ตอนที่ 144 รางวัลและผลกระทบ
หานเซี่ยวอยู่ใจกลางสนามรบ เขาตัดสินใจว่ามันยังไม่ถึงเวลาเลื่อนขั้น
ฉันควรออกไปจากสนามรบก่อน
เขาตัดสินใจตรวจสอบข้อมูลอื่นก่อน เช่นผลจาก[การรบบนแม่น้ำเทอร์ดราม่า] การประเมินสุดท้ายเขาคือB เขาได้รับค่าประสบการณ์ถึง450000หน่วย ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ และเขาก็มีค่าประสบการณ์สะสมเป็นล้านแล้ว
[การล่มสลายขององค์กรต้นกำเนิด]-ความก้าวหน้าของภารกิจนั่นเพิ่มมา2% กองกำลังอพยพของต้นกำเนิดเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ที่เกิดจากทหารหลากหลายฐาน ดังนั้น เมื่อมังกรดาราและเฮสล่าทำการกวาดล้าง เขาจึงมีส่วนร่วมด้วย
ผลลัพธ์รวมทั้งหมดคือ21% นี่หมายความว่าเขาทำตามข้อกำหนดภารกิจสำเร็จแล้ว ทวีปใต้ไม่อาจช่วยพัฒนาอะไรเขาได้อีก เขาต้องไปทวีปตะวันตกและทวีปเหนือเพื่อร่วมการต่อสู้เช่นนี้อีก จากนั้นเขาก็จะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่ม หลังจากนั้น เขาก็คงต้องไปฐานหลักขององค์กรต้นกำเนิดบนทวีปใหญ่แอนเดรีย
ในอนาคตยังมีการเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น หานเซี่ยวจึงไม่รีบทำภารกิจ[การล่มสลหายขององค์กรต้นกำเนิด]นัก เนื่องจากมาตรฐานขั้นต่ำคือ20%และเขาก็บรรลุมันแล้ว เขาจึงมีความมั่นใจ นี่หมายความว่าเขาอาจลองและได้รับคะแนนที่สูงขึ้นในครั้งหน้าเพราะเขาไม่ต้องเร่งรีบจนขาดการเตรียมตัว
ตามค่าประสบการณ์เขา การให้คะแนนจากภารกิจระดับAนับว่าสูง รางวัลถือว่าพิเศษและไม่ได้จำกัดแค่ค่าประสบการณ์แต่รวมถึงทักษะ ความเชี่ยวชาญ แต้มศักยภาพ อุปกรณ์พิเศษหรือแม้แต่รางวัลโดยตรงอย่างแต้มสถานะ
หานเซี่ยวมาถึงสถานที่ที่เฮลิคอปเตอร์ตาข่ายมืดประจำการ คนขับอยู่ในโหมดเตรียมพร้อม เขารีบขนย้ายอุปกรณ์ขึ้นเครื่องทันที จากนั้นเขาก็ระเบิดรถบรรทุกโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ด้านหลัง
รถบรรทุกทำให้เขาเสียเงินไปมาก แต่เนื่องจากเขามีเงินทุนมากพอ เขาจึงไม่รู้สึกเจ็บแสบอะไร
กล่าวกันว่า มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าสู่วิถีชีวิตหรูหราเมื่อคุณยากจน แต่มันยากที่จะกลับไปใช้ชีวิตคนยากไร้เมื่อคุณรวย
หานเซี่ยวโชคดีมากที่ได้ก้าวบนเส้นทางมั่นคั่ง ตลาดกว้างใหญ่ และเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินอีก
“ทุกคนบอกว่าผู้ชายมักเปลี่ยนเป็นเลวเมื่อรวย และนั่นก็จริง”หานเซี่ยวพึมพำขณะสูบบุหรี่หลายมวนก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ สั่งให้นักบินเอาเครื่องขึ้น
ลมจากใบพัดหมุนแรง ทำให้หานเซี่ยวต้องหรี่ตา
...
คลื่นโหมกระหน้ำบนผิวน้ำทะเลสีเข้ม และกลิ่นเลือดก็คลุ้งไปทั่วอากาศ
ห่างจากผู้ไล่ล่า กองเรือต้นกำเนิดแล่นไปบนทะเลไร้ขอบเขต พวกเขาเปิดตัวป้องกันการตรวจจับเพื่อป้องกันจากการถูกค้นพบโดยดาวเทียม
มีดาวเทียมอยู่มากโคจรรอบอความารีน และหลายอันก็มาจากอารยธรรมก่อนหน้าที่ล่มสลาย ดาวเทียมเหล่านี้ถูกยึดครองโดย6ประเทศ แต่บางอันก็ตกอยู่ในมือของขุมอำนาจอื่น บางอันกลายเป็นดาวเทียมสาธารณะสำหรับแฮ็คเกอร์ และบางอันก็กลายเป็นขยะอวกาศ
เรือแต่ละลำต่างติดไฟ และช่างซ่อมก็กำลังยุ่งอยู่กับงาน เชื่อมแผ่นเหล็กและซ่อมชิ้นส่วนกลไกที่เสียหายทีละชิ้น บุคลากรอื่นก็กำลังทำความสะอาดดาดฟ้าเรือและล้างคราบเลือด
การฝ่าด่านทำให้พวกเขาประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ รวมถึงชีวิตของ17ผู้บริหาร หานเซี่ยวแค่คนเดียวก็ฆ่าไปถึงสามแล้ว เมื่อหลินยู่รายงานกลับไปยังผู้บัญชาการ เขาก็เน้นไปยังสถิติเหล่านี้
การแทรกแซงของปีศาจทมิฬทำให้ผู้บัญชาการประหลาดใจ มันเปลี่ยนเป็นความโกรธอย่างรวดเร็ว ผู้บัญชาการเริ่มรู้สึกเหมือนว่าองค์กรต้นกำเนิดจะกลายเป็นเสือไร้เขี้ยว ใครๆก็กล้ารังแกมัน ในเวลานั้น มันก็ยังเพิ่มความชิงชังต่อซีโร่มากขึ้น
เขาขัดแผนการที่พวกเขาวางไว้อยู่นานและยังทำให้ทั่วองค์กรตกอยู่ในอันตราย หัวหน้าใหญ่จำการสนทนาเขากับซีโร่ก่อนหลบหนีจากห้องทดลองได้ มันทำให้เขาโกรธยิ่งขึ้นเมื่อคิดว่าคนทรยศผู้นี้กลับสามารถทำตามคำสัญญาได้
จากนั้นหัวหน้าใหญ่ก็ให้คนเพิ่มปีศาจทมิฬลงในรายชื่อเฝ้าระวัง ปัญหาหลักของหัวหน้าใหญ่ในตอนนี้คือขั้นต่อไปของแผน
ฐานย่อยทั้งหมดของสามทวีปถูกทำลาย ตอนนี้พวกเขาเสียหมากเชิงรุก 6ประเทศไม่มีเขตสงวนอีก และมันก็เหมือนกับว่าพวกเขาได้โอกาสริเริ่มสงคราม หัวหน้าใหญ่ไม่อยากเห็นเหตุการณ์นี้เพราะมันอาจนำมาซึ่งหายนะต่อองค์กร เขาต้องการเวลาให้องค์กรต้นกำเนิดพักฟื้น พวกเขาต้องกำจัดซีโร่ ผู้ที่สามารถมองเห็นอนาคตได้
องค์กรต้นกำเนิดอยู่ในทวีปใหญ่แอนเดรียมานาน และหาก6ประเทศเปิดสงครามกับพวกเขา มันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากออกแผ่นดินใหญ่และสู้บนทะเล
ปล่อยระเบิดนิวเคลียร์ข้ามทวีป?ไม่ต้องพูดถึงประชากรบนทวีปแอนเดรีย ต้นกำเนิดยังมีตัวต่อต้านขีปนาวุธ หากพวกเขาถูกบังคับจนหมดหนทาง พวกเขาอาจปล่อยระเบิดนิวเคลียร์และทำลายโลก....มั่นใจถึงการทำลายล้างได้เลย แน่นอน นั่นจะเป็นตัวเลือกสุดท้าย เขาไม่สามารถเก็บไพ่ตายได้ แม้เขาจะใช้สิ่งนี้เป็นภัยคุกคาม 6ประเทศก็ไม่ยอมให้ต้นกำเนิดเติบโตไปมากกว่านี้
บางทีเมเปิ้ลแดง ออดิน่า และเฮสล่าอาจจะยอมประนีประนอมในระยะต่างและเริ่มลอบโจมตีด้านหลังฉาก แต่พวกโง่จากธีซุสและคนบ้าจากเรย์เร็นย่อมไม่มีวันถอย พวกเขามีแนวโน้มที่จะปฏิเสธการประนีประนอมทุกรูปแบบและจะรุกมากขึ้น พวกเขาไม่กลัวที่จะถูกทำลายไปพร้อมกับองค์กรต้นกำเนิดหากจำเป็น
ในพล็อตดั้งเดิม 4ทวีปคือสนามรบสำหรับ6ประเทศ ฐานลับได้ผูกมัด6ประเทศและทำให้เกิดสงครามระดับใหญ่ ด้วยการที่โชคอยู่ข้างพวกเขา พวกเขาจึงสามารถทำลายด่านสุดท้ายได้
เมื่อสงครามดุเดือด กองทัพต้นกำเนิดก็ประสบกับความพ่ายแพ้และสูญเสีย หลงกองกำลังไม่มาก นักการเมืองบางคนใน6ประเทศเล็งเห็นเป้าหมายของพวกเขาและลงคะแนนเสียงเพื่อประนีประนอม จากมุมมองพวกเขา เป้าหมายการทำลายต้นกำเนิดบรรลุผลแล้ว และ6ประเทศก็สูญเสียเช่นกัน พวกเขาเลือกยอมให้ต้นกำเนิดอยู่บนทวีปใหญ่แอนเดรีย เหนสือ่งอื่นใด นั่นเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอยากอยู่ แม้มันจะไม่อาจถอนรากได้ มันก็ยังสามารถป้องกันการฟื้นฟู
สิ่งกีดขวางต่อ6ประเทศได้ถูกลบล้าง องค์กรต้นกำเนิดได้สูญเสียพลังคุกคามต่อ6ประเทศ เช่นการสังหารพลเรือนและการทำลายเมือง หลงเหลือแค่ฐานหลักบนทวีปใหญ่แอนเดรียเท่านั้น และ6ประเทศก็สามารถรวมกำลังเป็นหนึ่ง ทำให้สถานการณ์ของต้นกำเนิดเลวร้ายกว่าที่เคยเป็นมา
ภารกิจเร่งด่วนสุดตอนนี้คือการหันเหความสนใจของ6ประเทศ ไม่ให้พวกเขามีเวลาและทรัพยากรในการริเริ่มสงคราม หัวหน้าใหญ่ขบคิดอีกครั้ง แต่ก็ไม่อาจมีความคิดที่ดีกว่าได้
“หัวหน้า ฐาน13มีรายงานเร่งด่วนครับ มันเกี่ยวกับวัตถุทดลองจาก[แผนปรับปรุงพันธุกรรม] นี่คือบันทึกการสังเกตครับ”ผู้ช่วยยื่นรายงานให้เขา
ชั่ววินาทีที่หัวหน้าได้ยินคำพูด’วัตถุทดลอง’เขาก็รู้สึกปวดหัว แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นรายงาน
จากนั้นผู้ช่วยก็กล่าว“กรณีเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนๆเดียว อย่างที่ท่านเห็น ปรากฏการณ์นี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในวงกว้างและก็แพร่กระจายเหมือนโรคติดต่อ”
หัวหน้าเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับเขากำลังย่อยข้อมูล จากนั้นก็ยิ้มเย้ยใต้หน้ากาก
“มีปรากฏการณ์แปลกๆ แต่ดูเหมือนว่าโชคจะอยู่ข้างเรา 6ประเทศต้องเริ่มกังวลแล้ว”
…
ในห้องบนเรือ แสงสลัวกระพริบอยู่ตลอดเวลา ฮีล่าถอดชุดต่อสู้สีดำออกและมองกระจกเพื่อนับจำนวนบาดแผลบนร่างเธอ สิ่งที่ชัดเจนสุดคือรอยกระสุนด้านล่างกระดูกซี่โครงเธอและก้อนเลือดดำที่ก่อตัวก็น่ากลัวมาก
ฮีล่าไร้อารมณ์ขณะลูบแผล เผยให้เห็นเนื้อนุ่ม
เธอมองกระจกและจำได้ว่าผิวเธอเคยเรียบเนียบสวยแค่ไหน ไม่เหมือนกับตอนนี้ เธอมีแผลเป็นอยู่เต็มร่าง
ฮีล่าลดเปลือกตาลง และขนตายาวเธอก็ปิดตา เธอสวมเสื้ออีกครั้งและเหม่อมองทะเล
เธอต้องมีชีวิตและรอการต่อสู้ครั้งหน้า
...
จางเว่ยและกลุ่มเขาขึ้นเครื่องกลับแผนก13 นอกจากจางเว่ยที่ต้องเขียนรายงาน คนอื่นล้วนหลับตาจากการเหนื่อยล้า
“พูดก็พูดเถอะ...หานเซี่ยวกลายเป็นปีศาจทมิฬได้ยังไง?”หลี่ย่าหลินลืมตาขึ้นด้วยความสับสน
“ว่าไงนะ พี่ชายเซี่ยวคือปีศาจทมิฬ?!”หลินเหยาผงะ เขาไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้และไม่รู้เรื่อง
จากนั้นจางเว่ยก็อธิบาย
หลินเหยางุนงงและอดถามไม่ได้“ไม่ได้จำคนผิดแน่นะ?”
“ฉันจำเขาได้ต่อให้กลายเป็นเถ้าถ่านก็ตาม!”หลี่ย่าหลินหัวเราะเสียงเย็ฯ
“เราไม่คิดตามหาเขาและพาเขากลับมางั้นหรอ?”
“เขาอายเมื่อจากไป เขาต้องทำภารกิจลับอยู่แน่ๆ ฉันจะถามเบื้องบนเมื่อรายงานพวกเขา”จางเว่ยกล่าวขณะส่ายหัว
หลี่น่าหลินอดกล่าวเสริมไม่ได้“ช่วยถามด้วยว่าเมื่อไรเขาจะกลับมาชดใช้ฉัน..”
จางเว่ยหมดคำพูด
“หลินหลินน้อย เธอดูไม่บาดเจ็บเลยนะ”ตี้ซูซู ผู้อยู่บนเครื่องด้วยเดินมา สีหน้าของหลี่ย่าหลินดำมืดขณะหันหน้าหนี
ตี้ซูซูไม่สนใจ เธอผลักหลินเหยาออกไปและนั่งข้างหลี่ย่าหลิน ด้วยรอยยิ้มขี้เล่น เธอเบียดเข้าใกล้หลี่ย่าหลินขึ้น จากนั้นเธอก็ขยับหนีราวกับตี้ซูซูเป็นเชื้อไวรัส
ตี้ซูซูชอบสีหน้าอึดอัดของหลี่ย่าหลิน เธอหัวหน้า หันสายตาออกไปและถาม“พวกนายกำลังพูดถึงปีศาจทมิฬงั้นหรอ?พบเคยพบเขาครั้งหนึ่งและได้ยินว่าเขามาร่วมสงครามด้วย”