GE122 ร่างจำแลง ไป๋ฝานโม่หนิง[ฟรี]
ผ่านไปหลายชั่วยาม หนิงฝานอุ้มหมิงเชว่ที่หมดสติขึ้นมาจากปล่องภูเขาไฟ
เขาสวมอาภรณ์ให้นางพลางเพ่งพิศ
ปีศาจสมุนไพร… ถูกเลี้ยงโดยนักปรุงโอสถผันแปรที่ 9 แม้หนิงฝานจะกล่าวคำปลอบใจนาง แต่ในใจของเขาก็ตกตะลึงไม่น้อย
นักปรุงโอสถผันแปรที่ 9 การที่หนิงฝานปลดผนึกสมุนไพร เป็นการยั่วยุนักปรุงโอสถผู้นั้น และอาจเกิดปัญหาตามมาในอนาคต
ยามที่หมิงเชว่หลับ นางดูไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป พิษไร้ลักษณ์ 9 ใน 10 ส่วน ถูกผนึกไว้บนข่ายอาคมที่หนิงฝานวาดไว้ที่หน้าอกของนาง ส่วนอีก 1 ส่วน หนิงฝานผนึกพวกมันไว้ในเส้นลมปราณ หากนางกลั่นและดูดซับมัน จะช่วยให้นางทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้ไม่ยาก หรือบางที นางอาจบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณก็เป็นได้
ระดับพลังของนางเหนือล้ำกว่าหนิงฝานมาก… ปราณอสูรทมิฬ พลังที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าวิหคทมิฬของนางตื่นขึ้น เหล่าสัตว์อสูรที่สัมผัสกลิ่นอายหวาดกลัว… บางที เรื่องนี้นักปรุงโอสถผันแปรที่ 9 อาจคาดไม่ถึง
ร่างของปีศาจสมุนไพรไม่กลัวเพลิงและวารี วิหคทมิฬโบราณมีพลังที่ลึกล้ำยากหยั่งถึง เมื่อนางบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ไม่นานนางจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ เมื่อถึงยามนั้น นางจะปลดผนึกพิษไร้ลักษณ์ได้ กลั่นและดูดซับพวกมันได้ กระทั่งให้กำเนิดผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกคนใหม่
หากเทียบกับคนทั่วไป หนิงฝานผู้ครอบครองความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ อาจดูเหมือนก้าวเพียงเล็กน้อย ก็ย่างเหยียบแดนสวรรค์ แต่หากเทียบกับหมิงเชว่แล้ว เขาสู้นางไม่ได้… แต่ถึงอย่างนั้น ผู้สืบทอดของเหล่าทวยเทพบนแดนสวรรค์ทั้ง 4 อย่างนาง หรือหนิงฝาน ย่อมมีมากมายก่ายกอง
มหาสมุทรทั้ง 4 แห่งโลกพิรุณ เปรียบดั่งแดนสวรรค์ทั้ง 4... เทพกษัตริย์เนี่ยผู้แข็งแกร่ง ก็เป็นเพียงหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญจำนวนมหาศาลของโลกเท่านั้น...
หนิงฝานหลับตาลงช้าๆ ปรับอารมณ์คืนสู่ความสงบ ไม่ว่ายังไง เขาจะไม่แพ้ให้กับเทพกษัตริย์เนี่ย เขาเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของเหล่าทวยเทพ เขาจะไม่มีทางแพ้
เมื่อพิษไร้ลักษณ์ถูกผนึก ปีกสีดำทมิฬข้างหลังนางก็ค่อยๆหายไป
ลมหายใจของนางค่อยๆคงที่ หนิงฝานผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แม้การช่วยเหลือนางจะมีโอกาสสำเร็จเพียง 7 ใน 10 ส่วน แต่สุดท้ายเขาก็ช่วยนางได้สำเร็จ...
แม้ความสำเร็จจะน่ายินดี แต่หากล้มเหลว เขาจะต้องตาย ดังนั้น เขาจะพลาดไม่ได้
หนิงฝานยังไม่พาหมิงเชว่จากไป เขากำลังรอร่างจิตวิญญาณของตน
ร่างจิตวิญญาณของเขาได้ไล่ตามสัตว์อสูรเพลิงลงไปในลาวานานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่กลับออกมา
ก่อนหน้านี้หนิงฝานตั้งมั่นอยู่กับการช่วยเหลือหมิงเชว่ จึงไม่ได้สนใจร่างวิญญาณและอสูรเพลิง หนิงฝานฝืนเรียกร่างวิญญาณของตนออกมา มันอยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วยาม หรือยามนี้ร่างของมันจะระเบิดไปแล้ว? แต่หนิงฝานยังสัมผัสถึงการระเบิดของมันไม่ได้ แปลกนัก...
หนิงฝานไม่อาจสัมผัสได้ถึงการระเบิดของร่างวิญญาณ ทั้งยามนี้ เขายังสัมผัสได้ว่าร่างวิญญาณมีความเสถียรมากขึ้น… หนิงฝานไม่ใส่อาภรณ์ดำ เขาเปลี่ยนมาใส่อาภรณ์ขาว แต่ร่างวิญญาณที่ปรากฏกลับมาในอาภรณ์ดำ
ทั้งสองดูราวกับหยินหยางที่แยกตัวออกจากกัน
แต่ยามนี้ การแยกตัวระหว่างหนิงฝานและร่างวิญญาณนั้นผิดธรรมชาติ เพราะไม่ว่าจะร่างกายหรือทะเลสติ ล้วนแบ่งแยกออกจากกันด้วย
หนิงฝานสัมผัสพบได้อย่างช้าๆว่า ทะเลสติของตนได้หายไป! หากเป็นผู้เชี่ยวชาญทั่วไป การหายไปของทะเลสติเท่ากับความตาย แต่ในกรณีของหนิงฝาน แม้ทะเลสติจะหายไป แต่ร่างกายของเขายังสมบูรณ์แข็ง และยังสามารถใช้สัมผัสเทพที่ทรงพลังของตนได้
สิ่งที่เกิดขึ้นดูคล้ายหนิงฝานได้แยกตนเองให้เป็นสองบุคลิก
หนิงฝานในอาภรณ์ขาวหรือร่างจริง เป็นด้านที่สดใจและเมตตา แต่หนิงฝานในอาภรณ์ดำ เป็นด้านที่จิตใจมืดมน เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
หนิงฝานนั่งขบคิด… ร่างวิญญาณของเขายามนี้ต่างไปจากเมื่อก่อน เหตุใดถึงต่างกัน! แต่ดูเหมือน มันน่าจะเกิดขึ้นหลังจากเข้ามาในสุสานแห่งนี้
ขณะที่กำลังขบคิดอยู่ใน จู่ๆเขาก็นึกอะไรออก
ในตอนที่เพิ่งเข้ามาในสุสานนั้น บนใบหน้าของหนิงฝานมีรอยบางอย่าง ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อลองนึกดูดีๆ เขากลับนึกได้ว่ารอยนั่นเกิดจากเจตจำนงค์เทพพิรุณ… ไม่ใช่… มันเกิดจากสร้อยหยินหยาง!
สร้อยหยินหยางผสานกับเจตจำนงค์เทพพิรุณ… หรือนั่นทำให้ร่างวิญญาณของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง?
ทะเลสติและร่างกายของหนิงฝานถูกแบ่งแยกออกจากกัน หนิงฝานในอาภรณ์ขาวได้ส่วนของร่างกายและวิชาต่างๆที่ฝึกฝน หนิงฝานในอาภรณ์ดำได้ทะเลสติกระบี่ ปราณสังหารของจักรพรรดิสวรรค์ และจิตใจในด้านลบ
กลายเป็นว่า ร่างวิญญาณไม่ใช่ร่างวิญญาณอีกต่อไป มันคือหนิงฝานอีกคนที่มีชีวิต
เมื่อหนิงฝานในอาภรณ์ขาวผสานร่างกับหนิงฝานในอาภรณ์ดำ เมื่อนั้น เขาจะกลายเป็นหนิงฝานที่แท้จริง
เมื่อเข้าใจดังนั้น หนิงฝานในจอาภรณ์ขาวก็ยิ้ม
เขาสัมผัสเข้าใจเจตจำนงค์เทพพิรุณ ผสานกับหัวใจแห่งเต๋าของตนจนกลายเป็นเจตจำนงค์เทพเฉพาะ ผนวกกับอำนาจของสร้อยหยินหยาง สลักลงไปในร่างวิญญาณของตน
ทำให้ร่างวิญญาณกลายเป็นหนิงฝานอาภรณ์ดำ นั่นหมายความว่า หนิงฝานจะเรียกอีกร่างของตนได้ทุกเมื่อ โดยที่ร่างนั้นจะเป็นผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวดวงจิตแรกเริ่ม เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็สามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดของแคว้นเยว่ได้
นับว่าการมาเยือนสุสานในครั้งนี้ จะได้กอบโกยผลประโยชน์ได้มหาศาล
“ไม่รู้ว่าหากผสานร่างกันแล้ว… จะเป็นเช่นใด
หนิงฝานอาภรณ์ขาวยืนเอามือไพล่หลังรออยู่ปากปล่องภูเขาไฟ ยามนี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า หนิงฝานในอาภรณ์ดำกำลังกลับขึ้นมาจากลาวา
ไม่นานนัก ลำแสงสีดำก็ทะยานขึ้นมาจากลาวา พลางจ้องมองหนิงฝานในอาภรณ์ขาว
ผู้ที่มาคือหนิงฝานอาภรณ์ดำ
“จัดการสัตว์อสูรได้แล้วหรือ?” หนิงฝานอาภรณ์ขาวยิ้มพลางกล่าวถาม
“อืม” หนิงฝานในอาภรณ์กล่าวอย่างเรียบเฉย มันพบแขนอาภรณ์ขึ้น แล้วนำแก่นอสูรออกมา ยื่นส่งให้หนิงฝานอาภรณ์ขาว
หนิงฝานอาภรณ์ขาวไม่กล่าว เขารับแก่นอสูรมาและจ้องมองหนิงฝานอาภรณ์ดำ
“นับจากวันนี้ไป ข้าไม่ใช่หนิงฝาน… เจ้าไม่ใช่หนิงฝาน… พวกเราคือหนิงฝานคนละครึ่ง”
“อืม...” หนิงฝานอาภรณ์ดำกล่าวอย่างเรียบเฉย
หนิงฝานทั้งสองคนก้าวเข้าหากัน แสงสีขาวเปล่งประกาย ร่างของทั้งสองผสานเข้าหากัน!
อาภรณ์ของหนิงฝานยามนี้เปลี่ยนไป อาภรณ์ด้านในสีขาว ชุดคลุมดำ เขายืนยิ้มพลางครุ่นคิด
“น่าสนใจ...”
อาภรณ์ขาวชุดคลุมดำ เปรียบดั่งหยินหยาง… เปรียบดั่งร้อนเย็น… เปรียบดั่งความเป็นและความตาย...
เหตุที่เป็นเช่นนี้ ส่วนแรกและส่วนที่สำคัญที่สุดคือวิชาลับสัมผัสเทพ อีกส่วนคือความเข้าใจในเจตจำนงค์เทพพิรุณ สร้อยหยินหยางซึมซับ กระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงดั่งปัจจุบัน
สิ่งที่หนิงฝานได้ครอบครอง คือหนึ่งในความสามารถของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก ‘วิชาร่างจำแลง’!
หนิงฝานจ้องมองหมิงเชว่ที่กำลังหลับไหล โอบประครองร่างนางและทะยานออกจากปากปล่องภูเขาไฟ
“อาภรณ์ขาวดำคือหนิงฝาน… แต่เมื่อแยกกันไม่อาจใช้นามหนิงฝาน… อาภรณ์ขาวนาม ‘ไป๋ฝาน’ อาภรณ์ดำนาม ‘โม่หนิง’”
ไป๋ฝานโม่หนิง.. เต๋าแห่งหยินและหยาง!...