GOD LEVEL DEMON ตอนที่ 38
“ทรงพลังจริงๆ นี่หรือผู้ใช้พลังฉีขุนศึกขั้นที่ 6? กระโดดเบาๆยังลอยขึ้นไปหลายเมตร หมัดของเขาจะต้องรุนแรงมากแน่ๆ นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว”
กลุ่มนักเรียนที่ยืนทึ่ง การที่คนธรรมดาจะต้องมาสู้กับอัจฉริยะแบบนี้ ไม่มีทางเลยที่จะสู้ได้ ความแตกต่างมันมากเกินไป
“ก่อนหน้านี้ที่เขาบอกให้พวกเราหลีกทาง ไม่ใช่ว่าเขาจะขึ้นลานประลองเองจากตรงนั้นไม่ได้ แต่เป็นเพราะว่าเขากลัวแรงอัดจากการกระโดดจะทำให้พวกเราต้องบาดเจ็บ ช่างเป็นคนอ่อนโยนจริงๆ”
นักเรียนหญิงที่หน้ามืดตามัวพูดขึ้นมา
“พระเจ้า ช่างเป็นคนที่ห่วงใยคนอื่นเสียจริง”
“มีความเป็นสุภาพบุรุษ สมแล้วที่เป็นราชาของโรงเรียนนี้”
“ใช่แล้ว โจวไท่หนานคือบุคคลตัวอย่างของโรงเรียนนี้ ข้าตกหลุมรักเขาแล้ว ทุกวันนี้ข้านอนไม่หลับก็เพราะนึกถึงแต่หน้าเขา”
นักเรียนหลายคนที่ยอมรับถึงความเป็นลูกผู้ชายของโจวไท่หนาน เขาคู่ควรแล้วกับความเก่งกาจนี้
ในขณะเดียวกันเซี่ยปิงที่อยู่ท่ามกลางผู้คนก็กำลังเดินไหล่ตกอย่างขี้เกียจ เขาเดินได้ครู่หนึ่งก็มีกลุ่มนักเรียนรอบๆที่เห็นเขาทันที
“เจ้านี่มันเป็นอะไรของมัน? ไม่รู้จักการมีมารยาท คิดจะแอบเข้ามาแย่งที่นั่ง ไม่มีสามัญสำนึกจริงๆ” นักเรียนคนหนึ่งที่มีท่าทางที่โมโหคิดว่าเซี่ยปิงเดินเข้ามาเพื่อแย่งที่นั่งของคนอื่น เหตุที่เขาคิดแบบนี้เป็นเพราะว่าคนที่มาดูการประลองคู่นี้เยอะมากทำให้การที่จะหาที่นั่งมันยากมาก
ดังนั้นใครที่มาก่อนจะมีสิทธิได้ที่นั่งที่ดี ใครที่มาหลังก็ต้องยืนอยู่ข้างนอกและดูผ่านวีดีโอไลฟ์สดผ่านโทรศัพท์มือถือ อรรถรสในการดูนี้มันแตกต่างกันมาก
นักเรียนอีกคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาทันที“ไม่ เขาไม่ใช่คนดู เขาคือเซี่ยปิงคู่ประลองของโจวไท่หนาน”
“อะไรนะ? เจ้านี่คือเซี่ยปิงหรอ?”
กลุ่มนักเรียนที่มองไปอย่างสงสัยเพราะว่าเจ้านี่คือคนที่เป็นข่าวกับเจียงยารุ เป็นศัตรูคู่แค้นของโจวไท่หนานที่เขาต้องลงทุนใช้เส้นสายในโรงเรียนเพื่อแก้ไขการประลอง
เป้าหมายของเขาคือการให้บทเรียนที่ลึกซึ้งกับเซี่ยปิง อย่างไรก็ตามนักเรียนที่อยู่ที่ลานประลองก็ยังคงสงสัยอยู่
“ดูเหมือนเจ้านั่นจะเป็นแค่คนธรรมดาๆที่พลังฉีก็ไม่น่าจะแข็งกล้า ไม่มีอะไรโดดเด่น นี่หรือคู่แข่งของโจวไท่หนาน? ตลกสิ้นดี”
“โจวไท่หนานต้องการเจอเขาเพื่อที่จะสั่งสอนเท่านั้น เขาไม่ได้อยากจะต่อสู้แบบจริงจัง”
“เจียงยารุก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาอยากจะเจอ”
“ดังนั้นพี่ใหญ่โจวคงจะจัดการกับเจ้านี่จนไม่สามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้และไม่กล้าโผล่หน้ามาให้เจียงยารุเห็นอีก”
“เจ้าโง่นี่ ไปหาเรื่องใครไม่หา แต่กลับไปหาเรื่องโจวไท่หนาน”
“ข้าว่าพี่ใหญ่โจวต้องมีอีกเป้าหมายหนึ่งนั่นคือการเชือกไก่ให้ลิงดู เขาจะใช้โอกาสนี้ในการเตือนคนที่คิดจะไปยุ่งกับเจียงยารุว่าจะเจอผลลัพธ์แบบไหน”
“หลังจากวันนี้เราอาจจะไม่ได้เห็นหน้าเซี่ยปิงอีก”
พวกนักเรียนนที่กำลังมองดูเซี่ยปิงที่กำลังเดินขึ้นไปบนลานประลองอย่างช้าๆ พวกเขาไม่คิดเลยว่าเซี่ยปิงจะมีโอกาสชนะแม้แต่นิดเดียว โจวไท่หนานคือผู้ใช้พลังฉีขุนศึกขั้นที่ 6 มีพละกำลังที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของโรงเรียน คนปกติธรรมดาๆจะไปสู้กับเขาได้อย่างไร?!
ต่อให้เจ้านี่จะดวงดีที่ได้นางฟ้าของโรงเรียนไปครองโดยการหลอกลวงแต่เรื่องของความแข็งแกร่งนั้นมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ความสามารถในการหลอกลวงผู้หญิงคงจะใช้ทำอะไรไม่ได้
หลังจากเริ่มการประลองเซี่ยปิงคงจะโดนโจวไท่หนานอัดอย่างยับเยิน
ในขณะเดียวกันเซี่ยปิเดินขึ้นบันไดลานประลองทีละก้าวๆ การเคลื่อนไหวของเขาดูเชื่องช้า ตอนนี้เขาได้ยืนอยู่ต่อหน้าโจวไท่หนานบนลานประลองแล้ว พวกเขายืนห่างกันประมาณ5-6เมตร
โจวไท่หนานยกมือสองข้างขึ้นมาและมองไปที่เซี่ยปิงด้วยหน้านิ่ง“ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะกล้ามา ข้านึกว่าเจ้าจะกลัวจนหนีหางจุกตูดไปแล้ว ข้ายอมรับความกล้าหาญของเจ้า”
“แต่เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะออมมือให้ ก่อนหน้านี้ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าจะให้บทเรียนแก่เจ้า ข้าจะทำให้ได้รู้ถึงความแตกต่างของอัจฉริยะกับคนธรรมดา”
“ถ้าเจ้ากัดฟันและปิดตามันจะสามารถช่วยให้เจ้าลดอาการบาดเจ็บของร่างกายได้ ไม่อย่างนั้นในเสี้ยววินาทีกระดูกทั้งตัวเจ้าอาจจะถูกข้าทำหักจนหมด”
เขาพูดด้วยจิตสังหารที่รุนแรงจนสามารถทำให้ผู้คนสั่นและกลัว
“ก่อนหน้านี้ไทรานก็พูดแบบนี้กับข้า หลังจากที่โดนหมัดของข้าไปก็หมดสติจนต้องให้คุณครูหามไปโรงพยาบาล รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่1อาทิตย์”
เซี่ยปิงพูดอย่างหน้านิ่ง
“เจ้านี่มันตลกเสียจริง ไทรานกับข้ามันคนละระดับกัน”
โจวไท่หนานเอ่ยขึ้นมา“ข้าโจวไท่หนานเป็นผู้ใช้พลังฉีขุนศึกขั้นที่ 6 และอยู่ในขั้นสำเร็จวิชาของทักษะระดับกลางหมัดห้าภูเขา พลังของข้าติดอันดับหนึ่งในสิบของโรงเรียนนี้”
“ไทรานมันก็แค่อันธพาลที่หลงในพละกำลังอันน้อยนิดของตัวเอง ก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยได้ประมือกันก็เพราะไม่เคยมีเรื่องอะไรบาดหมางกัน ข้าจึงปล่อยให้มันกร่างไปทั่วโรงเรียน”
“คนธรรมดาอย่างเจ้าที่ไม่เคยไปเจอกับโลกภายนอกไม่เข้าใจถึงโลกของศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงหรอก สามปีที่แล้วข้ามีโอกาสได้ไปฝึกกับยอดฝีมือระดับเซียนในสำนักวูเหว่ย”
“ในสำนักนั้นข้าได้ประมือกับพวกศิษพี่และพวกศิษน้องของข้าเพื่อพัฒนาฝีมือตัวเอง อีกอย่างข้ายังออกไปล่าสัตว์ปีศาจกับอาจารย์ข้าเพื่อหาประสบการณ์ ได้เห็นเลือด ได้บาดเจ็บมามาก ทุกอย่างนี้ล้วนทำให้ข้าพัฒนาจนเป็นผู้ใช้พลังฉีขุนศึกขั้นที่ 6 จนถึงทุกวันนี้”
“คนอย่างเจ้าที่ไม่รู้จักความลำบาก เป็นแค่ผู้ใช้พลังฉีขุนศึกขั้นที่ 4 ต่อให้เจ้าเลื่อนขึ้นมาจนถึงพลังฉีขุนศึกขั้นที่ 6 พลังของเราจะไปเท่ากันได้อย่างไร?”
“ในการสู้แบบต้องเดิมพันชีวิต ข้าสามารถฆ่าเจ้าง่ายๆเหมือนกับการเดินเหยียบมด”
เขาแสดงถึงความมั่นใจอย่างล้นหลามการที่จะชนะเซี่ยปิง
“กรรมการ”
โจวไท่หนานหันหัวไปเพื่อบอกกรรมการที่อยู่ใกล้เขา“เริ่มการประลองสักที ข้าไม่อยากจะมาเสียเวลากับขยะแบบนี้ ข้ามีเรื่องอื่นที่จะต้องไปทำอีก เข้าใจไหม?”
“เอาล่ะ เริ่มการประลองได้”
กรรมการที่เป็นคุณครูได้พยักหน้าและประกาศเริ่มการประลองทันที
“เจ้าเด็กน้อย นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริง กล้ามาต่อกรกับข้าโจวไท่หนานต้องตายสถานเดียว จำความรู้สึกนี้ให้ดีมันเป็นสิ่งที่คุณครูในโรงเรียนไม่สามารถสอนได้”
โจวไท่หนานพูดออกมา ปัง เขากระทืบพื้นอย่างดุร้าย ร่างกายทั้งตัวของเขาดูหนักแน่นและแข็งแกร่งเหมือนกับภูเขาที่ยึดมั่นอยู่กับที่ อากาศเต็มไปด้วยแรงกดดันทำให้ผู้คนรอบๆหายใจลำบาก
ทักษะระดับกลางหมัดห้าภูเขา!