ตอนที่ 155 ไว้หน้า
ในฐานะผู้มีส่วนร่วมในภารกิจหลัก ภารกิจที่หานเซี่ยวได้รับควรแตกต่างจากผู้เล่นอื่น และเขาก็ตื่นเต้นมาก
อลูเมร่าดูเหมือนจะเป็นศัตรูทางอ้อม หานเซี่ยวลูบคางเขาและพึมพำ“เราจะได้เห็นกัน ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้กังวล นี่ก็แค่หมู่บ้านเล็กๆ”
หน้าต่างสถานะแสดงให้เห็นว่าเขาได้สะสมค่าประสบการณ์กว่าล้าน อความารีนมีหมู่บ้านฝึกหัด19แห่ง ไม่รวม6แห่งบนแผ่นดินใหญ่แอนเดรียและไม่นับหมู่บ้านเขาใหญ่และหุบเขาเขียว นี่หมายความว่าหานเซี่ยวยังมีโอกาส11ครั้งที่จะได้รับรายได้จากการสอนทักษะช่างกลให้คนที่อยากเปลี่ยนเป็ฯช่างกล นี่มากพอให้เขาเลื่อนเป็นระดับ60ด้วยซ้ำ ซึ่งหลังจากนั้น เขาก็จะรวบรวมทักษะ ความสามารถและเครื่องกลหายากในสถานที่อันตรายได้มากขึ้น ดังนั้น มันมีข่าวลือว่า’ระดับสูงสุดคือจุดเริ่มต้น’
เนื่องจากหานเซี่ยวมีช่องทางการหาค่าประสบการณ์ขนาดใหญ่ เขาจึงใช้มันเพื่อพัมนาทักษะเขา
แต้มศักยภาพไม่อาจใช้สุ่มสี่สุ่มห้าได้ แต่ค่าประสบการณ์ไม่สำคัญ
เขาอัปเกรนดทักษะทั้งสามจนถึงระดับสูงสุด [เจตจำนงค์แห่งเพลิง] [ทะลายขีดจำกัด]และ[การซุ่มยิงแบบเคลื่อนไหว] ทักษะต่อสู้ทั้งสามมีความสำคัญมากและระเบิดพลังได้ในชั่วพริบตา หาก[เจตจำนงค์แห่งเพลิง]และ[ทะลายขีดจำกัด]ใช้พร้อมกัน มันอาจทำให้ปืนไรเฟิลซุ่มยิงภูติผีทำความเสียหายได้ถึงสองพันหน่วย ทักษะทั้งสามถูกพัฒนาจนเต็ม และมันก็นำแต้มศักยภาพสามหน่วยให้เขา แต้มศักยภาพสะสมเขามี24หน่วยแล้ว และเขาก็ประหยัดพวกมันไว้
ด้วยค่าประสบการณ์ที่เหลือ หานเซี่ยวได้หลอมรวมความรู้เขาและได้รับพิม์เขียวแบบสุ่ม โชคดี การผสานครั้งนี้ค่อนข้างดี
[ปืนพ่นไฟหนอนสุริยัน] ไฟจะทำความเสียหายได้ต่อเนื่อง จุดสำคัญคือปริมาตรน้อยแต่มีช่วงระยะสูง มันสามารถติดตัวไปได้หรือประกอบเป็นส่วนเล็กๆบนยานพาหนะหรือหุ่นยนต์
ผู้เล่นที่รับบทบาทในการลาดตระเวนเมืองจู่ๆก็รีบตะโกนด้วยความกลัว“พบศัตรู พวกมันกำลังใกล้เข้ามาและยังกระตุ้นภารกิจอีกด้วย!”
ผู้เล่นของหมู่บ้านหุบเขาเขียวกระสับกระส่ายและทุกคนก็ตรวจสอบหน้าต่างสถานะพวกเขา
คิ้วของหานเซี่ยวเลิกขึ้น เขาได้รับภารกิจเหมือนกัน!
ท่านได้กระตุ้นภารกิจสุ่ม[การบุกรุกหมู่บ้านหุบเขาเขียว]
สรุปภารกิจ : หมู่บ้านหุบเขาเขียว ซึ่งถูกควบคุมโดยตระกูลอลูเมร่าอยู่ใกล้กับแดนที่อยู่อาศัย แบล็คไพน์ ดินแดนของลู่เฉิน มีความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องระหว่างพวกเขา ตอนนี้ กองกำลังของลู่เฉินได้โจมตีหมู่บ้านหุบเขาเขียวอีกครั้ง ท่านสามารถเลือกช่วยตระกูลอลูเมร่าป้องกันหมู่บ้านหุบเขาเขียวหรือช่วยลู่เฉินโจมตี โปรดเลือกจุดยืนของท่าน
ข้อกำหนดภารกิจ : ช่วยบัลซาสปกป้องหมู่บ้า นไม่อย่างนั้น ก็ช่วยลู่เฉินโจมตีหมู่บ้านหุบเขาเขียว
หมายเหตุ : เมื่อท่านเลือกข้าง ท่านไม่มีสิทธิ์ย้ายข้าง
รางวัลภารกิจ :
1.ปกป้องหมู่บ้านหุบเขาเขียว ท่านจะได้รับค่าประสบการณ์12000หน่วยและ3000เหรียญอความารีน
2.ช่วยลู่เฉินโจมตีสำเร็จ ท่านจะได้รับค่าประสบการณ์หมื่นหน่วย
ฉันได้รับภารกิจฝึกหัดด้วย?
หานเซี่ยวหัวเราะ เขาไม่สนใจรางวัลเล็กๆน้อยๆนี้ แต่ลู่เฉินผู้ถูกกล่าวถึงในภารกิจได้ดึงดูดความสนใจเขา หากเขาจำไม่ผิด ลู่เฉินคือลูกชายของเฒ่าหมานลู่ เป็นคนเร่ร่อนของทวีปใต้และยังเป็นขุนพลตัวเบ้ง
พิมพ์เขียวทั้ง4ของเฒ่าหมานลู่สามารถหาได้จากลู่เฉินเท่านั้น ความคิดผุดขึ้นในหัวหานเซี่ยว และเขาก็ทำการตัดสินใจทันที ตราบเท่าที่เขามีปฏิสัมพันธ์กับลู่เฉิน เขาก็จะสามารถหาภารกิจลับได้
สำหรับพิมพ์เขียวทั้ง4 เขาหมายตาพวกมันมานานแล้ว
ฉันจะคอยสังเกตสักพัก ดูว่าผู้นำคือตัวลู่เฉินเองหรือผู้ใต้บัญชาเขา หานเซี่ยวหยิบปืนไรเฟิลขึ้นมา เขาเดินไปรอบๆและดูเหมือนจะตรงข้ามกับผู้เล่นรอบตัวเขา
ภารกิจเร่งด่วนนี้ทำให้ผู้เล่นตัดสินใจทันที บางคนเลือกปกป้องหมู่บ้าน ซึ่งเสนอรางวัลสูงกว่า และเดินไปหาทหาร แต่ก็ยังมีผู้เล่นบางคนคอยเฝ้าดูสถานการณ์ก่อน
บัลซาสได้รับข้อมูลและดีดตัวขึ้นจากเตียง เขารีบโยนเสื้อผ้าและมาหอสังเกตการณ์ของเมืองอย่างรวดเร็ว หอถูกสร้างด้วยหินและอิฐ
“บัดซบ พวกสารเลวแบล็คไพน์กลับมาอีกแล้ว!”บัลซาสสาปแช่ง
หมู่บ้านหุบเขาเขียวเป็นแค่ส่วนหนึ่งของอลูเมร่า และลู่เฉินก็คือขุนพลเร่ร่อนท้องถิ่นจากทวีปใต้ พลังเขาเหนือชั้นมาก ฐานหลักของลู่เฉินอยู่ในแบล็คไพน์ และหมู่บ้านหุบเขาเขียวก็ตั้งอยู่ห่างไม่กี่สิบกิโลเมตร ลู่เฉินมองเมืองนี้อยู่นานและพยายามบุกหลายครั้ง ไม่มีใครคิดว่าเขาจะเปิดฉากโจมตีวันนี้
เสี่ยวรุ่ยมายืนด้านข้างบัลซาสและชี้กลุ่มผู้เล่นและแนะนำเขา“ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่ว่าเรามีโล่มนุษย์งั้นหรอ?”
ดวงตาของบัลซาสสว่างขึ้น กลุ่มผู้ลี้ภัยคือไพ่ตายของเขา!
บัลซาสเรียกผู้ช่วยและสั่ง“ไปบอกกลุ่มผู้ลี้ภัยด้านนอกว่าฉันต้องการให้พวกเขารบกับกองทัพลู่เฉิน ตราบเท่าที่ทำภารกิจสำเร็จ ทุกคนจะได้รับเงิน”
“อย่าให้มากเกินไปละ”เสี่ยวรุ่ยกล่าวเสริม“ชีวิตพวกเขาไร้ค่า”
“ผมเข้าใจ”กลุ่มผู้ลี้ภัยเหล่านี้คือตัวล่อเป้าชั้นเลิศ พวกเขาคือไพ่ตายไว้จัดการกับลู่เฉิน บัลซาสยิ้มชั่วร้าย
โชคอยู่ข้างเรา!
...
ลู่เฉินนั่งอยู่ใจกลางกองทัพรถและดูจริงจัง กองกำลังนี้มีรถหุ้มเกราะติดอาวุธกว่า60คันพร้อมไปด้วยปืนกลและปืนยิงขีปนาวุธ ตามด้วยทหารระดับสูงนับร้อย พวกเขาถูกฝึกมาอย่างดีและนับเป็นทหารชั้นเลิศ ทหารคนเดียวสามารถสู้ศัตรูได้อย่างน้อยสามคน และทหารก็ยังรู้วิธีการจัดขบวนรบต่างๆ พวกเขาไม่ใช่คนเร่ร่อนทั่วไป
ลู่เฉินหมายตาหมู่บ้านหุบเขาเขียวมานาน มีภูเขาทางยุทธ์ศาสตร์ระหว่างเมืองนี้และดินแดนเขา แบล็คไพน์ เมื่อเขายึดเมือง เขาจะไม่ต้องกังวลอะไรอีกในอนาคต
“เราต้องยึดหมู่บ้านหุบเขาเขียวให้ได้”
กองกำลังประชิดหมู่บ้านขึ้น ในไม่ช้าลู่เฉินก็เห็นฝูงชนรอบเมือง พวกเขาสวมเสื้อผผ้าขาดวิ่น เหมือนกลุ่มผู้ลี้ภัยที่คอยปกปักษ์เมือง
สีหน้าลู่เฉินมืดลงและมีประกายความโกรธในดวงตา“พวกมันกลับใช้ผู้ลี้ภัยเป็นเป้า!”
เขาสั่งให้กองทัพจอดห่างนอกระยะยิงของปืนกล ควันและฝุ่นกระจัดกระจายอย่างรวดเร็ว ทิ้งรอยล้อบนถนนโคลน
ผู้เล่นที่เลือกปกป้องเมืองทั้งหมดถืออาวุธแน่นและรออย่างกังวล รถหุ้มเกราะและปืนกลทำให้หลายคนกังวล พวกเขากลืนน้ำลายด้วยความไม่สบายใจ ปาดเหงื่อบนหน้าผากภายใต้แสงอาทิตย์ร้อนระอุ
ผู้เล่นที่คอยสังเกตหลายคนสงสัย พวกเขาไม่เลือกตั้งค่ายเลย?มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มการต่อสู้เลยและอาจไม่มีเวลาให้พวกเขาเลือกฝั่ง
“บัลซาส แกคิดว่าจะป้องกันกระสุนปืนฉันด้วยเพื่อนที่น่าสงสารเหล่านี้งั้นหรอ?”ลู่เฉินหยิบโทรโข่งขึ้น และเสียงเขาก็ส่งออกไป ทุกคนในเมืองสามารถได้ยินเสียงเขา“คนของฉันสามารถฉีกพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แกอยากให้ฉันวาดดินแดนแกด้วยเลือดงั้นหรอ?”
บัลซาสโผล่ขึ้นเหนือกำแพงและยิ้มเย็น
ลู่เฉินขมวดคิ้วและมองกลุ่มผู้ลี้ภัย เขาเสนออย่างใจเย็น“ผมจะให้โอกาสพวกคุณ ไปซะ ไม่มีใครจำเป็นต้องมาตายที่นี่!”
ผู้ลี้ภัยกระสับกระส่ายอยู่สักพัก แต่ก็ตระหนักว่าพวกเขาต้องไม่หวั่นไหว
“คนเหล่านี้ไม่กลัวตายกันเลย?”
ลู่เฉินประหลาดใจ เขาตระหนักว่าใบหน้าของผู้ลี้ภัยเหล่านี้ไม่ได้กลัวอะไรเลย เขาลังเลที่จะออกคำสั่งโจมตี
บัลซาสคาดเดาความต้องการของผู้ลี้ภัยได้ สิ่งที่พวกเขาสนใจมากสุดคือผลประโยชน์ไม่ใช่ชีวิต เมื่อเห็นลู่เฉินลังเล บัลซาสก็ภูมิใจในตัวเองมากและดูถูกเหยียดหยามลู่เฉิน“ช่างเป็นความเมตตาเสียจริง”
ความวิตกกังวลต่อชีวิตของผู้ลี้ภัยจะเป็นอุปสรรคต่อการต่อสู้ ทางเลือกของลู่เฉินดูโง่มากในสายตาบัลซาส
บัลซาสแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายและกำกลังจะสั่งให้ผู้ลี้ภัยโจมตีกลับแต่ก็ตระหนักว่ามีการเคลื่อนไหวจากด้านข้าง
ปีศาจทมิฬ!
หานเซี่ยวเหยียดหลังเขาและก้าวสู่จุดศูนย์กลางของการปะทะ เขาดึงดูดความสนใจของทั้งสองฝ่ายและผู้เล่นทันที เขากางแขนและเรียกเสียงดัง“ช่วยไว้หน้าฉันหน่อย หากพวกแกอยากทำสงครามกัน ก็ค่อยทำมันพรุ่งนี้!”
เสียงเขาดังเหมือนลำโพง ทุกคนต่างผงะ
“ทำไมเขาถึงแทรกแซง?!”บัลซาสกลืนคำสั่งลงทันที
ลู่เฉินแข็งค้าง สำรวจหานเซี่ยว ก่อนอุทาน“ปีศาจทมิฬ?!?ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?”
ผู้บัญชาการทั้งสองฝ่ายกลัวผลที่จะตามมา ดังนั้นพวกเขาจึงสั่งให้กองทัพลดอาวุธลง บรรยากาศตึงเครียดคลายลงทันที
ผู้เล่นสับสน พวกเขาไม่คุ้นเคยกับเบื้องหลังของอความารีน จากสรุปภารกิจ เป็นที่รู้ว่าบัลซาสและลู่เฉิงเป็นศัตรูกัน ปีศาจทมิฬออกคำสั่งด้วยตัวเขาเอง และสองผู้บัญชาการต่างก็หวาดกลัวเขา สิ่งนี้ได้ปลุกความอยากรู้ของผู้เล่นขึ้น
แค่ประโยคเดียวจากปีศาจทมิฬ เขากลับสามารถหยุดสงครามได้ เขาสามารถทำให้ผู้บัญชาการทั้งสองมองข้ามความอาฆาตได้ เขาเป็นใครกันแน่?
สถานะเขาสูงจนกล้าพูดว่า’ช่วยไว้หน้าฉัน’?สิ่งที่น่ากลัวสุดคือผู้บัญชาการทั้งสองกลับหยุดมือ
จากนั้นผู้เล่นก็สังเกตเห็นอย่างหนึ่ง NPCเหล่านี้ล้วนรู้จักปีศาจทมิฬ ชื่อเสียงเขาบนโลกนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน?เป็นไปได้ไหมที่เขาจะไปได้ทุกที่บนโลก?
นี่คือความสามารถในตำนานของผมแดงแชงคูสงั้นหรอ?
ขนมปังสุนัขผู้ลอบถ่ายวิดิโอรู้สึกตื่นเต้นมาก เนื้อหาข่าวประเภทนี้คือสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง