บทที่ 67 ถนนโคมแดง
บทที่ 67 ถนนโคมแดง
เห็นฝนเริ่มซาแล้ว หลิงม่อก็จัดกระเป๋าเป้อย่างรวดเร็วแล้วพาเย่เลี่ยนและซย่าน่าออกไปจากที่นี่
ส่วนซากศพที่อยู่ในห้องพวกนั้น อีกไม่นานก็คงดึงดูดซอมบี้มาและหลังจากนั้นก็จะไม่เหลือซาก นี่คือจุดจบที่ทุกคนที่ตายในช่วงวันสิ้นโลกต้องเผชิญ
ความจริงระยะทางเป็นเส้นตรงระหว่างไซต์ก่อสร้างและมหาวิทยาลัยเมือง x นั้นใกล้มาก แต่ในย่านที่คึกคักแบบนี้ ตึกสูงขึ้นแน่นขนัด หากจะตัดผ่านไปตรงๆ นั้นเป็นไปไม่ได้เลย หลังจากที่สำรวจมาสองสามวัน หลิงม่อก็เลือกเส้นทางที่จะได้พบปะซอมบี้น้อยๆ ก่อนเป็นอันดับแรก
เพื่อจะย่นระยะเวลาในการเดินทาง หลิงม่อตั้งใจเลือกซอมบี้มาหนึ่งตัวให้มันคอยนำทางอยู่ข้างหน้าไกลๆ
หลังจากที่พลังจิตของเขาเพิ่มขึ้น ระยะทางจำกัดไกลสุดที่ควบคุมซอมบี้ได้ก็ประมาณเกือบๆ ห้าร้อยเมตรแล้ว
ปกติหลิงม่อจะควบคุมซอมบี้ในระยะสามถึงสี่ร้อยเมตรเพื่อที่จะรักษากำลังเอาไว้ แบบนี้จะควบคุมซอมบี้ได้ดียิ่งกว่าและเสียพลังของตัวเองไม่มากเท่าไร
เมื่อมีซอมบี้นำทางอยู่ข้างหน้า หลังจากที่พบศัตรูแล้วก็จะให้ซย่าน่าและเย่เลี่ยนจัดการ หลิงม่อตามมาอยู่ด้านหลัง จะเป็นการออมแรงไว้ได้ในระดับสูงสุด
เมื่อฝนเริ่มเบาลงเรื่อยๆ เมืองที่ถูกปกคลุมอยู่ในม่านหมอกก็ค่อยๆ เผยโฉมออกมาให้เห็นชัด
ตึกสูงตั้งตระหง่านใต้เมฆครึ้ม ถนนร้างทรุดโทรม เมืองที่เคยเจริญเฟื่องฟูหาใดเปรียบ ตอนนี้กลายเป็นเครื่องบดเนื้อมีแต่อันตรายทุกหนแห่ง
เส้นทางที่หลิงม่อเลือกแต่ก่อนเป็นถนนที่ขายของกิน คนจะแน่นขนัดในตอนกลางคืน แต่ปกติกระแสชนค่อนข้างน้อย ดังนั้นซอมบี้ที่ป้วนเปี้ยนอยู่ที่นี่จึงเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยเท่านั้น
แต่ ‘ชนกลุ่มน้อย’ ในย่านใจกลางเมืองที่เจริญแบบนี้แทบไม่ได้ต่างกับ ‘ชนกลุ่มใหญ่’ รอบนอกเลย ยังดีที่มีซอมบี้ช่วยนำทาง หลิงม่อจึงมองเห็นซอมบี้ที่แอบซ่อนอยู่ในร้านรวงพวกนั้นชัดเจนแต่แรก
ในสถานการณ์ที่ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ หลิงม่อไม่ได้สนใจจะกำจัดซอมบี้ธรรมดาๆ พวกนี้ เขายังกระทั่งควบคุมซอมบี้ตัวนั้นให้ไปปิดร้านที่มีซอมบี้ค่อนข้างเยอะ ขังพวกมันให้อยู่ในร้าน
อีกไม่นานพวกมันก็จะฆ่ากันเองอยู่ในนั้น และสุดท้ายก็อาจจะมีซอมบี้กลายพันธุ์ปรากฎตัว
“โฮก!”
ตอนที่เดินมาถึงช่วงกลางของถนนของกิน ไม่รู้ว่าเสียงคำรามดังมาจากที่ไกลๆ ตรงไหน หลิงม่อชะงักเท้าทันที ขมวดคิ้วแล้วหันไปยังทิศทางที่มาของเสียงนั้น
เย่เลี่ยนและซย่าน่าหยุดเดินพร้อมกัน ดวงตาของพวกเธอเป็นสีเลือดรางๆ ราวกับได้รัลผลกระทบไปด้วย
“ซอมบี้อีกแล้ว...ทำไมช่วงนี้มักจะได้ยินเสียงร้องของซอมบี้?”
เสียงแบบนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลิงม่อได้ยิน สองสามวันนี้ที่อยู่ในย่านนี้ เขาก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะได้ยินอยู่หลายหน
เสียงทุ้มต่ำไม่เหมือนกับที่ได้ยินเวลาต่อสู้กับซอมบี้ธรรมดา เสียงนี้ดังกังวานกว่าเยอะอย่างเห็นได้ชัด และฟังแล้วคล้ายจะทำให้รู้สึกเลือดลมปั่นป่วน ให้ความรู้สึกอึดอัด
ราวกับว่าซอมบี้พวกนี้...กำลังร้องเรียกอยู่อย่างนั้นแหละ
น่าเสียดายตอนที่หลิงม่อถามซย่าน่า ซย่าน่าก็ส่ายหัวอย่างไม่ลังเลสักนิด “ฉันไม่ค่อยเข้าใจ”
ซอมบี้ตัวนี้ทำงานไม่สมหน้าที่เลย...แต่หลิงม่อไม่มีทางยอมให้เธอเนียนไปได้ ดังนั้นจึงสอบถามเธออย่างละเอียดถี่ถ้วน
แต่สิ่งเดียวที่ซย่าน่ามั่นใจก็คือ เสียงร้องแแบบนี้มาจากเพศชาย และไม่ได้กำลังร้องเรียกอะไร
“แล้วก็...” ความอึดอัดปรากฎในดวงตาของซย่าน่าอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น เรียกง่ายๆ ว่า ดวงตาทั้งคู่เริ่มเปลี่ยนสี “ได้ยินแล้ว...ฉันค่อนข้าง...รู้สึกอึดอัด”
“อื้ม...หรือว่านี่เป็นการแสดงความแข็งแกร่งของซอมบี้” หลิงม่อขมวดคิ้วด้วยความฉงน
เขายังเดากระทั่งว่าซอมบี้ที่ส่งเสียงคำรามแบบนี้ อาจจะเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ หรืออาจจะเป็นซอมบี้ระดับสูงเลยก็ได้
ไม่คิดเลยว่า ตอนที่เขาเข้าไปใกล้ๆ อย่างเงียบๆ ก็กลับเห็นซอมบี้ธรรมดาสองสามตัว บนพื้นไม่มีร่องรอยเลือดสดใหม่ใดๆ ตอนแรกเขาอยากจะแอบอยู่ข้างๆ แล้วสำรวจสักพัก ไม่คิดเลยว่าทิศทางลมจะเกิดผิดปกติขึ้นมา ซอมบี้สองสามตัวนั้นได้กลิ่นคาวเลือดจากมีดสั้นของเขา ระหว่างที่กำลังห่อเหี่ยวอยู่นั้น หลิงม่อจึงได้แต่ลงมือกำจัดพวกมันทั้งหมด และนี่ก็เป็นกรณีแปลกๆ เล็กๆ น้อยๆ
แต่วันนี้ที่เดินมาถึงที่นี่ ยังมีเสียงแบบนี้ดังขึ้นอีก และเมื่อหลิงม่อช้อนตาขึ้นมอง ก็รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเย่เลี่ยนและซย่าน่าเหมือนจะประหลาดนิดๆ
แต่ทิศทางที่เสียงนี้ลอยมานั้นห่างไกลเกินไป หากจะตามหาที่มาของเสียงนี้ก็อาจจะต้องอ้อมถนนทั้งเส้น...
ตอนที่หลิงม่อกำลังลังเล ซย่าน่าก็กุมดาบยาวแน่นแล้วหันมามองเขา “ไปเถอะ เสียงนี้จะไม่ดังอีกแล้วล่ะ”
“หืม?” หลิงม่อมองซย่าน่าด้วยความฉงนเล็กน้อย
ซย่าน่าเหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไง เธอใช้ความคิดแล้วบอก “เสียงสุดท้ายฟังดูเหมือนได้รับการตอบรับแล้ว เขาเลยไม่ร้องแล้ว”
“ในเมื่อเป็นซอมบี้ด้วยกัน เธอก็น่าจะรู้ว่าเขากำลังตะโกนอะไรใช่ไหม?” หลิงม่อถามอย่างใคร่รู้
ซย่าน่าเหลือบมองหลิงม่อแล้วบอก “ไม่ค่อยแน่ใจ รู้แค่ว่าพอเขาร้องแล้ว ฉันก็อยากไป แต่ฉันมีสัมพันธ์กับนาย ฉันไปจากนายไม่ได้ ก็เลยรู้สึกไม่สบายมากๆ”
นี่คล้ายเป็นการร้องเรียกบางอย่างเหรอ? สัมพันธ์ที่ซย่าน่าพูดถึง น่าจะเป็นสายสัมพันธ์ทางจิตระหว่างพวกเขา ในระหว่างที่สายสัมพันธ์นี้ยังคงอยู่ ซย่าน่าไม่มีทางเป็นฝ่ายจากหลิงม่อไปแน่นอน
แต่คิดถึงว่าช่วงนี้เขากับซย่าน่าก็นับว่าได้ร่วมเป็นร่วมตายกัน หลิงม่อเดาว่า แม้สายสัมพันธ์ทางจิตของทั้งสองฝั่งจะหายไปแล้ว แต่ซย่าน่าก็คงไม่เห็นเขาเป็นเหยื่อหรอก...น่าจะนะ?
เห็นซย่าน่าไม่ค่อยเข้าใจ และเหมือนจะรังเกียจเสียงร้องนี้ หลิงม่อก็ได้แต่เลิกคิดที่จะไปตรวจดู และบังคับให้ซอมบี้ที่คุมไว้ให้นำทางอยู่หน้าสุดนั้นมุ่งหน้าต่อไป
ประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น พวกหลิงม่อทั้งสามคนก็เดินทะลุถนนของกินเข้าไปในถนนแคบๆ ที่ตัดตรงเข้าประตูหลังมหาวิทยาลัยเมือง x ได้เลย
เทียบกับถนนของกินแล้ว ที่นี่เงียบสงัดกว่าอย่างเห็นได้ชัด ตึกสูงสามชั้นเล็กๆ สร้างอยู่ข้างถนน อีกฝั่งหนึ่งคือประตูรั้วของมหาวิทยาลัยเมือง x
ตึกเล็กๆ พวกนั้นดูเหมือนมีอายุหน่อยๆ แต่นอกรั้วกลับแปะโปสเตอร์หลากหลายแบบไว้เต็มไปหมด บวกกับไฟนีออนที่ติดไว้ตรงทางเข้า ทำให้แค่มองก็รู้ว่าที่นี่คือสถานที่อะไร
“เรือดนตรี” “แมงมุมแดง” ...ผับและไนท์คลับหลากหลายแบบชวนให้ละลานตา และชั้นสองก็แขวนป้ายไว้หลายแบบ เช่น เลิฟ โฮเต็ล ที่พัก โรงแรม ในขณะที่แทบจะไม่มีร้านขายของชำเล็กๆ
นี่คือถนนโคมแดงที่เลื่องชื่อลือชาที่สุดที่อยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยเมือง x ว่ากันว่านักศึกษาเด็กๆ สวยๆ มาทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่นี่ ส่วนที่ว่าทำอะไรนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้…
สำหรับคนที่เงินในกระเป๋าไม่มาก ไปคลับไฮคลาสไม่ไหว แต่อยากหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่นี่ถือเป็นเป้าหมายปลายทางที่เหมาะที่สุด ดังนั้นเมื่อก่อนนั้นธุรกิจของที่นี่จึงบูมสุดๆ
ว่ากันตามหลักแล้ว ถนนโคมแดงอย่างที่นี่เดิมนั้นเปิดใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยไม่ได้ แต่เรื่องที่ตอนนั้นยังไม่ได้แก้ไข มาจนถึงตอนนี้ก็ได้บทสรุปโดยสมบูรณ์แล้ว
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ หลิงม่อไม่คิดว่ามนุษยชาติจะบรรเทาความเจ็บปวดจากน้ำมือของซอมบี้ได้ทั้งหมด
ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่เฝ้ารอคอยการช่วยเหลือมาตลอดที่ยังไม่เห็นวี่แววจนกระทั่งตอนนี้ และหากยังต้องโอบอุ้มความเพ้อฟันของคนอื่นอีกก็คงจะเป็นอะไรที่ตลกเกินไป
แน่ละว่า นี่เป็นแค่ความคิดของหลิงม่อ แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะได้รับความช่วยเหลือหรือไม่ ข้างกายเขามีซอมบี้สองตัวซึ่งเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ซึ่งหากเข้าใกล้ผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ มากไป เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร……
แม้เขาจะเคยมารับมาส่งเย่เลี่ยนที่มหาวิทยาลัยเมือง x หลายหน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงม่อมาที่ถนนโคมแดงนี้
แต่สถานที่แบบนี้มีแค่ตอนกลางคืนที่จะมีคนเข้าออก ดังนั้นตอนที่เกิดหายนะ ที่นี่จึงเป็นย่านที่มีซอมบี้น้อย
“อาจจะเจอที่พักเหมาะๆ แถวนี้ก็ได้”
หลิงม่อลูบจมูก ขณะที่ยังคงควบคุมซอมบี้ตัวนั้นให้นำทางเข้าไปทางถนนโคมแดง