บทที่ 92 หากข้าต้องเคลื่อนพล 2 (1)
บทที่ 92 หากข้าต้องเคลื่อนพล 2 (1)
วาฬตัวใหญ่ที่กำลังว่ายตัดผ่านมหาสมุทรใกล้ถึงชายฝั่งหายวับไปในทันทีก่อนจะปรากฏร่างของชายผู้คุ้นตามายืนดูด้านหน้าของคาร์ลแทน
“นายน้อยคาร์ล...ไม่ได้เจอท่านเสียนานเลย”
“ดีใจที่พบเจ้าเช่นกัน....”
มีเพียง‘พาสตัน’วาฬหลังค่อมเลือดผสมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กลายร่างเป็นมนุษย์ขึ้นมาพบกับคาร์ลในขณะที่กลุ่มของคาร์ลนั้นมีเพียงราอน เชวฮันและโรสลินเท่านั้นที่ยืนอยู่บนหน้าผาอันมืดมิดในวันนี้
“ทำไม..ท่านจึงเรียกให้เรามาพบกะทันหันเช่นนี้ล่ะ?”
พาสตันย้ายสายตาของตนไปหยุดที่ขลุ่ยหอยสังข์ในมือของคาร์ล พวกเขากำลังต่อสู้กับเหล่าเงือกจึงต้องละมือมาหาเขาอย่างกะทันหันเมื่อได้ยินสัญญาณเรียกจากคาร์ล
สัญญาณที่คาร์ลส่งไปให้คือ‘ด่วน’มันเป็นเสียงที่มีเพียงสัตว์อสูรจากเผ่าวาฬเท่านั้นที่จะได้ยินมัน
“ท่านต้องการ..ใช้งานจากพลังอันแข็งแกร่งของพวกเราแล้วรึ?”
หนึ่งในข้อตกลงระหว่างคาร์ลและเผ่าวาฬคือคาร์ลสามารถเรียกใช้งานเผ่าวาฬในการคุ้มครอง ต่อสู้หรืออะไรก็ตามที่คาร์ลต้องการจากพวกเขา แน่นอนว่าคาร์ลต้องการเข้าประเด็นในทันทีโดยไม่คิดจะอ้อมค้อมแต่อย่างใด
“ข้าพบองค์กรที่ให้การช่วยเหลือพวกเงือกแล้ว”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
คำตอบที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากของคาร์ลทำให้ใบหน้าของพาสตันแข็งค้างขึ้นทันที
เผ่าวาฬต้องผจญกับปัญหาชวนปวดหัวครั้งสำคัญเมื่อมีกลุ่มคนเข้ายึดเกาะฮาอิสที่ 5 และแอบให้การช่วยเหลือพวกเงือกอย่างลับๆ ไม่ใช่ว่าพวกเขามีพลังอันแข็งแกร่งจนพวกเขาเกรงกลัวแต่อย่างใดแต่ความจริงที่ว่าพวกเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงือกต่างหากที่เป็นปัญหาสำคัญ
“หนึ่งในลูกน้องของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสืบเรื่องนี้...ข้าติดต่อกับเจ้าอย่างกะทันหันเป็นเพราะเราต้องจัดการกับพิษเงือกโดยเร็วที่สุดและเจ้าจำเป็นต้องรู้ข้อมูลนี้โดยด่วนเช่นกัน”
อย่างไรก็ตามพาสตันมีคำถามหลังจากได้ยินสิ่งที่คาร์ลแจ้งแก่ตน
“นายน้อยคาร์ล..ทำไมท่านจึงสนใจประเด็นนี้ด้วยล่ะ?”
คาร์ลเม้มปากของตนชั่วครู่ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากและเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดบนใบหน้าของเขา
“นั่นเป็นเพราะข้าเป็นห่วง..”
ราอนไม่ได้ใช้เวทย์ล่องหนอำพรางร่างของตนเอาไว้แต่เลือกที่จะพูดในใจกับคาร์ลแทน
~นี่เจ้า..จะทำมันอีกแล้วหรือ? ~
อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้สนใจมันและเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
“การที่พวกเงือกแข็งแกร่งขึ้นก็มาจากป่าแห่งความมืดในอาณาเขตของข้า...อย่างน้อยข้าก็ต้องการช่วยในเรื่องนี้...แม้ว่าข้าจะรู้ดีว่าเผ่าวาฬที่แข็งแกร่งเช่นพวกเจ้าย่อมจัดการในเรื่องนี้ได้ก็ตาม”
พาสตันรู้สึกว่าสีหน้าของคาร์ลในตอนนี้เต็มไปด้วยความอึดอัดและลำบากใจ มันเป็นสีหน้าแบบเดียวกับตอนที่คาร์ลช่วยกำจัดพิษเงือกออกจากขาของเขา อารมณ์หลากหลายรูปแบบปรากฏผ่านสายตาของพาสตันผู้หล่อเหลาดวงตาคมสวยของเขาเป็นประกายจ้าแม้ว่ามันจะอยู่ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนก็ตาม
คาร์ลหันหน้าไปมองพาสตันเมื่อได้ยินเสียงพาสตันเอ่ยขึ้น
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“พวกเรา...คงไม่ใช่คนแปลกหน้าซึ่งกันและกันหรอกใช่มั้ย?”
คาร์ลกล่าวออกมาอย่างจงใจก่อนจะกันไปสบตากับสมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มของตน
โรสลินและเชวฮันก็กำลังจ้องมาที่คาร์ลเช่นกัน แววตาของพวกเขาปรากฏคำพูดออกจากใจพวกเขาอย่างชัดเจน มันชัดมากจนคาร์ลรู้ว่าพวกเขากำลังบอกอะไรกับตนอยู่
‘มันไม่ต่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆไปหน่อยหรือ?’
พาสตันเริ่มพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“ขอบคุณท่านมากนายน้อยคาร์ล...ท่านช่วยเราไว้อีกครั้งหลังจากที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้เมื่อครั้งนั้น”
คาร์ลยังไม่ได้หันกลับไปมองพาสตันในทันทีเมื่อเห็นโรสลินและเชวฮันเอ่ยถามเขาผ่านสายตาอีกครั้ง
‘ท่านไปช่วยเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?’
คาร์ลเลือกที่จะเพิกเฉยเมื่อเห็นสายตาของพวกเขาทั้งคู่ เชวฮันนั้นดูเหมือนจะหาเสียงของตนไม่เจอในขณะที่โรสลินกลับพูดขึ้นแต่ไม่ใช่ประโยคที่เธอสงสัยแต่อย่างใด
“นายน้อยคาร์ลรีบตรงมาที่นี่ทันทีที่ทราบข้อมูลนี้...พวกเราจำเป็นต้องกำจัดพิษเงือกโดยเร็วที่สุดแต่นายน้อยคาร์ลนั้น..กลับเห็นว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องแจ้งให้เผ่าวาฬทราบโดยเร็วที่สุดเช่นกัน”
คาร์ลแสดงความขอบคุณผ่านสายตาของตนนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนช่วยเขาโกหกผู้อื่น เชวฮันเพียงเม้มปากของตนแน่นขึ้นก่อนจะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ข้าเข้าใจแล้ว..เดี๋ยวพวกข้าจะรีบนำศพเงือกกลับมาให้ท่านเพื่อช่วยรักษาพิษของลูกน้องท่านเอง”
“พวกเราจะไปกันเอง”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
คาร์ลหันกลับไปมองพาสตันก่อนจะเอ่ยย้ำอีกครั้ง
“พวกเรากำลังจะไปที่นั่นเช่นกัน”
มีบางสิ่งที่เขาจะต้องไปจัดการที่นั่น
แน่นอนว่าสิ่งที่ออกมาจากของคาร์ลนั้นแตกต่างจากความคิดที่แท้จริงของเขามากทีเดียว
“กลุ่มของพวกเรามีคนไม่มากนัก..ดังนั้นเราอาจไม่ได้ช่วยพวกเจ้าต่อสู้ได้แต่เราอาจให้การช่วยเหลือพวกเจ้าได้บ้างแม้ว่ามันจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม”
อันที่จริงแล้วคาร์ลวางแผนที่จะโจมตีแล้วเผ่นหนีโดยเร็วต่างหาก แค่นั้นก็เพียงพอแล้วนี่นา!
แววตาของพาสตันเริ่มสั่นไหว
เผ่าวาฬและพวกเงือกอยู่ช่วงกลางของการทำสงครามซึ่งเป็นระยะการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุด แน่นอนว่าพวกเขาย่อมได้เปรียบเพราะรู้เกี่ยวกับพลังเวทย์และพิษที่แข็งแกร่งของพวกมันล่วงหน้ามาแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเงือกมีจำนวนที่มากกว่า ในขณะที่เผ่าวาฬกลับมีอุปสรรคขวางทางเอาไว้เพราะพวกเขาต้องคอยปกป้องเหล่าสัตว์ทะเลที่อ่อนแอกว่าในขณะที่ทำการต่อสู้กับพวกเงือกไปด้วย
นั่นเป็นเหตุผลที่ผ่าวาฬต้องการกำลังที่แข็งแกร่งเพิ่มเติม
‘นายน้อยคาร์ลเคยบอกว่าพวกเขาอ่อนแอแต่....-------’
สายตาของพาสตันมุ่งไปที่มังกรดำทันที
มันไม่ใช่สิ่งสำคัญไม่ว่าสมรภูมิรบจะเป็นบนบกหรือในทะเลก็ตาม
“เจ้ามองอะไร?...เจ้าวาฬน้อย”
มังกรดำตัวเล็กที่มีขาสั้นๆส่งผลให้รูปลักษณ์ของมันดูน่ารักน่าเอ็นดูขึ้น มันกำลังย่นจมูกและเริ่มกระพือปีกแรงขึ้นท่าทางของมันในตอนนี้คล้ายกับจะพูดว่า ‘ข้านี่ล่ะยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว!’ พาสตันเคยเห็นพลังของมังกรตัวนี้มาก่อน เขาเคยเห็นพลังที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ด้วยสองตาของเขาเอง
“ไม่มีอะไร..ท่านมังกร”
“ฮึ!...ข้าก็จะไปเหมือนกัน”
ราอนพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่ดูนอบน้อมของพาสตันก่อนจะเบือนหน้าหนีทันที ในเวลาเดียวกันราอนก็เอ่ยขึ้นในใจของคาร์ล
~ข้าทำได้ดีใช่มั้ย?...ข้าดูยอดเยี่ยมหรือเปล่า? ~
คาร์ลพยักหน้าให้กับราอนเล็กน้อย มันทำได้ดีหากเทียบกับอายุของมัน คาร์ลไม่ได้สนใจกับท่าทางของราอนว่ามันจะตื่นเต้นมากเพียงใดที่ได้รับคำชมจากเขา? เมื่อเขาเริ่มพูดกับพาสตันขึ้นอีกครั้ง
“ข้าจะอธิบายเรื่องนี้ระหว่างทางแล้วกัน..ข้าต้องการออกเดินทางโดยเร็วที่สุด...เจ้ามีความเห็นเช่นไร?”
พาสตันตอบแบบเดียวกับที่คาร์ลคาดเอาไว้
“เราสามารถเริ่มเดินทางได้ทันที”
“ดี!”
คาร์ลกำลังเตรียมตัวที่จะออกเดินทางเงียบๆในตอนกลางคืน พวกเขาจะไม่ออกจากท่าเรือเพราะมีทหารยามจำนวนมากที่ออกลาดตระเวนบริเวณนั้น
ในตอนนี้คาร์ลและคนอื่นๆอยู่บนเกาะเล็กๆที่อยู่ห่างจากชายฝั่งมากที่สุด พวกเขาทุกคนเคลื่อนพลมาอยู่บนเกาะแห่งนี้เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา
“โอ้!”
“ว้าว!”
พาสตันรู้สึกขนลุกเมื่อเห็นกลุ่มคนเหล่านี้ เขาคาดหวังเพียงจะได้เจอออนและฮงเท่านั้นแต่ตอนนี้กลับมีคนมากกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก เขายังรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ออกมาจากร่างของพวกเขาเช่นกัน
พาสตันคิดว่าเขาอาจจะเดาผิดเพราะเขาเป็นเพียงวาฬผู้อ่อนแอเท่านั้นแต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาคิดจะถูกเมื่อเห็นปฏิกิริยาของวาฬเพชฌฆาตสองตัวที่มาพร้อมกับเขา
“อาร์ชี..ไม่เจอเจ้านานแล้วสินะ”
‘อาร์ชี’วาฬเพชฌฆาตซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อารักขา‘ชิกเลอร์’ราชาแห่งเผ่าวาฬโค้งคำนับคาร์ลด้วยท่าทางไม่เต็มใจจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองคาร์ลทันที
สายตาของคาร์ลและมังกรดำที่จ้องมายังร่างของเขานั้นทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
ราอนเอ่ยถามคาร์ลขึ้นมา
“เราจะได้ขี่วาฬเพชฌฆาตตัวนี้หรือ?...เจ้ามนุษย์”
“อาจจะ”
อาร์ชีขมวดคิ้วมุ่น นี่เขาได้ยินถูกมั้ยนะ? เมื่อกี้พวกนั้นพูดว่าจะขี่เขาอย่างนั้นหรือ? อาร์ชีหันกลับไปมองพาสตันอย่างรวดเร็วก่อนที่พาสตันจะเริ่มอธิบาย
“อะแฮ่ม...เรือลำใหญ่มันจะเป็นจุดเด่นเกินไปและทำให้มองเห็นได้ง่าย..ดังนั้นเราจะเดินทางโดยเรือขนาดกลางแทนเพื่อให้ทุกคนล่องไปในทะเลได้..แต่เนื่องจากขนาดของเรือมีพื้นที่จำกัด..อีกทั้งยังมีคนเจ็บในเรือด้วย..เพราะฉะนั้นท่านคาร์ลและท่านมังกรจะ-----”
“ตอนนี้ข้าคือราอน!”
“อ่า..ท่านราอน..ใช่แล้วท่านราอนและลูกน้องอีกไม่กี่คนของท่านคาร์ลจะติดตามเราไปแทน..เอ่อ..พวกเขาจะใช้เวทย์ลอยตัว..เอ่อ..แล้ว..แล้วมาขี่หลังของพวกเจ้าทั้งสองคน”
“ห๊ะ?!”
อาร์ชีไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง นี่เขาได้ยินอะไรกันแน่นะ? ก่อนจะได้ยินเสียงของราอนพูดขึ้น
“แต่วาฬเพชฌฆาตมีขนาดเล็กกว่าวาฬหลังค่อมนี่นา..จะมีพื้นที่เพียงพองั้นหรือ?”
วาฬเพชฌฆาตมีขนาดตัวที่เล็กหากเทียบกับวาฬหลังค่อมแต่อย่างไรก็ตามขนาดตัวของพวกมันก็ยังมีความยาวประมาณ 7-10 เมตร อาร์ชีขมวดคิ้วมุ่นมากกว่าเดิมในขณะที่วาฬเพชฌฆาตอีกหนึ่งตัวที่ติดตามมาด้วยก็เริ่มมีใบหน้าสับสนเช่นกัน
“อาร์ชี...ขอบคุณเจ้าล่วงหน้าแล้วกัน”
แปะ!!แปะ!!