บทที่ 73 เผยคุณค่าออกมาให้เห็น
บทที่ 73 เผยคุณค่าออกมาให้เห็น
“พูดแบบนี้แสดงว่า มหาวิทยาลัยเมือง X มีทีมช่วยเหลือตัวเองแบบนั้นเยอะเหรอ?” หลิงม่อถามด้วยความแปลกใจ
หลินล่วนชิวพยักหน้า “อื้ม ทีมใหญ่ที่สุดในนั้นมีประมาณสองร้อยกว่าคน แต่ทรัยพากรในมหาวิทยาลัยมีจำกัดจริงๆ ฉันคาดว่าส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่าจะหนีออกมายังไง แต่จำนวนซอมนี้ก็เยอะเหลือเกิน เราเองก็เสียสละไปมากเพิ่งจะหนีออกมาได้สิบกว่าคนเท่านั้น ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันกับสื่อปิน”
เธอชะงัก แล้วบอกอย่างประหลาดใจ “ดูท่าว่าพวกนายจะไปมหาวิทยาลัยเมือง X ให้ได้ แต่แม้พวกนายจะแข็งแกร่งกว่าคนอื่น หากจะเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าหลังจากนั้นก็ต้องออกมาจากที่นั่น สถานที่แบบนั้นไม่เหมาะที่จะอยู่นาน”
“คือว่า ฉันมีวิธีของฉันน่ะ ขอบใจเธอมากที่เตือน” หลิงม่อหัวเราะ จากนั้นก็บอกอย่างเสียดาย “น่าเสียดายที่ร่างกายเธอไม่แข็งแรง คงช่วยนำทางไปให้ไม่ได้”
สื่อปินสอดขึ้นมาด้วยความโมโหนิดๆ “นายล้อเล่นอะไร เธอเป็นแบบนี้แล้ว นายยังคิดจะคิดอะไรกับเธออีก!”
สองสามครั้งที่ถูกเจ้าสื่อปินนี้ขัด หลิงม่ออดรู้สึกรำคาญไม่ได้ เขาแค่แสดงความรู้สึกออกไปตรงๆ คิดจะให้หลินล่วนชิวนำทางไปจริงๆ ซะที่ไหน
และก็ไม่รู้ว่าเจ้าสือปินนี่ฟังไม่รู้เรื่องจริงๆ หรือว่าเห็นเขาขัดตาเป็นพิเศษ จึงจ้องจะจับผิด เขาเหลือบมองสื่อปิน หัวเราะเยาะแล้วถาม “ดูท่านายจะเป็นห่วงเธอมากนะ”
สื่อปิ่นหน้าแดงขึ้นมานิดๆ ทันที ถ้าลูกตาไม่ถูกต่อยจนดำไปข้างหนึ่ง หน้าขาวๆ นี้ดูเหมือนจะยังมีกลิ่นอายในด้านดีอยู่หน่อย “แน่สิ! เรื่องเมื่อก่อนยังไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้ฉันเป็นคู่หูของเธอ อีกอย่างถ้าหากไม่ใช่เพราะตอนนั้นเธอปกป้องฉัน ตอนนี้ฉันก็คงไม่มายืนที่นี่ได้หรอก ตอนนี้ที่ฉันเป็นห่วงเธอก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว” พูดจบ เขาก็เหยียดหลัง แอบมองหลินล่วนชิว
“โอ้…” หลิงม่อลากเสียงยาว อยู่ๆ ก็ผุดลุกขึ้น เอ่ยเสียงเย็นชา “แล้วนายทำอะไรเพื่อเธอล่ะ? ขังเธอไว้ที่นี่ มองดูเธอรอความตายเหรอ?”
“นายพูดอะไร?!”
สื่อปินกระโดดลุกขึ้นด้วยความเดือดดาล แต่เขาเพิ่งจะชูกำปั้น หลินล่วนชิวก็ตะโกนหยุดเขาไว้ “อย่าทำเรื่องโง่ๆ!” จากนั้นเธอก็หันมาทางหลิงม่อ “เขารั้นไปสักหน่อย นายก็ไม่ต้องจงใจยั่วเขา เพื่อหาข้ออ้างจะอัดเขาหรอก...”
เธอพูดพลางมองซย่าน่าและเย่เลี่ยนหลายรอบ หลังจากที่สองสาวเข้ามาในห้องแล้ว ก็ยืนอยู่ห่างจากพวกเขาค่อนข้างไกล เหมือนไม่อยากเข้ามาใกล้ชิดกับมนุษย์
แต่ตอนที่สื่อปินจะลงไม้ลงมือ มือของซย่าน่าก็กระชับด้ามดาบแน่น ส่วนสายตาก็เย่เลี่ยนก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก
หลินล่วนชิวไม่สงสัยเลยสักนิดว่า ถ้าเมื่อครู่เธอห้ามสื่อปินไว้ไม่ทัน ตอนนี้แม้หลิงม่อจะไม่ได้ลงมือ สื่อปินก็ต้องโดนอัดน่วมแน่
ยังไม่ต้องพูดถึงซย่าน่า ว่าแต่ทำไมเย่เลี่ยนถึงได้ร้ายกาจขนาดนั้น? แต่คิดๆ ดูแล้ว เธอก็ได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับดาวมหาวิทยาลัยคนนี้มาอย่างจำกัด และได้ยินว่าเย่เลี่ยนค่อนข้างถ่อมตัว แต่ก่อนเธออาจฝึกการต่อสู้มาก็ได้?
ยิ่งเด็กสาวสองคนนี้แสดงออกได้น่ากลัวเท่าไร หลินล่วนชิวก็ประเมินหลิงม่อสูงเท่านั้น
ตรงข้ามกับสื่อปิน หลินล่วนชิวไม่ได้คิดว่าหลิงม่อบังคับสองสาวนั่น เพราะถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ พวกเธอจะคอยระวังให้หลิงม่อตลอดเวลาทำไม?
“ส่วนเรื่องกักขัง...นายก็เห็นแล้วว่า ตอนนี้ฉันอ่อนแอมาก แค่เตรียมพร้อมเผื่อไว้เท่านั้น” หลินล่วนชิวถอนหายใจพร้อมอธิบาย
แต่หลิงม่อกลับรู้สึกได้รางๆ น่ากลัวว่าเรื่องจะไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ต่อให้เคยมีเงามืดเพราะถูกผู้รอดชีวิตทำร้าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องซ่อนตัวอยู่ในโกดังแห่งนี้ คิดย้อนกลับไปถึงปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรงของสื่อปิน หลิงม่อก็ยิ่งรู้สึกทะแม่งๆ
แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น หลิงม่อก็ไม่ได้คิดจะสืบ ดังนั้นพอเขาเหลือบมองหลินล่วนชิวแล้วจึงบอก “ไม่รู้ว่าเธอจะช่วยวาดภาพเส้นทางให้ฉันได้ไหม...”
“ไม่” หลินล่วนชิวมองหลิงม่ออย่างลึกซึ้ง อยู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น “ฉันจะกลับไปมหาวิทยาลัยเมือง X กับพวกนาย”
“อะไรนะ?!”
เสียงร้องตระหนกมาจากสื่อปิน ตอนที่เขาเพิ่งจะส่งเสียงร้องและเหมือนจะพูดอะไร หลินล่วนชิวก็ขัดคำพูดเขา “ฉันยื้อมาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ตรงข้ามอาการป่วยยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ฉันยังไม่อยากตาย อย่างน้อยก็ไม่อยากป่วยตาย” น้ำเสียงของหลินล่วนชิวราบเรียบมาก แต่กลับทำให้สื่อปินที่ได้ยินหน้าดำหน้าแดง เขาเพิ่งจะถูกหลิงม่อตอกคำถามใส่ ตอนนี้ได้ยินหลินล่วนชิงพูดแบบนี้อีก รู้สึกเหมือนสองแก้มถูกตบสิบฝ่ามือสลับกันจนหน้าบวม
พอเห็นสื่อปินเม้มปากไม่พูดอะไร หลินล่วนชิวก็คลี่ยิ้มเป็นเชิงขอโทษ จากนั้นก็หันไปมองหลิงม่อ “วางใจเถอะ ฉันจะไม่เป็นตัวถ่วงนาย สื่อปินดูแลฉันได้ เพื่อเป็นการตอบแทน ฉันจะช่วยนำทางให้ และจะเล่าสภาพในมหาวิทยาลัยให้ฟัง แต่ฉันมีเงื่อนไขเพียงหนึ่งข้อ ก็คือจะไปโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยกับพวกนาย”
“ทำไม เธอไม่อยากกลับไปทีมช่วยเหลือนั้นเหรอ?” ตอนที่หลิงม่อถาม ก็อดมองไปทางซย่าน่าที่อยู่ด้านหลังไม่ได้ ตอนแรกซย่าน่าก็ยืนกรานจะกลับไปโรงเรียนซานจง ผลปรากฎว่าถูกลู่ซินทำร้ายที่นั่นและติดเชื้อกลายเป็นซอมบี้
หลินล่วนชิวส่ายหน้า “ตอนนี้ฉันจะกลับไปทำไม? นายเห็นสภาพฉันแล้ว น่ากลัวว่าฉันเพิ่งจะเหยียบเข้าประตูก็คงถูกพวกเขาไล่ออกมาแน่ ฉันแค่อยากไปหายาในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ย่อมดีกว่านอนรอความตาย นายวางใจเถอะ ฉันไม่ทำให้นายเสียเวลาแน่นอน มีฉันช่วยนำทางให้ จะต้องช่วยประหยัดเวลานายได้มาก ไม่ว่านายจะอยากไปที่ไหน ฉันหาเส้นทางที่เหมาะที่สุดให้นายได้ทั้งนั้น ฉันว่าพวกนายแข็งแกร่งใช้ได้เลยล่ะ ฉันเชื่อใจพวกนาย หวังว่านายก็จะเชื่อใจฉันเหมือนกัน”
คำพูดนี้ฟังดูมั่นใจมาก และทำให้หลิงม่อซึ้งใจจริงๆ
มีคนช่วยนำทางที่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ช่วยประหยัดเวลาได้มากจริงๆ อาศัยความสามารถของหลินล่วนชิวและสื่อปิน ถ้าจะให้ไปถึงโรงพยาบาลในมหาวิทยาลัยโดยแคล้วคลาดปลอดภัยนั้นเป็นไปไม่ได้ เธอตัดสินใจเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ปกติที่สุด
สิ่งที่ทำให้หลิงม่อพอใจที่สุดคือ เด็กสาวแสนฉลาดคนนี้ รู้ว่าอะไรคือการแลกเปลี่ยนที่คุ้มราคา คำพูดของเธอเมื่อครู่แม้ฟังแล้วจะทำให้รู้สึกว่าเธอหยิ่งไปสักหน่อย แต่หลิงม่อกลับรู้สึกว่า วิธีที่เธอเอาคุณค่าของตัวเองวางไว้อย่างเปิดเผยแบบนี้นั้นสมควรมากๆ
สิ่งเดียวที่ทำให้หลิงม่อไม่ค่อยสบอารมณ์เลยก็คือการมีอยู่ของสื่อปิน แต่ร่างกายของหลินล่วนชิวไม่ไหวจริงๆ แม้หลิงม่อจะให้เธอช่วยนำทาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมเป็นแม่นมคอยดูแลเธอ
ดังนั้นหลังจากที่ใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง หลิงม่อก็พยักหน้า “ได้ แต่ฉันบอกก่อนนะว่า ถ้าหากพวกเธอทำอะไรโง่ๆ ระหว่างทางแล้วทำให้เกิดอันตราย ฉันจะคำนึงถึงความปลอดภัยของทางฝั่งฉันก่อน”
“วางใจเถอะ ฉันไม่ทำอะไรโง่ๆ หรอก” เห็นหลิงม่อตอบรับ หลินล่วนชิวก็เหมือนจะอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังเริ่มเอาตัวเองมาล้อเล่น “ฉันในสภาพนี้ยังจะทำอะไรโง่ๆ ได้ด้วยเหรอ?”
สื่อปิ่นบอกด้วยเสียงฮึดฮัด “แค่พวกนายไม่ทำอะไรโง่ๆ ก็พอ”
“นายกะว่าจะออกเดินทางเมื่อไร?” หลินล่วนชิวถามอีก
หลิงม่อลูบจมูกบอก “วันนี้น่าจะไปไม่ทันแล้วล่ะ เดิมฉันตั้งใจจะหาที่พักเท้าที่นี่ แล้วค่อยๆ ทำความเข้าใจสถานการณ์ในนั้น”
“ถ้างั้นวันนี้ก็พักที่นี่เถอะ แม้พื้นที่จะเล็กไปหน่อย แต่ก็ยังดีที่ไม่มีซอมบี้มา...” หลินล่วนชิวเพิ่งจะพูดจบ สื่อปินก็เอ่ยขึ้นอย่างสลด “แต่ก่อนไม่มี แต่วันนี้มีมาสองตัวแล้ว ซวยจริงๆ!”
แต่หลิงม่อไม่ได้ใส่ใจความหมายในคำพูดของเขา หันกลับมาพยักหน้าให้เด็กสาว “ได้”
ได้ยินว่าในบาร์มีซอมบี้มาสองตัว หลินล่วนชิวก็มีสีหน้าประหลาดใจ แต่ถึงอย่างไรเธอก็อยู่ข้างในนี้ ไม่ได้คุ้นเคยกับสถานการณ์ข้างนอก เลยไม่ได้นึกเอะใจ
คงเพราะมีความหวังที่จะอยู่ต่อไป หลินล่วนชิวจึงอารมณ์ดี พวกเขาสองคนนั่งคุยกันต่อสักพัก
หลังจากที่มั่นใจว่าจะร่วมมือกันแล้ว หลินล่วนชิวก็ไม่ปิดบังอีก บอกหลิงม่อถึงสถานการณ์ที่ตัวเองรู้มา
แม้ซย่าน่าและเย่เลี่ยนจะไม่ได้พูดแทรก แต่พวกเธอก็ฟังอย่าง ‘ตั้งใจ’ มากๆ พวกเธอไม่เหมือนฟังรู้เรื่องทั้งหมด แต่เห็นมีคนพูดกับหลิงม่อ ซอมบี้สองตัวนี้ก็คงอยากรู้ด้วย โดยเฉพาะซย่าน่าที่ฟังอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ
เมื่อได้คำอธิบายจากหลินล่วนชิว หลิงม่อก็พอเข้าใจสภาพของมหาวิทยาลัยเมือง X ได้คร่าวๆ
ทีมช่วยเหลืออย่างที่เธออยู่ มีจำนวนมากมายจริงๆ ถึงอย่างไรผู้รอดชีวิตสามพันกว่าคน ก็ถือเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยในมหาวิทยาลัยเมือง X
เธอไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ภายในของทีมช่วยเหลือทีมอื่นเป็นอย่างไร แต่ทีมที่เธออยู่นั้นเกิดการแบ่งแยกเป็นสองแบบ
ส่วนหนึ่งอยากจะยืนหยัดต่อไป ทว่าอีกส่วนหนึ่งที่มีหลินล่วนชิวเป็นผู้นำกลับคิดอยากจะหนีออกไปให้เร็วที่สุด มีเพียงข้างนอกเท่านั้นที่จะได้รับความช่วยเหลือที่มากจากรัฐบาล
และมีคนจำนวนหนึ่งที่หมดความมั่นใจไปหมดแล้ว ทั้งยังคิดว่าการยืนหยัดต่อไปนั้นไร้ความหมาย และไม่เชื่อว่าจะได้รับความช่วยเหลือใดๆ คนกลุ่มนี้ทำให้หลินล่วนชิวปวดหัวที่สุด ระหว่างที่เธอพูดคุยกับหลิงม่อ เธอก็เหมือนมองคนพวกนี้เป็นขยะ
ขยะเหรอ...ก็คือมอดใช่ไหม ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะที่ไหนก็มีมอดทั้งนั้น
นอกจากแคมป์ผู้รอดชีวิตที่ซ่งเทียนและหวังหลิ่นอยู่ ก็คงมีผู้รอดชีวิตมากมายที่เพียงแค่รวมตัวกันชั่วคราว ขาดองค์กรที่มีประสิทธิภาพและกฎข้อบังคับ
ทีมช่วยเหลือแบบนี้ ถ้าไม่แตกกระจัดกระจายสิแปลก
แต่แม้หลินล่วนชิวจะคุยเยอะ ทว่าก็ไม่ได้พูดถึงเลยว่า ‘เหตุไม่คาดฝัน’ ที่เธอพูดถึงก่อนหน้านี้คืออะไร แค่แสดงออกอย่างคลุมเครือว่าที่เธอตกอยู่ในสภาพอย่างตอนนี้ มีความเกี่ยวข้องกับ ‘เหตุไม่คาดฝัน’ นั้น
“ใช่แล้ว นายคิดว่าผู้รอดชีวิตมีอัตราส่วนเท่าไร? ในเมืองนี้มีผู้มีความสามารถพิเศษเท่าไรเหรอ?” อยู่ๆ หลินล่วนชิวก็ถามขึ้น
คำถามนี้ทำให้หลิงม่ออึ้งไป หลิงม่อคิดในใจว่า ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ เขาอยู่ในเมืองนี้เคลื่อนย้ายตำแหน่งไปเรื่อย แต่ผู้รอดชีวิตที่เจอมาจนตอนนี้ก็ไม่ได้เยอะ ผู้มีความสามารถพิเศษก็มีแค่สองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือหวังหลิ่นที่มีความสามารถพิเศษที่เกือบจะไร้ประโยชน์ อีกคนหนึ่งคือหลินล่วนชิวที่ความสามารถพิเศษแข็งแกร่งแต่ร่างกายไม่แข็งแรง
หลิงม่อยังกระทั่งทอดถอนใจอยู่ในใจ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีอยู่บ้างจริงๆ และที่ยิ่งกว่าโชคดีนั้นคือ เพราะความสามารถพิเศษของตัวเองนี้ เขาจึงเก็บเย่เลี่ยนและซย่าน่าไว้ให้อยู่ข้างกายตัวเองได้...