GE130 ผู้ใด [ฟรี]
เมื่อได้ยินคำกล่าวของชู่ซวนเชียนสื่อ ไม่เพียงสือหยินจะมีสีหน้ามืดมน ประมุขนิกายเต๋าสวรรค์ก็เช่นกัน
ในสายตาของเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับกลางในแคว้นหวู่ ต่างมองนิกายไท่ชูไพ่เป็นเพียงเด็กอมมือ
หากซ่งเชียนสื่อและไป๋หงสื่อสอดมือร่วมสงคราม แม้จะช่วยเมืองหนิงได้ แต่นิกายไท่ชูไพ่จะเสียหายร้ายแรง
เหตุที่เทียนยี่ ผู้นำนิกายเต๋าสวรรค์รับปากสือหยินว่าจะจู่โจมเมืองหนิง ไม่ใช่เพราะทั้งสองเป็นสหายกัน แต่เป็นเพราะสือหยินให้สัญญาว่า จะให้โอสถก่อดวงจิตกับเทียนยี่… หากแลกโอสถกับการทำลายเมืองหนิง ย่อมไม่ต้องขบคิด แต่หากเป็นนิกายฝ่ายอธรรมอันดับหนึ่งอย่างนิกายไท่ชูไพ่ พวกมันจะได้ไม่คุ้มเสีย
แม้โอสถก่อดวงจิตจะหายากในแคว้นหวู่ แต่ก็ยังมีวิธีให้ได้มาก
เทียนยี่ขมวดคิ้ว เขมทิศโลหิตที่ห้อยอยู่เอวของมันสั่นเทา
เขมทิศชิ้นนั้นมีนามว่า ‘เข็มทิศศพ’ เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้หาศพ หากพบศพคุณภาพสูง เข็มทิศจะสั่น
ยามนี้เทียนยี่อยู่ห่างจากเมืองหนิงไม่มากนัก การที่เข็มทิศของมันสั่นเช่นนั้น แสดงว่าในเมืองหนิงมีศพคุณภาพสูงอยู่
เข็มทิศศพสามารถระบุได้ถึงระดับของร่างยามก่อนตาย และระดับสูงที่เข็มทิศวัดได้ คือศพของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก แต่ยามนี้ ยากที่จะแน่ใจว่าเข็มทิศระบุได้ถูกต้องหรือไม่ แต่อย่างน้อย ก็บอกได้ว่าศพที่อยู่ในเมืองหนิงมีระดับไม่ต่ำกว่าขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม
“ศพของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ?!”
แววตาเทียนยี่เป็นประกาย… หากได้ค่าตอบแทนเพียงโอสถก่อดวงจิต นับว่าไม่คุ้มค่าหากต้องยั่วยุนิกายไท่ชูไพ่ แต่หากเป็นศพของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ… ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องทำลายเมืองหนิงให้ได้!
หากเทียนยี่ได้ครบอครองศพของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ มันก็มีโอกาสที่จะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณเช่ากัน เมื่อถึงยามนั้น มันจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแคว้นหวู่!
เมื่อมีผลประโยชน์นั้นหลอกล่อ ต่อให้นิกายไท่ชูไพ่มาขวาง มันก็ไม่กลัว… ผิดกับสือหยินที่ยังลังเล มันไม่กล้ายั่วยุนิกายไท่ชูไพ่ แต่ในยามนั้นเอง เทียนยี๋กลับอุ้มโลงศพขนาดใหญ่กระโดดลงจากเรือ หัวเราะอย่างชั่วร้าย ทะยานตรงเข้าหาชู่ซวนเชียนสื่อ
มันสัมผัสกระเป๋า นำทองคำดำออกมา
“เดิมทีนี่เป็นเรื่องของพวกข้ากับเมืองหนิง หากแม่นานสอดมือ อย่างหาว่าข้าไม่เตือน!”
มันถ่ายปราณเข้าไปในทองคำดำ 9 ใน 10 ส่วน มันคิดจะขู่นิกายไท่ชูไพ่โดยทำให้ชู่ซวนเชียนสื่อบาดเจ็บสาหัส นั่นจะทำให้นิกายไท่ชูไพ่เลิกล้มที่จะช่วยเมืองหนิง และตัดใจที่จะเข้าร่วมสงคราม
สือหยินขมวดคิ้ว มันประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวของเทียนยี่ อีกฝ่ายเป็นคนนอกแต่กลับชิงลงมือก่อน มันจึงเร่งติดตามไปทันที
ชู่ซวนเชียนสื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้นางจะแข็งแกร่งทัดเทียมกับเหล่าประมุขนิกาย แต่ปราณของนางยังห่างชั้นกับเทียนยี่อยู่มาก กองทองคำในมือของเทียนยี่ก็เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง ขาดอีกเพียงระดับเดียวจะเป็นสมบัติระดับสูงสุด อำนาจของมันจึงไม่ธรรม แต่ถึงอย่างนั้น ในเมื่อนานตัดสินใจจะปกป้องเมืองหนิงแล้ว นางจึงไม่หวาดหวั่น
ในความคิดของนาง แม้นางไม่อาจเอาชะเทียนยี่ได้ แต่มันก็ใช่ว่าจะทำอะไรนางได้เช่นกัน ยิ่งหากผู้อาวุโสของนางอีก 2 คนมา ร่วมมือกันรับมือกับเที่ยนยี่ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
ทองคำดำเปล่งประกายอัสนีสีดำแปรบปราบ ขยายขนาดกลายเป็นภูเขาขนาดเล็กที่สูงกว่า 100 จ้าง ถล่มเข้าใส่ชู่ซวนเชียนสื่อจากเหนือศีรษะ
เหนือยอดเขาลูกนั้น ปรากฏแสงเปล่งประกาย ทำให้อานุภาพของภูเขาเพิ่มพูนขึ้นอีก 3 ใน 10 ส่วน!
“นี่มัน ‘วิญญาณพิภพ’!” สือหยินประหลาดใจ ‘วิญญาณพิภพ’ คือทักษะเสริมวิญญาณที่เสริมความสามารถพิเศษให้กับสมบัติวิญญาณ หทำให้อานุภาพของมันเพิ่มพูน
สมบัติวิญญาณทองคำดำอยู่ไม่ห่างจากสมบัติวิญญาณระดับสูงสุดมากนัก เมื่ออานุภาพของมันเพิ่มพูน จึงอาจทำให้มันทรงพลังเทียบเท่าสมบัติระดับสูงสุด
ฉากที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้ศิษย์ของนิกายจี๋หลิงหวาดกลัว ยิ่งยามที่พวกมันมองไปยังศิษย์ของนิกายเต๋าสวรรค์ที่ไร้ชีวิต พวกมันยิ่งหวาดกลัว
เมื่อภูเขาขนาดเล็กเข้าประชิด ชู่ซวนเชียนสื่อเร่งถอยหลบ แต่โลหิตและปราณของนางยังผันผวนจากผลกระทบ นางตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของเทียนยี่ นางรู้ว่าอาจไม่อาจเป็นคู่มือของมัน แต่หากถ่วงเวลาได้ นางก็บรรลุเป้าหมาย
นางสัมผัสกระเป๋านำยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น โยนสูงขึ้นไปบนท้องนภา ขยับนิ้วเป็นท่าทาง ทำให้ยันต์แผ่นนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีทองเจิดจ้า ก่อนแตกกระจายเป็นประกายทองคำขนาดเล็ก แล้วก่อตัวเป็นปีกขึ้นที่แผ่นหลังของนาง
นางขยับมือเคลื่อนไหว สร้อยข้อมือปรากฏหยกปรากฏที่ข้อมือ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นวงหยกขนาดยักษ์… วงหยกนี้คือสมบัติวิญญาณระดับสูงของนาง มีนามว่า ‘วงหยกวารี’
นางโคจรปราณขยับปีกที่แผ่นหลัง ทำให้ร่างของนางแปรเปลี่ยนเป็นลำแสง ถอยห่างจากตำแหน่งเดิมออกไปพันจ้างในพริบตา แล้วปรากฏกายด้านหลังเทียนยี่พร้อมกับวงหยกวารี!
การที่นางสามารถเคลื่อนไหวในระยะพันจ้างได้ในพริบตานั้น เป็นเหมือนวิชาของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม
เมื่อครู่นางถูกภูเขาขนาดเล็กจู่โจม แต่เมื่อภูเขาลูกนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ นางกลับนำยันต์ออกมาแล้วเคลื่อนไหวออกจากตำแหน่งนั้นในพริบตา แม้นางจะเป็นสตรี แต่ก็สมที่แล้วตัวตนระดับสูงของนิกายไท่ชูไพ่
เทียนยี่ดูแคลนชู่ซวนเชียนสื่อ มันคิดว่าเพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำให้นางสยบได้แล้ว
แม้มันต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมของวงหยกวารี มันไม่กลัวและยิ้มอย่างเย็นชา
“หยกวารี… ย่างก้าวพริบตา… สมบัติวิญญาณระดับสูง… เพียงเท่านี้ก็นับว่าดีกับสตรีมากแล้ว ในเมื่อเจ้ายังไม่ยอมหลีกทาง ก็อย่าหากข้าว่าไม่สุภาพ!”
ในขณะที่วงหยกวารีกำลังจะเข้าสัมผัสตัวเทียนยี่ โลงศพที่มันนำมาด้วยกลับเปิดออก แขนของศพที่เน่าเปื่อยยื่นออกมา คว้าจับวงหยกวารีเอาไว้
สมบัติวิญญาณระดับสูงกลับถูกตรึงไว้ด้วยมีเปล่าได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่มือข้างนั้นจะออกแรง บีบวงหยกวารีจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
สมบัติวิญญาณถูกทำลาย ชู่ซวนเชียนสื่อที่อยู่ไกลออกไปได้รับผลกระทบ นางกระอักโลหิตคำโต เปื้อนผ้าบนบังใบหน้าของนาง
นางไม่อยากเชื่อว่าสมบัติวิญญาณระดับสูงจะถูกทำลาย… โลงศพนั่นซ่อนสิ่งใดไว้!
เทียนยี่หันมองชู่ซวนเชียนสื่อ ดวงตาอันแดงฉานกลางหน้าผากปรากฏ นางสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงจากมัน ก่อนที่นางจะเร่งถอยห่างมันอีกพันจ้างทันที
“ดวงตาของมันก็คือวิชา… หากข้าถอยห่างช้ากว่านี้อีกก้าว ข้าไม่รอดแน่...”
นางตกตะลึงและเริ่มหวาดกลัวเทียนยี่ แม้ทั้งสองจะอยู่ในขอบเขตกึ่งดวงจิตแรกเริ่มเหมือนกัน แต่วิชาของเทียนยี่ลึกล้ำกว่า กระทั่งอาจรับมือกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกแริ่มได้
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ที่ตกตะลึงไม่ได้มีแค่นาง สือหยินเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
“เกิดอะไรขึ้นกับเทียนยี่… เมื่อ 10 ปีที่แล้วมันยังไม่แข็งแกร่งขนาดนี้… ช่างเถอะ มันเป็นสหายไม่ใช่ศัตรู ยังไงซะก็ต้องทำลายเมืองหนิงให้ได้ก่อน ถ้ายังยืดเยื้ออยู่แบบนี้ ตาเฒ่าสองคนของนิกายไท่ชูไพ่จะตามมาทัน”
สือหยินที่กำลังขบคิดเผยสีหน้ามืดมน มันแหงนมองขึ้นไปบนท้องนภาเบื้องบน
เทียนยี่ไม่ได้ติดตามชู่ซวนเชียนสื่อ มันเพียงจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาต
“ดูเหมือนตาเฒ่าสองคนนั้นจะมาแล้ว… แต่พวกมันไม่ปรากฏตัว” เทียนยี่เย้ยหยัน ดวงตาที่ 3 ของมันเปล่งแสง ภูเขาขนาดเล็กแปรเปลี่ยนเป็นก้อนทองคำสีดำดั่งเก่า
การแสดงพลังของเทียนยี่ ทำให้สามกองทัพปีศาจทมิฬของเมืองหนิงฮึกเหิม
แม้พวกมันจะหวาดกลัว แต่กลับตื่นเต้นมากกว่า เพราะในอดีต หานหยวนจี๋ได้พาพวกมันออกรบในระดับนี้มานับครั้งไม่ถ้วน!
หนานกงได้สั่งกองทัพไว้ว่าให้รอดูสถานะการณ์เงียบๆ
“กองทัพทั้ง 4 แห่งเมืองหนิงรับคำสั่ง! หากไม่มีผู้ใดบุกจู่โจม ห้ามเคลื่อนไหวเด็ดขาด!” แววตาหนานกงแปรเปลี่ยนจริงจัง เสียงคำสั่งของมันดังสะท้อนไปทั่วเมือง
ทหารแต่ละนายสงสัย… แม้พวกมันจะรู้ว่ากำลังจะเกิดสงคราม แต่พวกมันไม่รู้ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งขนาดนี้ พวกมันต้องการกำลังเสริม แต่นอกเหนือจากตระกูลใหญ่ทั้ง 4 แห่งเมืองฉีเหม่ยแล้ว ก็เหลือก็เพียงนิกายกุ่ยเชว่ ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะมาช่วยหรือเปล่า?
“หากชู่ซวนเชียนสื่อตกอยู่ในอันตราย… ข้าจะช่วยหรือไม่ช่วยดี...” หนานกงลังเล มันรู้ว่าหนิงฝานมีสตรีอยู่หลายคน แต่เมื่อได้เห็นชู่ซวนเชียนสื่อแห่งนิกายไท่ชูไพ่ ต่อกรกับนิกายฝ่ายธรรมจากแคว้นหวู่เพียงลำพัง หากกล่าวว่านางไม่เกี่ยวข้องกับหนิงฝาน มันคงไม่เชื่อ
ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องช่วยนาง...
หลังจากชู่ซวนเชียนสื่อใช้วิชาก้าวย่างพริบตาไป 2 ครั้ง นางเริ่มหายใจหอบเหนื่อย ใบหน้าที่งดงามซีดขาว มุมปากปรากฏโลหิต
ก้าวย่างพริบตาเป็นวิชาที่เสริมให้กับหยกวิญญาณของนาง มันทำให้นางเคลื่อนไหวได้เทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แต่ปราณที่ใช้ไปกลับมหาศาลเช่นกัน
นางใช้ก้าวย่างพริบตาไป 2 ครั้ง ครั้งแรกเพื่อลอบจู่โจมเทียนลี่ ส่วนอีกครั้งเพื่อถอยห่างจากมัน ยามนี้ปราณของนางแทบหมดตัว ผิดกับเทียนยี่ที่ยังมีท่าทีสบาย นั่นหมายความว่าทั้งสองห่างชั้นกันมาก
“ลำพังข้าคงไม่อาจช่วยเมืองหนิงได้… อีกไม่นานผู้อาวุโสทั้งสองน่าจะมาถึง...”
ในขณะที่นางกำลังสับสนนั้น นางกลับเผยรอยยิ้ม
เพราะเหนือท้องนภาเมืองหนิง ได้ปรากฏกลิ่นอายของ 2 คนที่นางคุ้นเคย!
“ผู้อาวุโสทั้งสองเร่งร่วมมือกับข้าจัดการมันเถอะ!” จิตใจของนางสงบลง แต่คำกล่าวของชายชราทั้งสองกลับทำให้นางรู้สึกราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่
“สหายแคว้นหวู่… เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด นิกายไท่ชูไพ่เราไม่ได้ตั้งใจ… หวังว่าท่านจะใจกว้าง”
ชายชราทั้งสองมองเทียนยี่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว
ทั้งดวงตาที่ 3… โลงศพสีดำ… และแขนที่ยื่นออกมาจากโลงศพนั่น ทำให้ชายชราทั้งสองหวาดกลัว
“เชียนสื่อ เร่งกลับนิกายกับพวกข้าได้แล้ว...” ชายชราตำหนิชู่ซวนเชียนสื่อ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้พวกมันไม่อาจสอดมือ...