เทพกระบี่มรณะ - 009
เทพกระบี่มรณะ - 009
Chaotic Sword God ตอนที่ 9 ความแข็งแกร่งที่ถูกซ่อนไว้
ซิ่วเอ้อจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ จนดูเหมือนถ้ามันเป็นสัตว์ป่า มันหมายมาดที่จะฉีกเจี้ยนเฉินเป็นชิ้น ๆ
"เจ้ามันไอ้สารเลว ข้าจะสอนบทเรียนให้กับเจ้าในวันนี้ ! "
ซิ่วเอ้อคำรามออกมาด้วยความโกรธ เขาพุ่งตรงไปหาเจี้ยนเฉินและเตะไปที่หัวของเจี้ยนเฉิน การเตะนั้นรวดเร็วและถ้ามันโดน สำหรับคนธรรมดา มันไม่มีทางที่จะเกิดเป็นเพียงแค่บาดแผลเล็ก ๆ อย่างแน่นอน ด้วยร่างกายเล็ก ๆ ของเจี้ยนเฉิน ถ้าโดนตรง ๆ มันมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะถูกฆ่า.
เมื่อประเมินการเตะของซิ่วเอ้อ บ่าวรับใช้อายุ 20 คนนั้นเกิดความตื่นตระหนกและใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด พร้อมกับร้องตะโกนเตือนเสียงดังขึ้นมาว่า "พี่ซิ่วเอ้อ หยุด!!"
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ยังคงเป็นนายน้อยสี่ซึ่งเป็นบุตรชายของเจียงหยางป้า แม้ว่าจะเป็นสวะ แต่มันก็ยังได้รับความเคารพในบริเวณรอบนอกของคฤหาสถ์เจียงหยาง เขาอาจจะสามารถเยาะเย้ยได้ แต่การปะทะกับนายน้อย แม้ว่าเขาจะมีผู้อาวุโสหนุนหลัง พวกเขานั้นก็ยังคงต้องถูกลงโทษอยู่ดี
หลังมองเห็นการเตะของซิ่วเอ้อ ใบหน้าของเจี้ยนเฉินสงบนิ่ง ตาของเขาทอประกายเย็นชาและโน้มตัวด้านข้างอีกครั้ง ยืนอยู่อย่างสงบด้านนอก เท้าของซิ่วเอ้อมาถึงตัว เขาไม่ได้ถอยหลัง เจี้ยนเฉินเข้าประชิดร่างกายของซิ่วเอ้ออย่างรวดเร็ว เจี้ยนเฉินปลดปล่อยพลังเซียนที่เก็บอยู่ในร่างกายของเขาไปที่ข้อมือและปล่อยมันออกไปด้วยความแรงนับร้อยปอนด์ เกินกว่าที่ร่างกายเล็ก ๆ ของเขาจะทำได้
ร่างกายของซิ่วเอ้อกระเด็นสูงขึ้น เจี้ยนเฉินไม่รอช้าที่จะโต้กลับ ขาทั้งสองข้างของเขาเหวี่ยงไปยังร่างของซิ่วเอ้อที่อยู่ด้านหน้าอย่างหนักหน่วง
ร่างกายของซิ่วเอ้อไถลไปไกลเกือบ 5 เมตร ก่อนที่จะปะทะกับโต๊ะสำหรับตัดผลไม้ดังโครม บังเอิญใต้ร่างกายที่ตกลงของเขาเป็นกองเหล็ก การล้มลงบนนั้นจะทำให้เขามีลักษณะคล้ายกับมนุษย์เม่นที่แปลกประหลาด
ซิ่วเอ้อร่วงลงไปโดนแท่งเหล็กเสียบหลายอัน และอีกเพียงแค่นิ้วเดียวเท่านั้นก่อนที่มันจะทะลุร่างของเขา ทันใดนั้นซิ่วเอ้อกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาผิดรูปไปและจมูกของเขามันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ที่ยังส่งผลไปที่จิตใจ
ทันใดนั้นบ่าวรับใช้ทุกคนในโรงครัวยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น จากเหตุการณ์ที่ไม่อาจทำใจเชื่อได้ พวกเขาได้แต่ยืนจ้องอยู่เช่นนั้น เด็กเพียง 7 ขวบ ไม่เพียงแต่จะต่อสู้กับชายร่างใหญ่ แต่เขายังทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ลง อีกฝ่ายนั่นยังอยู่ในพลังเซียนระดับสาม ถ้าข่าวใหม่นี้แพร่ออกไป คงไม่มีใครในเจียงหยางที่จะเชื่อมัน
เจี้ยนเฉินจ้องมองซิ่วเอ้อที่เต็มไปด้วยความทรมานด้วยแววตาเยือกเย็น ขณะเดียวกันกับความรู้สึกดูถูกเกิดขึ้นบนใบหน้าเขา เขาไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไปและเลือกที่จะออกจากโรงครัวแทน โดยปราศจากเสียงจากใครทั้งสิ้น
หลังจากออกกำลังกายในโรงครัว เจี้ยนเฉินถอนหายใจช้า ๆ เขาไม่คิดว่าบ่าวรับใช้ในโรงครัวจะกล้าเยาะเย้ยนายน้อยสี่
หลังจากโยนอารมณ์ขุ่นมัวออกไปจากหัวใจ เจี้ยนเฉินเริ่มเดินเล่นไปรอบคฤหาสน์เจียงหยาง คฤหาสน์กว้างใหญ่ เจี้ยนเฉินไม่เคยเห็นคฤหาสน์อย่างเต็มตาสักครั้ง แม้ว่าทิวทัศน์โดยรอบจะดูงดงามแค่ไหนก็ตาม เมื่อมองไปยังสวนที่เป็นสวนทุกตารางนิ้ว มีทะเลสาบหลายแห่งเช่นเดียวกับสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้หายากมากมายซึ่งไม่สามารถหาจากที่อื่นได้ และพวกมันส่งกลิ่นหอมหวาน
ในฐานะนายน้อยสี่แห่งตระกูลเจียงหยาง เจี้ยนเฉินมีอิสระที่จะเดินทุกที่ที่เขาต้องการ ในขณะที่เขาเดินไปมาเขาจะเจอถนนสายสำคัญและอาคารที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนซ่อนตัวอยู่ทุกที่ เมื่อเขาเห็นผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น แต่เขาได้ตัดสินใจที่จะไม่คิดมากเกี่ยวกับมัน หลังจากที่เขารู้ว่าตระกูลเจียงหยางเป็นหนึ่งในสี่ของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของเมืองลอว์ เมืองลอว์จัดว่าเป็นเมืองชั้นหนึ่งที่ ดังนั้นการเป็นตระกูลใหญ่จึงมีเกียรติ
เขาก้าวเดิน เขาไม่ได้สนใจที่จะไปยังกลางของสวนดอกไม้ที่สงบเงียบ เจี้ยนเฉินไม่ได้สังเกตเห็นพี่สามของเขา เจียงหยางเค่อ ที่ซึ่งกำลังฝึกฝนการต่อสู้โดยใช้ขวานอย่างต่อเนื่อง ที่ซึ่งเขาฝึกฝนภายในสวนดอกไม้อันร่มรื่น แต่อย่างไรก็ตาม ในสายตาที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ในการต่อสู้ของเจี้ยนเฉิน มันดูเหมือนกับว่า ถ้าเจียงหยางเค่อเหวี่ยงขวานสะเปะสะปะ
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเรียนรู้วิธีการใช้กระบี่มาจากโลกที่แล้ว แต่สิ่งที่เขาเรียนรู้มันแตกต่างกับผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้อาวุธขวานและวิธีการอย่างไรที่พวกเขาสู้ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเคยชินกับวิธีการใช้ขวาน อีกอย่างหนึ่ง เจียงหยางเค่อยกมือค้าง เจี้ยนเฉินไม่ได้กล่าวอะไร นี่นับว่าเป็นการพิจารณาการฝึกหรือ?
ขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังจะเดินย้อนกลับไป เจียงหยางเค่อสังเกตเห็นเจี้ยนเฉินจากหางตาของเขา เขาเคลื่อนไหวช้าลงและเริ่มมีความคิดใหม่ขึ้นมา เขาเผยอยิ้มออกมา
"น้องสี่ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร มาสิ พี่สามของเจ้า มีขนมหวานให้เจ้ากิน" เจียงหยางเค่อร้องเรียกเจี้ยนเฉิน
ได้ยินคำพูดของเจียงหยางเค่อ เจี้ยนเฉินแทบจะสะดุดหัวทิ่มลงกับพื้นด้วยความยากจะเชื่อ เขาลอบคิดในใจ ว่า "ต่อให้เป็นเด็ก 7 ขวบ ยังยากที่จะหลงเชื่ออุบายเช่นนี้" แต่อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินลืมไปว่านี่คือประสบการณ์ที่ผ่านมาในโลกเก่า เขายังคงอยู่ในรูปกายของเด็ก 7 ขวบในตอนนี้
แต่เขาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเจียงหยางเค่อและยังคงเดินโดยไม่หันหน้ากลับ
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินค่อย ๆ เดินจากไป เจียงหยางเค่อเริ่มที่จะโกรธ เขาขว้างขวานไม้ในมือของเขาลงไปปักบนพื้นดิน เขาโผเข้าหาเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็วและในที่สุดคว้าตัวอีกฝ่าย
"น้องสี่ เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือไง !!" เจียงหยางเค่อขัดขวางทางเดินของเจี้ยนเฉิน เหมือนกับจุกไม้ก๊อกในขวด ใบหน้าของเขาแดงไปด้วยความโกรธขณะที่เขาเริ่มจ้องมองเจี้ยนเฉิน
"มีอะไรผิดพลาดงั้นหรือ"
เจี้ยนเฉินจ้องมองที่เจียงหยางเค่อด้วยการมองอย่างนิ่ง ๆ ขณะที่พูดเป็นนัย ๆ ที่เต็มไปด้วยความเย็นชาในคำถามของเขา เจี้ยนเฉินไม่ได้ใส่ใจกับอารมณ์ของพี่สาม เมื่อสองปีที่แล้ว เจียงหยางเค่อยังคงทำทุกวิธีทางเพื่อจะรังแกเจี้ยนเฉิน มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเจี้ยนเฉินเริ่มกลายเป็นสวะ การกระทำนั้นเริ่มเลวร้ายมากเรื่อย ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเจี้ยนเฉินออกมาข้างนอกน้อยครั้ง เจียงหยางเค่อคงรังแกเจี้ยนเฉินนับครั้งไม่ถ้วน อย่างไรก็ตาม ทุกวัน ทุก ๆ เวลา เขาพยายามรังแกเจี้ยนเฉิน แต่มันก็ล้มเหลวทุกครั้ง เจี้ยนเฉินสามารถโต้กลับได้ทุกครั้ง มันสร้างความไม่พอใจแก่เจียงหยางเค่อ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถเก็บความแค้นไว้ได้อีกต่อไป
"น้องสี่ ไปเป็นเพื่อนพี่สามของเจ้าในการฝึกวรยุทธ์บางอย่าง"
ขณะที่กล่าวออก เจียงหยางเค่อเริ่มทำการลากเจี้ยนเฉินไปสถานที่ของการฝึกวรยุทธ์โดยไม่ให้โอกาสเจี้ยนเฉินได้ตอบกลับ เจียงหยางเค่อรู้สึกตื่นเต้นมากในช่วงเวลานี้ เขาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้กับเจี้ยนเฉินทางด้านความฉลาด แต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะอ่อนแอไปกว่าเจี้ยนเฉินในเรื่องความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม น้องสี่ของเขาก็เป็นเพียงสวะพิการในการบ่มเพาะพลังการต่อสู้และไม่มีทางที่จะบ่มเพาะพลังเซียนได้ ในใจของเจียงหยางเค่อถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้แก้แค้น
ไม่นานหลังจากที่เจี้ยนเฉินถูกลากไปอย่างแรงโดยเจียงหยางเค่อ ในที่สุดก็มาถึงยังสถานที่ฝึกวรยุทธ์ เจียงหยางเค่อหยิบขวานไม้เขวี่ยงมันไปด้านข้างอย่างรวดเร็วและจากนั้นก็กล่าวกับเจี้ยนเฉิน "น้องสี่ เจ้าพร้อมแล้วหรือยัง ? ข้าจะได้เริ่มโจมตีเจ้าในตอนนี้"
เจี้ยนเฉินมองดูเจียงหยางเค่อแล้วยิ้มออกมาอย่างสุภาพ ดวงตาเจี้ยนเฉินปรากฏร่องรอยสนุก เขาถามว่า "พี่สาม ท่านมีอาวุธในมือของท่าน อย่าบอกข้านะว่าท่านจะให้ข้าสู้โดยไร้ซึ่งอาวุธ"
ได้ยินคำพูดของน้องชาย เจียงหยางเค่อก็รู้สึกไขว้เขวอีกครั้ง เขาจ้องมองขวานไม้ในมือและเริ่มลังเลใจ ก่อนจะโยนขวานให้พุ่งตรงไปที่เจี้ยนเฉิน แล้วกล่าวว่า "ข้าให้ขวานแก่เจ้า น้องสี่ และจะเป็นข้าที่สู้ด้วยมือเปล่า"
แม้ว่าขวานจะเป็นไม้ มันก็ยังหนักถึง 10 ปอนด์ แม้ว่าจะเป็นเด็กอายุ 10 ปี แต่การเหวี่ยงมันเช่นนั้นก็ชัดเจนว่ามันยากเกินไป เจียงหยางเค่อขว้างมันไปที่เจี้ยนเฉินด้วยเหตุผลที่ว่าเขาต้องการทำให้เจี้ยนเฉินอับอายขายหน้าด้วยตัวของเขา ขณะที่เขาทำเหมือนกับมีน้ำใจ
เจี้ยนเฉินถือขวานไม้ไว้ในมือและเริ่มตรวจสอบ ขวานนี้มันถูกสร้างออกมาอย่างหยาบ ๆ เพียงรูปร่างขวาน ขณะที่ตัวขวานมันก็เกือบจะไม่มีอยู่ แม้ว่าเขาจะพยายามฟันมันไปที่ผู้คน มันแทบจะไม่สามารถสร้างอันตรายในจุดสำคัญได้เลย อย่างดีขวานมันก็แค่สร้างบาดแผลฟกช้ำได้แค่นั้น
มองดูเจี้ยนเฉินถือขวานที่หนักถึงสิบปอนด์ได้อย่างง่ายดาย ดวงตาของเจียงหยางเค่อไม่สามารถปกปิดความตกตะลึง เขาไม่คาดฝันว่าจะเป็นเช่นนั้น
เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่เจียงหยางเค่อและพูดเจือหัวเราะ "พี่สาม บางทีท่านควรจะใช้ขวานนี้แทน" ทันใดนั้นเขาพูด แล้วขว้างขวานนั้นกลับไปยังเจียงหยางเค่อ
หลังจากจับขวานที่ถูกขว้างมาอย่างง่ายดาย เจียงหยางเค่อเริ่มรู้สึกคลางแคลงใจ "น้องสี่ เจ้าจะต้องการสู้กับข้าด้วยมือเปล่า?"
เจี้ยนเฉินเริ่มหัวเราะขณะที่เขาสั่นศีรษะ คว้าเอากิ่งไม้ที่ยาวราว 1 เมตร ริดกิ่งไม้เล็ก ๆ ออกไป ในมือขวาเจี้ยนเฉินมีเพียงกิ่งไม้อันเดียว
"นี่เป็นอาวุธข้า" ยกกิ่งไม้ในมือ เจี้ยนเฉินหัวเราะอย่างอ่อนโยน
เจียงหยางเค่อจ้องมองกิ่งไม้เล็ก ๆ ที่ซึ่งมีขนาดเท่าตะเกียบในมือของเจี้ยนเฉินก็เริ่มหัวเราะ เขาไม่เพียงไม่โกรธ เขาอาจจะทำให้เจี้ยนเฉินพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย ในที่สุดความฝันที่จะทำให้เจี้ยนเฉินกลายเป็นไอ้งั่งก็ได้มาถึง เจียงหยางเค่อรู้สึกมีความสุข
เจียงหยางเค่อกระชับขวานในมือ "น้องสี่ ระวังตัวให้มาก พี่สามของเจ้าจะเริ่มโจมตี!" ทันใดนั้นหลังจากพูดจบ เจียงหยางเค่อพุ่งตรงไปหาเจี้ยนเฉินราวกับพายุด้วยขวานในมือ ก่อนจะเหวี่ยงลงไปหาเจี้ยนเฉิน
ขวานนี้อาจจะไม่สามารถสร้างรอยแผลที่ถึงชีวิต ดังนั้นเจียงหยางเค่อจึงไม่รอช้าที่จะเหวี่ยงมันด้วยความแข็งแกร่งของตน
ขาของเจี้ยนเฉินก้าวไปข้างหน้าหลบหลีกขวาน เหวี่ยงกิ่งไม้นั้นออกไปด้วยความเร็วอันน่ากลัว ทันใดนั้นกิ่งไม้นั้นก็คล้ายกับมีพลังอำนาจอะไรบางอย่าง ท่าทีของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างทันที เขาก้าวอย่างกดดันไปข้างหน้า จากกิ่งไม้ธรรมดากลายเป็นคมกระบี่แห่งความตายในมือเขา
เจี้ยนเฉินเหวี่ยงกิ่งไม้แทนกระบี่ด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ ไปทางเจียงหยางเค่อโดยไม่มีช่องว่างให้ตอบโต้ ในที่สุดเมื่อกิ่งไม้นั้นก็ไปจ่อที่คอของเจียงหยางเค่อ
"พี่สาม ท่านแพ้แล้ว" ด้วยการหยอกเล่น เขาส่งขวานกลับคืนไปหาเจียงหยางเค่อที่ล้มในกลางการต่อสู้
เจียงหยางเค่อทำได้เพียงจ้องมองกิ่งไม้ที่คอของเขา ประกายแสงแห่งความยากจะเชื่อปรากฏในดวงตา เขาไม่ได้เห็นการเคลื่อนไหวของกิ่งไม้เลยสักนิด สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเท่านั้น และการต่อสู้นั้นก็จบลง
เจียงหยางเค่อยังคงตกใจและสั่นศีรษะของเขา ปัดกิ่งไม้ซึ่งจ่อที่ลำคอของเขาออก เขาตะโกนร้องออกมาลั่นด้วยความยากจะเชื่อ "นั่นมันไม่นับ มันจะนับไม่ได้ น้องสี่ เจ้าต่อสู้อย่างไม่ยุติธรรม"
เจี้ยนเฉินหัวเราะขณะที่จ้องมองไปยังใบหน้าที่เป็นสีแดงของเจียงหยางเค่อ "พี่สาม ท่านไม่รู้จริงหรือ ข้าต่อสู้อย่างไม่ยุติธรรมงั้นหรือ ?" เขาพูดอย่างแปลกใจ
"นั่น ..นั่นมัน" เจียงหยางเค่อเกาแก้มของมันและพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก ขณะที่มันเองพยายามหาข้อแก้ตัว ในที่สุดมันยังคงไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นั้น และพูด "เช่นนี้..การต่อสู้เมื่อครู่ไม่นับ สู้กันใหม่อีกครั้ง!"
เจี้ยนเฉินหยิบกิ่งไม้ที่เจียงหยางเค่อปัดทิ้งไปด้วยท่าทีหัวเราะ "ตกลง เริ่มต่อสู้อีกครั้งได้" โดยไร้ซึ่งท่าทีวุ่นวายใจ เขาถอยห่างออกไปจากเจียงหยางเค่อราว ๆ 5 เมตร