GE128 ผลหลิงเพลิง [ฟรี]
ผ่านไป 6 เดือน เมืองหนิงได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
เดิมที อาคารบ้านเรือนของเมืองหนิงก่อสร้างด้วยท่อนไม้ แต่ยามนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นตำหนักที่งดงาม
รุ่งอรุณมาเยือน หนิงฝานบังคับเมฆเซียนลอยต่ำ เมื่อเห็นเมืองหนิงที่เปลี่ยนไป ตนเองก็ถอนหายใจ
กำแพงเมืองที่ทอดยาวกว่า 100 ลี้ บ้านเรือนที่สร้างจากหยก โลหะ และทองคำสูงกว่า 19 จ้าง มีผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณคุ้มกัน ท้องนภาเหนือเมือง มีข่ายอาคมป้องกันการบิน เพื่อป้องกันศัตรูจากบนฟ้า
นอกเมืองหนิง มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญลาดตระเวนสอดส่อง กลิ่นอายของพวกมันแต่ละคนไม่ธรรมดา ล้วนแล้วแต่เหนือกว่าขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 7 นอกจากนี้ คนเหล่านั้นยังสวมเกราะสีดำที่ตกแต่งด้วยดอกเหมย บ้างก็สวมชุดเกราะสีเงินที่ตกแต่งด้วยกระบี่เจ็ดเล่ม และบ้างก็สวมเกราะสีขาวที่ตกแต่งด้วยเกร็ดหิมะ… คนเหล่านั้นคือทหารของ 3 กองทัพปีศาจทมิฬ แยกย้ายตรวจตราโดยรอบ
นอกจากนี้ยังมีกองทหารที่สวมเกราะสีแดง ตกแต่งด้วยตัวอักษร 宁(หนิง) คนเหล่านั้นคือคนของทัพปราการใต้ที่เหลือรอดคราวนั้น
ด้วยชื่อเสียงของปีศาจทมิฬหนิง ทำให้ดึงดูผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมให้เข้ามายังเมือง ทำให้ยามนี้ ทัพปราการใต้มีทหารมากุคง 600 คน ทั้งพวกมันยังไม่ได้ด้อยไปกว่าสามกองทัพปีศาจทมิฬ
สี่กองทัพแห่งเมืองหนิง ได้กลายเป็นที่เลื่องชื่อในแคว้นเยว่ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หนานกงได้นำสามกองทัพปีศาจทมิฬ เข้าจู่โจมกองโจรที่อยู่รอบทิศ... ไม่เพียงเหล่าทหารได้ฝึกฝน แต่ยังทำให้เมืองหนิงมั่นคงยิ่งขึ้น
เหตุผลที่หนิงฝานล่อโจรออกมาสังหาร ก็เป็นเพราะเหตุนี้เช่นกัน
หนานกง ‘ผู้ตัดสินชะตาสวรรค์’... ยุ่ยฉี ‘ผู้ไม่ปราณี’ ชื่อเสียงของทั้งสองคนนี้โด่งดังไปทั่วแคว้นเยว่
ยุ่ยฉีผู้ฝึกฝนกับหมู ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด กระทั่งบรรลุถึงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง ส่วนหมู บรรลุถึงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง หากทั้งสองร่วมสู้ ทั้งสองสามารถรับมือกับผู้เชี่ยวชาญกึ่งแก่นทองคำได้
ส่วนหนานกง หลังจากได้โอสถจากหนิงฝาน เส้นลมปราณอัสนีของมันก็ฟื้นฟู กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอัสนีน้ำแข็ง พลังฟื้นฟูถึงขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง แต่สามารถรับมือกับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงได้!
ดังนั้น แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นๆของนิกายใด ก็ไม่อาจประมาทหนานกง
ยังมีอีกผู้ที่ไม่เป็นที่กล่าวถึง นั่นคือแม่ทัพซื่อถู
หลังจากได้กระบี่ที่หนิงฝานมอบให้ มันก็เดินทางออกนอกเมืองหนิงอย่างไร้ร่องรอย
“พี่ฝาน ท่านดูเหมืองหนิงของท่านสิ… หลังจากคนในเมืองได้โอสถท่าน เมืองก็เปลี่ยนแปลงไปมาก” จื่อเฮ่อยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เพราะพี่ฝานของนางนั้นไม่ธรรมดา
“ถึงจะเป็นเพราะโอสถ แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือปัญญาของหนานกง… ข้าสัมผัสได้ว่าอีกไม่นานซื่อถูจะกลับมา”
หนิงฝานกลับมาถึงบ้านแล้ว… เมืองหนิงคือบ้านของเขา
เมื่อเหล่าทหารที่เดินตรวจตรารอบๆเมืองเห็นหนิงฝาน พวกมันเริ่มระวังป้องกัน แต่เมื่อเห็นจื่อเฮ่อและหนานกงติดตามมา พวกมันก็ละการระวังไป
นอกจากนี้ เหล่าทหารที่มองหนิงฝาน ล้วนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
เพราะนายน้อยของพวกมันกลับมาแล้ว
ตัวตนของปีศาจทมิฬหนิงนั้น สามกองทัพปีศาจทมิฬยังรู้ดีว่าไม่มีอยู่จริง แต่ที่นายน้อยหนิงฝานของพวกมันนั้น มีอยู่จริง และยามนี้ ชื่อเสียงของหนิงฝานก็โด่งดังยิ่งกว่าหานหยวนจี๋แล้ว
หนิงฝานกลายเป็นปีศาจหนิงแห่งนิกายกุ่ยเชว่ ผู้เอาชนะผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลางได้อย่างโหดเหี้ยม!
“ยินดีต้อนรับนายน้อยสู่เมืองหนิง!”
เหล่าทหารพร้อมใจกล่าวต้อนรับและป้องมือ เสียงที่ดังสนั่นของเหล่าทหาร ทำให้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนที่อยู่ในเมือง
“ปีศาจหนิงกลับมาแล้ว! แม้ไม่ได้เจอปีศาจทมิฬหนิง แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอปีศาจหนิงแทน!”...
เมื่อเข้าสู่ที่พัก หนิงฝานเรียกพบหนานกงทันที เพราะในอีก 3 เดือนข้างหน้า เมืองหนิงต้องรับมือกับสงคราม
หนานกงตกตะลึงกับสิ่งที่หนิงฝานกล่าว แต่ในความตกตะลึงนั้นก็มีความตื่นเต้น หากมีนายน้อยของพวกมันร่วมศึกกับนิกายจี๋หลิงและนิกายเต๋าสวรรค์ หนานกงเชื่อว่าพวกมันต้องชนะสงคราม
แต่เรื่องนี้หนิงฝานยังไม่ให้บอกเหล่าทหารในกองทัพ เพื่อป้องกันคนนอกล่วงรู้
เมื่อพูดคุยกับหนานกงแล้ว หนิงฝานก็ปลอมตัว ใช้วิชาลับสัมผัสลวงอำพรางระดับพลังของตน
เมื่อมีสัมผัสกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม หนิงฝานก็อำพรางตนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม
การอำพรางของหนิงฝานทำให้จื่อเฮ่อสนใจ แต่ซือซือกลับเผยแววตาฉงน
“เหตุใดเขาต้องทำลายนิกายข้า...” ดูราวกับนางจดจำเรื่องนิกายเทียนหลีโม่แล้วได้บางส่วนแล้ว
เมื่อกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญกึ่งดวงจิตแรกเริ่มปรากฏ ข่าวก็แพร่กระจาย
ปีศาจทมิฬหนิงที่เก็บตัวปรุงโอสถอยู่นาน ยามนี้ได้เผยตัวแล้ว
หนิงฝานที่อำพรางกายเดินตรงเข้าไปภายในเมืองหนิง แรงกดดันกึ่งดวงจิตแรกเริ่มที่แผ่ออกมา ไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวตนระดับประมุขนิกายในแคว้นเยว่
ผู้คนมากมายพยายามแผ่สัมผัสเพื่อมองลึกเข้าไปในหมอกสีดำอำพรางกายหนิงฝาน แต่เมื่อเห็นสายตาที่มองมาของหนิงฝาน คนเหล่านั้นรู้สึกกับถูกพายุพิรุณพัดกระหน่ำ จนสั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณ
วิธีการเช่นนี้ยังไม่เคยมีผู้ใดในแคว้นเยว่เคยได้ยินมาก่อน เพียงแค่มองก็สามารถหยุดการไหลเวียนของปราณ… ปีศาจทมิฬหนิงช่างลึกลับและน่าเกรงขามสมคำร่ำลือ
เมื่อข่าวแพร่กระจาย ผู้ที่คิดจู่โจมเมืองหนิงก็เลิกล้มความคิดเหล่านั้นไป
หลังจากนั้นไม่นาน ปีศาจทมิฬหนิงก็เรียกพบ 4 แม่ทัพ… หนานกง ยุ่ยฉี หนานหยางสื่อ และหลู่หนานสื่อ
ด้วยโอสถที่หนิงฝานมอบให้ หลู่หนานสื่อบรรลุกึ่งแก่นทองคำ อีกไม่นานจะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ… หนานหยางสื่อบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในแคว้นเยว่
ชายทั้งสองจ้องมองปีศาจทมิฬหนิงด้วยความเทิดทูน เพราะที่พวกมันมาถึงระดับนี้ได้เป็นเพราะปีศาจทมิฬหนิง
ก่อนหน้านี้ที่พวกมันถูกจับตัว พวกมันหมดสิ้นความหวัง แต่เมื่อรู้ว่าปีศาจทมิฬหนิงเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 พวกมันก็กลับมามีความหวังอีกครั้ง พวกมันมีความสุขและรู้ว่าหากได้ปีศาจทมิฬหนิงเป็นนาย พวกมันจะมีอนาคตก้าวไกล และปีศาจทมิฬหนิงก็ไม่ทำให้พวกมันผิดหวัง โอสถจำนวนมากที่มอบให้ ทำให้พวกมันก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด
พวกมันเชื่อสนิทใจว่า การเป็นทาสของปีศาจทมิฬหนิง ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เป็นโอกาสที่ดี!
นานแล้วที่พวกมันไม่ได้พบปีศาจทมิฬหนิง แต่เมื่อปีศาจทมิฬหนิงปรากฏตัว พวกมันกลับรู้สึกราวกับตนเป็นเพียงมดตัวเล็กจ้อย
กึ่งดวงจิตแรกเริ่ม ทำให้พวกมันรู้สึกเช่นนั้น… พวกมันรู้สึกราวกับปีศาจทมิฬหนิงไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นพิรุณที่พลิกนภาคว่ำสวรรค์
พวกมันไม่กล้าสบตา ก้มหน้า ป้องมือคารวะด้วยความเคารพ
“คารวะท่านเจ้าเมือง!”
“อืม...” หนิงกล่าวตอบ
“ยามนี้แคว้นเยว่ไม่สงบ... แม่ทัพทั้ง 4 เร่งฝึกฝนยกระดับพลัง... หยุดทุกสิ่งที่พวกเจ้าทำยามนี้ทันที ส่วนข้าจะถ่ายทอดกระบวนทัพใหม่ให้...”
ปีศาจทมิฬหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง บรรยากาศที่แผ่ออกมาทำให้จื่อเฮ่อที่อยู่ใกล้ๆแอบหัวเราะ
ท่าทางพี่ฝานเช่นนี้ช่างน่าสนใจ...
“ซือซือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่ฝานกล่าวถึงเรื่องอะไร?” จื่อเฮ่อกล่าวถามเบาๆ
“ข้าไม่รู้...” ยามนี้ซือซือปั่นป่วนสับสน ความทรงจำต่างๆมากมายเริ่มปรากฏ ทำให้นางยากจะสงบใจ
สำหรับจื่อเฮ่อแล้ว การพูดคุยของหนิงฝานยามนี้เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ
หนิงฝานได้ถ่ายทอดกระบวนทัพใหม่ และวิธีการฝึกฝนให้กับเหล่าผู้นำทัพทั้ง 4
เมื่อทั้ง 4 ได้รับคำชี้แนะ พวกมันก็เพิ่มพูนความเข้าใจในการฝึกฝน แม้เป็นหนานกงยังได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย
หลังจากพูดคุยเรื่องต่างๆแล้วเสร็จ หลู่หนานสื่อก็แสดงสีหน้าราวกับอยากกล่าวบางสิ่ง
สุดท้ายมันก็ตัดสินใจที่จะกล่าวเพื่อแสดงความภักดี
“ข้าน้อยมีเรื่องจะรายงานท่านเจ้าเมือง”
“ว่ามา...”
“เส้นชีพรจรเพลิงพิภพใต้เมืองหนิงได้เชื่อต่อกับเพลิงพิภพ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ต้นหลิงเพลิงจึงเติบใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกมันต้องการการเลี้ยงดูเป็นพิเศษ แต่ก็ขายได้ราคาดี… ข้าอยากจะขอท่านเจ้าเมืองปลูกพวกมัน...” หลู่หนานสื่อกล่าวด้วยความเคารพ
“ต้นหลิงเพลิง? ข้าเคยได้ยินชื่อมัน ราคาของมันไม่ได้เลวร้ายนัก… แต่ดูเหมือนยามนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาปลูกมัน… แต่ในอนาคตย่อมทำได้” หนานกงที่อยู่ใกล้ๆกล่าว
หนานกงเคยได้ยินชื่อผลหลิงเพลิง ผู้เชี่ยวชาญสามารถกินมันเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของร่างกาย แต่ฤทธิ์ของมันไม่ธรรมดา แม้จะขายได้ราคาไม่สูงนัก แต่ก็ทำเงินให้เหมือนหนิงไม่น้อย
เหตุที่หนานกงเป็นกังวลเพราะหนิงฝานได้บอกว่า ในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะเกิดสงคราม
แต่จริงๆเหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือน นิกายเต๋าสวรรค์และนิกายจี๋หลิงจะบุกมา… ดังนั้นเมืองหนิงสมควรจะเตรียมพร้อมให้เต็มที่ ไม่ควรคิดการเรื่องปลูกผลหลิงเพลิง
คำกล่าวของหนานกงทำให้หลู่หนานสื่อผิดหวัง
ตระกูลหลู่ก้าวหน้ามาได้เพราะผลหลิงเพลิง หากไม่อาจปลูกต้นผลหลิงเพลิง หลู่หนานสื่อจึงเสียใจ
ในเมืองหนิงแห่งนี้ คำกล่าวของหนานกงเปรียบดั่งประกาศิต สถานะของหนานกงเป็นรองเพียงปีศาจทมิฬหนิง หลู่หนานสื่อจึงไม่กล้าขัด
แต่ยามนี้ ปีศาจทมิฬหนิงที่อยู่ข้างๆกลับเผยท่าทางประหลาดใจ
“ผลหลิงเพลิง? เจ้าปลูกต้นหลิงเพลิงได้จริงหรือ?”
“ขอรับ… ท่านเจ้าเมืองต้องการหรือไม่? หากต้องการ ช่วงนี้เป็นฤดูของมัน เพียง 3 วันมันก็ออกผล… ข้าจะนำทัพปราการใต้ออกไป ใช้วิธีการพิเศษเฉพาะ เพื่อเร่งปลูกให้ได้ผลหลิงเพลิงจำนวนมหาศาล”
“ดี! เช่นนั้นเจ้าเร่งจัดการเรื่องนี้! ข้าต้องการผลหลิงเพลิง ยิ่งได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี!”
ปีศาจทมิฬหนิง… ไม่ หนิงฝานดวงตาเป็นประกาย!
คาดไม่ถึงว่าเมืองหนิงจะได้ผลหลิงเพลิงโดยบังเอิญเช่นนี้… ก่อนหน้านี้ชูชิงได้มอบตำราโบราณให้เขาเล่มหนึ่ง ในนั้นมีบันทึกโอสถที่ชื่อว่า ‘โอสถเว่ยหัวจิน’
เป็นโอสถผันแปรที่ 3… โอสถชนิดนี้เป็นโอสถที่ใช้กับกองทัพผ้าโพกหัวเหลือ แห่งลานสวรรค์โบราณ เป็นโอสถลับที่ใช้ขัดเกลาร่างกาย แม้เป็นผู้คนในสมัยโบราณ ยังน้อยคนที่จะรู้จักโอสถชนิดนี้
การจะปรุงโอสถ ต้องใช้ทักษะโบราณ แต่ด้วยที่ไม่อาจหาผลหลิงเพลิงได้ จึงไม่มีผู้ใดปรุงได้
หนิงฝานสามารถปรุงโอสถด้วยวิธีการโบราณได้ และยามนี้ เขาก็ได้ผลหลิงเพลิงโดยบังเอิญด้วย
ผลหลิงเพลิงเติบโตข้างเมืองหนิง และสิ่งที่ทำให้พบกับผลหลิงเพลิงนั้น ไม่ใช่ลิขิตสวรรค์ แต่เป็นโชคชะตา
หนิงฝานหลับตา… นี่คือโชคชะตาของผู้ฝึกตน โบราณกล่าวว่า เหล่าเทพโบราณผันเปลี่ยนชีวิตได้ด้วยโชคชะตา หากโชคดี ก็อาจพบสมบัติได้ทุกที่ แต่หากโชคไม่ดี ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่พบ
ในสมัยโบราณ เทพบางคนได้บังเอิญพบผลหลิงเพลิง และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของโชคชะตา
แม้ฤทธิ์ของโอสถเว่ยหัวจินจะด้อยกว่าโอสถจักรพรรดิหยก แต่หากมีผลหลิงเพลิงจำนวนมหาศาล และปรุงผลหลิงเพลิงได้จำนวนมหาศาล ก็ทำให้ร่างกายยกระดับได้ดีไม่แพ้กัน
ยามนี้ร่างกายหนิงฝานบรรลุขอบเขตแสงเงินระดับ 6 อีกเพียง 3 ระดับจะบรรลุขอบเขตกระดูกเงิน!
แสงสีเงินจะเปล่งออกมาจากกระดูกที่แปรเปลี่ยนโลหะเงิน ทำให้ร่างกายทรงพลังพอที่จะต้านรับการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้
หากในช่วง 3 เดือนนี้สามารถปรุงโอสถเว่ยหัวจินได้เป็นจำนวนมาก แค่หนิงฝานอาภรณ์ขาวก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แล้ว!
หนิงฝานนับว่าโชคดี โชคดีกว่าคนอื่นๆทั่วไป
บางทีโชคชะตาเหล่านั้นอาจมาจากสร้อยหยินหยาง และการได้กลายเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์โบราณ...