ราชันย์เร้นลับ 28 : นิกายเร้นลับ
ราชันย์เร้นลับ 28 : นิกายเร้นลับ
ตึกตัก! ตึกตัก!
หัวใจไคลน์กำลังเต้นโครมครามและยุบพองไม่เป็นจังหวะ ร่างกายสั่นระริกอย่างหยุดไม่ได้
เป็นเช่นนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ไคลน์หลงลืมไปหมดสิ้นแล้วว่า ดันน์·สมิทมอบหมายให้ตนกระทำสิ่งใดบ้าง จนกระทั่งบุคคลปริศนาหยุดพฤติกรรมชั่วคราวพร้อมกับใช้หูเงี่ยฟังเสียงผิดปรกติรอบตัว
เลือดกลับมาไหลเลี้ยงสมองอีกครั้ง ไคลน์ได้รับกระบวนการคิดกลับคืนมา ฝ่ามือถูกเลื่อนไปใต้หมอน ด้ามลูกโม่ถูกกำแน่น
เพราะความละมุนของด้ามจับที่ทำจากไม้ จิตใจไคลน์เริ่มสงบนิ่ง มันค่อยๆ เลื่อนปากกระบอกปืนจ่อศีรษะบุคคลลึกลับอย่างเงียบเชียบ
ด้วยความสัตย์จริง มันไม่มั่นใจที่จะยิงใส่ แม้การซ้อมเมื่อวานจะทำได้ดีและเข้าเป้าหลายนัด แต่เป้าฝึกกับคนจริงที่เคลื่อนไหวนั้นต่างกันมาก มันไม่โอหังขนาดนำความสำเร็จเล็กน้อยที่สนามยิงปืนมาใช้กับสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน
หลักการคมคายของโลกเก่าพลันแล่นเข้ามาในหัว—อาวุธนิวเคลียร์จะมีอำนาจต่อรองมากที่สุดในตอนที่ยังไม่ยิงออกไป
สถานการณ์ปัจจุบันอาจแตกต่างเล็กน้อย แต่บริบทเหมือนกัน ปืนในมือตนกำลังเปรียบดังหัวรบนิวเคลียร์ อีกฝ่ายไม่มีทางทราบว่าไคลน์เป็นแค่มือสมัครเล่นที่เพิ่งหัดยิงปืนเมื่อวาน
การยิงส่งเดชมีโอกาสพลาดเป้าสูงมาก
ไคลน์กำลังประหม่า มันกังวลและไม่มั่นใจ ไกปืนจึงถูกยับยั้งไว้โดยไม่ยังไม่เหนี่ยว
ทันใดนั้น ความคิดใหม่แล่นเข้ามาในหัว โดยปรกติแล้ว มันไม่ใช่คนใจเย็นขณะเผชิญเหตุวิกฤติ แต่ครั้งนี้เป็นข้อยกเว้น ไคลน์มีแผนใช้วาจาข่มขู่อีกฝ่าย
ประเทศจีนมีคำพังเพยที่ว่า—เกราะที่มนุษย์ใช้ป้องกันตัวได้ที่ดีสุดคือ ‘สติ’
ขณะไคลน์กำลังเล็งปืนไปยังศีรษะผู้บุกรุกอย่างใจเย็น ชายปริศนาพลันชะงัก มันเริ่มสัมผัสถึงความผิดปรกติ
ถัดมาไม่นาน เสียงไคลน์ถูกเปล่งออกไปพร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดีตอนดึก มิสเตอร์”
ผู้บุกรุกกำหมัดแน่น ร่างกายกำลังแข็งทื่อ ไคลน์บนเตียงชั้นล่างเปลี่ยนอิริยาบทจากท่านอนเป็นท่านั่ง ปืนในมือยังคงเล็กไปยังศีรษะแน่วแน่
ชายหนุ่มเปล่งเสียงแสนสุขุม
“ยกมือทั้งสองข้างขึ้นและหันหลังกลับมา กรุณาทำอย่างช้าๆ ด้วย อันที่จริง ผมเป็นพวกตกใจง่าย อาจแตกตื่นได้ถ้าคุณขยับตัวเร็วเกินไป ผมไม่ขอรับประกันว่าปืนกระบอกนี้จะไม่ลั่นสุ่มสี่สุ่มห้า”
ชายร่างผอมแห้งยกฝ่ามือทั้งสองข้างเลยศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หมุนตัวกลับมาทีละนิด
ภาพแรกที่ไคลน์เห็นคือสูทรัดรูปสีดำ กระดุมติดอย่างปราณีตเรียบร้อย ถัดมาเป็นภาพของขนคิ้วน้ำตาลเข้มที่เรียวและหนา
นัยน์ตาฟ้าของมันมิได้แฝงความหวาดกลัว ตรงกันข้าม กำลังอัดแน่นด้วยความดุร้ายประหนึ่งสัตว์ป่าหิวกระหาย หากไคลน์เสียจังหวะแม้เพียงเสี้ยววินาที มันจะถูกกระโจนใส่พร้อมกับฉีกร่างเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ด้ามไม้ของลูกโม่ถูกกำแน่นขึ้น ไคลน์พยายามแสร้งปั้นหน้าเรียบเฉย ไม่แยแสท่าทีเกรี้ยวกราดของอีกฝ่าย
หลังจากไคลน์ได้เห็นใบหน้าชายปริศนาอย่างสมบูรณ์ มันเชิดคางขึ้นและชี้ไปที่ประตู ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“มิสเตอร์ พวกเราออกไปสะสางกันด้านนอกดีกว่า อย่ารบกวนความฝันแสนหวานของผู้อื่นเลย อ๊ะ! อย่าลืมทำอย่างช้าๆ เหมือนเดิมด้วย พยายามย่องเท้าให้เบาที่สุด นี่คือมารยาทพื้นฐานของสุภาพบุรุษ”
นัยน์ตาเย็นชาของผู้บุกรุกกวาดมองรอบห้องหนึ่งครั้ง ก่อนจะย่องตรงไปที่หน้าประตูในท่ายกแขนค้างไว้
ไคลน์ยังคงเล็งปากกระบอกลูกโม่ไว้ที่ศีรษะ ผู้บุกรุกบรรจงบิดประตูอย่างเชื่องช้าและเงียบเชียบ
เมื่อบานประตูถูกดึงเข้ามาครึ่งหนึ่ง ชายร่างเล็กพลันกระโดดม้วนตัวพุ่งออกจากประตูอย่างรวดเร็ว ถัดมาอีกอึดใจ บานประตูถูกสายลมปริศนากระแทกปิดดังโครม สนั่นไปทั่วห้องสามพี่น้อง
“หือ…”
เบ็นสันที่นอนบนเตียงชั้นสองส่งเสียงสะลึมสะลือ
ทันใดนั้น ท่องทำนองดนตรีที่ปลอดโปร่งและไพเราะเริ่มดังจากนอกห้อง ตามด้วยเสียงขับขานกังวาลและมีเสน่ห์
“อา…
“จงหวาดกลัวต่อภัย จงบูชาในจันทร์ชาด
“หนึ่งสิ่งที่แน่ชัด ทุกชีวิตย่อมชะตาขาด
“หนึ่งสิ่งที่เที่ยงแท้ อื่นใดล้วนเป็นภาพวาด
“บุปผาที่ถูกเด็ด มีเวรกรรมต้องถึงฆาต”
พลังของบทกวีช่วยให้ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกผ่อนคลาย เบ็นสันบนเตียงชั้นสองหลับตาลงอีกครั้ง เมลิสซ่าที่อยู่ในห้องส่วนตัวได้เข้าสู่ภาวะหลับไหลโดยสมบูรณ์
สติของไคลน์เลือนลางเช่นกัน มันถึงกับอ้าปากหาววอดใหญ่
ไคลน์เค้นสติครุ่นคิด ชายร่างผอมบางเมื่อครู่มีความไวที่น่าเหลือเชื่อ การยิงสุ่มสี่สุ่มห้าคงยากที่จะเข้าเป้า มันทำถูกแล้วที่เลือกขู่
สายตายังคงชำเลืองประตูที่ปิดสนิท ไคลน์พึมพำกับตัวเองเสียงค่อย
“คุณอาจไม่เชื่อก็ได้ ถึงผมจะลั่นไกไป แต่กระสุนปืนก็ไม่ถูกยิงอยู่ดี”
เพราะนั่นเป็นโม่เปล่าสำหรับกันปืนลั่น
ถัดมา นักกวีเที่ยงคืนยังคงขับขานเพลงกลอนไม่ขาดปาก ไคลน์อดทนฟังอย่างใจเย็น รอจนกว่าการต่อสู้ด้านจะนอกจบลง
ราวหนึ่งนาที ท่วงทำนองสุดไพเราะเปรียบประหนึ่งแสงจันทร์บนผิวน้ำได้หยุดลง ค่ำคืนอันมืดมิดกลับมาเงียงสงบไร้สุ้มเสียงอีกครา
ไคลน์ใช้นิ้วดันโม่ออก หมุนโม่ให้กระสุนปราบมารตรงกับรังเพลิงพร้อมยิง หูเงี่ยรอฟังผลการต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อ
สิบนาทีเต็มผ่านไป ขณะลังเลว่าควรสำรวจด้วยตาตัวเองดีหรือไม่ น้ำเสียงสุขุมและอบอุ่นของดันน์·สมิทดังจากหน้าประตู
“เรียบร้อยแล้ว”
ฟู่ว! ไคลน์ถอนหายใจยาว
มือขวายังคงกำปืน มือซ้ายถือกุญแจห้อง ฝ่าเท้าเปลือยเปล่า ประตูถูกไขและดึงเข้าหาตัวอย่างเชื่องช้า ภาพแรกที่เห็นคือดันน์·สมิทในชุดกันลมสีดำตัวเก่ง หมวกทรงกึ่งสูง นัยน์ตาเทาสุขุม
“ต้องใช้เวลาสักพักกว่าผมจะเข้าฝันหมอนั่นสำเร็จ”
ดันน์กล่าวใจเย็น นัยน์ตาจองมองจันทร์แดงด้านนอกหน้าต่าง
“เป็นคนของใคร?”
สีหน้าไคลน์เริ่มดีขึ้นทุกขณะ
ดันน์ผงกหัว
“เป็นคนขององค์โบราณที่ชื่อนิกายเร้นลับ ก่อตั้งในยุคสมัยที่สี่ มีความเกี่ยวพันกับจักรวรรดิโซโลม่อนและขุนนางตกอับสมัยนั้น
“สมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสเคยเป็นของพวกมันมาก่อน จนกระทั่งสมาชิกบางคนหละหลวมและปล่อยเข้าสู่ตลาดมืด ก่อนจะมาอยู่ในมือของเวิร์ชและเกิดเรื่องขึ้น พวกมันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากส่งคนตามหา”
โดยไม่รอให้ไคลน์แทรก ดันน์กล่าวต่อ
“แผนต่อไปของพวกเราคือ ตามจับกุมสมาชิกที่เหลือจากเบาะแสใหม่ แน่นอนว่าบทสรุปอาจไม่สวยหรูนัก เจ้าพวกนี้ซ่อนตัวเก่งยิ่งกว่าหนูในท่อ
“แต่ข่าวดีคือ พวกมันปักใจเชื่อว่าทางเหยี่ยวราตรีอาจมีสมุดบันทึกอันทีโกนัสในครอบครอง หรืออย่างน้อยก็มีเบาะแสสำคัญเกี่ยวกับสมุด ด้วยเหตุนี้ คนของนิกายเร้นลับน่าจะถอนตัวจากภารกิจทวงคืนสมุดในไม่ช้า คงไม่มีใครต้องการเอาชีวิตเสี่ยงกับเหยี่ยวราตรีโดยไม่จำเป็น นี่คือหลักสำคัญในการรักษาตัวรอดของนิกายโบราณ ยกเว้นแต่ว่า สมุดเล่มดังกล่าวจะสำคัญต่อพวกมันมาก”
“…แล้วถ้าสมุดสำคัญกับพวกมันมาก?”
ไคลน์ถามขมวดคิ้ว
ดันน์อมยิ้มไม่ตอบ มันกล่าวต่อ
“พวกเรามีข้อมูลนิกายเร้นลับน้อยมาก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความสำเร็จของภารกิจในวันนี้เกิดขึ้นได้เพราะคุณ
“สามารถเยือกเย็นและหลักแหลมในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน สติปัญญาของคุณช่วยให้พวกเราพบเบาะแสเกี่ยวกับสมุดเล่มดังกล่าวเพิ่มเติม
“ดังนั้น คุณจึงมีสิทธิ์เลือก”
“มีสิทธิ์เลือก?”
ไคลน์พอเดาได้เลือนลาง ลมหายใจของมันเริ่มติดขัดไม่เป็นจังหวะ
รอยยิ้มบนใบหน้าดันน์หายไป มันกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คุณต้องการเป็นผู้วิเศษใช่ไหม? หลังจากได้รับความดีความชอบในเหตุการณ์ล่าสุด คุณสามารถเลือกหนึ่งในโอสถเริ่มต้นซึ่งเป็นเส้นทาง ‘ไม่สมบูรณ์’ ได้”
“แน่นอน คุณมีสิทธิ์สั่งสมความชอบไว้ ยังไม่ต้องรีบใช้ และเมื่อความชอบเพิ่มขึ้น คุณจะมีโอกาสเลือกเส้นทาง ‘ผู้หลับไหล’ ซึ่งเป็นเส้นทางสมบูรณ์เดียวที่เทพธิดาประทานให้หน่วยเหยี่ยวราตรี”
จริงด้วย…
ไคลน์โล่งใจเล็กน้อย มันไม่ออกอาการลังเล เส้นทางผู้หลับไหลมิใช่สิ่งตนปรารถนา
ชายหนุ่มเปิดปากถาม
“แล้วผมเลือกเส้นทางไหนได้บ้าง?”
มันจำเป็นต้องมีข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นการสะสมไว้ก่อน หรือการใช้สิทธิ์ในทันที
ดันน์หันกลับมาจ้องไคลน์ หน้าประตูมีแสงจันทร์สีแดงสาดส่อง เหยี่ยวราตรีนัยน์ตาเทามองเข้าไปในแววตาของชายหนุ่ม
“นอกจากผู้ไร้หลับ โบสถ์เทพธิดาครอบยังครองเส้นทางไม่สมบูรณ์อีกสามชนิด หนึ่งในนั้นคือ ‘ผู้ส่องความลับ’ ของลุงนีลล์ ผมขอเดาว่าโรแซนคงเล่าให้คุณฟังแล้วใช่ไหม เธอไม่มีทางสงบปากไว้ได้แน่”
ไคลน์ยิ้มกระอักกระอ่วน ชายหนุ่มไม่กล้าตอบสิ่งใด แต่โชคดี ดูเหมือนดันน์จะไม่ได้โกรธ มันเริ่มอธิบายต่อ
“สูตรโอสถผู้ส่องความลับ รวมถึงโอสถระดับเก้าเส้นทางไม่สมบูรณ์ชนิดอื่น ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเรายึดได้จากนิกายมอสส์
“ว่ากันว่า สมาชิกนิกายพวกมันแทบไม่เกิดการคลุ้มคลั่ง แต่ก็แลกมาด้วยระเบียบวินัยอันเคร่งครัด นิกายมอสส์แสวงหาความรู้อย่างไม่จบสิ้น พวกมันเก็บความลับเก่งฉกาจ สมาชิกใหม่ทุกคนจะถูกห้ามพูดเป็นเวลาห้าปี เมื่อผ่านบททดสอบนี้ได้ สมาชิกจะได้รับสิทธิ์ให้เป็น ‘ผู้ส่องความลับ’ เต็มตัว
“หลักคำสอนของนิกายมอสส์กลายเป็นหลักปฏิบัติของผู้ส่องความลับทั่วโลก—ทำทุกสิ่งที่อยากทำ แต่ต้องไม่เดือดร้อนใคร
“พลังของผู้ส่องความลับค่อนข้างกว้างขวาง แต่พื้นฐานคือการศึกษาด้านเวทมนตร์ คาถา โหราศาสตร์ และพลังเหนือธรรมชาติอีกหลายชนิด
“ผู้ส่องความลับชำนาญด้านพิธีกรรมเวทมนตร์ แต่ข้อเสียคือการมีสัมผัสวิญญาณกล้าแกร่ง สามารถพบเห็นตัวตนที่คนทั่วไปไม่ควรเห็น จึงต้องระวังการคลุ้มคลั่งมากกว่าเส้นทางอื่น
“ผู้ส่องความลับเป็นเส้นทางที่พวกเราครอบครองไม่สมบูรณ์ ตัวอย่างเช่นโอสถลำดับแปด เหยี่ยวราตรีสาขาทิงเก็นไม่มีสูตรผสม แต่อาจมีในวิหารศักดิ์สิทธิ์”
ค่อนข้างตรงกับสิ่งที่มันต้องการ…
ไคลน์พยักหน้าหงึกหงัก แต่ขณะกำลังจะกล่าวตกลง …โชคดีที่นึกขึ้นได้เสียก่อน
“แล้วอีกสองเส้นทางล่ะครับ?”
“ถัดมาคือ ‘ผู้เก็บซากศพ’ พวกลิทธินอกรีตของทวีปใต้ที่บูชาความตายมักเลือกพลังชนิดนี้ หลังจากดื่มโอสถเข้าไป วิญญาณร้ายด้อยสติปัญญาจะเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกัน และไม่เข้ามาทำร้ายก่อน
“ผู้เก็บซากศพจะทนทานต่อออร่าแสนสะอิดสะเอียนที่แผ่จากศพ ทั้งความหนาวเหน็บ เน่าเปื่อย ผุกร่อน และสิ่งชวนอาเจียนทั้งหลาย
“สามารถสื่อสารกับวิญญาณร้ายได้บางชนิด มองเห็นจุดอ่อนและลักษณะพิเศษของสิ่งมีชีวิตประเภทอันเดด แถมยังได้รับพลังทางกายภาพเพิ่มขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้า
“โบสถ์ของเรามีเส้นทางผู้เก็บซากศพถึงลำดับเจ็ด ส่วนชื่อของโอสถลำดับเจ็ด คุณคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี…
“ถูกต้อง ผู้สื่อวิญญาณนั่นเอง ดาลี่ย์เลือกเส้นทางผู้เก็บซากศพ”
ดันน์อธิบาย
ผู้สื่อวิญญาณค่อนข้างน่าสนใจและแข็งแกร่ง แต่ตัวมันต้องการความรู้ด้านพลังเร้นลับเหนือธรรมชาติมากกว่า
ไคลน์ไม่ขัด ปล่อยให้ดันน์เล่าต่อ
ดันน์·สมิทหันกลับไปมองพระจันทร์แดงอีกครั้ง ก่อนจะกล่าว
“และเส้นทางสุดท้าย พวกเรามีเพียงสูตรของโอสถลำดับเก้า ส่วนขั้นสูงกว่านี้ ยังไม่แน่ใจว่าวิหารศักดิ์สิทธิ์มีหรือไม่
“ชื่อของมันคือ… นักทำนาย”
นักทำนาย?
นัยต์ตาไคลน์หดลีบเล็ก มันยังจำเนื้อความในไดอารีจักรพรรดิโรซายได้ดี
โรซายเสียดายมากที่ไม่ได้เลือกเส้นทางผู้ฝึกหัด นักจารกรรม หรือนักทำนาย…
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ลงวันละตอน ทุกวันอังคาร - เสาร์
ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/