ตอนที่แล้วGE119 เกลียดชัง[ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE121 นักปรุงโอสถผันแปรที่ 9[ฟรี]

GE120 ราชินีซือชาง[ฟรี]


สุสานวิหคทมิฬชั้น 9...

ผืนป่าเต็มไปด้วยต้นไม้สูงร้อยจ้าง ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา  ภายในป่าเหล่านั้น มีเส้นแสงสายหนึ่งกำลังเคลื่อนไหว

หมิงลั่วบังคับเมฆเซียนพุ่งทะยาน

“ถึงที่นี่เราก็ปลอดภัยแล้ว... ที่นี่มีต้นไม้ยักษ์เป็นปราการ อีกอย่างยังร่างจำแลงของข้านับแสน...”

หมิงลั่วกล่าวเพื่อปลอบใจหนิงฝาน ให้เขาไม่ต้องกังวลว่าจะถูกชายชราเกร็ดงูตามมา หนิงฝานจึงรู้ว่าที่นี่ปลอดภัยที่สุด และเหมาะกับการรักษาหมิงเชว่มากที่สุด

“รีบถอนพิษให้นางเถอะ ที่ข้าสะกดพิษให้นางใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว...”

หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ขาเเป็นห่วงหมิงเชว่มาก

เมื่อหนิงฝานหันมองรอบๆชั้นที่ 9 ของป่า ดวงตาเขาเป็นประกายก่อนจะหลบตา

สถานที่แห่งนี้เหมือนกับโลกภายนอก… หนิงฝานสัมผัสเข้าใจเจตจำนงค์เทพพิรุณของที่นี่ ที่นี่ไม่ควรมีพิรุณ แต่กลับมีพิรุณโปรย

คาดไม่ถึงว่าเพียงปราณ...ไร้วิชา...มีเพียงเจตจำนงค์เทพ ยังสามารถเรียกพิรุณได้

เมื่อฝึกฝนมาจนถึงขั้นที่บรรลุเจตจำนงค์เทพ อาจเปลี่ยนกฏเกณ์สวรรค์ได้… แต่ในสมัยโบรารนั้น มีข่าวลือว่ามีงกรปีศาจได้บรรลุถึงหลักของกฏเกณฑ์ สร้างกฏเกณฑ์ที่เป็นของตนขึ้นมา

เพียงหลับตา สามารถเปลี่ยนกลางวันให้เป็นกลางคืน… เพียงเปล่งเสียง สามารถทำให้ฤดูกาลผันเปลี่ยนได้...

เพียงสัมผัสศิลา สามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นทองคำ… ทุกสิ่งผันแปรเปลี่ยนผ่าน และทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับเจตจำนงค์เทพ

ผู้ที่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ บรรลุเจตจำนงค์เทพขั้นต้น ยังไม่อาจผันเปลี่ยนกฏเกณฑ์สวรรค์ได้

หากจะผันเปลี่ยนกฏสวรรค์นั้น ต้องใช้ปราณจำนวนมหาศาล เมื่อครั้งที่ ‘ชู่เฉินสื่อ’ ชายชราผู้เหลือเจตจำนงค์เทพพิรุณ บรรลุเจตจำนงค์เทพพิรุณใหม่ๆ ครั้งนั้นชายชราได้บรรลุยังขอบเขตเซียน จึงได้หลงเหลือความเข้าใจของตน เป็นเจตจำนงค์เทพพิรุณไว้ในสุสานวิหคทมิฬแห่งนี้

เดิมทีสุสานชั้น 9 ไร้ซึ่งพิรุณ แต่เมื่อชายชราได้บรรลุเจตจำนงค์เทพพิรุณ พิรุณก็โปรยปรายตั้งแต่นั้นมา

“ข้าทำให้พิรุณโปรย ตัวเจ้าเปียกปอนด้วยพิรุณ… เฉกเช่นเป็นคำบัญชา”

คำกล่าวที่แผ่วเบ่แฝงมากับพิรุณ แต่ยังคงไว้ซึ่งความยิ่งใหญ่… เพราะคำกล่าวนั้น ชู่เฉินสื่อกล่าวกับสวรรค์

ยามนี้หนิงฝานได้ทำความเข้าใจกับเจตจำนงค์เทพพิรุณมาจนถึงชั้นที่ 9 ของสุสานแล้ว

เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้ง รู้สึกว่าตนยกระดับไปอีกก้าว และผสานกับเจตจำนงค์เทพพิรุณในแบบของตน

ไม่ว่าที่ใด พิรุณไม่เคยเหมือนกัน เจตจำนงค์เทพเองก็ไม่เคยเหมือยกัน เพราะเจตจำนงค์เทพนั้นผันแปรไปตามจิตใจ บางที หนิงฝานอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณที่บรรลุเจตจำนงค์เทพได้

แม้ยามนี้เขายังไม่อาจใช้มัน แต่เขาได้ก่อเจตจำนงค์เทพขึ้นแล้ว ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณหลายคนอิจฉา

เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะบรรลุเจตจำนงค์เทพได้… มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่หยุดอยู่ที่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นไปชั่วชีวิต เพราะคนเหล่านั้นไม่สามารถสร้างเจตจำนงค์เทพได้ จึงไม่อาจก้าวหน้าได้เช่นกัน

สัมผัสและความเข้าใจนั้น...จะก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ

ตั้งแต่เข้ามาในสุสานวิหคทมิฬ ดูราวกับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับหนิงฝานแล้ว 3 ครั้ง

ครั้งแรกคือตัวตน ตัวตนของเขากระจ่างชัดมากขึ้น

ครั้งที่สองคือวิชา หนิงฝานมีความเข้าใจในวิชา และสร้างเพลงกระบี่ที่ทรงพลังเป็นของตน

แต่การเปลี่ยนในยามนี้ คือการเปลี่ยนจิตใจ

แม้ก่อนหน้านี้หนิงฝานมีระดับพลังที่ต่างชั้นกับไป๋เฟยเถิงมาก แต่เขายังเอาชนะได้ ทั้งยังไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าประมุขนิกายอย่างกุ่ยเชว่สื่อ

แต่ยามนี้ จิตใจของเขาราวกับถูกจักรพรรดิสวรรค์มาแทนที ไร้ซึ่งจิตใจของเด็กหนุ่มทั่วไป

แม้หนิงฝานยังไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่หลายๆสิ่งที่เขาทำไม่ได้ต่างจักรพรรดิสวรรค์เป็นผู้ลงมือทำ แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีอีกหลายๆสิ่งที่หนิงฝานรู้ แต่ยังไม่ได้ประสบด้วยตนเอง จึงยังไม่อาจเข้าใจอย่างถ่องแท้

หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน หนิงฝานบูชาเหล่าเซียน ว่าเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ แต่ยามนี้ เหล่าเซียนไม่ได้ต่างไปจากมนุษย์ ยังมีความทุกข์ ความเศร้า และความดีใจ ทั้งยังจำเป็นต้องฝึกฝนไปทีละก้าว เพื่อยกระดับตนเองให้ยิ่งๆขึ้น

หนิงฝานหลับตา สัมผัสถึงความรู้สึกและความเข้าใจอย่างช้าๆ  แต่ยามนี้ หมิงเชว่ที่อยู่ในอ้อมอก ได้มีโลหิตสีดำไหลออกจากมุมปากนาง คิ้วขมวดย่นเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด

“จู่ๆพิษของนางก็กำเริบ… เร่งพานางไปยังสถานที่ที่มีเพลิงรุนแรง และหาสมุนไพรหมื่นปีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าจะถอนพิษให้นางที่นั่น!”

สีหน้าหนิงฝานมืดมน เขาสัมผัสกระเป๋านำแผ่นหยกออกมา บนแผ่นหยกมีชื่อของสมุนไพรที่สลักด้วยสัมผัสเทพ แล้วยื่นให้กับหมิงลั่ว

“เจ้าต้องช่วยนางให้ได้..” หมิงลั่วกล่าวอย่างจริงจัง

“อืม...”

ลึกเข้าไปในชั้น 2 ของสุสาน มีสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหลุมขนาดใหญ่ สิ่งที่อยู่ในนั้นคือลาวา และขอบเวิ้งแห่งนั้น มีโครงกระดูกของสัตว์อสูรขนาดยักษ์ตั้งอยู่

กระดูกของวิหคทมิฬ!

กระดูกของมันแผ่กลิ่นอายของปราณอสูรทมิฬที่เย็นเฉียบและเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ไม่มีลาวาปะทุขึ้นมา โครงกระดูกนี้ เป็นเหตุผลที่ทำให้หุบเขาวิหคทมิฬของนิกายกุ่ยเชว่ อบอวนไปด้วยปราณที่เย็นเฉียบ เหมาะแก่การฝึกฝน

แม้โครงกระดูกวิหคทมิฬจะไม่ธรรมดา… แต่ยามนี้ หนิงฝานไม่อยากได้มันแม้แต่น้อย

เขาอุ้มประครองร่างหมิงเชว่และสมุนไพรหมื่นปีไปยังปากปล่องภูเขาไฟ มองลึกลงไปเบื้องล่าง สัมผัสได้ถึงความร้อนของลาวาที่แผ่ออกมา จากนั้นนำนางกระโดดลงไปในปล่องภูเขาไฟ

เพลิงในปล่องภูเขาไฟเทียบได้กับเพลิงระดับ 4 ที่ด้อยกว่าเพลิงปีศาจทมิฬเพียง 1 ระดับ หากไม่ใช่ผู้ที่ดูดกลืนเพลิงระดับ 5 เข้าไป ไม่มีทางกล้ากระโดดลงไปในปล่องภูเขาไฟเช่นนี้

เหตุผลที่ต้องมาที่นี่ เพราะหมิงเชว่ต้องพิษไร้ลักษณ์ เดิมทีนั้น พิษไร้ลักษณ์ถือกำเนิดจากขนหางของวิหคทมิฬ เป็นอันตรายต่อคนทั่วไป แต่สำหรับหมิงเชว่แล้ว มันช่วยในการยกระดับพลัง… เพียงแต่หลายปีที่ผ่านมา หมิงลั่วคิดว่านางต้องพิษ จึงได้หาสมุนไพรหมื่นหวังช่วยสะกดพิษ แต่กลับกลายเป็นว่า เป็นการเสริมฤทธิ์ให้พิษรุนแรงจนเกินควบคุมของนาง

แล้วด้วยพลังระดับขอบเขตแก่นทองคำของนางนั้น ยังไม่สามารถกลั่นและดูดซับพิษไร้ลักษณ์ได้ หนิงฝานจึงรับปากที่จะช่วย

เพื่อจะสยบพิษไร้ลักษณ์ที่เย็นเฉียบในร่างนาง จึงต้องพานางมายังลาวา อาศัยเส้นลมปราณเพลิง หยิบยืมพลังจากลาวาเพื่อรักษานาง

ลึกลงในปล่องภูเขา มีลาวาที่ร้อนแรงอยู่ภายใน ความร้อนที่มันปะทุขึ้นมานั้น ยากที่หนิงฝานจะต้านทาน แต่มันกลับทำให้หมิงเชว่มีสีหน้าที่ดีขึ้น

“อุ่น… อุ่น...” นางกล่าวพึมพัมพลางลืมตาและยิ้มให้หนิงฝานอย่างงดงาม นางจำได้ว่าหนิงฝานจะช่วยนางถอนพิษ ทำให้นางประทับใจในตัวหนิงฝานมาก

“อุ่นก็ดีแล้ว...”

หนิงฝานจ้องมองนาง แม้สถานที่แห่งนี้จะร้อนสำหรับเขา แต่มันอุ่นสลายสำหรับนาง

ก่อนหาน้านี้นางยังเคยล้วงมือลงไปในกระถางโอสถที่เพิ่งปรุงเสร็จ แม้กระถางจะร้อนแรง แต่นางกลับไม่เป็นอะไร ยามนั้นพิษไร้ลักษณ์ยังไม่กำเริบ นั่นหมายความว่านางมีความสามารถในการทนความร้อนที่สูงมาก

“ร่างกายของปีศาจสมุนไพร...”

แววตาหนิงฝานเป็นประกาย เขาเข้าใจถึงร่างกายของนางแล้ว

หมิงเชว่คือปีศาจสมุนไพรจริงๆ และนางยังเป็นถึงสมุนไพรผันแปรที่ 5

ปีศาจสมุนไพรอย่างนางนั้น ถือกำเนิดในชั้นที่ 9 ของสุสาน เมื่อนางถือกำเนิดมา พลังของวิหคทมิฬที่หลงเหลืออยู่ได้หล่อเลี้ยงร่างกายนาง ทำให้นางมีพลังของวิหคทมิฬอยู่

ตัวนางในยามนี้กล่าวได้ว่าเป็นสมุนไพรระดับสูง และนางยังมีโอกาสวิวัฒนาการไปเป็นวิหคทมิฬโบราณที่ยิ่งใหญ่ และจากการคาดการนั้น อีกหลายพันปีให้หลังนางอาจเป็นเช่นนั้นจริงๆ

หากเป็นสมุนไพรทั่วไปสามารถปรุงได้ด้วยกระถางปรุงโอสถ แต่หากเป็นสมุนไพรผันแปรที่ 5 ต้องอาศัยเพลิงพิภพโดยตรง เมื่อมันได้เพลิงที่รุนแรงและบริสุทธิ์เผา มันจะก่อตัวเป็นโอสถ หลังจากนั้น โอสถอาจมีโอกาสแปรสภาพเป็นปีศาจสมุนไพร… เหมือนอย่างหมิงเชว่น้อยยามนี้ ดังนั้น นางจึงไม่กลัวเพลิง เพราะนางถือกำเนิดมาจากเพลิง

สิ่งที่หนิงฝานสนใจนั้น… หมิงเชว่ถือกำเนิดมาโดยลิขิตสวรรค์ หรือเกิดมาด้วยความจงใจกันแน่

หากเกิดเพราะลิขิตสวรรค์ เช่นนั้นก้ไม่มีอะไรให้ขบคิด แต่หากเกิดจากจิตวิญญาณของวิหคทมิฬโบราณที่ตาย วันหนึ่ง ระดับพลังของนางจะเพิ่มพูน จิตวิญญาณของนางจะยกระดับ กระทั่งได้กลายเป็นเซียนที่แท้จริง

แต่หากการถือกำเนิดของนางเป็นเซียนบางคนจงใจ… วันหนึ่ง เซียนผู้นั้นจะกลับมารับนางไป เพื่อนำไปใช้เป็นสมุนไพร!

ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเรื่องคาดเดา แต่หนิงฝานเชื่อว่า หากมีเซียนผู้นั้นจริง ย่อมไม่ใช่ชู่เฉินสื่อผู้เป็นเจ้าจองเจตจำนงค์เทพพิรุณ เพราะชายชราผู้นั้นโหดเหี้ยม ห้าวหาญ และหยิ่งทะนง ไม่มีทางที่จะเสียเวลามาเลี้ยงดูปีศาจสมุนไพรแน่

ด้วยนิสัยของชายชราผู้นั้นแล้ว หากเกิดอยากได้สิ่งใด ชายชราจะช่วงชิงซึ่งหน้า!

สุสานวิหคทมิฬ… ป่าแห่งภูติพราย… ทั้งสองแห่งนี้สมควรเป็นฝีมือผู้อื่นที่สร้างไว้!

ผู้ที่สร้างป่าแห่งภูพรายได้นั้น สมควรเป็นผู้สร้างสุสานวิหคทมิฬเช่นกัน

เมื่อขบคิดต่างๆนาๆ หนิงฝานก็ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ บางทีสิ่งที่คิดอาจไม่เกิดขึ้นจริง… สิ่งที่เขาสมควรทำในยามนี้คือถอนพิษให้กับหมิงเชว่

หนิงฝานจ้องมองนางด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วเริ่มปลดอาภรณ์ของนาง

เรือนร่างเปลือยเปล่าปรากฏต่อหน้า เรือนร่างของเด็กสาวอายุ 8 ปี ไม่ได้แตกต่างจากเด็กผู้ชาย หากหนิงฝานจะเกิดราคะกับนาง คงกลายเป็นเรื่องแปลกยิ่ง

เขานำถ้วยใบหนึ่งออกมา นำสมุนไพรหมื่นปีใส่ลงไป  แล้วคั้นพวกมันจนได้น้ำสมุนไพร แม้วิธีนี้จะได้ฤทธิ์ของสมุนไพรเพียงบางส่วน แต่ด้วยจำนวนของสมุนไพรที่มาก จึงชดเชยส่วนที่ขาดได้ เพราะยามนี้ หนิงฝานไม่มีเวลาปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ถึงวิธีการจะต่างออกไป แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม

หนิงฝานใช้นิ้วจุ่มของเหลวที่ได้จากสมุนไพร แล้ววาดคล้ายข่ายอาคมบนร่างนาง

นางสัมผัสได้ถึงนิ้วของหนิงฝานที่สัมผัสกาย หัวใจของนางเต้นรัว ใบหน้าเผยถึงความตกใจ

“นี่… เหตุใดอาภรณ์ข้าหายไป...”

ความคิดที่บอกไม่ถูกไม่รู้มาจากไหน มันทำให้นางทำตัวไม่ถูก

และนางก็ค่อยๆคิดได้ว่า การที่หนิงฝานสัมผัสร่างกายของนางเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ควร

“ท่านพี่โอสถ… อย่าสัมผัสตรงนั้น… ไม่… เดี๋ยวข้าจะมีบุตรหลายคน...” หมิงเชว่หน้าแดงก่ำ น้ำเสียงสั่นเครือ

“สาวน้อย ใครเป็นผู้สอนเรื่องพวกนี้กับเจ้า... หมิงลั่วเหรอ?!”

หนิงฝานขมวดคิ้ว เด็กอายุ 8 ขวบไม่มีทางที่จะมีความคิดในแบบบุรุษสตรี ทำให้หนิงฝานไม่พอใจ แม้สิ่งที่หมิงลั่วทำจะดูเป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่มันคือเรื่องที่ไม่เหมาะสม

ไม่อย่างนั้น สาวน้อยนางนี้คงไม่รู้ว่าสัมผัสสิ่งใดไม่ควร

หนิงฝานมองหมิงลั่วผิดไป… หมิงลั่วเป็นต้นไม้ ไม่เข้าใจในเรื่องบุรุษสตรี จึงได้สอนหมิงเชว่อย่างผิดๆ

บางทีสิ่งที่นางคิด อาจทำร้ายนางมากกว่าพิษไร้ลักษณ์เสียงอีก

“ไม่… ท่านพี่โอสถ อย่าใช้สิ่งนั้นสัมผัสร่างข้า ข้ากลัวเจ็บ” นางอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร

“เจ้าคิดมากเกินไป… เลิกคิดในเรื่องไม่สมควรเถอะ ตอนนี้เจ้าควรผ่อนคลาย”

หนิงฝานส่ายหน้าอย่างไร้หนทาง ก่อนจะช่วยให้นางหลับไป

การช่วยถอนพิษให้นางนั้นมีโอกาสสำเร็จ 7 ใน 10 ส่วน การที่นางดิ้นรนขัดขืน จะทำให้สิ่งที่หนิงฝานวาดไม่สมบูรณ์ อัตราความสำเร็จจะลดลงเช่นกัน

ขั้นตอนการช่วยนางนั้น อย่างแรกคือหนิงฝานต้องเปลื้องอาภรณ์นาง จากนั้นวาดลวดลาย 100 แห่งตามแบบเส้นลมปราณในร่าง เพื่อถอนพิษไร้ลักษณ์ออกจากเส้นลมปราณ ผ่านทางผิวหนังตามลวดลายเหล่านั้น

หนิงฝานในยามนี้ไม่ได้คิดเรื่องบุรุษสตรี… หมิงเยว่นั้นสมควรมีอายุมาแล้วพันปี แต่นางเข้าใจเรื่องระหว่างบุรุษสตรีเพียงผิวเผิน

แต่ในขณะที่หนิงฝานวาดลวดลายอยู่นั้น จู่ๆความคิดเรื่องบุรุษสตรีกลับปรากฏในหัวยามที่จ้องมองใบหน้าของนาง

“หนิงฝาน… เจ้าไม่ใช่สัตว์ที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เจ้าเป็นปีศาจ!”

หนิงฝานกล่าวในใจ และสะกดความคิดเหล่านั้น… ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็วาดลวดลายบนร่างของนางเสร็จ

หนิงฝานนำผมที่ยาวสลวยของนาง มาปิดบังหน้าอกที่ยังไม่เติบโตไว้ สีหน้าของนางค่อยๆดีขึ้น เพราะพิษในร่างกำลังถูกสะกด

แต่ในขณะนั้นเอง ความทรงจำหลากหลายของนางก็ค่อยๆปรากฏ

“ข้าคือราชินีวิหคทมิฬโบราณ… ข้า… ‘ซือชาง’”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด