56 นอนน้อยในตอนกลางคืน
56 นอนน้อยในตอนกลางคืน
“เดี๋ยวผมไปด้วยครับ” หวังเย้าพูด
“ได้จ๊ะ แม่จะขอให้พ่อช่วยมาเฝ้าแปลงสมุนไพรให้นะ เขาไม่ชอบเดินทางไปไหนอยู่แล้ว” จางซิวหยิงลงจากเขาไปด้วยความสุข
หลังจากนั้นไม่นาน หวังเฟิงฮวา พ่อของหวังเย้าก็ขึ้นมาบนเนินเขา
“พ่อครับ” หวังเย้าพูด
“อืม ลูกไปได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วงแปลงสมุนไพร ปล่อยให้พ่อดูแลเอง แต่ว่ามีอะไรที่พ่อต้องระวังไว้เป็นพิเศษรึเปล่า?” หวังเฟิงฮวาถาม
“ไม่มีครับ ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ที่ตรงนั้นผมปลูกสมุนไพรไว้เยอะเลย ยังไงพ่อช่วยดูแถวๆให้ด้วยนะครับ” หวังเย้าชี้ไปที่บริเวณที่เขาได้ปลูกสมุนไพรรากไว้หลายชนิด
“ได้สิ เดินทางดีดีนะ” หวังเฟิงฮวาพูด
“ครับ แล้วเจอกันครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากที่หวังเฟิงฮวาเห็นหวังเย้า ลูกชายของเขาลงจากเนินเขาไปแล้ว เขาจึงหมุนตัวแล้วเริ่มตรวจดูสมุนไพรที่หวังเย้าได้ปลูกเอาไว้ ตอนนี้เป็นช่วงเดือนธันวาคมแล้ว ซึ่งเป็นฤดูหนาว แต่ในแปลงสมุนไพรกลับเขียวชะอุ่มราวกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ หวังเฟิงฮวาไม่มีความรู้เรื่องสมุนไพรมากนัก แต่กับต้นพุทราและเกาลัดนั้นเขารู้จักเป็นอย่างดี พวกมันยืนต้นอยู่บนเนินเขาเเห่งนี้มาหลายสิบปีแล้ว เขาจำได้ว่าในช่วงฤดูหนาวพวกมันจะเหลือใบอยู่บนต้นไม่มากนัก แต่ตอนนี้พวกมันกลับดูเขียวชะอุ่มเต็มไปด้วยใบไม้ทั้งเขียวและเหลือง
เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้พวกนี้? หวังเฟิงฮวาประหลาดใจ
เขาเดินเขาไปใกล้ๆต้นไม้และเห็นว่ามีใบอ่อนกำลังงอกออกมา เขารู้สึกตกใจที่ได้เห็นต้นไม้พวกนี้ยังคงเติบโตและผลิใบในฤดูหนาวแบบนี้ได้
ดูเหมือนว่าเย้าจะทำบางอย่างกับต้นไม้พวกนี้! หวังเฟิงฮวายิ้มแล้วจึงเดินเข้าไปในกระท่อมเมื่อมั่นใจแล้วว่าทุกอย่างปกติดี
หวังเย้าไปที่บ้านของเขาและได้ช่วยแม่ของเขาเตรียมบะหมี่ก่อนที่จะออกจากบ้านไปด้วยกัน ระหว่างทางที่ออกจากหมู่บ้าน แม่ของหวังเย้าได้บอกให้หวังเย้าทักทายชาวบ้านทุกคนระหว่างทางที่ขับรถผ่าน
หวังเย้าส่ายหัว แต่แม่ของเขาดูมีความสุขมาก
ใครยังจะกล้าพูดจาลับหลังลูกชายของฉันอีก! เมื่อมองไปที่ท่าทางของจางซิวหยิงก็ทำให้หวังเย้ารู้สึกผิด
เขาได้รู้ว่าพ่อแม่ของเขาต้องได้ยินเรื่องนินทาเกี่ยวกับเขามามากมาย และมันทำให้พวกเขาต้องเสียใจมานานถึงสามปี
มันจะไม่เกิดขึ้นอีก! หวังเย้าคิด
หวังเย้าไม่ได่ขับรถเร็วมาก เพราะเขายังมีประสบการณ์ในการขับรถได้เพียงไม่นาน มันใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการขับไปถึงในเมือง เขาได้ขับตรงไปที่ซุปเปอร์มาร์เกตเพื่อซื้อของ
“อย่าใช้เงินเปลืองสิ!” จางซิวหยิงพูดกับหวังเย้า หลังจากที่ได้เห็นใบเสร็จซื้อของ
“อย่าห่วงเลยครับ ของที่ซื้อมาทั้งหมดก็เอาไว้สำหรับครอบครัวของเราทั้งนั้น” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาเดินทางไปที่บ้านของป้าของหวังเย้า หลังจากที่ซื้อของเสร็จแล้ว บริษัทที่ป้าของเขาเคยทำงานนั้นได้ถูกฟ้องล้มละลาย และป้าของเขาก็ยังไม่ได้หางานใหม่ด้วยสุขภาพที่ไม่อำนวยของเธอ จางซิวเหมยดีใจมากที่ได้เจอพี่สาวของเธอ ทั้งสองได้พูดคุยกัน ในระหว่างที่หวังเย้าชงชาให้พวกเขา
หวังเย้าและแม่ของเขาได้อยู่ทานมื้อกลางวันกับเธอ
หวังเย้าได้ขับรถพาแม่และป้าของเขาไปที่บ้านของลุงของเขาหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ลุงของเขาไม่อยู่บ้านมีเพียงภรรยาของเขาเท่านั้นที่อยู่ พวกเขาไม่ได้อยู่นานนัก ประมาณสี่โมงเย็นเขาก็ได้ขับรถพาแม่ของเขากลับบ้าน แม้ว่าจางซิวเหมยจะขอให้พวกเขาอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนก็ตาม
พวกเขาได้ทำความมะอาดบ้านเล็กน้อย และเริ่มทานอาหารเย็นเร็วขึ้นกว่าเดิม หวังเย้ากลับขึ้นไปบนเนินเขาหลังจากที่เขาทานอาหารเสร็จ
ในศูนย์กลางของเมืองเหลียนชาน บ้านป้าของหวังเย้า ป้าของเขาได้ทานอาหารเย็นกับสามีและลูกชายของเธอ
“เย้าทำงานอะไรอยู่เหรอ?” สามีของจางซิวเหมยถาม
“ปลูกสมุนไพร ทำไมเหรอคะ?” จางซิวเหมยพูด
“กิจการของเขาจะต้องดีมากแน่ๆ เขาซื้อรถได้เร็วมาก แล้วรถคันนั้นก็ไม่ใช่ถูกเลยด้วย!” สามีของเธอพูด
“ใช่ เขาได้เงินมาพอสมควรน่ะค่ะ” จางซิวเหมยพูด
เธอยังจำได้ดีว่า ยาสมุนไพรที่หวังเย้าขายนั้นมีราคาสูงถึง 260,000หยวน และเธอยังรู้อีกว่าเทียนหยวนถูได้ซื้อยาตัวนั้นอีกหลายครั้ง ด้วยเงินนั้น มันไม่ยากเลยที่หวังเย้าจะซื้อรถได้
“พ่อครับ ลูกพี่ลูกน้องของผมเขาซื้อรถอะไรเหรอครับ?” ลูกชายของจางซิวเหมยถาม
“รถครอบครัวของไทกวนน่ะ” จางซิวเหมยพูด “แถวบ้านของเราก็เห็นมีอยู่สองสามคันนะ”
“มันไม่ใช่ไทกวนนะครับ” ลูกชายของเธอพูด
“แล้วมันยี่ห้ออะไรเหรอ? แม่ก็เห็นเหมือนกันหมด บางทีลูกพี่ลูกน้องของลูกอาจจะซื้อรุ่นพิเศษมาก็ได้” จางซิวเหมยพูด
“ฮาฮา” สามีของเธอหัวเราะ เขาเห็นรถตอนที่เขากลับมาบ้านในเวลาอาหารกลางวัน รถคันนั้นดูคล้ายกับรถของเพื่อนบ้านของเขา แต่เขารู้ดีว่ารถของหวังเย้านั้นอาจจะแพงยิ่งกว่ารถพวกนั้นสองถึงสามเท่าด้วยซ้ำ
...
บนเนินเขานั้นอากาศเริ่มเย็นลงและเริ่มมืด
หวังเย้าห่อตัวด้วยผ้าห่มผืนหนานอนอยู่บนเตียง เขาถือคัมภีร์หวงจิงเอาไว้ในมือ
มีเงาสายหนึ่งโผล่ออกมาด้านนอกกระท่อม ซานเซียนกระโดดออกมาจากระท่อมของมันทันทีที่ได้ยินเสียง มันมองหาที่มาของเสียงและเริ่มเห่า
เกิดอะไรขึ้น? หวังเย้าลุกออกมาจากเตียง ใส่เสื้อผ้าและเดินออกมาจากกระท่อม
ทันใดนั้น ก็มีบางอย่างถูกขว้างมาที่หน้าต่างของกระท่อม
หวังเย้าหรี่ตามองและเห็นบางอย่าง มันคือก้อนหิน
โง่เง่า! หวังเย้าคิด
หวังเย้ามองไปในความมืดและรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่คนคนหนึ่งทำลงไป เขาได้ขึ้นมาบนเนินเขาในช่วงกลางดึกเพื่อสร้างปัญหา เพื่อที่จะทำให้หวังเย้ารู้สึกถูกคุกคามจากการที่เขาทำสัญญาเช่าเนินเขา แต่วิธีการของเขานั้นงี่เง่าและเหมือนเด็กเล่นมากกว่า
ซานเซียนเตรียมที่จะกระโดดเข้าใส่คนคนนั้น เมื่อหวังเย้าหยุดมันเอาไว้
“ซานเซียน รออยู่นี่” หวังเย้าพูด
หวังเย้ามองไปที่คนคนนั้นที่ไม่มีท่าทีที่จะจากไปเลย หวังเย้ากำลังอ่านคัมภีร์อยู่และพยายามที่จะปลีกตัวอยู่เงียบและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะโกรธไม่เป็นและปล่อยให้คนอื่นรังแกเขาได้ง่ายๆ
คนคนนั้นได้ขว้างก้อนหินมาอีก และหวังเย้าก็จับเอาไว้ได้
หวังเย้ามีไหวพริบที่ค่อนข้างดี จากการที่เขาฝึกหายใจและดื่มน้ำแร่โบราณอยู่เป็นประจำทุกวัน เขาสามารถมองเห็นในที่มืดได้ดีและมีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว
“เชี่ย!” คนคนนั้นขว้างก้อนหินพลาดสองครั้งแล้ว
เขาต้องตกใจกับปฏิกิริยาที่รวดเร็วของหวังเย้า
มาให้ฉันได้ดูสิว่านายเป็นใครกัน! หวังเย้าคิด
เขาวิ่งตรงไปที่คนคนนั้นราวกับสายฟ้าและหลบหลีกสมุนไพรและต้นไม้ได้อย่างคล่องแคล่วเพราะเขามองเห็นในที่มืดได้เป็นอย่างดี
โอ้ ไม่! ฉันต้องวิ่งแล้ว! คนคนนั้นตกใจ
เขาหมุนตัวและพยายามที่จะวิ่งหนี แต่หวังเย้าเร็วกว่า ในตอนที่หวังเย้าเกือบจะจับชายคนนั้นได้แล้ว ก็มีคนอีกคนโผล่ออกมาใกล้ๆ เขาขว้างก้อนหินไปที่หวังเย้าที่พยายามหลบก้อนหิน หวังเย้ามองไปที่คนที่มาหาเรื่องเขา
“นายมีผู้สมรู้คิดอีกคน!” หวังเย้าพูด
เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาสองก้อน ส่งพลังฉีจากท้องไปยังแขนของเขา แล้วจึงขว้างหินไปที่หนึ่งในผู้ชายที่กำลังพยายามหนี
“อ้าห์!”
หวังเย้าได้ยินเสียงกรีดร้อง เขาขว้างหินอีกก้อนไปที่ชายอีกคนที่หนีไปไกลกว่าในทันที แล้วเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอีกครั้ง ชายคนนั้นแทบจะล้มลงไปบนพื้น
หวังเย้าเกือบจะไล่ตามชายสองคนนั้น แต่ทันใดนั้นเขาก็หยุดและมองไปที่แปลงสมุนไพรและกระท่อมของเขา