ตอนที่แล้วบทที่ 70 อาวุธร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 72 รังซอมบี้

บทที่ 71 เด็กสาวผู้มีความสามารถพิเศษ


บทที่ 71 เด็กสาวผู้มีความสามารถพิเศษ

 

เมื่อเห็นหลิงม่อมุ่งหน้าเดินไปสุดทางระเบียงอย่างแน่วแน่ สายตาของผู้รอดชีวิตคนนี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที

 

สุดทางระเบียงคือประตูบานหนึ่ง แต่ข้างหน้ามีขยะที่มีคนจงใจเอามากองไว้ อีกทั้งไม่มีแสงไฟ ก็เลยยากที่จะมีใครสังเกตเห็น

 

ถ้าหากหลิงม่อไม่ได้มีพลังรับรู้ที่เฉียบไวพอ ก็ยากที่จะเห็นถึงความผิดปกตินี้

 

หลังจากที่เปิดประตูห้องแล้ว สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าคือห้องครัวห้องหนึ่ง

 

ในห้องครัวมืดสลัวเหมือนกัน หลิงม่อมองไปรอบๆ จึงพบว่าประตูบานเดียวที่ถูกคนเขาขยะมาถมกองไว้นั้น มีเพียงเส้นแสงที่ลอดผ่านช่องเล็กๆ เข้ามา

 

ข้าวของในห้องมีไม่มาก วางกองชิดกำแพงด้านหนึ่ง ดูท่าจะผ่านการจัดระเบียบอย่างพิถีพิถันมาก่อน มีที่นอนปูอยู่ผืนหนึ่ง ด้านข้างมีตะกร้าพลาสติก ในนั้นมีของกินถูกโยนทิ้งไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นขนมปังที่หมดอายุและผลไม้แห้งจำนวนหนึ่ง ซึ่งคงจะหาเจอในบาร์แห่งนี้ นอกเหนือจากนั้น เครื่องดื่มที่คนๆ นี้เก็บเอาไว้นั้นก็มีไม่น้อยเลย วางเต็มเอี้ยดบนเคาน์เตอร์ที่วางเตา

 

แต่สิ่งที่ทำให้หลิงม่อประหลาดใจเล็กน้อยคือ ในห้องนี้ไม่ได้มีเงาของใครอื่น หรือว่าสัญชาตญาณของเย่เลี่ยนจะผิดพลาด?

 

ตอนนี้ผู้รอดชีวิตนั่นถูกเย่เลี่ยนลากเข้ามาด้วย เขาเห็นหลิงม่อท่าทางเหมือนคว้าน้ำเหลว ก็รีบเอ่ยอย่างแข็งขืน “ฉันไม่มีอะไรจริงๆ ถ้านายถูกใจอะไรก็หยิบเอาไปได้เลย”

 

ปฏิกิริยาของเขาทำให้หลิงม่อที่เดิมยังลังเลอยู่นิดๆ มั่นใจในทันที

 

จากสายตาที่ลุกลี้ลุกลนขึ้นทุกทีของผู้รอดชีวิต หลิงม่อเริ่มค้นหาช้าๆ ตามฝาผนัง และในที่สุดก็หยุดอยู่ตรงหน้าตู้เย็นที่เปิดฝาอยู่

 

พอเห็นหลิงม่อเอามือวางลงไป ผู้รอดชีวิตก็เบิกตากว้างทันที จับจ้องทุกการกระทำของหลิงม่อด้วยความร้อนรนสุดๆ

 

ทว่าตอนที่หลิงม่ออ้อมตู้เย็นไปด้านหนึ่งแล้วเริ่มผลักตู้เย็น โชคดีสุดท้ายของผู้รอดชีวิตคนนี้ก็ไม่มีเหลือแล้ว

 

หลิงม่อผลักตู้เย็นพลางคิดด้วยความฉงน ด้านหลังนี้ซ่อนอะไรไว้กันแน่ ถึงได้ทำให้อีกฝ่ายร้อนรนขนาดนี้?

 

ความจริงการปกปิดแบบนี้ไม่ได้ฉลาดสักเท่าไร แค่มองหลายรอบหน่อย ก็จะพบว่าตำแหน่งของตู้เย็นนั้นผิดวิสัยอยู่พอสมควร หลิงม่อเดาว่าหลังตู้เย็นนี้จะต้องมีประตูอีกบานหนึ่งแน่ๆ

 

จริงอย่างที่คิด ตอนที่ตู้เย็นถูกผลักออก ประตูทางเข้าก็ปรากฎตรงหน้า ด้านบนยังแขวนป้ายหลักที่เขียนไว้ว่า โกดังสินค้า

 

ที่แท้คือโกดังสินค้าของบาร์อินหวง...เหล้าพวกนั้นที่อยู่บนเตาก็คงไปขุดเอามาจากโกดังสินค้านี่เอง

 

หลิงม่อค่อยๆ บิดลูกบิดประตู แต่พอเขาเพิ่งจะเปิดประตู เงาดำเงาหนึ่งก็กระโจนเข้ามา ทำเอาหลิงม่อตกใจจนถอยกรูดไปข้างหลัง พร้อมกับปล่อยหนวดสัมผัสออกมาทันที

 

อีกฝ่ายได้รับผลกระทบจากหนวดสัมผัส เพิ่งจะกระโจนมาได้ครึ่งเดียงก็ชะงักเหมือนชนเข้ากับกำแพงไร้รูป แต่ความจริงเป็นเพียงแค่ได้รับอิทธิพลจากพลังจิตของหลิงม่อเท่านั้น

 

หลิงม่อเกือบจะถูกกระโจนเข้าใส่ แอบรู้สึกรำคาญใจนิดๆ ในตอนนี้หนวดสัมผัสของเขายังทำงานไม่ได้ดังใจ เวลาใช้ก็ไม่ได้คล่องแคล่วขนาดนั้น ดูท่าว่ายังต้องฝึกฝนอีกมาก

 

เมื่อเพ่งตามอง หลิงม่อก็ต้องผงะไปทันที ที่แท้สิ่งที่กระโจนเข้ามาก็คือเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ดูอายุรุ่นๆ เดียวกับเย่เลี่ยน แต่สีหน้าของเธอซีดขาวมากๆ ริมฝีปากแตกแห้งเหมือนป่วยหนัก

 

มิน่าล่ะ ผู้รอดชีวิตคนนั้นถึงได้กระวนกระวายมาก ดูท่าเขาคงเห็นว่า คนที่ลงมือโหดเหี้ยมอย่างหลิงม่ออาจจะจัดการเด็กสาวคนนี้

 

ในมือของเด็กสาวมีแผ่นเหล็กคมกริบ ขณะที่กำลังจ้องหลิงม่อตาค้าง ก็เห็นชัดว่าเธอคิดไม่ตกว่าทำไมการจู่โจมของตัวเองถึงได้คว้าน้ำเหลวอย่างประหลาด กระทั่งยังชะงักค้างโดยที่ยังไปไม่ถึงตรงหน้าหลิงม่อเลยด้วยซ้ำ

 

“นายเป็นใคร?” สายตาของเด็กสาวสับสนเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็เอ่ยปากถามทันที

 

ความจริงหลิงม่อเองก็ตะลึงไปด้วยเหมือนกัน จากปฏิกิริยาของเย่เลี่ยน ในนี้ไม่ควรมีซอมบี้อยู่หรอกเหรอ? แล้วทำไมถึงเป็นเด็กสาวได้!

 

และดูท่าทางของเด็กสาวก็เหมือนไม่มีร่องรอยการกลายพันธุ์เลย และมั่นใจได้ว่าเธอเป็นมนุษย์คนหนึ่งจริงๆ

 

พอเห็นหลิงม่อไม่พูดไม่จา เด็กสาวก็เลื่อนสายตาไปด้านหลังหลิงม่อ แล้วขมวดคิ้วขึ้นมาทันที โดยเฉพาะตอนที่เธอเห็นตาของไอ้ไก่อ่อนเป็นวงสีดำคล้ำก็ยิ่งโกรธจัด “ปล่อยสื่อปินนะ!”

 

เธอพูดพลางลงมือโดยไม่ลังเล

 

ตอนนี้หลิงม่อจึงได้พบสิ่งที่ผิดปกติของเด็กสาว เธอดูเหมือนเคลื่อนไหวไม่รวดเร็ว แต่ตอนที่เธอพุ่งเข้ามาตรงหน้าหลิงม่อ การต้านทานของหลิงม่อก็ล้มเหลว ตรงกันข้ามยังถูกแผ่นเหล็กของเด็กสาวกรีดเสื้อโค้ทด้วย

 

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาใช้หนวดสัมผัสทำให้เด็กสาวคนนี้ไขว้เขวได้ทันเวลา ก็คงได้รับบาดเจ็บไปแล้ว

 

นี่ทำให้หลิงม่อหวั่นวิตก แต่ครั้งเดียวก็ยังเรียกว่าผิดพลาดได้ แต่หลังจากที่เกือบถูกทำร้ายติดๆ กันหลายครั้ง ในที่สุดสมองของคิดม่อก็แวบคำหนึ่งคำขึ้นมาซึ่งก็คือ ผู้มีความสามารถพิเศษ

 

เด็กสาวคนนี้คือผู้มีความสามารถพิเศษแน่นอน!

 

แบบนี้แสดงว่าปฏิกิริยาของเย่เลี่ยนเกิดขึ้นเพราะเจอผู้มีความสามารถพิเศษอย่างนั้นหรือ?

 

แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเจอผู้มีความสามารถพิเศษอย่างหวังหลิ่น แต่ตอนนั้นเย่เลี่ยนก็ยังไม่ได้เกิดสำนึกรู้ในตัวเอง ไม่แน่ว่าตอนที่เธอมีจิตสำนึกในตัวเองแล้ว จึงได้มีปฏิกิริยากับผู้มีความสามมารถพิเศษ

 

แต่ในสถานการณ์แบบนี้กลับทำให้หลิงม่อรู้สึกถึงความประหลาดขึ้นมาท้นที

 

ผู้มีความสามารถพิเศษทั่วๆ ไป น่าจะเหมือนกับซอมบี้กลายพันธุ์ในหมู่ซอมบี้ ต่างอยู่ในระหว่างวิวัฒนาการ และระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นมีความสัมพันธ์ละเอียดอ่อนบางอย่างหรือ?

 

แต่ที่เย่เลี่ยนเกิดสัมผัสรู้ต่อผู้มีความสามารถพิเศษได้ นี่คือข่าวดี ถึงอย่างไรผู้มีความสามารถพิเศษก็ไม่ได้สลักตัวอักษรไว้บนหน้าผาก หากจะให้แยกแยะพวกเขาออกมาได้ในแวบเดียวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

 

หลิงม่อเสียสมาธิไปแบบนั้น การจู่โจมของเด็กสาวคนนั้นก็ดุดันขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้เคลื่อนไหวรวดเร็ว แต่ก็หลบหลีกการโต้กลับของหลิงม่อและสามารถหาช่องโหว่ของเขาได้ไปในทีตลอดเวลา

 

หลิงม่อสะท้านใจ หนวดสัมผัสของเขาเหมือนโอบล้อมเด็กสาวคนนี้ไว้ทั้งหมด รบกวนการจู่โจมของเธออย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้รับผลกระทบอยู่หลายครั้ง ในที่สุดหลิงม่อก็จับจุดอ่อนได้ แท่งลับมีดในมือจ่ออยู่ที่คอของเด็กสาว

 

เด็กสาวคนนี้โต้ตอบว่องไวจริง และบ่งบอกถึงที่มาของความสามารถพิเศษของเธอได้ หลังจากที่แท่งลับมีดจ่อตรงลำคอ เธอก็ยังหลุดรอดออกไปได้อย่างน่าประหลาด

 

แต่ในเมื่อหลิงม่อสบโอกาสแล้ว มีหรือจะปล่อยเธอไปง่ายๆ ขณะเดียวกับที่เธอเบี่ยงตัวหลบ แขนของเธอก็ถูกหลิงม่อคว้าไว้ และยังจับเธอกดติดผนังด้วย

 

หลังจากที่ได้ต่อสู้ ใบหน้าของเด็กสาวคนนี้ก็ขึ้นสีแดงเรื่อ แต่แววตากลับยิ่งดำมืด เมื่อฝืนลงมือก็ทำให้พละกำลังของเธอก็ถูกใช้ไปจนหมด

 

ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีความสามารถพิเศษประหลาดๆ นั่น เธอไม่มีทางแตะหลิงม่อได้อยู่แล้ว

 

“อย่าแตะเธอ!” ผู้รอดชีวิตคนนั้นแผดเสียงตะโกนลั่น “รังแกผู้หญิงมันเก่งตรงไหนเหรอ!”

 

คิดจะยั่วเขาเหรอ? หลิงม่อหัวเราะเยาะ แล้วหันไปบอก “เธอลงมือกับฉันก่อนไม่ใช่เหรอ? พวกนายชายหนึ่งหญิงหนึ่งนี่ประสาทกันทั้งคู่ จะต้องลงมือยั่วโทสะฉันก่อนให้ได้ใช่ไหม”

 

“นายจับสื่อปินแล้วยังทำเขากลายเป็นแบบนั้น...แค่กๆ...ฉันลงมือเพื่อช่วยคนเท่านั้น” เด็กสาวใช้พละกำลังไปจนไม่เหลือหรอ เวลาพูดก็กลายเป็นไร้เรี่ยวแรง หลิงม่อเลยปล่อยเธอ ถึงอย่างไรสภาพเธอตอนนี้ก็คุกคามอะไรเขาไม่ได้อีกต่อไป

 

“ฉันไม่ได้จับเขา แต่เขาลงมือกับฉันก่อน” หลิงม่อบอก แล้วชี้ที่ตาของตัวเอง “เห็นรึเปล่า?”

 

เมื่อเห็นดวงตาทั้งคู่ของหลิงม่อยังแดงก่ำอยู่ เด็กสาวก็ผงะ จากนั้นก็หัวเราะอย่างไร้เรี่ยวแรง “ผงพริกของฉันใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ?”

 

“วิธีแบบนี้เธอก็คิดออกมาได้นะ?” หลิงม่อผงะ

 

“หึ” เด็กสาวแค่นเสียงหึแล้วอยู่ๆ ก็บอก “ถ้าเขาไม่ได้ขอโทษนาย ฉันก็ขออภัยนายไว้ตรงนี้ ฉันเห็นว่านายอัดเขาไปยกหนึ่งแล้ว จะปล่อยเขาได้หรือเปล่า?”

 

“ไม่ต้องรีบหรอก ฉันมีเรื่องอยากถามเธอ” หลิงม่อยิ้ม แต่เด็กสาวคนนี้เผยสีหน้าฉงน

 

ไก่อ่อนที่ชื่อสื่อปินคำรามขึ้นอีก “นายคิดจะทำอะไร? อย่าแตะเธอนะ!”

 

เด็กสาวกระแอมสองทีแล้วบอก “สื่อปินนายอย่ากังวลจนไม่ดูตาม้าตาเรือ นายไม่เห็นเหรอว่าเขาพาสาวสวยมาด้วยสองคน? เขาไม่สนฉันหรอก...”

 

“แต่คราวก่อน...” สื่อปินแย้งหน้าดำหน้าแดง

 

“เอาล่ะ สู้ก็สู้ไม่ชนะ หลบก็หลบไม่พ้น แค่กๆ...” ดูเหมือนอาการป่วยของเด็กสาวจะรุนแรง แต่หลิงม่อกลับรู้สึกว่า เธอเหมือนได้รับบาดเจ็บหนักด้วย เห็นชัดว่ามือซ้ายไม่มีแรง

 

ฟังจากน้ำเสียงของสื่อปิน เหมือนกับว่าเคยเกิดเรื่องที่ผู้รอดชีวิตคิดร้ายกับเธอ...

 

แต่เด็กสาวคนนี้กลับเฉลียวฉลาดมาก อย่าว่าแต่หลิงม่อไม่ขาดแคลนผู้หญิงเลย ต่อให้ข้างกายไม่มีผู้หญิง ก็ไม่มีทางลงมือกับผู้หญิงคนนี้ที่ร่างกายอ่อนแอจนเหมือนพร้อมจะหมดลมได้ทุกเมื่อ

 

เขาไม่ใช่พวกเลวทรามต่ำช้าอย่างพวกชายหัวล้าน...

 

หลิงม่อเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที แต่เขามีเรื่องสำคัญกว่านั้นที่อยากจะถาม “เธอคือผู้มีความสามารถพิเศษเหรอ?”

 

เด็กสาวเหลือบมองหลิงม่ออย่างประหลาดใจ แต่เธอก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว เมื่อกี้ไม่ใช่เพราะฉันตาลาย แต่เพราะถูกความสามารถของนายก่อกวน นายก็เป็นผู้มีความสามารถพิเศษเหมือนกันสินะ”

 

ได้ยินประโยคนี้แล้ว สื่อปินก็ถลึงตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ สายตาที่มองหลิงม่อก็แปรเปลี่ยนเป็นสับสน

 

“ฉันรู้ว่าวิธีการของสื่อปินอาจจะสุดติ่งไปซักหน่อย แต่เขาทำเพื่อฉัน นายจะปล่อยเขาไปได้ไหม?” เด็กสาวถามขึ้นอีก

 

หลิงม่อลูบจมูก “ทำเพื่อเธอ แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน? เอาอย่างนี้เถอะ ฉันอยากรู้เรื่องความสามารถพิเศษของเธอมาก...”

 

“ชั่วกระสุนปืน (Bullet-time/หยุดเวลา/เวลาแช่แข็ง) ความสามารถของฉันเรียกว่า ชั่วกระสุนปืน” เด็กสาวตอบตรงๆ

 

หลิงม่อผงะ แนวคิดของเวลากระสุนปืน เขาก็พอเข้าใจ สามารถควบคุมให้เคลื่อนไหวได้ช้าลงเหรอ? ความสามารถนี้หากเอาไปใช้ดีๆ ก็จะเป็นเครื่องมือสังหารที่ร้ายกาจได้แน่นอน!

 

แต่ร่างกายของเธอแย่ขนาดนี้ ความสามารถนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมาย

 

“เธอเป็นคนตรงมาก...” เอาความสามารถพิเศษบอกคนอื่นได้โดยไม่ปิดบัง หลิงม่อก็อดตะลึงไม่ได้

 

เด็กสาวหัวเราะ “ถึงยังไงนายก็เป็นผู้มีความสามารถพิเศษเหมือนกัน บอกนายไปก็ไม่มีอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ฉันเป็นเชลยของนาย เพื่อนฉันก็อยู่ในกำมือของนาย ฉันไม่พูดได้เหรอ?”

 

เด็กสาวคนนี้ฉลาดจริงๆ ก่อนหน้านี้หลิงม่อยังรู้สึกว่า ผู้รอดชีวิตสื่อปินเป็นคนเก็บอารมณ์สงบนิ่ง แต่ตอนนี้ได้เห็นเด็กสาวคนนี้ หลิงม่อกลับรู้สึกได้คลับคล้ายคลับคลา น่ากลัวว่าการแสดงของสื่อปิ่นเหล่านั้น น่าจะได้รับการชี้นำมาจากเด็กสาวคนนี้ต่างหาก

 

ก่อนหน้านี้ที่เธอต่อต้านขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก็เพื่อรักษาพลังที่ตัวเองมีอยู่ ใช้ความสามารถพิเศษในสถานการณ์ที่ไม่ทันได้ป้องกันตัวแบบนี้ คนทั่วไปก็จะติดกับได้ง่ายๆ

 

แต่เธอพลาดไปหนึ่งอย่าง คือเธอไม่ได้คิดว่าหลิงม่อจะเป็นผู้มีความสามารถพิเศษเหมือนกัน และยังควบคุมเธอไว้ด้วย

 

หลังจากที่ประสบความพ่ายแพ้ เด็กสาวก็แสดงออกอย่างสงบนิ่งอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก จุดนี้ทำให้หลิงม่อรู้สึกว่า ถ้าหากเด็กสาวคนนี้ร่างกายแข็งแรง เธอจะต้องไม่มีทางมาหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ที่นี่แน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด