ตอนที่ 154 ผู้ค้นหาของอลูเมร่า
เลื่อนผ่านฟอรั่ม ลูวก็ตระหนักว่าเขาถูกแท็ก เขากดเข้าไปในโพสต์และมีวิดิโอของดาบคลั่งและดาบขบขัน และคนต่างขอให้เขามาอธิบาย
ลูซเพิ่งวิจารณ์ช่างกลอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางเขาไม่ใช่สิ่งน่ารำคาญสุด แต่การาโพสต์ทุกที่ทำใหผู้คนรำคาญ เขาบังคับให้คนอ่านโพสต์เขาอย่างต่อเนื่องราวกับไม่รู้เลยว่าพฤติกรรมนี้จะทำให้คนเกลียด
“@ลูซ ช่างกลได้ฆ่าเอสเปอร์ ทำไมไม่ออกมาอธิบายหน่อยละ?”
หลังดูวิดิโอ ลูซก็โต้ตอบทันที“นี่เป็นแค่ตัวอย่างที่หาได้ยาก ดาบขบขันนั่นยังไม่รู้วิธีเล่นด้วยซ้ำ!”
“เห้อ แกแพ้อย่างต่อเนื่อง แต่เวลาคนอื่นชนะละ?แค่ยอมรับว่าแกเองก็เป็นมือใหม่เถอะ ลูซ”
ลูซยับยั้งความโกรธเขาและตอบ“ดาบคลั่งได้กระตุ้นภารกิจลับ เขาก้าวในหน้าในสายอาชีพและอุปกรณ์กว่า!”
“หมายความว่าอุปกรณ์ที่NPCให้มาไม่พอ?งั้นแกทำภารกิจไปเพื่ออะไร?รับรางวัลเพื่ออะไร?เก็บเงินเพื่ออะไร?แค่ยอมรับว่าแกเป็นแค่มือใหม่และยืนนิ่งเมื่อถูกดูถูก!”
บ้าจริง!ลูซไม่พอใจ เขาตรงเข้าเรื่อง“การที่ฉันพูดว่าช่างกลอ่อนแอไม่ใช่ธุระอะไรของแก!”
“งั้นทำไมแกถถึงโพสต์ไปทั่ว?คิดก่อนพูดซะนะ”
ลูซโมโห“บัดซบ จะหยุดเห่าได้รึยัง?แกกล้ามาด่าฉันต่อหน้าไหม!”
“ในที่สุด แกก็เผยสันดานออกมา ก็แค่พวกขยะ หยุดแสดงได้แล้ว แกเลือกอาชีพนี้ด้วยตัวเอง แต่กลับพูดว่าถูกโกง?น่าขันสิ้นดี แกคิดว่าแกเป็นใคร?ทำไมถึงตำหนิว่าบริษัทเกมโกงแก?ก็แค่พวกเรียกร้องความสนใจ”
“ฉันคงเลือกเอสเปอร์ไปแล้วหากปีศาจทมิฬไม่หลอกฉัน!”
“โอ้ มันไม่ใช่ความผิดฉัน มันคือความผิดของโลก ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวแก บังคับให้แกเลือกสายอาชีพ แต่แกก็ไปโทษNPC?หากแกเสียใจจริง ก็เปิดบัญชีใหม่และหยุดโพสต์เหมือนพวกเด็กไร้การสั่งสอนได้แล้ว!”
“ไอระยำ...”ลูซพ่นคำหยาบ
ในขณะนั้น ข้อความทางการก็ปรากฏบนหน้าจอของลูซ
ระบบได้ตรวจพบการใช้คำหยาบบ่อยครั้ง บัญชีฟอรั่มท่านจะถูกแบนเป็นเวลาสามวัน
ลูซตกตะลึง บ้าอะไรวะ!
เขาไม่อาจตอบกลับได้ ตามธรรมชาติ ผู้เล่นบนฟอรั่มค้นพบมันและส่งรูปยิ้มเหยียด
“ฮ่าๆ ถูกแบนใช่ไหมนั่น?”
“เยี่ยมเลย”
“พวกขยะออกไปแล้วสินะ”
ลูซทำได้แค่อ่านและไม่อาจตอบกลับ เขาไม่พอใจและโกรธจนอย่างทุบตีอะไรซักอย่าง
....
“น่าสนใจ”
หานเซี่ยวอ่านความคิดเห็นเสร็จและอยากตอบกลับบ้าง แต่ก็ไม่อาจ คิดถึงอดีต เขาชอบดูคนเถียงกัน นั่นเป็นงานอดิเรกที่ยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม มีบางคนที่โกรธจริงๆเพราะการาเถียง คนเหล่านี้ไร้เดียงสาเกินไป หากไม่อาจเถียงชนะ ก็แค่คิดว่าเป็นเรื่องสนุก ทุกสิ่งบนอินเทอร์เน็ตไม่มีจุดหมาย มันคือเรื่องเสมือนจริงและไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตจริง
หานเซี่ยวเคยเป็นคนที่ถูกผู้มีอำนาจดูหมิ่น เขาถูกผู้เล่นคนอื่นทุบตี เมื่อไม่มีอะไรให้ทำ เขาจึงต้องเข้าร่วมการถกเถียงและถือว่ามันเป็นวันที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์เขา
มองดูผู้เล่นที่มีชีวิตชีวาบนฟอรั่มขณะที่ตัวเขาเป็นผู้ชม หานเซี่ยวก็อดรู้สึกเหงาไม่ได้ เขาคิดถึงวันที่เขามีส่วนร่วม...
เมื่อดูเวลา มันก็ใกล้ค่ำแล้ว และสนามรบก็ถูกกวาดล้าง
หานเซี่ยวได้ยินเครื่องยนต์แต่ไกล เขาเงยหน้าขึ้นและมองตาม มีรถออฟโร้ดอยู่สองสามคันกำลังวิ่งบนพื้นโคลน หมู่บ้านหุบเขาเขียวเปิดประตูและบัลซาสก็ยืนอยู่ข้างประตูเพื่อต้อนรับรถเหล่านั้นด้วยความเคารพ
ความผิดวูบผ่านหัวของหานเซี่ยว นั่นเป็นรถของอลูเมร่า
....
เมื่อรถออฟโร้ดขับเข้าเมือง ทหารติดอาวุธก็ลงรถบัสและคุ้มกันชายแต่งตัวสวยงาม
เสี่ยวจิน ผู้นำคนที่สองของอลูเมร่าได้ส่งฑูตเสี่ยวรุ่นมายังทวีปใต้เพื่อค้นหาซีโร่ กว่าครึ่งปีก่อน ตระกูลอลูเมร่าตระหนักว่ารูปลักษณ์ของซีโร่เหมือนกับหานเซี่ยวที่หานไป ดังนั้นเสี่ยวจินจึงส่งคนมาตามหาเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็คว้าน้ำเหลว เสี่ยวรุ่ยคือหัวหน้าทีมค้นหา
บัลซาสมีความเคารพต่อเสี่ยวรุ่นมาก เขาพาทุกคนไปบ้านหลัก โต๊ะน้ำชาถูกตั้งพร้อมเครื่องดื่มร้อนและเนื้อย่าง มีส่วนสีชมพูอยู่ตรงกลางเนื้อสีน้ำตาลแดง เป็นที่ชัดเจนว่ามันนุ่มต่อให้ไม่กัดก็ตาม มันคือเนื้อของหมาป่าเทาที่ถูกรวบรวมสองชั่วโมงก่อน และมันก็สดมาก มีจานอื่นๆรวมถึงผักบางชนิดและมันบด
ในเมืองนี้ ราคาของอาหารถือว่าแพง และเสี่ยวรุ่ยก็พอใจกับการต้อนรับของบัลซาสมาก
ทั้งกลุ่มนั่งล้อมรอบอาหารและเสี่ยวรุ่ยก็เยาะเย้ยอาหาร เขากินเนื้อไปสามชิ้นพร้อมกันและกลืนพวกมันลง เขาเช็ดปาดและกล่าวอย่างสงบกับบัลซาสที่นั่งรออยู่อีกฝั่ง“ฉันจะรออยู่ที่นี่อีกสักพักและค้นหาตัวไอหมอนั่นต่อ”
“ผมจะให้คนเตรียมห้องให้ครับ”บัลซาสตอบ“แจ้งให้ผมรู้ได้ทันทีเลยครับหากต้องการอะไร”
สถานะของเสี่ยวรุ่ยในตระกูลสูงกว่าเขา ดังนั้นท่าทางของบัลซาสจึงตกต่ำมาก
“ดี”เสี่ยวรุ่ยพอใจกับท่าทางของบัลซาส เขาตัดสินใจอยู่ในหมู่บ้านอีกสักพัก เขาใช้เวลาครึ่งปีที่ผ่านมานี้เพื่อค้นหาข่าวของซีโร่ในทวีปใต้ และก็เพียงพอสำหรับการค้นหาที่ไร้จุดหมายนี้แล้ว มันเป็นรูปแบบของการทรมาน
นับตั้งแต่การหายไปของหานเซี่ยว ตระกูลก็คือว่าเขาตายและไม่ใสใจ แต่ทว่า หลังพบว่าเขากลายเป็นซีโร่ ทุกคนก็ตกใจ อลูเมร่าไม่ต้องการยั่วยุองค์กรต้นกำเนิด ดังนั้น เพื่อค้นหาสาเหตุแท้จริง เสี่ยวจินจึงมอบหมายให้เขานำตัวหานเซี่ยวกลับไปตระกูลเพื่อซักถาม แต่ก็ไม่พบเป้าหมายหลังผ่านไปหกเดือน
เสี่ยวรุ่ยเต็มไปด้วยความไม่พอใจต่อหานเซี่ยว มันเพราะไอหมอนี่ เขาถึงไม่อาจเพลิดเพลินกับชีวิตแสนสบายที่ตระกูลได้
เขาเคยพบหานเซี่ยวไม่กี่ครั้ง เขาอ่อนแอและสิ้นหวัง หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นลูกชายแท้ๆของเสี่ยวจิน เขาคงถูกส่งไปทำความสะอาดห้องน้ำแล้ว เสี่ยวรุ่ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับมาเลี้ยงจากสงคราม และมีเด็กกำพร้ามากมายอย่างเขาภายใต้เสี่ยวจิน ทั้งหมดเติบโตขึ้นด้วยการแข่งขันกันและแต่ละคนก็ล้วนอยากใต่เต้าสถานะตัวเอง ดังนั้น เขาจึงอิจฉาหานเซี่ยวอย่างมากที่ไม่ต้องดิ้นรนทำอะไรเลย
เดิมที เมื่อเขาได้ยินว่าหานเซี่ยวตาย เขาก็ลอบดีใจในระหว่างงานศพ เขารู้ว่าพี่ชายบุญธรรมเองก็รู้สึกแบบเดียวกับเขาแม้ภายนอกจะดูเศร้า
ความประทับใจแรกที่เสี่ยวรุ่ยมีให้หานเซี่ยวทำให้เขายากจะเชื่อมโยงหานเซี่ยวและซีโร่
ทำไมแกถึงไม่ตายๆไปซะ?ทำไมต้องกลับมาสร้างปัญหาให้ฉัน?เสี่ยวรุ่ยบ่นในใจ เขามองบัลซาสและคุยกับสักพัก“มีอะไรเกิดขึ้นในเมืองใช่ไหม?”
“ครับ ผู้ลี้ภัยด้านนอก..”บัลซาสเล่าให้เขาฟัง
เสี่ยวรุ่ยประหลาดใจ“มีเรื่องแปลกๆแบบนั้นด้วย?แกต้องรายงานให้ตระกูลรู้ทันที”
“ยังมีอีกสิ่งหนึ่งครับ ปีศาจทมิฬเองก็พักในเมืองนี้ เหตุผลยังไม่แนชัด เขาอ้างว่าผ่านทางมา”
หัวใจของเสี่ยวรุ่ยเต้นกระหน่ำ“ปีศาจทมิฬก็อยู่ที่นี่ด้วย?”
เร็วๆนี้ รายชื่อนักฆ่าบนเครือข่ายมืดได้รับการอัปเดทแล้ว อันดับของปีศาจทมิฬเพิ่มเป็นอันดับ7และเขาก็มีชื่อเสียงมาก เมื่อรู้ว่านักฆ่าในตำนานมาอยู่ใกล้ๆ เสี่ยวรุ่ยจึงค่อนข้างลำบากใจ
“เราไม่ควรยั่วยุเขา”บัลซาสตอบ
เสี่ยวรุ่ยลังเล คิ้วเขาขมวดกันจนเป็นปม เขาหันไปและเห็นหลิวเฉิง ผู้คุ้มกันส่วนตัวกำลังยืนอยู่ด้านหลังเขา นี่ทำให้เขารู้สึกประหม่า
หลิวเฉิงเห็นสายตาของเสี่ยวรุ่ยและกล่าวอย่างไม่แยแส“ไม่ต้องห่วง แม้จะเป็นปีศาจทมิฬ ฉันก็ยังสามารถคุ้มกันชีวิตนายได้ เขาไม่อาจทำอะไรฉันได้หรอก”
…
ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน
ตั้งแต่รถเข้าเมืองมา หานเซี่ยวก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในหมู่บ้าน การเฝ้าระวังของเมืองได้จับจ้องเขาเป็นพิเศษ ราวกับกังวลถึงเขา จากรายละเอียดเล็กๆ หานเซี่ยวค่อนข้างมั่นใจว่าคนบนรถต้องเป็นคนสำคัญ
“ฉันไม่ค่อยประทับใจตระกูลอลูเมร่านัก ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ใช่กลุ่มพิเศษในภารกิจดั้งเดิม...โอ้ ฉันจำได้แล้ว ฉันคิดว่าในภารกิจรองของ’การดิ้นรนของขุนพลเร่ร่อน’ ตระกูลนี้นับว่าทรงพลังสุด ใช่แล้ว ภารกิจรองและภารกิจผู้ลี้ภัยของเบนเน็ตขัดแย้งกัน ผู้เร่ร่อนและฉันไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันนัก ฉันไม่คิดว่ามันจะส่งผลต่อภารกิจนี้”
หานเซี่ยวหมายตาภารกิจของเบนเน็ตมานาน เขาไม่รู้ว่ามันเริ่มตอนไหน แต่ความสัมพันธ์เขากับเบนเน็ตก็เป็นไปด้วยดี บวกกับทัศนคติเชิงบวกจากองค์กรตาข่ายมืด รวมถึงชื่อเสียงสากล มีโอกาสสูงที่เขาจะได้รับเชิญจากเบนเน็ตให้เข้าร่วมแผนอพยพ ละนั่นจะเป็นภารกิจหลักอันที่สองของอความารีน