บทที่ 69 อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของคนในเงามืด
บทที่ 69 อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของคนในเงามืด
ประตูใหญ่เปิดกว้าง ลมโชยพัดมาเบาๆ เสียงดังหวือๆ ทว่าสิ่งที่เห็นผ่านช่องประตู นอกจากพื้นและเครื่องเรือนที่เต็มไปด้วยฝุ่นแล้วก็ยังมีร่องรอยการสังหารอันน่าสยดสยอง
นี่คือภาพที่หลงเหลืออยู่ในร้านรวงส่วนใหญ่ในช่วงวันสิ้นโลก เทียบกับถนนใหญ่ที่เงียบสงัดแล้ว ร้านมืดตื๋อพวกนี้ชวนให้ระแวดระวังและหวาดผวายิ่งกว่า
อาจจะอยู่หลังเคาน์เตอร์ อาจจะอยู่ใต้ชั้นวางสินค้า หรืออยู่กระทั่งมุมหลังประตู จะมีซอมบี้ซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นเงียบๆ พอมีคนเดินมาใกล้ ก็จะกระโจนเข้ามาด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ ขณะเดียวกับที่สัมปชัญญะสัมผัสถึงอันตรายก็ได้ถูกซอมบี้ฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว...
ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้สถานที่เหล่านี้ง่ายๆ ประตูร้านที่เปิดกว้างนั้นก็เหมือนปากโชกเลือดที่กลืนกินชีวิต ทำให้ผู้คนขวัญหนีดีฝ่อ
บาร์ที่ตั้งอยู่บนถนนโคมแดงของมหาวิทยาลัยเมือง X แห่งนี้ก็คือต้นแบบดั้งเดิมของความขวัญหนีดีฝ่อนั้น
มองแค่ภายนอกดูไม่ออกว่าจะเป็นสถานที่แปลกอะไร
พอคิดว่าที่แห่งนี้ปกติไม่เปิดกิจการในตอนกลางวัน ซอมบี้ที่เหลืออยู่ข้างในจึงมีจำนวนน้อยมาก ไม่มีทางเกิดซอมบี้กลายพันธุ์อยู่แล้ว
แต่ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีซอมบี้ระดับสูงเข้าไปซ่อนข้างใน ซอมบี้สาวระดับสูงที่เจอที่ห้างยุคใหม่ก่อนหน้านี้ ก็เรียนรู้ที่จะแอบซ่อนร่องรอยของตัวเอง และยังรู้จักหาตำแหน่งโจมตีเหมาะๆ ด้วย
สัตว์ป่าทั่วๆ ไปยังรู้จักการจู่โจมและกลวิธีการต่อสู้ ยิ่งกว่านั้นซอมบี้ที่มีสติรับรู้ที่แท้ล่ะ?
แม้พวกเขาจะติดเชื้อ สูญเสียความเป็นมนุษย์ แต่เป็นสายพันธุ์ใหม่เอี่ยมอ่อง ซอมบี้กำลังค่อยๆ วิวัฒนาการระบบของตัวเองและรูปแบบพฤติกรรม และนี่คือบทสรุปที่หลิงม่อได้มาจากการสังเกต
ซอมบี้ตัวที่อยู่ในนั้นรู้จักแอบซ่อนและพอลงมือก็คือการสังหาร หลิงม่อไม่กล้าให้เย่เลี่ยนหรือซย่าน่าเข้าไปเสี่ยงอันตราย
เขายอมเสียเวลาเล็กน้อยหาซอมบี้ร่างเตี้ยข้างนอกร้านในละแวกใกล้ๆ ก่อน หลังจากควบคุมมันแล้ว ก็ให้เข้าไปเป็นเหยื่อในบาร์อินหวง
เหยื่อที่หลิงม่อบังคับเดินเข้าไปใกล้ตำแหน่งที่ซอมบี้นำทางถูกฆ่าเมื่อครู่นี้ พวกหลิงม่อทั้งสามค่อนก็ตามติดไปข้างหลังเงียบๆ ทั้งสองฝ่ายรักษาระยะห่างประมาณสิบกว่าเมตร
ไม่นาน หลิงม่อเห็นหุ่นซอมบี้นที่ถูกฆ่าผ่านทางสายตาของเหยื่อล่อ แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ซอมบี้ตัวนั้นไม่ถูกกินจนเกลี้ยง แม้แต่ซากซพก็ไม่มีสึกหรอแม้แต่นิด
มีซอมบี้ที่ไหนที่ฆ่าเหยื่อแล้วไม่กิน? ซอมบี้โจมตีมนุษย์ตามนิสัยของมัน แต่โจมตีพวกเดียวกันก็เพราะความหิว จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะปล่อยมื้อใหญ่นี้ไว้? หลิงม่อรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที
เมื่อครุ่นคิดว่าที่นี่อาจจะมีซอมบี้ระดับสูงซ่อนตัวอยู่ หลิงม่อจึงบังคับเหยื่อไม่ให้ตั้งใจจะแอบซ่อน ตรงกันข้าม เป้าหมายของเขาคือล่อซอมบี้ระดับสูงที่ซุ่มโจมตีตัวนั้นออกมา ดังนั้นยิ่งเคลื่อนไหวกระโตกกระตากได้ยิ่งดี
พอเห็นหุ่นซอมบี้เข้าไปใกล้ห้องส่วนตัวที่ประตูปิดสนิทสองสามห้อง หลิงม่อก็ดำเนินการต่อให้ถึงที่สุด ด้วยการบังคับเหยื่อล่อให้ถีบประตูเปิดออก
“ปัง!”
ตอนแรกนั้นห้องส่วนตัวไม่มีใคร แต่การเคลื่อนไหวเสียงดังขนาดนี้ ถึงซอมบี้ระดับสูงตัวนั้นจะหูหนวกอย่างไรก็น่าจะได้ยินแล้ว ดังนั้นหลังจากที่ถีบประตูเปิด หลิงม่อก็บังคับเหยื่อให้แนบกำแพงทันที และมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว...หลิงม่อยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาค่อยๆ บังคับเหยื่อให้ย้ายไปที่หน้าห้องส่วนตัวห้องต่อไปช้าๆ
ทว่าตอนที่เหยื่อล่อของเขาหมุนตัวหันไปทางประตูห้อง หลิงม่อที่แอบอยู่ไกลๆ ก็เห็นกับตาตัวเองว่า อยู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากห้องที่อยู่ด้านหลังของเหยื่อล่อ
เงาร่างนั้นดูเหมือนผอมบาง แต่เคลื่อนไหวปราดเปรียวมาก หลังจากที่พุ่งออกมาจากประตูแล้ว เงาร่างนี้ก็กระโดดขึ้นสูง เงื้อคมแสงประกายในมือ แทงเข้าที่หลังศีรษะของเหยื่อล่อ
เมื่อเหยื่อล่อล้มลงกับพื้น เงาร่างนั้นก็หล่นถึงพื้นด้วย แล้วใช้เท้าข้างหนึ่งเตะแผ่นหลังของเหยื่อล่อ จากนั้นก็กระชากอาวุธออกมา
ผู้รอดชีวิต! หลิงม่อประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีผู้รอดชีวิตซ่อนตัวอยู่ เพราะจะดูอย่างไรที่นี่ก็ไม่เหมาะที่จะพักอยู่เลย...
แต่พอคิดย้อนกลับไป ความจริงตัวเขาก็มีอคติมาแต่แรก โดยนึกไปว่าสิ่งที่กำจัดหุ่นซอมบี้อย่างเงียบเชียบได้ จะต้องเป็นซอมบี้ที่แข็งแกร่งกว่าแน่นอน แต่ความจริงแล้ว ผู้รอดชีวิตที่รอดมาจนตอนนี้ได้ จะไม่มีความสามารถสักนิดเลยเหรอ? แม้แต่พวกชายหัวล้านก็ยังมีความระแวดระวัง ทั้งยังมีพละกำลังและความแข็งแกร่งในระดับหนึ่งด้วย
เงาร่างนี้เผชิญหน้ากับซอมบี้ที่ถีบประตูได้ก็ยังคงมีท่าทางสงบนิ่งและรู้จักหาโอกาส สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตอนที่มีโอกาสให้จู่โจม คนๆ นี้ก็ไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ถ้ารู้ว่าเมื่อครู่นี้เขาลังเลแค่เพียงนิดเดียว หลิงม่อก็จะควบคุมให้เหยื่อล่อซ่อนตัวทันที
แน่ล่ะว่า หลิงม่อเพิ่งจะรู้สึกประหลาดใจจริงๆ ก็เลยไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบไปชั่วขณะ จนกระทั่งเขาได้สติคืนมา เหยื่อล่อตัวนั้นก็ถูกฆ่าไปแล้ว
ซอมบี้สองตัวปรากฎตัวติดๆ กัน หลังจากที่เงาร่างนี้ฆ่าเหยื่อทิ้งไปแล้ว ก็ไม่ได้กลับไปแอบในห้องส่วนตัวในทันที ทว่าแนบตัวติดกำแพงอย่างระมัดระวัง แล้วเดินไปทางข้างนอก
พอเห็นคนๆ นี้ใกล้พวกเขาเข้ามาทุกที หลิงม่อก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เดิมเขาแค่จะตามหลังเหยื่อล่อ แม้จะกลบซ่อนร่องรอยไว้ แต่บาร์แบบนี้จะมีที่ซ่อนอะไรมากมาย ดูท่าทางคนๆ นี้แล้ว เห็นชัดว่าจะเดินไปตรวจดูที่หน้าประตู พอเดินมาได้ครึ่งทางก็จะต้องเจอพวกหลิงม่อ เทียบกับถูกคนอื่นพบว่าแอบอยู่แบบลับๆ ล่อๆ แล้ว ไม่สู้เป็นฝ่ายเดินออกไปเองจะดีกว่า
ส่วนเรื่องเหยื่อล่อนั้น...ใครจะไปรู้ว่าเขามีสายสัมพันธ์กับซอมบี้ แม้เขาจะพาเด็กสาวสองคนติดตามซอมบี้หนึ่งตัว พฤติกรรมแบบนี้ยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นรู้สึกแปลกใจ แต่หากตัวเขาไม่พูด ก็คงไม่มีใครคิดไปถึงขั้นนี้
พอคิดได้แบบนี้ หลิงม่อก็ยืนขึ้นอย่างไม่มีทางเลือก “คือว่า...”
แต่สิ่งที่หลิงม่อคิดไม่ถึงก็คือ เขาเพิ่งจะเยี่ยมหน้าออกมาปุ๊บ เงาร่างนั้นก็เห็นเขาปั๊บ แล้วพิงร่างติดกำแพง จากนั้นก็ล้วงของบางอย่างในกระเป่าออกมา ฟาดมาทางหลิงม่อ
พอเห็นกลุ่มเงามืดฟาดมาทางตัวเอง หลิงม่อก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาตวัดมีดสั้นหมายจะโจมตีให้เงาดำนี้กระเด็นออกไป
แต่สิ่งที่หลิงม่อคาดไม่ถึงคือ มีดสั้นของหลิงม่อเพิ่งจะสับเข้าที่เงาดำ กลุ่มหมอกแดงก็ระเบิดออกมาทันที
“อ๊าก!”
หลิงม่อร้องลั่นแล้วลืมตาไม่ขึ้นทันที จมูก คอ เหมือนถูกไฟเผา ยากจะทานทนสุดๆ
ยังดีที่เย่เลี่ยนและซย่าน่าอยู่ห่างกับเขาระยะหนึ่งจึงไม่ถูกทำร้ายไปด้วย
ผงพริก ของห่อนี้คือผงพริก! ที่ถูกห่อไว้ด้วยผ้าขนหนู พอมีดสั้นฟันฉับลงไป ห่อก็แตกออกมาทันที!
เป็นวิชาเด็ดดวงของคนในเงามืด และยังมีผลกับซอมบี้ด้วย แต่หลิงม่อก็เพิ่งเคยเห็นคนเอามาใช้เป็นครั้งแรก และยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่าคนถูกทำร้ายจะเป็นตัวเขาเอง!
หลังจากโดนของแล้ว หลิงม่อก็เลียบไปอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างอดทนอดกลั้น เอามีดสั้นในมือกั้นไว้ข้างหน้า
ดังคาด เงาร่างนั้นเห็นหลิงม่อโดนเล่นงานเข้าแล้วก็พุ่งเข้ามาโดยไม่มีลังเล เหมือนกับลิงที่ปราดเปรียว ไม่กี่ก้าวก็กระโดดมาอยู่ตรงหน้าหลิงม่อ แล้วเงื้ออาวุธในมือขึ้นสูง หมายจะจ้วงแทงมาทางหน้าอกของหลิงม่ออย่างอำมหิต
แต่คนๆ นี้เพิ่งจะยกแขนขึ้น ลำแสงประกายก็แวบผ่านหน้า แล้วคนๆ นี้ก็รู้สึกถึงความเย็นเยียบที่ลำคอ
แม้หลิงม่อจะตาพร่ามัวไปแล้ว แต่เขาก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดผ่านทางสายตาของซย่าน่าและเย่เลี่ยน
ยิ่งกว่านั้นแม้เขาจะไม่ได้คอยควบคุม ซย่าน่าก็ไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายเขา ความจริงหากหลิม่อไม่ได้ควบคุมซย่าน่าไว้เล็กน้อย ตอนนี้อีกฝ่ายคงถูกบั่นหัวไปแล้ว
เมื่อคมมีดจ่ออยู่ที่คอ ทั้งยังส่งผ่านความเจ็บปวดมาให้ แขนที่ยกสูงค้างเติ่งกลางอากาศทันที ในดวงตาทั้งคู่ที่ดูเหมือนสงบนิ่งก็วาบประกายลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันใด
เขาเพิ่งคิดจะขยับ ซย่าน่าก็เหยียบหน้าเท้าเขาไว้ พละกำลังที่โหดเหี้ยมทารุณนั้นทำให้สีหน้าของคนๆ นี้พลันสับสน แต่ก็ไม่กล้าขยับ ได้แต่ส่งเสียงร้องโอดโอยที่สะกดกลั้นไว้
ซย่าน่าที่เดิมไม่ได้มีความเห็นใจใดๆ ต่อมนุษย์อยู่แล้วพอได้ยินเสียงร้อง ก็ไม่มีความรู้สึกใดบนใบหน้าสักนิด ตรงข้ามกลับขยี้เท้าอย่างช้าๆ ให้ผู้รอดชีวิตคนนี้เจ็บจนเหงื่อแตกทั่วตัว จนเขารู้สึกแค่ว่าฝ่าเท้าของตัวเองใกล้จะถูกเหยียบแตกแล้ว
และจนกระทั่งตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้สึกว่า เป้าหมายที่เขาโจมตีนั้นไม่ใช่ซอมบี้ แต่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ทั้งยังเป็นคนกระดูกแข็งที่ไม่ได้ฆ่าให้ตายได้ง่ายๆ ด้วย
ลำพังเด็กสาวคนนี้ยังมีพละกำลังแข็งแกร่งถึงขนาดนี้...