ตอนที่ 1 : คนที่อยู่ข้างหน้ากับกางเกงของเขาที่เลื่อนหลุด
ภายในถ้ำ, เด็กอายุ 12 ปี นอนราบอยู่ที่พื้นในสภาพผิดปกติ ชั้นบางๆของผ้าคลุมห่มลงมาคลุมเด็กอายุเจ็ดขวบ คนอื่น ๆ ที่ไม่มีสิ่งปกคลุม หรือห่มบัง พวกเขาจะอยู่อย่างนั้น หรือพวกเขาจะขดตัวลงเป็นลูกบอลอยู่ที่ด้านข้าง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะห่มคลุมหรือขดตัวเป็นลูกบอล พวกเขาก็ยังนอนหลับอย่างอุตุยิ่งนัก
เนื่องจากมันไม่ได้รับการทำความสะอาดมาเป็นเวลานานและมีคนจำนวนมากกำลังนอนหลับ,มีกลิ่นเหม็นสาปรุนแรงมากรอบๆ ถ้ำ ในสภาพแวดล้อมของพวกเขา มีช่องระบายอากาศ ปล่อยให้แสงแดดส่อง ซึ่งแทบไม่ยอมให้มีแสงภายในถ้ำที่มืดมิด
ภายใต้ช่องระบายอากาศ ด้านหนึ่งของถ้ำ เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดฉีกขาดกำลังนอนอยู่ที่นั่น แต่เขาแตกต่างจากคนอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีสุนัขขนาดใหญ่ที่นอนหลับอยู่ด้านข้าง เกือบจะมีขนาดเท่ากับเขา
ฉาวซวนลืมตาของเขา เห็นแสงแดดที่ส่องไปที่ไหล่ เขาลูบเปลือกตาของเขาแล้วลุกขึ้น และหยิบหญ้าแห้งที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเขา เห็นการกระทำของฉาวซวน สุนัขขนาดใหญ่ที่ดวงตาปิดสนิทลืมตาขึ้นมาทันทีและคุกเข่าเชื่อฟังอยู่ด้านข้างของเขา เช่นที่ปล่อยให้ฉาวซวนหยิบหญ้าแห้งขึ้นมามันเป็นเพียงแค่นั้น
หลังจากมัดหญ้าแห้งเข้าด้วยกัน ฉาวซวนเดินออกมาจากถ้ำด้วยมือข้างหนึ่งถือมัดหญ้าแห้งและมืออีกข้างที่ถือสายจูงสุนัขซึ่งทำจากเชือก
เดินทางมาถึงชนเผ่าดั้งเดิม เหมือนว่าพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขากลายเป็นเด็กเหลือขอตัวเล็ก ๆ ในเผ่าที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารรกร้าง ร่างกายนี้อ่อนแอมาก เช่นที่มันเหมือนจะไม่สามารถที่จะรักษาจากการเจ็บป่วย นับตั้งแต่ฉาวซวนตื่นขึ้นมาในร่างนี้ กว่าครึ่งปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้มัน เขาเท่านั้นที่สามารถกัดฟันและอดทนกับมัน การอยู่รอดเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุด
ฉาวซวนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงสถานที่เช่นนั้นจริงๆ มีความแตกต่างอย่างมากจากชนเผ่าดั้งเดิมของยุคหินที่เขาได้เรียนรู้มาตั้งแต่สมัยก่อนเมื่อเปรียบเทียบกับตอนนี้ การปรากฏตัวของพวกเขาไม่ได้ดูเป็นพิเศษอะไร แต่สาระสำคัญของพวกเขานั้นแตกต่างกัน
คุณเคยเห็นคนธรรมดายกแท็งก์น้ำขนาดเล็กด้วยมือเพียงข้างเดียวเดินไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมายบนถนน?
คุณเคยเห็นคนธรรมดากระโดดสูงสามชั้น โดยไร้ความช่วยเหลือของเครื่องมือใดๆ และยืนอย่างมั่นคงหลังจากกระโดดลงมาจากความสูงสิบเมตรเท่ากับตึกสามชั้น?
ฉาวซวนไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตที่ผ่านมาของเขา แต่ที่นี้ . . เขาเห็นมันทุกวัน!
สำหรับถ้ำที่เขาเพิ่งออกมา มันมีชื่อเดิมว่า "ถ้ำวัวนอนลง" เพราะลักษณะของถ้ำเป็นเหมือนวัวที่กำลังนอนอยู่ มันได้รับการตั้งชื่อโดยชนเผ่าของ "หมอผี" ณ ตอนนั้น; แต่เป็นเวลานับพันปีตั้งแต่ผ่านพ้นไป นับปีและเดือน หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไป ชนเผ่ากำเนิดลูกหลานสืบเผ่าพันธ์ุ สร้างบ้านเรือนขึ้นนอกถ้ำ เป็นผลให้ถ้ำถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับเด็กกำพร้าที่ถูกนำเข้ามาโดยชนเผ่านับจากนี้ไปก็จะได้ชื่อว่า "ถ้ำเด็ก" โดยคนของชนเผ่า เด็กที่อาศัยอยู่ภายในไม่มีครอบครัวดูแลพวกเขา และเช่นกันไม่มีคนในเผ่าเต็มใจจะนำพวกเขาไปอยู่ในความดูแลของตัวเอง ดังนั้นถ้ำทุกๆที่คือ "ถ้ำเด็ก" เป็นสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าของชนเผ่า
หลังจากฉาวซวนมาถึงสถานที่นั้น เขาไม่เคยเห็นผู้คนที่มาจากชนเผ่าอื่นๆ ซึ่งหมายความว่าในบริเวณใกล้เคียงเทือกเขาของพวกเขา มีเพียงเผ่าเดียวเท่านั้น พวกเขาคือ ชนเผ่า"เขาเพลิง"
ในชนเผ่าที่ตีตัวออกห่าง มันเป็นชีวิตของการพึ่งพาตัวเอง
ขณะที่จูงสุนัข ฉาวซวนเดินอย่างไม่รีบร้อน
ไม่นานหลังจากนั้น เขาเห็นบ้านไม้ขนาดไม่ได้สัดส่วนเสมอกัน บางส่วนของส่วนประกอบก็เป็นไม้รวมกับสิ่งต่าง ๆ เช่นหิน หญ้าและสิ่งสกปรก เมื่อเปรียบเทียบกับอีกส่วนหนึ่งที่ทำจากไม้และหิน มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย และมันก็ดูแข็งแรงขึ้น บ้านหลังนี้อาจถูกนับว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ขนาดคฤหาสน์
แต่ไม่ว่ามันจะเป็นบ้านไม้หรือไม้และหิน "คฤหาสน์" มันเป็นสิ่งก่อสร้างที่เรียบง่ายอย่างน่าสยดสยอง อย่างไรก็ตามหลังจากพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ฉาวซวนโหยหาบ้านไม้ที่เป็นที่พักของตัวเอง แต่ด้วยขั้นตอนที่ไม่อาจทำให้สมปรารถนา
ในเวลานั้น มีผู้คนเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว คนเหล่านี้ได้เอาเครื่องมือหินของพวกเขามาบด ดังนั้นจึงควรจะสะดวกยิ่งขึ้นในครั้งต่อไป พวกเขาไปล่าสัตว์กับมีดหินแหลมแล้ว ผู้หญิงเหล่านี้ก็มีงานทำของตัวเอง เย็บที่ซ่อน, ทำอาหารแห้ง ฯลฯ
เมื่อฉาวซวนเดินผ่าน สายตาของผู้คนจ้องมองผ่านเขาไป ไม่ได้อยู่ที่ฉาวซวนแต่อยู่ที่สิ่งมีชีวิตที่ฉาวซวนจูงอยู่ ในสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยประกายหยาดเยิ้ม น้ำลายไหล และความตะกละ เช่นที่พวกเขากลืนน้ำลายลงคอ ในมุมมองของพวกเขา ฉาวซวนได้คว้าเนื้อก้อนใหญ่ เพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะมีเนื้อกินไปหลายสิบมื้อ สายตาของผู้คนที่ตื่นขึ้นมาเพื่อทำงาน ยังคงมีท้องที่ว่างเปล่าพร้อมน้ำย่อยสีเขียว; อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกเขาได้เห็นสิ่งที่สวมใส่รอบคอของเขา พวกเขา — ไม่เต็มใจ — อดกลั้นความอยากของพวกเขาที่จะนำหมาป่าไป นั่นคือเครื่องหมายดินเผาของ "หมอผี" มีความหมายว่ามันเป็นของหมอผี พวกเขาไม่กล้าที่จะสัมผัสมัน ในสายตาของพวกเขา ฉาวซวนเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยหมอผีให้คอยดูแลหมาป่า
ใช่ มันเป็นหมาป่าจริงแท้แน่นอนที่อยู่ด้านข้างฉาวซวน มันเกิดบนเทือกเขาสูง แต่เมื่อมันยังเล็ก,นักรบและนักล่าสัตว์ของชนเผ่าไปพบมัน เขานำมันกลับมา ดังนั้นฉาวซวนสามารถกินมัน แต่บังเอิญ หมอผีของชนเผ่าผ่านมา โดยทิ้งเครื่องหมายดินเผาที่เป็นสัญลักษณ์ของหมอผี เช่นนั้นก็จากไป ฉาวซวนตั้งชื่อหมาป่าว่า "ซีซาร์" ชื่อที่ฉาวซวนตั้งเป็นชื่อของสุนัขในชีวิตก่อนของเขา เขาทำกับซีซาร์เหมือนที่เขาทำกับสุนัข ตลอดจนถึงตอนนี้
ความคิดของคนที่นี่แปลกอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเคารพหมอผีไม่น้อย แต่ทัศนคติของพวกเขาเมื่อหันหน้าไปทางฉาวซวนไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แม้กระทั่งหลังจากที่ได้เห็นหมอผีให้เครื่องหมายดินเผากับฉาวซวน สิ่งเดียวที่แตกต่างคือพวกเขาปรารถนาที่จะยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อฆ่าซีซาร์และกินมัน สำหรับพื้นที่อื่น ๆ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าสิ่งที่พวกเขามักจะทำเป็นกิจวัตรประจำวันปกติ หลังจากนั้น หมอผีไม่ได้บอกทุกคนให้ช่วยฉาวซวน ที่ไหนบ้างที่บุคคลผู้ยิ่งใหญ่เช่นหมอผีจะมีเวลาให้ความสนใจเด็กน้อย? เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาทั้งหมดก็คุ้นเคยกับเด็กที่มีหมาป่า และนับตั้งแต่ซีซาร์เป็นลูกหมาป่าก็ไม่มีแถวฟันที่สมบูรณ์แบบสุนัขป่า หมอผีก็ไม่ได้ปรากฏตัวอีก
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้กับตีนเขารู้สึกงงงัน คือเหตุใดทำไมฉาวซวนถึงเรียกซีซาร์ที่เป็นสุนัข?
แล้ว อะไรที่เป็นสุนัข?
อย่างไรก็ตาม คำถามดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นนานนักเพราะไม่มีใครให้ความสนใจกับมัน พวกเขาไม่ได้ทำความรำคาญให้ความสนใจกับมัน ขณะที่พวกเขากำลังวุ่นวายมุ่งเน้นไปที่สิ่งอื่น เช่น อาหาร
ฉาวซวนกลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้างแล้ว ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็ยังคงจูงซีซาร์และเดินอย่างสบายใจ แม้ว่าผู้คนในชนเผ่าจะตะกละแต่พวกเขาจะไม่ไปหยิบฉวยและปล้นสิ่งของของหมอผี เช่นที่ ฉาวซวนได้กล่าวไว้ว่า: ตำแหน่งหมอผีในชนเผ่าอยู่ในระดับที่สูงมาก สำหรับเหตุผลว่าทำไมคนที่พำนักอยู่บนภูเขา "พื้นที่สำหรับผู้มีอิทธิพล" หมอผีที่มีตำแหน่งสูงสุดหรือสูงเป็นอันดับสองรองจากหัวหน้าเผ่า จะให้ฉาวซวน เด็กที่หลับอยู่ใน "ถ้ำเด็ก" มีชีวิตอยู่อย่างต่ำต้อย ดังนั้นเครื่องหมายดินเผาจึงมีความสำคัญ, มันเป็นเพราะคำพูดของฉาวซวนกล่าว ณ ตอนนั้นว่า "เลี้ยงสัตว์" แต่เดิม ฉาวซวนกล่าวว่าเลี้ยงดูซีซาร์ลูกหมาป่าตัวเล็กก่อนที่จะกินมัน และบังเอิญหมอผีได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาได้อนุญาตให้ฉาวซวนเลี้ยงมัน และเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นๆ ในเผ่านำมันไป หมอผีได้ทิ้งเครื่องหมายดินเผาให้ฉาวซวน ซึ่งสวมไว้ที่คอของเขา
"หมอผี" มีความสนใจการเลี้ยงสัตว์ แต่เป็นเวลากว่าครึ่งปี ชายชราไม่ได้แม้แต่จะปรากฏตัวสักครั้งเดียว เป็นผลให้ความประทับใจของฉาวซวนที่มีต่อชายชราเป็นตาแก่หลอกลวงที่ขาดความรับผิดชอบ การเลี้ยงดูหมาป่าเป็นเรื่องง่ายหรือไง? ทุกวันนี้ เขากำลังถูกจ้องมองจากผู้คนที่อยู่รอบๆ ตัวเขา หากปราศจากความอดทนทางสภาพจิตใจ เขาอาจจะกลายเป็นบ้าไปแล้ว
ในระยะเวลาสั้นๆ การเลี้ยงซีซาร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบเป็นเพราะความบังเอิญ
ชีวิตช่างยากเย็นแค่ไหน! แม้ว่าเผ่าจะดูแลเรื่องอาหารในถ้ำเด็ก เขาก็ยังคงหิว
ฉาวซวนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขามองไปข้างหน้า ถัดมาเปลือกตาของเขาก็กระตุก
ก่อนหน้าเขามีคนถือกระบองหินอยู่บนไหล่ของเขา ยาวสองเมตรลักษณะเหมือนไม้เบสบอลทั้งยังหนากว่ามาก ที่จริงมันค่อนข้างหนัก และเป็นไปตามปกติของฉาวซวนในชีวิตที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะยกมันขึ้นแต่ก็เหนื่อยมาก แต่คนนั้นดูเหมือนจะถือมัน เช่นถือจอบธรรมดาปกติ ด้วยความน่าเบื่อ เขาเดินบนภูเขาอย่างเฉื่อยชา อาจมุ่งหน้าไปยังกลุ่มนักล่าเพื่อหารือเรื่องการล่าสัตว์
นั้นเป็นเช่นคนปกติธรรมดาในสถานที่นี้ สำหรับ ฉาวซวน เขาอยู่ในกลุ่มคนที่อ่อนแอ ผู้ที่พลังสัญลักษณ์ของเขายังไม่ตื่นขึ้นมา เมื่อเขาอายุครบสิบปี, พลังสัญลักษณ์ของเขาจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และเพียงเช่นนั้นเขาจะถือว่าเป็นนักรบที่มีความสามารถในการออกล่า พลังของสัญลักษณ์เป็นระดับที่กำหนดขึ้นมาอย่างมั่นคงและแน่นอนเท่านั้น ว่าใครคนใดคนหนึ่งสามารถที่จะกลายเป็นนักรบและนักล่าหรือไม่ในเผ่า
สำหรับสิ่งที่เที่ยงแท้แน่นอนเช่นพลังสัญลักษณ์ ฉาวซวนยังไม่รู้ บางทีเขาอาจจะเข้าใจเมื่อเวลานั้นมาถึง
ในเสี้ยวพริบตา ลุงที่อยู่ด้านหน้าของฉาวซวน ผู้ที่กำลังแบกก้อนหิน มีลักษณะอาการง่วงนอนเป็นปกติธรรมดาขณะที่ไม่มีสถานที่ให้หลบซ่อน เขาสวมกางเกงขาสั้นขณะที่มันเลื่อนเกือบลงมาที่หัวเข่า กลางวันแสกๆ เขายังคงเคลื่อนที่ต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จากคนรอบข้าง เมื่อพวกเขาเห็นมัน
ฉาวซวนกุมมันเอาไว้ แต่ในท้ายที่สุดยังคงกล่าวว่า "ท่านลุง ผู้ที่แบกกระบองด้านหน้า กางเกงของท่านกำลังจะหลุด!"
แต่หลังจากฉาวซวนแหกปากตะโกนโหวกเหวกโวยวาย บุคคลที่อยู่ด้านหน้าของเขาก็หันมองไปรอบ ๆ พร้อมกับหาวออกมา เขาเหลือบตามองมาที่ฉาวซวน จากสายตาของเขาหยุดชะงักอยู่ที่ซีซาร์ประมาณครึ่งนาทีแล้วจากนั้นก็มองลงไปที่กางเกงเลื่อนลงมาของเขา หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆ ดึงมันขึ้น,ยึดเข็มขัด และเดินต่อไปยังภูเขากับกระบองหินบนไหล่ของเขา
ฉาวซวนพูดอะไรไม่ออกไปอีกนาน
ในมุมมองของคนในเผ่า . . มารยาท? ความละอายใจ? นี่มันอะไรหน่ะ?" เจ้าสามารถกินมันได้หรือไม่ ถ้าเจ้าไม่สามารถกินมันได้ มันจะเป็นห่าอะไรที่ต้องคุยเกี่ยวกับมัน?