GOD LEVEL DEMON ตอนที่ 1
ณ โรงเรียนมัธยมปลายที่95ในดาวหยานหวง ภูมิภาคหยางโจว เมืองเทียนซุย เขตไบ๋ชา มีเด็กหนุ่มที่สวมใส่เสื้อสีขาวกำลังนั่งอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ของดาวหยานหวงด้วยสีหน้าที่ไร้จิตวิญญาณ พร้อมกับพึมพำกับตัวเองคนเดียว
“แท้จริงแล้วข้าเซี่ยปิงเป็นคนของโลกมนุษย์หรือว่าคนของดาวหยานหวงกันแน่” “หรือนี้มันคือความฝัน”
สีหน้าของเขาตอนนี้แสดงความสับสนอย่างมาก
จริงๆแล้วเซี่ยปิงคือเด็กนักเรียนธรรมดาที่อยู่ในดาวหยานหวง แต่หากว่าสามวันก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น อยู่ๆเมฆบนฟ้าก็รวมตัวกันมืดครึ้มพร้อมทั้งปรากฏสายฟ้าสีม่วงที่ผ่าลงมาที่ตัวของเขา ทำให้เขาหมดสติไปชั่วขณะ
หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาเขารู้สึกได้ทันทีว่าในหัวของเขามีความทรงจำของคนสองคนอยู่ในนั้น หนึ่งในความทรงจำนั้นคือความทรงจำของเขาในดาวหยานหวง และอีกความทรงจำที่ได้เพิ่มขึ้นมาคือความทรงจำของเขาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ ซึ่งเขาได้ใช้ชีวิต ได้เรียน แต่งงาน มีลูก และเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในระยะเวลาอันสั้นเขาได้รับรู้ถึงความทรงจำของคนที่ได้มีชีวิตมานานกว่า 30ปี
หลังจากเหตุการณ์นั้นเซี่ยปิงต้องทนทรมานกับอาการสับสนและปวดหัวอย่างมากเพราะความทรงจำที่เพิ่มขึ้นมา เขาใช้เวลาถึงสามวันในการปะติปะต่อเรื่องราวบนหัวของเขา แต่หารู้ไม่ว่าความทรมานนั้นได้ส่งผลให้สมองเขาทำงานดีขึ้นและเฉียบคม
“ทุกคนเข้าใจแล้วใช่ไหม ว่ามีเวลาเหลืออีกแค่ 5 เดือนเท่านั้น”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียน สวมใส่ชุดสีขาวที่รัดพอดีตัวทำให้เห็นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ใบหน้าของเธอเนียนผ่องเหมือนกับนางฟ้าบวกกับแว่นตาสีดำที่ช่วยทำให้เธอดูมีความรู้และมีเสน่ห์มากขึ้น
เธอคือคุณครูประจำชั้นของเซี่ยปิงที่มีชื่อว่า “ชิวซุย” หรือพี่สาวชิว เธอเป็นคนที่มีพลังฉีที่กล้าแกร่งและวัดค่าไม่ได้
“อีกห้าเดือน จะต้องสอบเข้ามหาลัยแล้วนะ นี้มันสำคัญกับชีวิตพวกเธอมากเลยนะ”
คุณครูชิวซุยวางมือทั้งสองข้างบนโต๊ะ และมองเด็กเรียนในห้องด้วยสายตาที่จริงจังและงดงาม พร้อมทั้งเอ่ยว่า
“พวกเธอต้องคิดถึงอนาคตของพวกเธอนะ เดี๋ยวคุณครูจะแจกแบบสอบถามเกี่ยวกับการวางแผนในอนาคตของพวกเธอ ทำเสร็จแล้วส่งกลับมาให้ครูด้วยล่ะ”
“คุณครูคะ หนูเป็นผู้ใช้พลังฉีขุนศึกขั้นที่ 3 จะมีสิทธิเข้ามหาลัยดีๆได้ไหมคะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งยืนขึ้นถาม
“ขั้นที่ 3 ธรรมดามาก”
คุณครูชิวซุยพยักหน้า “ถ้าไปมหาลัยระดับหนึ่งละก็ เป็นไปไม่ได้เลย เธอควรไปมหาลัยระดับสาม ที่จบมามีงานทำทันทีและหาเลี้ยงครอบครัวตัวเองได้ เพราะว่าเดี๋ยวนี้คนงานขาดแคลน เธออาจจะเลือกเข้าไปทำงานให้บริษัทและเก็บเงินก้อนโตไว้เพื่อที่จะซื้อเนื้อสัตว์ปีศาจ ซื้อยาพลังวิญญาณ มาพัฒนาพลังฉีของตัวเอง ไม่แน่ในอนาคตเธออาจจะเป็นนักวิทยายุทธ์ที่แท้จริง มีรายได้ 1 หมื่นต่อเดือน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็ได้”
มาถึงตอนนี้เซี่ยปิงที่นั่งฟังอยุ่ในห้องได้สับสนอย่างมาก เพราะความทรงจำทั้งสองของเขามันแตกต่างกันชัดเจนในโลกมนุษย์จะพึ่งพาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนในดาวหยานหวงกลับพึ่งพากำลังภายในในการใช้ชีวิต
แรกเริ่มเดิมทีดาวหยานหวงกับโลกไม่ได้แตกต่างอะไรกันมาก แต่หากว่าหนึ่งพันปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์ลึกลับขึ้น มีหลุมดำโผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้าและได้ปล่อยควันสีดำออกมา จนปกคลุมทั่วทั้งดวงดาว
“ควันสีดำประหลาดนั้น คือไวรัสที่ร้ายแรง มันเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวอย่างมาก”
เซี่ยปิงกำลังมองดูหนังสือประวิติศาสตร์ “เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ประชากรดาวหยานหวงที่อ่อนแอทนพิษควันดำไม่ได้จนต้องเสียชีวิตไปกว่า 50%”
อีกทั้งไวรัสนี้ได้ส่งผลต่อสัตว์และพืชต่างๆบนดาวหยานหวง ทำให้พวกมันเปลี่ยนแปลงไป พวกมันแข็งแกร่งขึ้น ดุร้ายและกระหายเลือด จนมีผู้คนมากมายต้องล้มตายเพราะสัตว์ร้ายพวกนี้ ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้ยุคนั้นถูกเรียกว่า “ยุคแห่งความมืด”
แต่ทว่าในเรื่องร้ายก็มีเรื่องดีอยู่เหมือนกัน ต่อให้ควันสีดำนั้นจะน่ากลัวแต่มันก็ทำให้มนุษย์พัฒนาตัวเองไปเหมือนกับสัตว์ร้ายพวกนั้นด้วย
ในเวลาเดียวกันขณะนั้นดาวหยานหวงเกิดแผ่นดินไหวถี่มาก รวมถึงภูเขาไฟระเบิด ทำให้ผู้คนค้นพบปราสาทโบราณและในปราสาทนั้นเองที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั้นคือจุดกำเนิดของกำลังภายใน
กำลังภายในทำให้มนุษย์ผ่านขีดจำกัดของร่างกายไป ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าด้วยใบไม้, การเดินหลบหลีกกองทัพนับร้อย, การผ่าภูเขาด้วยมือเปล่า, การต่อยที่แยกแม่น้ำและทะเล สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ดาวเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
อีกทั้งในประสาทโบราณนอกจากจะมีวิชาพลังฉีแล้วก็ยังมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเกินกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน ทำให้มนุษย์พัฒนาไปไกลขึ้นกว่าเดิมจนสามารถต่อกรกับสัตว์ร้ายได้
หลังจากนั้น100ปี กลายเป็นยุคที่มนุษย์ขึ้นเป็นใหญ่ มนุษย์ได้สร้างประเทศ ก่อตั้งรัฐบาล และได้แบ่งเขตการปกครองเป็น 9 ภูมิภาค
ในยุคนั้นรัฐบาลพยายามจะหาสาเหตุของเหตูการณ์ในยุคมืด จึงได้มอบหมายให้เซียนต่างๆในยุคนั้นออกไปหาเบาะแสเกี่ยวกับหลุมดำแต่ทว่ากลับไม่พบเบาะแสเกี่ยวกับยุคแห่งความมืดเลย อย่างเดียวที่ค้นพบคือโลกคู่ขนานที่ถูกเรียนว่า.“โลกแห่งเมฆา”
ในโลกแห่งเมฆานั้นใหญ่กว่าดาวหยานหวงมาก อุดมไปด้วยทรัพยากรและพลังฉีที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงวัตถุดิบหายากต่างๆ ทำให้มนุษย์ได้ผลประโยชน์จากโลกแห่งเมฆาเป็นอย่างมาก
วัตถุดิบต่างๆในโลกแห่งเมฆาถูกนำมาใช้พัฒนาเทคโนโลยีและพัฒนากำลังภายในของมนุษย์จน ณ ปัจจุบันมนุษย์สามารถใช้กำลังภายในอย่างง่ายดาย
“เฮ้อ”
เซี่ยปิงหลังจากได้รับรู้เรื่องราวของประวิติศาสตร์ของดาว “เอาล่ะ คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ไม่ว่าข้าจะเป็นเซี่ยปิงของโลกหรือของดาวหยานหวง ข้าก็เป็นข้าอยู่ดี แค่ข้าใช้ชีวิตของข้าให้ดีก็พอ” ด้วยความคิดนี้ทำให้อาการปวดหัวของเขาหายไปในทีนที และในขณะเดียวกันก็ได้มีเสียงเข้ามาในหัวของเขาแทน “การรวมจิตวิญญาณสำเร็จ ระบบคะแนนความเกลียดชังทำงาน”
เซี่ยปิงกระพริบตา “ระบบความเกลียดชัง?” เขาเพิ่งจะหายจากอาการปวดหัวแต่เหมือนว่าเขาต้องเจอกับอะไรที่ปวดหัวกว่า
“ผู้เล่น ระบบนี้ถูกออกแบบเพื่อดึงดูดความเกลียดชัง ถ้าผู้เล่นสามารถทำให้คนอื่นเกลียดชังหรือรู้สึกไปในทางที่แย่ก็จะได้คะแนนความเกลียดชังมา คะแนนก็จะสามารถมาแลกของรางวัลได้ เช่นสมบัติและวิชาบ่มเพาะต่างๆ”
“ความเกลียดชังก็จะแบ่งระดับ ยิ่งความเกลียดชังรุนแรงเท่าไหร่ยิ่งได้คะแนนมากเท่านั้น”
“ทำให้คนอื่นเกลียด?” เซี่ยปิงพูดด้วยใบหน้าที่หมดคำพูด เขาคิดว่าแบบนี้ก็จะมีแต่คนโจมตีเขาจากทุกทิศเพราะเค้าได้สร้างศัตรูมากมาย จุดจบของเขาอาจจะน่าอนาถกว่าคนทรยศบางคนอีก
“การสอบเข้ามหาลัยจะต้องคิดเยอะๆเพราะว่ามันเป็นตัวตัดสินชีวิตของนักเรียนครูไม่สามารถเลือกให้นักเรียนได้แต่ครูสามารถให้คำแนะนำที่ดีได้”
คุณครูชิวซุยได้บอกกับเด็กนักเรียนทุกคน
“ครับ/ค่ะ คุณครู” เสียงนักเรียนตะโดนพร้อมกัน
แต่ทะว่าคุณครูชิวซุยเห็นเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่แน่นิ่งเหมือนจะไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด เธอจึงถามขึ้นมา
“เซี่ยปิง! ไหนบอกคุณครูหน่อยสิว่าเธอวางแผนอนาคตไว้ยังไง?”
“แผน?”
เขารู้ทันทีว่าเขาไม่ได้สนใจคำพูดคุณครูเลย ความคิดเขาตอนแรกคือเขาจะตอบว่าสอบเข้ามหาลัยระดับสามที่คนธรรมดาๆเขาทำกันแต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าทำไมไม่ลองพิสูจน์ระบบความเกลียดชังเลยล่ะ
“ผมอยากเข้ามหาลัยหยันฮวงครับ”
“ห้ะ” นักเรียนทั้งห้องอุทาน
หยันฮวงคือมหาลัยที่ดีที่สุดในดาวก็ว่าได้ ผู้คนที่มีอำนาจ ณ ปัจจุบันล้วนแต่เคยศึกษาที่นั้น สำหรับเซี่ยปิงที่เป็นแค่ผู้ใช้พลังฉีขุนศึกขั้นที่ 3 แทบจะไม่มีโอกาสสอบเข้าได้เลย
“เซี่ยปิงนี่เธอพูดจริงๆหรอ”
เขาพยักหน้า “ใช่ครับ อีกห้าเดือนผมจะสอบเข้ามหาลัยหยันฮวงและกลายเป็นเซียน มีรายได้100ล้านและแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีพร้อมทุกอย่างครับ”
“ไม่รู้จักขีดจำกัดตัวเองเอาซะเลย”
“หนังสือไม่เห็นเคยอ่าน แต่คิดไปไกลเกินตัว”
“เขาต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ”
กลุ่มนักเรียนเสียดสีคำพูดของเซี่ยปิง
เซี่ยปิงยืนนิ่งและพูดออกมา“หยางวุยนายก็ไม่ได้ดีนักหนาอย่ามาดูถูกคนอื่นนักเลย”
หยางวุยจ้องไปที่หน้าของเซี่ยปิงด้วยสายตาที่โกรธ
“ฮ่าๆ หยางวุยหน้าแตกเลยนะ” เก๋าวันเด็กอ้วนหัวเราะพร้อมทั้งซ้ำเติมเพราะว่าทั้งคู่ไม่ถูกกันอยู่แล้ว
“เก๋าวัน ตลกไปซะทุกเรื่องเลยนะ” เซี่ยปิงบอก
สีหน้าเก๋าวันโมโหจนเหมือนกับจะกินเซี่ยปิงทั้งเป็น
“พอได้แล้ว!” คุณครูชิวซุยทนดูไม่ได้และจ้องไปที่เซี่ยปิง “เซี่ยปิงเธอเป็นอะไร มันไม่สมควรนะที่จะพูดอะไรเกี่ยวกับคนอื่นก็ได้”
เซี่ยปิงพยักหน้า“ครับคุณครู ผมขอรับผิดครับ”
หยางวุยด้วยความที่รับไม่ได้ที่ตนเองถูกหักหน้ากลางห้องเรียนจึงเตะเก้าอี้และวิ่งออกจากห้องเรียนไป
“กลับมานี้!” คุณครูชิวซุยพยายามเรียกหยางวุยกลับมาแต่ก็ไม่ทันแล้ว เธอจึงหันไปจ้องเซี่ยปิงแทน “เซี่ยปิง!”
เซี่ยปิงตอบด้วยความที่คิดว่าตัวเองไม่ได้ผิดอะไร “ผมไม่นึกว่าเขาจะเป็นคนที่ควบคุมอารมตัวเองไม่ได้ครับ”
“ออกไปเดี่ยวนี้! ออกจากห้องไป!”คุณครูชิวซุยตะโกนพร้อมชี้นิ้วไปที่ประตู
ทว่าเซี่ยปิงกลับไม่สนใจเพราะว่ามีเสียงในหัวดังขึ้นมา “คะแนนความเกลียดชัง +1, คะแนนความเกลียดชัง+1”