DC บทที่ 90: หวาดกลัวทั่วนิกาย(ฟรี)
DC บทที่ 90: หวาดกลัวทั่วนิกาย
ข่าวของซูหยางได้เป็นศิษย์ในสร้างความแตกตื่นแก่ศิษย์นอกจำนวนมาก
ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าเขาเข้าถึงเขตคัมภีร์วิญญาณในเวลาเดือนเดียวจากเขตปฐมวิญญาณระดับสามได้อย่างไร ต่างมีการคาดเดาไปมากมายหลายทาง
บางข้อสันนิษฐานกล่าวว่าซูหยางประสบโชคดีระหว่างทำกิจกรรมของนิกายทำให้การฝึกปรือของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยังมีบางคนคาดเดาว่าเขากลืนกินตัวยาล้ำค่า
อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าซูหยางผู้ที่เคยเป็นคนพิการ เป็นเศษขยะไร้ค่า สามารถกลายเป็นศิษย์ใน ในขณะที่พวกเขายังคงเป็นศิษย์นอกก่อให้เกิดความอิจฉาเกินอธิบายแก่ศิษย์ทุกคน
-
-
-
ภายในห้องซูหยาง ชิวเยวี่ยค่อยคลี่ขยายดวงเนตรที่คล้ายดวงจันทร์ ลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางเกียจคร้าน
เธอมองไปรอบๆด้วยความท่าทางงุนงง รู้สึกผ่อนคลายจากการได้หลับสนิท
ก่อนที่จะได้พบกับซูหยาง เธอมักจะระวังตัวจากตำหนักจันทราศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ ด้วยสาเหตุนั้นเธอจึงไม่เคยได้หลับอย่างเป็นสุข อย่างไรก็ตามเมื่อมีซูหยางอยู่กับเธอ ความกังวลทั้งหมดเหมือนสูญสิ้นไปราวกับหมอกควัน ทำให้เธอหลับสบายราวเด็กทารก
“ท่านพ่อ..”
เมื่อไม่เห็นเงาซูหยางยามเธอตื่น ความรู้สึกหวาดผวาปรากฏขึ้นในใจเธอ กลัวว่าการได้พบเจอกับซูหยางเป็นเพียงแค่ความฝัน
“ท่านพ่อ” ด้วยความสับสน ชิวเยวี่ยกระโดดออกจากเตียง พลังการฝึกปรือของเธอแผ่ทะลักออกจากร่างโดยไม่รู้ตัว ครอบคลุมไปทั่วทั้งนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ด้วยแรงกดดันน่าหวาดหวั่น เป็นเหตุให้ทุกผู้คนในนิกายต่างพากันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ราวกับมีสัตว์ร้ายน่าหวาดกลัวอยู่ใกล้เคียง
แรงกดดันที่เกิดขึ้นกระทันหันสร้างความตื่นตระหนกมหาศาลแก่ผู้คนจำนวนมาก จนทำให้พวกเขาต่างพากันคิดว่ากำลังถูกโจมตี ศิษย์จำนวนมากถึงกับล้มลงกับพื้นเมื่อพบว่าขาไม่อยู่ในคำสั่งของจิตใจ
ผู้อาวุโสนิกายหลายสิบคนต่างพากันวิ่งออกมาจากอาคารด้วยท่าทางตื่นตระหนกพร้อมอาวุธในมือ มองราวกับพวกเขาเตรียมพร้อมรบ
ชิวเยวี่ยอยู่ที่เขตเทพศักดิ์สิทธิ์ สองเขตสูงกว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบเล็กที่กำลังเติบโตนี้ ดังนั้นแม้กระทั่งเศษเสี้ยวของพลังการฝึกปรือของเธอก็พอเพียงที่จะทำให้ผู้ที่อยู่ในเขตปฐพีวิญญาณหวาดกลัวจนร้องไห้ ยิ่งมิต้องกล่าวถึงเหล่าศิษย์ที่มีพลังการต่ำต้อยด้อยกว่าเขตสัมมาวิญญาณ
“เหตุใดเจ้าจึงทำให้ผู้คนหวาดกลัวแทบตายตั้งแต่เช้า”
ฉับพลันเสียงของซูหยางพลันดังขึ้นจากห้องพัก ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นจากสภาวะตื่นตระหนกของชิวเยวี่ย
“เอ๋” ด้วยท่าทางมึนงง ชิวเยวี่ยใช้สัมผัสวิญญาณมองไปยังห้องพัก ที่ซึ่งมีเสียงดังมา
เมื่อเธอสังเกตเห็นซูหยางมองมายังทิศทางเธอจากสัมผัสวิญญาณ ทั่วทั้งใบหน้าเธอพลันแดงขึ้นด้วยความอาย
ประตูห้องเปิดออกและซูหยางปรากฏตัวต่อหน้าเธอ
“สร้างความหวาดกลัวไปทั่วนิกายทันใดดัวยพลังการฝึกปรือของเจ้า เจ้าคิดจะอธิบายเหตุผลหรือไม่ กระทั่งข้ายังตกใจกับความโลดโผนเล็กๆของเจ้า” ซูหยางกล่าวกับเธอ ดูเหมือนงุนงงเล็กน้อยกับสถานการณ์
“ข้า..ข้าฝันร้าย…” เธอตอบด้วยเสียงฝืดฝืน
“ฝันร้าย” ซูหยางมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ไม่น่าเชื่อ ถ้าข้าปลุกเจ้าไม่ทันเวลา ทุกคนในนิกายนี้คงถูกกดทับจนตายจากแรงกดดันของเจ้า
"..."
ชิวเยวี่ยยิ่งกว่าพูดไม่ออก รู้สึกมึนงงกว่าเดิมยิ่งกว่าทุกผู้คนในนิกายในขณะนี้ เมื่อคิดว่าเธอเป็นต้นตอให้เกิดความวุ่นวายเช่นนี้โดยเหตุบังเอิญ กระทั่งเธอยังไม่อยากเชื่อสถานการณ์เช่นนี้
หลังจากเงียบจนน่าอึดอัดอยู่ชั่วขณะ ซูหยางถอนใจและกล่าวว่า “ช่างเถอะ...เพียงจำไว้ว่าเราอยู่รายล้อมไปด้วยคนธรรมดา ดังนั้นเราจำเป็นต้องระมัดระวังการกระทำของตนเอง โดยเฉพาะเจ้า ชิวเยวี่ย”
ได้ยินคำกล่าวของเขา เธอพยักหน้ารับ “ข้าเข้าใจแล้ว...จะไม่เกิดเช่นนี้อีก…”
ในขณะที่ชิวเยวี่ยกล่าวขอโทษ ซูหยางเข้าถึงแหวนมิติและนำป้ายหยกที่ส่องแสงสว่างออกมา
“ท่านผู้อาวุโส แรงกดดันนี้คืออะไร” โหลวหลานจีส่งเสียงสั่นสะท้านออกมาจากป้ายหยก แน่นอนว่าเธอกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันที่มีต้นเหตุมาจากชิวเยวี่ย
“อะแฮ่ม..” ซูหยางกระแอมและเริ่มพูดด้วยเสียงแปลงว่า “ข้าได้จัดการกับต้นตอปัญหาแล้ว มิจำเป็นที่เจ้าจะต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไป”
“อะไรนะ ปัญหาถูกจัดการแล้ว”
“ถ้าเจ้ามิเชื่อข้า เจ้าสามารถออกไปตรวจสอบดูได้ด้วยตนเอง”
“ข้าเชื่อ ข้าเชื่อ” เธอตอบกลับฉับพลัน
“ถ้ามิมีอะไรแล้ว ข้าจักกลับไปทำธุระของข้าต่อ”
ซูหยางปิดการทำงานของป้ายหยกและหันไปมองชิวเยวี่ยด้วยท่าทางแปลกๆ
"..."
ชิวเยวี่ยหันหน้าหนี เจตนาที่จะหลบสายตาเขา
“อย่างไรก็ตาม ข้ามีบางที่ที่ข้าต้องไปเข้าร่วม” ซูหยางพลันกล่าว
“ท่านจะไปไหน”
ซูหยางนำเอาป้ายหยกอีกป้ายออกมาจากแหวนมิติ เป็นป้ายที่เขาได้รับจากศูนย์แจกจ่ายในวันนี้ เขายื่นส่งให้เธอ “ดูด้วยตัวเจ้าเอง” เขากล่าว
ชิวเยวี่ยใช้สัมผัสวิญญาณอ่านรายละเอียดที่อยู่ข้างในป้ายหยก
หลังจากอ่านข้อความข้างในแล้ว เธอมองดูซูหยางด้วยท่าทางแปลกๆ
“เหตุใดพวกเขาจึงเลือกท่าน” เธอถามพร้อมขมวดคิ้ว
“คงเป็นเรื่องแปลกมากถ้าข้าไม่ถูกเลือกหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตำหนักทดสอบ…” เขาหัวเราะเบาๆ
“เกิดอะไรขึ้นที่ตำหนักทดสอบ” เพราะว่าเธอไม่ได้ติดตามเขาไปด้วยสัมผัสวิญญาณระหว่างการทดสอบที่ตำหนักทดสอบ เธอจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น
“ท่านจะไปจริงหรือ” เธอถาม
“ดูน่าสนุก ทำไมถึงไม่ล่ะ”
“ท่านเห็นว่ามันน่าสนุกตรงไหน” เธอถามด้วยเสียงที่ไม่สบใจ ชัดเจนว่าไม่มีความพึงใจกับเนื้อความในป้ายหยกและการตัดสินใจเข้าร่วมในกิจกรรมนั้นของเขา
ซูหยางยังคงเงียบ มีเพียงรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
“...ท่านเป็นคนเลวจริงๆ ท่านพ่อ…” เธอทอดถอนใจ
ได้ยินคำวิจารณ์ของเธอ ซูหยางหัวเราะเสียงดัง
“อย่างไรก็ตามข้าต้องคุยกับใครบางคนก่อนที่ข้าจะไปร่วมกิจกรรม จงมั่นใจว่าเจ้ามิทำสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ซ้ำอีกเมื่อข้าไม่อยู่” เขากล่าวกับเธอขณะที่ออกจากห้อง
"..."
เมื่อซูหยางจากไป ชิวเยวี่ยมองดูป้ายหยกในมือเธออีกครั้ง “ข้าเกลียดที่แห่งนี้จริงๆ ข้าควรทำลายสถานที่นี้เมื่อข้ามีโอกาสก่อนหน้านี้…” เธอถอนหายใจลึก ก่อนที่จะขยี้ป้ายหยกด้วยมือเธอจนมันกลายเป็นผุยผง