ตอนที่ 145 เส้นทางสู่การเป็นบอส
ดวงตาของหลี่ย่าหลินสว่างขึ้น เธอมั่นใจมากว่าปีศาจทมิฬคือหานเซี่ยว อยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังเขาออกแผนก13 เธอเก็บความหงุดหงิดและหันไปถามตี้ซูซู“เขาทำอะไรเมื่อเธอพบเขา?”
“ตอนนั้น เขาใช้ชื่อรหัสว่ามิสเตอร์แบล็ค นักฆ่าระดับแมงป่อง เขามีส่วนร่วมในภารกิจป้องกันหัวหน้าตาข่ายมืดในเมืองนกนางนวล”
หลี่ย่าหลินเลือดสูบฉีด“มีอะไรอีกไหม?”
ตี้ซูซูเลิกคิ้วขึ้น“ทำไมเธอถึงกังวลนัก?”
“ฉันอยากรู้เกี่ยวกับเขา”หลี่ย่าหลินอธิบาย เธอรู้ส่าวึกต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ เขาไม่มีทางเปิดเผยตัวตนง่ายๆ
อยากรู้?ไม่นะ นั่นมักเป็นก้าวแรกของความรัก เราต้องฆ่าความเป็นไปได้นั้น ดวงตาของตี้ซูซูแข็งกร้าว แต่รอยยิ้มเธอยังอยู่ เธอพูดช้าๆ“โอ้ ฉันได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับปีศาจทมิฬจากนักฆ่าหญิงชื่อจิ้งจอกทอง..”
ห้านาทีต่อมา ฝูงชนที่ตั้งใจฟังก็พยายามประมวลข้อมูลจำนวนมาก
หลินเหยาสั่นด้วยความกลัว ในเวลาเดียวกัน แลมเบิร์ตก็หยุดขัดมีดเขา
หลี่ย่าหลินพึมพำภายใต้ลมหายใจ“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงไม่มีแรงกระตุ้นเมื่อสัมผัสฉัน...”
ห่าวเย่กลืนน้ำลายแห้งและบอกกับตัวเองให้หลบซ่อนหากหานเซี่ยวกลับมา
“เมื่อเธอพบเขาครั้งหน้า ระวังตัวไว้ด้วยละ”ตี้ซูซูหัวเราะ และเดินกลับกลุ่มเธอไป
จางเว่นกระแอมลำคอ“ยังไงเขาก็คือสมาชิกทีมเรา อย่าเลือกปฏิบัติกับเขาละ”
ทุกคนพยักหน้าอย่างลังเล
จางเว่ยกระแอมอีกครั้งขณะเขียนรายงานต่อ อย่างไรก็ตาม มันกลับไม่มั่นคง เขาไม่อาจทำให้จิตใจจดจ่อกับรายงานเขาได้เต็มที่ ทันทีที่เขาเขียนเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นไปห้องผู้บัยชาการ หลังยืนยันรายงาน เขาก็ขอพูดกับเลขานุการ
หลังรออยู่ไม่กี่นาที คำขอเขาก็ผ่านการอนุมัติ และการสื่อสารวิดิโอก็เชื่อมมาถึง ชายหัวล้านของผู้อำนวยการฝ่ายข่าวกรองปรากฏบนจอ จางเว่ยเดินไปยืนตรงจุดและกล่าว“เราเห็นหานเซี่ยวครับ”
ผู้อำนวยการประหลาดใจ
ตั้งแต่ครั้งล่าสุด หานเซี่ยวดูเหมือนจะหายตัวไปจากโลก เขาไม่อาจติดต่อได้เลย แม้แผนก13จะหยุดการค้นหาหานเซี่ยว พวกเขาก็ยังอยากรู้อยู่ดี
ผู้อำนวยการกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ว่ามา”
จางเว่ยใช้ถ้อยคำอย่างระมัดระวังและอธิบายว่าปีศาจทมิฬก็คือหานเซี่ยว
ผู้อำนวยการข่าวกรองคิดว่าจางเว่ยเห็นหานเซี่ยวด้วยตาตัวเอง แต่ต้องรู้ว่ามันเป็นแค่การคาดเดาโดยไร้ซึ้งหลักฐาน เขาจ้องมองอย่างว่างเปล่าสักพักก่อนส่งเสียงหัวเราะและตอบ“พวกคุณ...คงสับสน”
ปีศาจทมิฬจะเป็นหานเซี่ยวได้ยังไง?นั่นคือสุดยอดนักฆ่าแห่งองค์กรตาข่ายมืดที่มีความสามารถสุดสะพรึง แม้หานเซี่ยวจะแสดงความสามารถเขามาก่อนหน้า เขาก็ยังอ่อนแอกว่าปีศาจทมิฬมาก การคาดเดานี้ห่างไกลจากความเป็นจริงมาก!
ผู้อำนวยการขบขัน เขาเกือบโพล่งออกมาว่าหานเซี่ยวคือซีโร่ แต่ก็ต้องปิดปากตัวเอง แผนก13มีกฏการรักษาความลับที่เข้มงวด ทำให้เขาไม่อาจเปิดเผยตัวตนของซีโร่ได้
ถึงแม้ที่อยู่ของหานเซี่ยวจะผิดปกติและคาดเดาไม่ได้และองค์กรต้นกำเนิดก็ถูกทำลายแล้ว ดังนั้นการปกปิดตัวตนหานเซี่ยวคงไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่กฏก็ย่อมเป็นกฏ
เหนือสิ่งอื่นใด หานเซี่ยวเป็นที่รู้จักในฐานะสายลับมาตลอด การปกปิดตัวตนเขาจะช่วยลดความเสี่ยงและปัญหาได้ แม้องค์กรต้นกำเนิดจะรู้ว่าซีโร่ติดต่อกับมังกรดารา แต่พวกเขาก็ไม่อาจหาตัวซีโร่ได้ ดังนั้น ผู้อำนวยการจึงคิดว่าเขาไม่ต้องมอบข้อมูลนี้ให้จางเว่ย
จางเว่ยไม่เคยเห็นรูปลักษณ์แท้จริงของหานเซี่ยวมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจรู้ว่าตัวตนจริงของหานเซี่ยวคือซีโร่
“อืม เกี่ยวกับตัวตนจริงของหานเซี่ยว...เขาไม่อาจเป็นปีศาจทมิฬได้หรอก”
จางเว่ยกลับคิดว่านั่นอาจเป็นข้อความลับจากเลขนานุการ เพื่อให้เขาหยุดมายุ่งเรื่องนี้ ดังนั้น...หานเซี่ยวน่าจะเป็นคนที่เบื้องบนส่งไปทำภารกิจลับ
“เข้าใจแล้วครับ”จางเว่ยตอบด้วยสีหน้าเข้าใจ
เลขาสับสน
คุณเข้าใจอะไร?แปลก...
...
แผนก13มังกรดาราได้จัดทำรายงานทั้งหมดและข้อมูลและส่งเอกสารขั้นสุดท้ายให้กับคณะกรรมการ7ที่นั่ง คณะกรรมการจัดการประชุมเพื่อคัดแยกประเด็นสำคัญทั้งหมดที่ต้องหารือและในที่สุดก็เหลือปัญหาเดียวเกี่ยวกับปีศาจทมิฬ ทั้ง6รู้จักชื่อเสียงของปีศาจทมิฬบนตาข่ายมืดดี การสนทนาเน้นยังวิธีที่พวกเขาควรปฏิบัติต่อปีศาจทมิฬ
ทั้ง6รู้จักชื่อเสียงของปีศาจทมิฬบนตาข่ายมืดดี การสนทนาเน้นยังวิธีที่พวกเขาควรปฏิบัติต่อปีศาจทมิฬ
“เขายื่นมือเข้ามาช่วย แต่มันก็อาจเป็นคำขอของตาข่ายมืดหรือเพราะการตัดสินใจส่วนตัวของเขาเอง”
ผู้อาวุโสเคาะโต๊ะและกล่าวขึ้น“ตาข่ายมืดได้มาหาเราก่อนหน้า พวกเขากำลังเริ่มโครงการที่พักพิง ดังนั้น พวกเขาจึงขอความช่วยเหลือจากเรา นี่อาจเป็นการแสดงความเป็นมิตรจากพวกเขา”
สมาชิกพยักหน้าเห็นด้วย ตาข่ายมืดมักเป็นกลางเสมอ หากนี่เป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังเอนเอียงมาทาง6ประเทศ มันก็ย่อมเป็นเรื่องดี คณะกรรมการทั้ง7สรุปอย่างรวดเร็ซว่าจะสนับสนุนโครงการของตาข่ายมืดและอนุมัติคำขอพวกเขาสำหรับการช่วยเหลือด้านวัสดุ นี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้ตอบแทนและเอาชนะใจพวกเขา
หลังการประชุมจบ กู่หุ่ยและผู้อาวุโสเกาก็ผลัเปิดประตูใหญ่ของห้องประชุมและเดินไปตามทางเดินว่างเปล่า
“ได้ข่าวอื่นๆเกี่ยวกับหานเซี่ยวไหม?”
“เขาไม่เคยปรากฏตัวอีกตั้งแต่ให้ข่าวเราสองเดือนก่อน
กู่หุ่ยส่ายหัว หานเซี่ยวคือคนให้ข้อมูล แผนก13กระตือรือร้นที่จะติดต่อกับขาอีก แต่เขากลับไม่รับสายหรือตอบข้อความใดเลย ราวกับเขาหายไปจากโลก ไม่มีใครรู้ว่าเขาซ่อนตัวอยู่ไหน
หัวใจของกู่หุ่ยเต้นกระหน่ำขณะหวนนึกถึงความรอบคอบของหานเซี่ยว
โปรดอย่าทำให้เกิดหายนะอีกเลย...
สำหรับการคาดเดาของจางเว่ย กู่หุ่ยเพิ่งได้ยินจากผู้อำนวยการฝ่ายข่างกรองที่สรุปให้ฟัง โดยปราศจากหลักฐาน เขาจึงไม่ใส่ใจ ปีศาจทมิฬจะเป็นหานเซี่ยวได้ยังไง?รูปลักษณ์และความสามารถการต่อสู้ก็ไม่อาจนำมาเทียบได้
จางเว่ยไม่รู้ตัวตนจริงของหานเซี่ยว ดังนั้นเขาจึงเดาสุ่มๆ แต่กู่หุ่ยรู้ดีว่าหานเซี่ยวคือซีโร่ ข้อมูลพวกเขาไม่มากพอ นั่นอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิด
..
ข้อมูลถูกอัปโหลดบนเครือข่ายมืด และข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับการต่อสู้บนแม่น้ำก็เผยแพร่ไปทั่ว คนส่วนใหญ่กังวลถึความผันผวนของสถานการณ์ราวกับเมฆฝนแห่งสงครามกำลังปรากฏบนขอบฟ้าอีกครั้ง
ข้อมูลการมีส่วนร่วมของปีศาจทมิฬเองก็โด่งดัง หลายขุมกำลังกังวลถึงการกระทำของสุดยอดนักฆ่าผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าปีศาจทมิฬคือช่างกล มีเอสเปอร์และนักสู้ที่ทรงพลังจำนวนมาก แต่ช่างกลที่มีความสามารถต่อสู้สูงนับว่าหาได้ยากยิ่ง ปีศาจทมิฬควรถูกเพิ่มไปในรายชื่อสุดยอดช่างกล
“เขายังคงเคลื่อนไหวเช่นนี้”
เบนเน็ตถอนหายใจและจิบยาสมุนไพรเขาเพื่อระงับบาดแผล
อีกด้าน หวังหยวนได้รับสาย สีหน้าเขากลายเป็นยิรดีและอุทาน’มังกรดารารับปากว่าจะช่วยเหลือเราแล้ว!”
เบนเน็ตประหลาดใจ นั่นไม่ใช่ผลรวมขนาดเล็ก แต่มังกรดาราก็ยังเห็นด้วยกับมัน เขาถาม“พวกเขาว่ายังไง”
“อืม พวกเขาบอกว่าขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ”
เบนเน็ตขมวดคิ้วสับสน“ช่วยเหลือ?เราทำอะไร?”
ทันใดนั้น เบนเน็ตก็ตระหนักว่ามังกรดาราต้องคิดว่าพวกเขาส่งปีศาจทมิฬได้ ปีศาจทมิฬถูกมองว่าเป็นตัวแทนของสมาคมสนธิสัญญาโลหิต และการกระทำเขาก็ถูกระบุให้เป็นตัวแทนขององค์กรตาข่ายมืดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เบนเน็ตเสียศูนย์ ไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี ปีศาจทมิฬทำให้เขาได้รับผลประโยชน์โดยไม่ตั้งใจ และเขาก็ไม่คิดชี้แจงความเข้าใจผิดนี้’เอาละ งั้นฉันก็คงเป็นหนี้เขาแล้วละ โอ้ แล้วพวกเฮสล่าว่าไง?”
หวังหยวนผลักแว่นตากรอบดำเขา ความเหยียดหยามปรากฏในดวงตาเขา“พวกเขายังคงผลักความรับผิดชอบ”
เบนเน็ตส่ายหัว เขารู้จักพวกเฮสล่าดีและมีแค่มังกรดาราที่คุยด้วยง่าย หากเขาต้องการความช่วยเหลือด้านวัสดุจากประทเศอื่นทั้ง5 มันคงเป็นการต่อรองที่ทั้งยืดยาวและน่าเบื่อ
“ด้วยการช่วยเหลือของมังกรดารา ทรัพยากรเราก็น่าจะมีมากพอแล้ว มาเริ่มโครงการที่พักพิงกันเถอะ สงครามสามารถแตกหักได้ทุกเมื่อ ยิ่งเราดำเนินการเร็วเท่าไร เราก็ยิ่งช่วยคนได้มาก”
…
ในที่สุดฤดูหนาวขี้เซาและกลุ่มเขาก็ทำภารกิจชุดการทำลายค่ายสำเร็จ[การต่อสู้บนแม่น้ำเทอร์ดราม่า] การประเมินพวกเขาต่ำ แต่เพราะมันคือภารกิจระดับสุดยอด ค่าประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับจึงสูง
พวกเขาควรมีความสุขมากกับผลลัพธ์ แต่เมื่อใดก็ตามที่ทั้งสามนึกถึงดาบคลั่ง พวกเขาก็จะรู้สึกว่ารางวัลจากภารกิจน้อยเกินไป การเปรียบเทียบมักทำให้แย่ ความรู้สึกที่คอยตามหลังใครบางคนน่ากลัว ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาเริ่มเล่นพร้อมกัน น้ำฝนคิมค่อนข้างสงบ แต่ฤดูหนาวกับข้าวผัดไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ซ้ำๆ ในที่สุดฤดูหนาวก็ทักไปหาดาบคลั่ง
“ดาบคลั่ง?”
“ฤดูหนาวขี้เซา นายมีอะไรงั้นหรอ?”ดาบคลั่งถาม
“ฉันแค่อยากถาม นายกระตุ้นภารกิจลับงั้นหรอ เราเห็นนายบนสนามรบ..”ฤดูหนาวส่งข้อความเสียงไป
“โอ้ พวกนายก็อยู่ที่นั่นด้วยงั้นหรอ?”ดาบคลั่งประหลาดใจ
ทำไมน้ำเสียงนี้ถึงน่ารำคาญนัก?ฤดูหนาวกระแอมลำคอและคุยด้วยหัวใจเต้นกระหน่ำก่อนถามถึงปีศาจทมิฬ วิดิโอแสดงให้เห็นถึงการกระทำของปีศาจทมิฬ ฤดูหนาวตระหนักดีว่าปีศาจทมิฬคือตัวละครระดับสูง และเขาก็อยากรู้ว่าดาบคลั่งมาพร้อมเขาได้ยังไง
ดาบคลั่งพูดอ้อมๆและปฏิเสธจะพูดถึงเรื่องหลัก ฤดูหนาวรู้ว่าเขาไม่เต็มใจแบ่งปันข้อมูลถึงภารกิจลับและเขาก็ทำได้แค่กล่าวอำลาและตัดการสนทนา
“เขาพูดอะไรไหม?”ข้าวผัดกระพริบตา
“ไม่”ฤดูหนาวส่ายหัว เขาอิจฉาดาบคลั่งเล็กน้อย แต่เขาก็รู้ว่าภารกิจลับเป็นเรื่องของโชค จากนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้น
“ทำไมเราไม่ลองคุยกับปีศาจทมิฬดูละ?”
….
ท้องฟ้าเริ่มให้แสงสว่าง มันคือรุ่งอรุณแห่งวันใหม่
ตามคำขอของหานเซี่ยว เฮลิคอปเตอร์ลงจอดบนยอดเขาในถิ่นทุรกันดาร หานเซี่ยวขอให้นักบินรอ และก้าวออกจากเครื่อง สูดรับอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด
หลังบินข้ามคืนจากแม่น้ำ เขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการเลื่อนขั้นเมื่อดาบคลั่งออฟไลน์
ผู้เล่นที่ออฟไลน์จะหายไป นั่นทำให้นักบินตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหานเซี่ยวยังไม่เปลี่ยน เขาก็ระงับความตกใจไว้
ผู้เล่นจะมีลักษณะแตกต่างกัน แม้โลกจะมีเอสเปอร์ทุกชนิดที่ทำให้ทุกคนคุ้นเคยกับความผิดปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนจำนวนมากก็จะยิ่งตระหนักถึงความผิดธรรมชาติของเหล่าผู้เล่นและการพัฒนาการที่น่าสนใจ หานเซี่ยวไม่อาจอดใจรอดูได้
เขาสะบัดทิ้งความคิดเหล่านี้ หานเซี่ยวจดจ่อกับหน้าต่างสถานะเขา-ความต้องการสำหรับการเลื่อนขั้นครบถ้วน ดังนั้นการเลื่อนระดับจึงหมายถึงความก้าวหน้า
เขามองค่าประสบการณ์ที่เขาสะสมตลอดสองเดือน หักลบที่เขาใช้เพื่อพัฒนาทักษะและผสานพิมพ์เขียว เขายังเหลือค่าประสบการณ์อีก6.1ล้าน!
ในที่สุด การเลื่อนขั้นครั้งที่สอง!หานเซี่ยวลอบยินดี ความคืบหน้าเขาเร็วเหมือนติดจรวด โดยเฉพาะช่องทางการฉกฉวยค่าประสบการณ์หลังผู้เล่นปรากฏ!
หลังการเลื่อนขั้นนี้ เขาจะกลายเป็นบุคคลชั้นนำของอความารีน และนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น นี่จะทำให้เขาย่างก้าวสู่ขอบเขตที่อันตรายขึ้น เพราะต้องหาความสามารถและทักษะที่หายาก ภารกิจที่สามารถกระตุ้นสถานการณ์อันตราย ความสามารถ ทักษะและอุปกรณ์ ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นตามความสามารถเขา
เขาอยู่ครึ่งทางจากการเป็นคนอย่างเบนเน็ตและฮีล่า
การเลื่อนขั้น!
หานเซี่ยวยัดค่าประสบการณ์เขา
[ช่างกล(ฝึกฝน)]เลื่อนเป็นระดับ5
+50พลังงาน +1ความเชี่ยวชาญ +1ความทนทาน +4สติปัญญา!
ได้รับแต้มสถานะ3หน่วย!
แต้มศักยภาพ1หน่วย!
ท่านเสร็จสิ้นการเลื่อนขั้นครั้งที่สอง
อัตราส่วนความทนทานและพลังชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 1:20!