57 เงินที่ไม่ควรแตะต้อง
57 เงินที่ไม่ควรแตะต้อง
ฉันหวังว่าจะไม่มีคนที่สามนะ
ในระหว่างที่หวังเย้าลังเลใจอยู่นั้น ชายสองคนก็ได้หนีไปแล้ว
ดีที่คืนนี้เขาอยู่บนเนินเขา!
หวังเย้ามองไปที่เส้นทางที่ชายสองคนได้หนีไป และตัดสินใจที่จะหาพวกเขาให้เจอ ถ้าเขาไม่ได้ให้บทเรียนแก่พวกเขา คนพวกนั้นคงจะคิดว่าเขานั้นอ่อนแอ
วันต่อมา หวังเย้าได้ขอให้แม่ของเขาเฝ้าแปลงสมุนไพรให้หลังจากที่เขาฝึกหายใจเสร็จแล้ว แล้วเขาจึงขับรถเข้าไปในเมืองและตรงไปยังกรรมการหมู่บ้าน
มีสมาชิกอยู่ภายในออฟฟิสเพียงไม่กี่คนและต้อนรับหวังเย้า
สมาชิกส่วนใหญ่ต่างมีความสามารถและความรู้ เรื่องอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นภายในหมู่บ้าน พวกเขามักจะเป็นคนแรกที่รู้ พวกเขาสังเกตุเห็นคนแปลกหน้าไม่กี่คนที่เข้ามาในหมู่บ้าน ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมกับรถราคาแพง และพวกเขาก็รู้ว่าทุกคนต่างก็ไปหาหวังเย้า ชายหนุ่มที่โดดเด่นเป็นพิเศษของหมู่บ้าน
หวังเย้านั้นทำตัวสุภาพกับสมาชิกกรรมการหมู่บ้าน เพระพวกเขาต่างก็เป็นผู้อาวุโสในหมู่บ้านทั้งนั้น
“เย้า เธอมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” หวังเจียนหลี่ถามด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับคุณลุง ผมได้สัญญาเอาไว้ว่าจะบริจาคเงิน 20,000 หยวนให้กับหมู่บ้านทุกปีตามที่ได้เอ่ยปากเอาไว้เมื่อทำสัญญาเช่า” หวังเย้าพูด
“ใช่ เธอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมเหรอ?” หวังเจียนหลี่พูด
“นี่คือ 40,000 หยวนสำหรับสองปีครับ” หวังเย้าวางเงินจำนวน 40,000 หยวนลงบนโต๊ะ
“อ้อ!” ทุกคนในออฟฟิสต่างตกใจ
คนที่ทำสัญญาหลายคน ไม่ว่าจะเช่าเนินเขาหรือที่ดินต่างก็พยายามเลี่ยงที่จะจ่ายเงิน แต่หวังเย้ากลับตรงกันข้าม เขาได้จ่ายเงิน 400,000 หยวนและยังยินดีที่จะบริจาคเงินอีก 20,000 หยวนให้กับหมู่บ้านอีกด้วย ซึ่งการจะนำเงินส่วนนี้ไปใช้ก็ขึ้นอยู่กับสมาชิกของกรรมการหมู่บ้านเป็นคนตัดสินใจ ที่ตั้งของหมู่บ้านหวังเจียนั้นมีทรัพย์พยากรอยู่จำกัด ไม่เหมือนกับหมู่บ้านอื่น หมู่บ้านหวังเจียนนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยเนินเขาและพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เงินจำนวน 20,000 หยวนจึงเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับพวกเขา
“เป็นอะไรไปครับคุณลุง? คุณไม่รับเงินเอาไว้เหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“รับสิ ขอบคุณสำหรับการบริจาคเงินนะ!” หวังเจียนหลี่หัวเราะ เขายื่นเงินให้กับพนักงานบันชี
มันใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว ใครจะไม่อยากได้เงินล่ะ
“เย้า มีเรื่องอะไรอีกรึเปล่า?” หวังเจียนหลี่ถามด้วยรอยยิ้ม
หวังเจียนหลี่มีอายุกว่า40ปี เขาเห็นโลกมามากและเป็นคนฉลาด เขาจึงรู้ว่าหวังเย้าต้องมีธุระอย่างอื่นนอกจากการนำเงิน 40,000 หยวนมาบริจาค ไม่อย่างนั้น หวังเย้าคงไม่เลือกที่จะมาวันนี้
“ผมมีเรื่องอยากให้ช่วยน่ะครับ” หวังเย้าพูด
“เรื่องอะไรเหรอ? มานั่งก่อนสิ” หวังเจียนหลี่ชี้ไปที่โซฟาให้หวังเย้านั่ง
“ผมคิดว่าการรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านควรจะต้องปรับปรุงใหม่นะครับ” หวังเย้าพูด
“ทำไมล่ะ?!” สมาชิกที่อยู่ภายในห้องต่างลุกขึ้น เห็นได้ชัดว่าหวังเย้ามีเรื่องสำคัญจะพูด
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หวังเจียนหลี่ถามด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไป
“ผมพบว่ามีคนจงใจที่จะทำลายแปลงสมุนไพรของผมมากกว่าหนึ่งครั้งครับ” หวังเย้าพูดด้วยความจริงจัง “ผมคิดว่ากรรมการหมู่บ้านควรตรวจสอบดูครับ”
คิดไม่ผิด เงินนี่ไม่ได้ให้กันง่ายๆ! สมาชิกในห้องคิด
สมาชิกทุกคนต่างรู้ความเคลื่อนไหวในหมู่บ้านเป็นอย่างดี ชาวบ้านต่างพูดคุยเรื่องเนินเขาหนานชานและหวังเย้าไปทั่ว บางคนพูดว่าหวังเย้าหาเงินได้เป็นจำนวนมากเพราะฮวงจุ้ยที่ดีบนเนินเขาหนานชาน ไม่ว่าอะไรก็ปลูกขึ้น บางคนพูดว่า หวังเย้าไม่ได้ซื้อแค่รถเท่านั้น เขายังซื้ออสังหาริมทรัพย์เอาไว้ในเมืองอีกหลายที่
สมาชิกกรรมการหมู่บ้านต่างไม่มีใครเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยบนเนินเขาหนานชาน ก่อนหน้านั้นไม่มีใครปลูกอะไรบนเนินเขาหนานชานได้เลย พวกเขาจึงไม่คิดว่าเนินเขาหนานชานนั้นจะเหมาะสำหรับการปลูกสมุนไพรได้ พวกเขาเชื่อว่าหาเงินได้จำนวนมาก แต่คงไม่มากพอที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์เอาไว้ในเมืองได้ ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้คงไม่มีคนพูดถึงการพยายามฆ่าตัวตายของหวังเย้า เพราะล้มเหลวในการทำสวน
บางคนนั้นอิจฉาหวังเย้า จนทำให้พวกเขาอยากจะสร้างปัญหาให้กับหวังเย้า
สมาชิกกรรมการหมู่บ้านต่างพากันคาดเดาถึงคนที่สร้างปัญหา ที่พวกเขาไม่เข้าไปยุ่งเพราะคนที่สร้างปัญหานั้นก็มาจากหมู่บ้านเดียวกัน และไม่ใช้เรื่องร้ายแรงอะไร แต่การทำลายแปลงสมุนไพรนั้นมันคนละเรื่องกัน
“ทางกรรมการจะสืบสวนเรื่องนี้และจะแจ้งผลให้เธอทราบให้เร็วที่สุด” หวังเจียนหลี่พูด
“ได้ครับ ผมจะรอฟังผลอยู่ที่บ้าน ถ้ามันยากเกินกว่าจะสืบได้ ผมจะลองหาทางอื่นดูครับ” หวังเย้าพูด
หวังเย้าจากไปทันทีเมื่อได้พูดสิ่งที่เขาต้องการแล้ว
สมาชิกกรรมการเริ่มสูบบุหรี่กันหลังจากที่หวังเย้าจากไปแล้ว ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
“อย่ามัวแต่เงียบกัน พูดอะไรบ้างสิ” หวังเจียนหลี่พูด
“ฉันคิดว่าการทำลายแปลงสมุนไพรนั้นมันไม่ถูกต้อง!” หัวหน้าของหมู่บ้านพูด
“ฉันเห็นด้วย มันแย่มากแล้วกับการที่คอยคิดอิจฉาและนินทาคนอื่น แล้วตอนนี้ยังไปยุ่งกับแปลงสมุนไพรอีก!” เหรัญญิกพูด
“มีผู้ต้องสงสัยอยู่ไม่กี่คนหรอก ลองไปถามชาวบ้านดู” หัวหน้าทีมป้องกันหมู่บ้านพูด
“ตรวจดูกล้องวงจรปิดก่อน แล้วค่อยไปสอบถามคนที่น่าสงสัย เราต้องทำเวลาให้ดี หวังเย้าไม่ใช้คนที่จะตอแยด้วยได้” หวังเจียนหลี่พูด
“ได้!” หลายคนในห้องพูด
หวังเย้ากลับมาที่บ้านหลังจากที่ไปเยี่ยมกรรมการหมู่บ้านมา เขาจอดรถเอาไว้ที่บ้านแล้วจึงขึ้นไปบนเนินเขา
“ไฮ เย้า แม่อยากจะถามอะไรหน่อย” จางซิวหยิงพูดทันทีที่เห็นหวังเย้าเดินมาที่กระท่อม
“อะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“แม่จำได้ว่าลูกเคยพูดเอาไว้ ว่าลูกใช้ปุ๋ยชีวภาพใส่ในสมุนไพรและต้นไม้พวกนี้” จางซิวหยิงพูด
“ใช่ครับ ทำไมเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ลูกซื้อมาเพิ่มได้ไหม? หลังจากที่ลูกใช้ปุ๋ยชีวภาพ ในฤดูหนาวนี้ใบไม้บนต้นไม้แทบจะไม่ร่วงเลย แม่คิดว่ามันคงจะให้ผลเหมือนกันถ้าเอามาใช้กับพืชผลอื่นๆ ป้าของลูกที่อยู่ทางตะวันออกถามแม่เรื่องนี้น่ะ” จางซิวหยิงพูด เธอรู้สึกภูมิใจกับความสามารถของลูกชายของเธอมาก แต่เธอก็ไม่ได้รับปากใครเอาไว้ เพราะเธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอต้องอึดอัดใจ
หวังเย้ารู้สึกว่าเขาจะต้องหาเรื่องมาโกหกแม่ของเขาอีกแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นกับแปลงสมุนไพรนั้นคือเรื่องปาฏิหาริย์ เหมือนกับพระจันทร์ที่อยู่หลังเมฆและทองคำที่อยู่ในทราย ที่จะส่องสว่างออกมาสักวันหนึ่ง
ฉันจะเอาเรื่องอะไรมาบอกคนอื่นดี? หวังเย้าคิด
“เย้า ลูกคิดอะไรอยู่เหรอ? แม่กำลังถามลูกอยู่นะ” จางซิวหยิงถามเมื่อเห็นว่าลูกชายของเธอใจลอยอยู่
“แม่ครับ ปุ๋ยชีวภาพราคาของมันนั้นไม่ใช่จะซื้อได้ง่ายๆนะครับ มันมีราคาเป็นพันหยวนสำหรับจำนวนแค่นิดเดียว ผมแค่ซื้อมาลองเท่านั้น แล้วการปลูกผักในโรงเรือนโดยไม่ใช้ดินนั้นก็เป็นที่นิยมมากกว่าด้วย” หวังเย้าคิดหาข้ออ้าง
“พระเจ้า! มันแพงมาก!” จางซิวหยิงตกใจ “มันแพงขนาดนั้นแต่กลับใช้ได้แค่เอเคอร์เดียวเนี่ยนะ!”
“มันไม่ใช่แค่แพงเท่านั้นนะครับ แต่มันยังผลิตได้ยากด้วยเพราะมันต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต แม่เก็บเรื่องนี้เอาไว้และไม่พูดถึงมันอีกจะได้ไหมครับ? ไม่อย่างนั้นมันอาจจะทำให้ผมเดือดร้อนได้” หวังเย้าพูด
“แน่นอนจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด เธอไม่อยากจะทำให้ลูกชายของเธอต้องมีปัญหา เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรอีกถ้ามีคนถาม