินได้ด้วยซ้ำ
ในผลการประลองนี้ ลูกศิษย์ในกลุ่มผู้ชมทำได้เพียงมองการต่อสู้นั้นอย่างตกตะลึง ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วด้วยวิทยายุทธ ความเร็วที่เร็วกว่าค่าเฉลี่ยของคนปกติ ด้วยเหตุนี้ ลูกศิษย์หลายคนจึงมองด้วยความสนใจอย่างมากเพราะมันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ด้านบนของแท่นพิธี ไป่เอินอ้าปากค้างด้วยความชื่นชมในขณะที่เขามองดูเจี้ยนเฉิน "เด็กคนนี้ชัดเจนว่าเขานั้นแตกต่างไปจากคนอื่น เขาเต็มไปด้วยประสบการณ์การต่อสู้และความเร็วของเขาไม่ได้ช้าลงเลยสักนิด ดูเหมือนว่าลูกศิษย์คนนี้จะถูกเรียกว่า เจียงหยางเซียงเทียน ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากชื่อของเขา เขามาจากเมืองลอว์ ตระกูลเจียงหยาง มันดูเหมือนว่าข้าจะต้องนำเรื่องนี้ไปรายงานแก่ท่านอาจารย์ใหญ่"
ขณะที่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ในที่สุดเถี่ยต้าก็มาถึงขีดจำกัดของเขา เขาอุทานและร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง "หยุด หยุด! ข้าไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป ข้ายอมแพ้! "
เจี้ยนเฉินหยุดการโจมตีของเขาทันทีและยิ้มสดใสไปที่เถี่ยต้า "ทำไมเจ้าไม่ต่อสู้อีกต่อไป?"
เถี่ยต้าลูบที่จุดสีแดงที่เจี้ยนเฉินได้ตีซ้ำ ๆ ด้วยใบหน้าที่ทนทุกข์และกล่าวว่า "เจ้าเคลื่อนไหวรวดเร็วนักจนข้ามองเห็นเจ้าไม่ชัด แล้วข้าโจมตีเจ้าโดนได้อย่างไร ดังนั้นตลอดเวลามีแต่เจ้าที่ทุบตีข้าอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น "
เจี้ยนเฉินหัวเราะ แล้วถามต่อ "ดังนั้นเจ้าจะยอมแพ้ต่อการเป็นอันดับหนึ่งงั้นหรือ?" แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่ได้ยั้งมือขณะที่โจมตีเถี่ยต้า แต่ผิวหนังของเขานั้นหนามากและร่างกายของเขาแข็งแกร่ง ดังนั้นมันแทบจะไม่มีความเสียหายร้ายแรงใด ๆ เกิดขึ้นเลย
เถี่ยต้าพยักหน้าและพูดด้วยเสียงอู้อี้ "ข้าไม่สามารถที่จะเอาชนะเจ้าได้ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ใส่ใจต่อการเป็นอันดับหนึ่งนัก การเป็นอันดับสองก็ดีพอแล้ว แกนอสูรระดับสองก็สามารถขายได้ในราคาไม่เลว"
หลังจากนั้นลูกศิษย์สองคนเดินลงจากเวที ในขณะที่ผู้ชนะลำดับสามได้รับการประกาศ กาดิเหลียงและเทียนมู่หยงผู้ซึ่งต่อสู้กัน ในศึกการประลองเพื่อหาผู้ชนะ ในท้ายที่สุดมันก็เป็นเทียนมู่หยงซึ่งได้รับชัยชนะและมีชื่อในลำดับที่สามของการแข่งขัน
หลังจากที่แจกรางวัลสำหรับผู้ชนะสามลำดับแรกแล้ว เจี้ยนเฉินถูกเรียกขึ้นไปบนเวที ขณะรองอาจารย์ใหญ่ไป่เอิน เดินตรงไปหาเขา เขาเหลือบมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความชื่นชมไม่น้อยทีเดียว ทันทีที่ออกไป เขาหันศีรษะของเขามองไปที่ลูกศิษย์พันกว่าคนในบรรดาผู้ชมและประกาศว่า "บรรดาลูกศิษย์ที่รักทุกคน การแข่งขันลูกศิษย์หน้าใหม่ในปีนี้ ในที่สุดก็ได้ข้อสรุป ข้าขอประกาศว่า ผู้คุมกฎของเด็กใหม่ปีนี้คือ ศิษย์ เจียงหยาง เซียงเทียน ซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนพลังเซียนระดับแปด"
รองอาจารย์ใหญ่ไป่เอินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาด เป็นเหตุให้ทุกคนพากันปรบมือและโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี แต่ในขณะที่บางส่วนของลูกศิษย์ที่อยู่ในระดับเก้าของพลังเซียน ได้ยินว่าลูกศิษย์ผู้คุมกฏเป็นเพียงลูกศิษย์ที่อยู่ระดับแปด พวกเขาจำนวนมากจึงไม่อาจยอมรับได้ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่อาจบ่นในเรื่องที่พวกเขาไม่พอใจได้ แต่ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน มันคือสิ่งที่พวกเขาพอจะยอมรับได้และพวกเขาถึงกับตะลึงกับวิธีการต่อสู้ของเจี้ยนเฉินและความเร็วที่ทำให้หลายคนไม่อาจเพิกเฉยได้
"เจ้าเด็กใหม่ปีนี้มันไร้ประโยชน์เกินไป เบื้องหน้านั้นมีหลายคนที่ก้าวขึ้นไปถึงระดับเก้าของพลังเซียน ในท้ายที่สุดผู้คุมกฎของเด็กใหม่กลับจบลงด้วยการเป็นเด็กหนุ่มที่มีพลังเซียนอยู่ในระดับแปด นี่นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายเกินไปจริง ๆ"
"นั่นคือความจริง เด็กใหม่ปีนี้อ่อนแอมากจริงๆ ไม่เพียงแต่ฉายาผู้คุมกฎของเด็กใหม่จะถูกเจ้าเด็กที่อยู่เพียงแค่ระดับแปดเอาไป แต่ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเด็กผิวคล้ำนั่นที่ได้อันดับสองก็เป็นเพียงระดับแปดเช่นกัน ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่า เด็กใหม่พวกนี้ฝึกฝนกันอย่างไรถึงเอาชนะคนที่มีพลังเซียนระดับเก้าได้ "
คนสองคนที่พูดเป็นศิษย์พี่ที่สวมเครื่องแบบของสำนัก น้ำเสียงของพวกมันเต็มไปความเยาะเย้ยต่อผู้ที่ต้องพ่ายแพ้กับทั้งสองคน
ได้ยินลูกศิษย์สองคนบ่น อีกคนหนึ่งของในบรรดาศิษย์พี่เอ่ยตอบพวกมัน "พวกเจ้าจะกล่าวเช่นนั้นไม่ได้ มันไม่ใช่พวกระดับเก้าอ่อนแอ แต่มันเป็นเพราะลูกศิษย์ที่อยู่ระดับแปดนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขาเป็นอย่างมาก เจ้าเด็กผิวคล้ำนั้นมีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ อย่าบอกนะว่าพวกเจ้า ไม่เห็นการที่พวกระดับเก้าถูกโยนลงมาจากเวทีอย่างง่ายดาย ถ้ามันเป็นพวกเราที่กำลังต่อสู้แทน ข้ายังไม่แน่ใจว่าเราจะดีไปกว่าลูกศิษย์พวกนั้น ในฐานะที่เป็นเด็กใหม่ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของบรรดาเด็กใหม่ ความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวมาก เจ้าคิดอย่างไรกับการเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ และโจมตี? ถึงแม้ว่าเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน มันก็เป็นเรื่องที่ยากนักที่จะหลบการโจมตีของเขาได้"
นอกเหนือจากลูกศิษย์สองคน ศิษย์พี่หลายคนในสำนักต่างก็ถกเถียงกันถึงการประลองของพวกมัน พวกมันอยู่ในสำนักนี้เป็นเวลาหลายปี แต่การแข่งขันในปีนี้ทำให้พวกมันถึงกับพูดไม่ออก ในปีนี้มีลูกศิษย์จำนวนมากที่มาถึงระดับเก้าของพลังเซียน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าลูกศิษย์สองลำดับแรกนั้นเป็นเพียงลูกศิษย์ที่อยู่ในระดับแปดของพลังเซียน
ไม่นานหลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้รับแกนอสูรระดับสามเป็นรางวัล มันเป็นสีแดงเข้มและขนาดใหญ่กว่า แกนอสูรระดับหนึ่งซึ่งพี่ชายของเขาได้ให้เขาก่อนหน้านี้
เจี้ยนเฉินถือมันขึ้นมาด้วยมือของเขา เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงกลิ่นอายพลังงานจำนวนมหาศาล จากแกนอสูร พลังจำนวนมากในแกนอสูรและพลังปราณในโลกก่อนหน้าของเขามีความแตกต่างที่น้อยมาก แต่เท่าที่เจี้ยนเฉินรู้ พลังงานที่มาจากแกนอสูรมีขนาดใหญ่มาก
นอกเหนือจากแกนอสูร เจี้ยนเฉินยังได้รับเหรียญรางวัลที่ซึ่งถูกหลอมด้วยทองและมีคำจารึกบนเหรียญ
จากสิ่งที่เจี้ยนเฉินเคยได้ยิน ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญที่เขาได้รับเป็นรางวัล ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดเกี่ยวกับว่าการใช้งานของมัน แต่ในขณะที่เขากำลังพยายามที่จะคิด รองอาจารย์ใหญ่ไป่เอิ่นอธิบายกับเขาว่า "เหรียญนี้เป็นเพียงรางวัลสำหรับลูกศิษย์ที่ได้อันดับหนึ่งในศึกจัดอันดับของเด็กใหม่ ตราบใดที่เจ้ามีสิ่งนี้ เจ้าจะได้รับแกนอสูรระดับหนึ่งทุกเดือน นอกจากนี้ ผู้ที่ครอบครองเหรียญนี้จะสามารถเข้าไปยัง 5 ชั้นแรกของหอหนังสือได้"